บทสรุป DOOM Eternal นี้จะเป็นการแนะนำวิธีเล่น เทคนิคการผ่านในแต่ละจุดจากประสบการณ์การเล่นของผม โดยจะเน้นไปที่เนื้อเรื่องเป็นหลัก ซึ่งหากเพื่อนๆ มีเทคนิคที่ดีกว่าก็สามารถแนะนำให้เพิ่มเติมมาได้เลยนะครับ
DOOM ซีรีย์เกมยิงถล่มปีศาจสุดระห่ำได้กลับมาสร้างชื่อในวงการเกมเดินหน้ายิงถล่มมหาประลัย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้วยการชุบชีวิตซีรีย์เกม FPS ถล่มปีศาจด้วยดนตรีประกอบเฮวี่เมทัล โดยในภาคนี้ DOOM Eternal ได้กลับมาด้วยความมันส์ที่มากกว่าเดิม และครบเครื่องยิ่งขึ้น พร้อมแล้วเราไปลุยกันเลยครับ !!
Intro
King Novik: “ในการต่อกรกับเหล่าปีศาจและความชั่วร้ายที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษยชาติ… เราจะลบล้างพวกมัน… แค่คุณเท่านั้น… ฆ่าพวกมัน… จนกว่าจะหมดสิ้น”
โลกมนุษย์กำลังถูกรุกรานโดยบางอย่าง มันกำลังกัดกินและทำลายมวลมนุษยชาติ… #เสียงความทรมานจากมนุษย์ผู้เหลือรอดบนโลกที่กำลังล่มสลาย
หมอดูบนถนน: “…เราต้องภาวสหาย…. ภาวนาให้เขาผู้นั้นมองอยู่…”
ผู้รอดชีวิตบนโลก: “…ได้โปรด ใครก็ได้… ถ้าได้ยินเสียงฉัน ถ้าคุณอยู่ข้างนอกนั่น…”
นักข่าว: “…60% ของโลกเราถูกกัดกินโดยพวกผู้บุกรุกแล้ว…”
CHAPTER 1
เราจะเกิดมาในห้องที่มีซอมบี้อยู่ประมาณ 3-4 ตัว ยิงพวกมันให้หมดเพื่อเปิดประตู
VEGA: ” ผมได้แสดงพิกัดตำแหน่งที่ตั้งของสัญญาณของนักบวชนรกแล้ว ผมจะแปะไว้ให้บน HUD นะ”
ไปตามทางสักพักก็จะเจอกับหุ่นดรอย Weapon Mod Selection ที่ไว้ใช้อัพเกรดปืน
Sticky Boms – เมื่อกดเมาส์ 2 จะทำให้ลูกซองของเรากลายเป็นปืนยิงระเบิด สามารถยิง Sticky Bomb ได้ 5 ลูก
Full Auto – เมื่อกดเมาส์ 2 จะเปลี่ยนลูกซองเป็นปืนยิงออโต้
เมื่อเราอัพเกรดปืนเสร็จแล้ว ห้องถัดมาจะเป็นห้องโถงใหญ่ๆ ในห้องนี้เราจะได้เจอยูนิตโจมตีไกลได้ด้วย สิ่งที่ต้องทำในห้องนี้คือฆ่าศัตรูไปเรื่อยๆ จนขึ้น checkpoint ก็จะสามารถไปต่อได้ครับ
ถัดมาเราจะได้เข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งภายในห้องเราจะได้เจอกับ Deag Nilox หนึ่งในนักบวชในนรก (Hell Priests)
Deag Nilox: ” เจ้า !! “
Deag Nilox: ” วิญญาณของข้ายังคงได้รับการปกป้องอยู่ เจ้าไม่อาจ… *สำลัก”
*ตัวเราไม่รอช้าเด็ดหัว Deag Nilox ออกมาทันที หลังจากนั้นตัวเราจะโดดออกมาจากอาคารที่เคยเป็นที่อยู่ของหนึ่งในนักบวชนรก
VEGA: “นักบวชนรกตัวแรกได้ถูกทำลายแล้ว การถูกกลืนของโลกโดยปีศาจลดลง 36.8% เหลือนักบวชนรกอีก 2 ตัว”
ระหว่างนี้ก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ครับ อย่าลืมเก็บพวกใบกระดาษที่ลอยอยู่ด้วยนะ เพราะมันจะช่วยปลดล็อค CODEX ทำให้เรารู้เนื้อเรื่อง และข้อมูลของศัตรูด้วย !!
เราจะได้เจอกับ Arachnotron ปีศาจคล้ายแมงมุมหน้าตาเป็นสมองคน โดยเจ้าแมงมุมตัวนี้เป็นมอนสเตอร์ตีไกล (ยิงปืนได้) ซึ่งวิธีปราบนั้นค่อนข้างง่ายครับ เพราะแมงมุมอัปลักษณ์นี่มีจุดอ่อนที่ป้อมปืนที่ตั้งโดดๆ อยู่บนหัวของมัน หากยิงทิ้งแล้วก็จะทำให้มันโจมตีไกลไม่ได้อีกต่อไป
ภายในสถานีรถไฟ เราจะได้เจอกับปีศาจจำนวนหนึ่ง มีเสริมความยากเล็กๆ ให้หลบลูกไฟ แต่ไม่ยากเกินแน่นอนครับ ผ่านได้สบายๆ เราจะได้ปลดล็อค Frag Grenade ภายในรถไฟด้วย !!
จากนั้นให้เรากระโดดข้ามตึกมา เราจะได้บู๊แหลกอีกรอบ และในครั้งนี้เราจะต้องเจอกับ Cacodemon ปีศาจประเภทโจมตีระยะใกล้ด้วยการกัด รูปร่างเหมือนก้อนลูกชิ้น ส่วนวิธีการฆ่านั้นไม่ยากเช่นกันครับ โยน/ยิงระเบิดยัดปากมันเลย !!
หลังจากจัดการศัตรูในตึกหมดแล้ว ให้เราออกเดินทางต่อโดยเราจะต้องออกจากตึกและกระโดดปีนป่ายเพื่อมายังตึกอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นสถานีรถไฟเหมือนกันอ่ะแหละ ภายในตึกนี้จะได้เจอกับมอนเตอร์ตัวใหม่อย่าง Tentacle หรือหนวดปลาหมึกนั่นเอง ตัวนี้กระจอกพอๆ กับพวกซอมบี้เลย แต่ถ้าไม่ทันมองก็อาจจะต้องระวังเล็กน้อยครับ เพราะตีแรงอยู่นะ แต่ฆ่าง่ายสบายๆ หลังจากนั้นให้เดินตามทางมาเรื่อยๆ เลย
พอสู้มาได้ระยะหนึ่ง VEGA จะมีแจ้งเตือนเรามาว่า
VEGA: “Khan Maykr อยู่ใกล้ๆ เธออยู่ในป้อมปราการปีศาจ (วาร์ปนั้นแหละ) เดี๋ยวผมจะมาร์คตำแหน่งเธอให้ใน HUD ของคุณนะ”
*เมื่อเข้าประตูวาร์ปมาแล้ว เราจะเจอกับประตูบานใหญ่ของป้อมปราการเดินลุยเข้าไปโลด โดยระหว่างนี้ VEGA ก็พูดไปด้วย
VEGA: “จุดรวมตัวของนักบวชนรกตั้งอยู่ข้างบนจุดที่คุณอยู่ จากผลการสแกนพื้นที่มันบอกว่ามีลิฟท์อยู่ใจกลางของสถานที่นั้น”
ไปที่แท่นตรงกลาง กดลิฟท์รูปหัวกระโหลก จะเป็นการพาเราขึ้นไปหา Khan Maykr ครับ
VEGA: “Khan Maykr ได้เข้าร่วมประชุมนี้ด้วย แต่เมื่อเธออยู่นอกพื้นที่ของเธอ เธอจะไม่สามารถถูกทำลายลงได้”
เมื่อเราขึ้นลิฟท์มาจนถึงชั้นบน เราจะพบกับสองนักบวชนรก Deag Ranak และ Deag Grav
Deag Ranak: “ม… มันเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีใครสามารถผ่านประตูมาได้ ! มันเป็น…”
//โยนหัวของ Deag Nilox นักบวชนรกตัวแรกที่เราเด็ดหัวมา
Deag Grav: “โอ้……. (โอดครวญ) นี่ไม่ได้หยุดอะไรเลย !”
Deag Ranak: “การสาบานของโลกใบนี้แก่ Khan Maykr ยังคงดำเนินอยู่, และพลังงานจะถูกฟื้นฟู… อย่างที่ถูกจารึกไว้ จากวิญญาณของพวกที่ไม่เชื่อยังไงล่ะ !!”
Deag Ranak: “เจ้าจะไม่สามารถช่วยพวกมันจากการตัดสิน !”
หลังจากสองนักบวชนรกพล่ามถึงความสูญสลายเสร็จ Khan Maykr ก็ได้ปรากฏตัวออกมา
Khan Maykr: “เจ้ามาไกลเกินไปในครั้งนี้… เจ้ายุ่งไม่ได้… นี่คือโอกาสของมนุษยชาติที่จะได้กลับใจ เพื่อที่จะได้รับใช้เรา”
Khan Maykr: “เจ้าไม่อาจต่อต้านความปราถนาของ Khan Maykr ได้”
*ตัวเราเดินหนีพร้อมให้ VEGA เปิดวาร์ป
Khan Maykr: “… มันเคยเป็นเจ้า ผู้ที่เคยเป็นผู้บังคับ”
CHAPTER 1.5
ประตูวาร์ปที่เราเข้ามาหลังจากได้พบกับ Khan Maykr คือประตูวาร์ปที่ทำให้เรากลับขึ้นมาบนยาน เราจะสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ อัพโน่นนี่นั่น ได้บนนี้ หลังจากปรับแต่งจนพอใจแล้ว เข้าวาร์ปเพื่อไปยังฉากต่อไปได้เลยซึ่งหลังจากนี้ผมจะขอไม่พูดถึงฉากบนยานเลยนะครับ ลุยเนื้อเรื่องกันยาวๆ
CHAPTER 2
เราถูกวาร์ปมายัง Exultia เพื่อมาตามหาชิ้นส่วนที่หายไป โดยเมื่อเราวาร์ปมาแล้ว แน่นอนว่าเป็นการกระโดดไปฝั่งตรงข้าม แต่ช้าก่อน !! เพราะถ้าไม่เช็คแผนที่ดูก่อน อาจจะเสีย Extra Life ไปเลยฟรีๆ !! Extra Life นี้อยู่ด้านใต้ของเราเลยครับ วิธีการไปก็คือให้กระโดดไปเกาะกำแพงด้านขวาแล้วหันกลับมาก็จะเจอนั่นเอง
โดยในการเดินทางครั้งนี้เราจะได้เจอมอนสเตอร์ใหม่อย่าง Gargoyle ปีศาจขนาดเล็ก มีปีกเหมือนค้างคาว ไม่ต้องไปกลัว สอยไปเลยครับไม่ยากนอกจากนี้ยังไม่พอ มาพร้อมกับ Hell Knight ปีศาจขนาดใหญ่บ้าพลัง โจมตีด้วยการต่อยและกระโดดทุบ
ขอแนะนำวิธีสู้กับ Hell Knight ว่า ให้ทิ้งระยะห่างให้ได้มากที่สุดเลยครับ เพราะตีแรงมากจริงๆ สองสามทีปลิวแน่นอน แถมอึดอีกต่างหาก ตายยากมาก //ส่วนตัวจรอจังหวะมันกระโดดมาแล้วพุ่งหลบแล้วค่อยยิงอัดเอาครับ
โดยหลังจากเราปราบศัตรูจนหมดแล้ว ประตูที่ปิดไว้จะเปิดออก ในโถงนี้เราจะยังได้อาวุธใหม่อย่าง Blood Punch ที่อยู่ในลิฟท์ตรงกลางโถงได้อีกด้วยครับ บอกเลยว่าหมัดนี้มันคือ หมัดไซตามะดีๆ นั่นเอง กวาดทีปลิวทั้งกอง //แต่อย่าเอาไปต่อย Hell Knight ล่ะ ระวังจะเป็นฝ่ายปลิวแทนซะเอง
หลังจากนั้นเราจะลงลิฟท์มาและได้เก็บ Rune เป็นครั้งแรก ซึ่งผมจะอธิบายไว้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ
- Savagery – ท่า Glory Kills เร็วขึ้น
- Seek and Destroy – กดใช้ Glory Kills ได้ในระยะที่ไกลขึ้น
- Blood Fuel – ได้รับความเร็วการเคลื่อนที่หลังใช้ Glory Kills
- Saving Throw – ป้องกันการโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนตาย และทำให้เวลาช้าลง ทำให้เรามีโอกาสในการฟื้นฟู
- Dazed and Confused – เพิ่มระยะเวลากระพริบ (เมื่อกระพริบเราจะใช้ Glory Kills ได้)
- Air Control – เพิ่มการควบคุมเมื่อลอยอยู่บนอากาศอย่างมาก
- Chrono Strike – ยิงบนโอกาสจะทำให้เวลาช้าลง
- Equipment Fiend – ลดเวลารีชาร์จเมื่อฆ่าศัตรูด้วยอุปกรณ์เสริม
- Punch and Reave – หากใช้ Blood Punch ฆ่าศัตรู จะดรอปเลือด
//ส่วนตัวผมชอบ Air Control กับ Punch and Reave มากๆ ใครไม่รู้จะเลือกอะไร แนะนำเลยครับ อันนึงก็เคลื่อนไหวสะดวกขึ้น อีกอันก็สะใจดี ส่วนอันอื่นไม่ค่อยตรงกับสไตล์การเล่นผมเท่าไหร่
เราจะได้บู๊แบบเดือดมากอีกครั้ง ภายในฉากนี้จะมีของเล่นอย่างเสาให้เราโหนไปยิงไป แนะนำให้โหนเล่นอยู่ข้างบนแล้วยิงศัตรู จะช่วยให้เล่นง่ายขึ้นและมันส์ขึ้นอย่างมากเลยครับ จากนั้นให้ข้ามสะพานไป การต่อสู้จะเริ่มต้นอีกครั้ง รอบนี้จะเดือดกว่าเดิม เพราะศัตรูมีจำนวนที่เยอะขึ้น เมื่อเอาชนะได้แล้ว ให้เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ ครับ
เมื่อเข้ามายังหอคอยแห่งใหม่ เราจะเจอกักังหันยักษ์ก็จะเริ่มหมุน ภายในกำแพงจะมีร่องให้เราแอบ พยายามวิ่งหลบและขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำลายหินที่ล็อคโซ่อยู่ หลังจากที่เราทำลายครบแล้ว กังหันยักษ์นี้จะถูกยกขึ้น และเราจะปลดล็อคความสามารถใหม่ DASH หรือการพุ่งนั่นเอง
ตัดมาที่ Cutscene ซึ่งเราได้พบกับ King Novik ผู้ที่ส่งเราไปปราบเหล่าปีศาจใน Intro เนื้อเรื่องตอนเริ่มเกม
King Novik: “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ?”
King Novik: “มันไม่ใช่ของที่เจ้าจะหยิบไป” *เราได้หยิบ Celestial Locator ออกมา (ไอเทมที่เราตามหานั่นเอง)
King Novik: “เจ้าไม่สามารถฆ่าเหล่านักบวชได้”
King Novik: “เจ้ารู้กฏของพวกเราดี… แม้จะมีการละเมิดข้อตกลง พวกเขาก็ยังเป็นเลือดเนื้อของ Sentinels”
King Novik: “สิ่งที่เจ้ากำลังมายุ่งด้วย กำลังจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นกว่าที่เจ้าจินตนาการถึง”
King Novik: “มันได้ถูกจารึกไว้… นี่คือเวลาที่พวกเขาจะได้ถวายการสำนึกผิด… หากเจ้ายังทำต่อ เจ้าจะนำมาซึ่งความโมโหจากสวรรค์”
King Novik: “เจ้าเป็นแค่มนุษย์คนเดียว… นั่นไม่ใช่ผู้คนของเจ้าที่ต้องปกป้องแล้ว !!”
หลังจากเราได้ไอเทมที่เราตามหาให้เราทำการมุ่งหน้าไปยังประตูวาร์ป เพื่อออกล่านักบวชนรกตัวที่ 2 เราจะได้รับ Plasma Gun ด้วยในการมายังแผนที่นี้ คำแนะนำเมื่อถูกวาร์ปมายังสถานที่แห่งนี้คือ “สำรวจให้ทั่ว” หากจะให้เล่นง่าย พยายามหา Auto Map ให้ได้ครับ จะทำให้เราเดินสบายขึ้นมาก
เมื่อเก็บไอเทมจนครบแล้ว ให้ทำการระเบิดประตูด้วยการใช้มือไอร่อนแมนยักษ์ที่วางอยู่บริเวณหน้าประตูครับ หลังจากนั้นให้เราปีนป่าย และไปเก็บพื้นสีเขียวเพื่อปลดล็อคประตูสู่นรก
ให้เราทำการลุยผ่านศัตรูไปตามทางจนไปถึงบนดาบของรูปปั้นยักษ์ ใช้ไอเทมที่เก็บได้ในการเปิดการสร้างสะพานให้เราไปต่อ จริงๆ ตรงนี้ไม่ค่อยมีจุดยากเท่าไหร่ นอกซะจากจำนวนศัตรูที่มีเยอะและน่ารำคาญสุดๆ
หลังจากที่เรามาถึงบริเวณที่มีครึ่งท่อนบนของยักษ์ ให้เราโหนขึ้นไปด้านบนของยักษ์เพื่อเปิดใช้งานปีนพลาสม่ายักษ์ยิงทะลวงประตูและไปต่อครับ
ที่ปากอุโมงของถ้ำ เราจะเจอกับพื้นที่สามารถจมลงไปในลาวาได้ ซึ่งตรงนี้ต้องระวังดีๆ เลยล่ะครับ เพราะตกลงไปคือตายอย่างเดียว ระหว่างทางอาจจะเจอปีศาจมาป่วนบ้าง แนะนำให้ยอมรับดาเมจแล้วเน้นการพุ่งไปถึงที่หมายให้ครับ
ระหว่างทางเราจะได้พบกับรั้วสีม่วงแปลกๆ หรือ Slayer Gate ซึ่งเราจะต้องใช้กุญแจม่วงในการเปิด ภายใน Challenge จะเป็นการต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นอย่างที่เพื่อนๆ จะไม่เคยสัมผัสมาก่อนในเกมนี้เลยก็ว่าได้ ก่อนจะลุยแนะนำให้เข้าห้องน้ำทานข้าวให้เรียบร้อยเพราะมันเดือดเกินกว่าจะกดหยุดเกมไว้เลยล่ะครับ
การต่อสู้ใน Slayer Gate จะเป็นการต่อสู้แบบยาวๆ มีปีศาจโผล่มาเรื่อยๆ ไม่มีหยุดในระยะเวลาที่กำหนด
//หลังจากที่เราเอาชนะ Slayer Gate ได้ก็จะได้รับกุญแจเงิน Empyrean Keys ที่ต้องสะสมครบ 6 อันเพื่อใช้งาน Maykr Device ใน Fortress of Doom ในภายหลังครับ
เราจะได้พบกับประตูบานหนึ่ง ซึ่งเมื่อเปิดออก เราจะเจอกับชายผู้หนึ่งถูกห้อมล้อมด้วยปืนขนาดใหญ่
Betrayer: “ข้าบอกทุกคนให้ทิ้งข้าไว้ที่นี่”
Betrayer: “ข้าอยู่ในที่ที่ข้าควรอยู่แล้ว”
Betrayer: “ช่วยคนของเจ้าไม่นำมาซึ่งความสงบสุขหรอก มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง”
Betrayer: “และตอนนี้เจ้ากำลังพยายามหาทางขัดขืน Khan Maykr ? มันถึงเวลาสำหรับคนของเจ้าแล้ว ที่จะต้องถวายการสำนึกผิด… เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับข้า” *มอบ Celestial Locator ที่ไว้ใช้ในการตามหานักบวชนรก
Betrayer: “ฟังข้าเถอะ… เมื่อหัวใจถึงเวลาที่จะพัก ก็ถือเป็นเวลาแห่งความสงบสุข สำหรับข้าก็เช่นกัน…” *โยนแท่งอะไรสักอย่างมาให้
ดูเหมือนว่าเราจะได้มาเจอกับบุคคลสำคัญแล้วล่ะครับ เพราะชายผู้นี้คือ Valen อดีตผู้บัญชาการของฝั่ง Night Sentinels ที่ต้องถูกลงโทษเพราะทำสัญญากับ Deag Grav เพื่อชุบชีวิตลูกชายตัวเองขึ้นมา แต่ต้องแลกกับการถูกคุมขังไว้ในที่แห่งนี้
หลังจากที่เราได้ไอเทมที่เราต้องการแล้ว เป้าหมายของเราก็คือการหนีออกจากที่แห่งนี้นั่นเองครับ ตรงนี้อาศัยความคล่องแคล่วในการกระโดดโหนปีนป่ายพอสมควร หากใครอัพรูน Air Control น่าจะผ่านได้ไม่ยากครับ
CHAPTER 2.5
กลับมาที่ยานของเรา หลังจากที่เราได้รับ Celestial Locator มาแล้ว VEGA ก็ได้หาตำแหน่งของนักบวชนรกตัวที่สองมาให้เราครับ การกลับมาในครั้งนี้หากเราเก็บพวกแบตเตอรี่ในแผนที่ก่อนหน้ามาจะเป็นการปลดล็อคพวกระบบใหม่ๆ ภายในยาน หากเล่นจนพอใจแล้วก็สามารถเข้าวาร์ปเพื่อไปเด็ดหัวนักบวชนรกต่อได้เลย
CHAPTER 3
เราจะถูกส่งมายัง Cultist Base ซึ่งเป็นที่อยู่ของนักบวชนรกตัวที่ 2 นั่นเองครับ เมื่อมาถึงเราอาจจะงงว่าทำไมถึงเจอแต่เหวให้เรากระโดดลงไปและสังเกตบริเวณซ้ายมือด้านล่างจะมีกำแพงให้เราเกาะอยู่ จากนั้นให้หันหลังแล้วจะเจอทางไปต่อครับ
//ส่วนตัวผมคิดว่าแผนที่นี้จะทำให้เรารู้ศักยภาพของตัวละครเราเรื่องความไกลในการกระโดดพอสมควรเลยครับ
ระหว่างทางที่เรากำลังบุกเข้าไป Deag Ranak หรือนักบวชนรกตัวที่ 2 จะรู้ถึงการมาของเราครับ
Deag Ranak: “ยินดีต้อนรับเจ้านักล่า นี่คือเวลาตายของข้าแล้วเหรอ? มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าจะแข็งแกร่งพอที่จะเอาชีวิตรอดจากคำสาปของป้อมปราการนี้ได้ไหม”
ระหว่างนี้เราจะได้เจอกับปีศาจตัวใหม่ Mancubus เจ้าอ้วนพุงพลุ้ยขนาดใหญ่ โจมตีไกล และมีปืนไฟเป็นอาวุธ วิธีฆ่าเจ้าอ้วนนี่ค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อย เพราะเราจะต้องเล็งที่แขนของมัน หากยิงแขนของมันได้จะทำให้มันยิงไกลห่วยขึ้น และใช้ปืนไฟไม่ได้
//สำหรับเทคนิคที่ผมใช้ในการสู้กับ Mancubus ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเล็งไปที่แขนมันก่อนเลย ตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวที่ผมมักฆ่าเป็นตัวแรกๆ เพราะตัวอื่นมันโจมตีไกลได้ไม่ค่อยแรงมาก
การเดินทางไปยังป้อมปราการนั้นไม่ได้ยากมากมีศัตรูให้ยิงเล่นอยู่ประปราย ก่อนถึงป้อมปราการเราจะได้รับปืน Rocket Launcher และปลดล็อครูนช่องที่ 2 อีกด้วย //ผมไม่ค่อยชอบปืนนี้เท่าไหร่รู้สึกศัตรูไม่ค่อยชะงักเวลาโดนดาเมจจากปืนนี้
เราจะได้เจอกับโฮโลแกรมของนักบวชนรกที่ขึ้นมาเพื่อปลุกระดมเหล่าลูกน้องของมันว่า
Deag Ranak: “เหล่าพี่น้องของข้า อสูรกายได้ใกล้เข้ามาแล้ว แต่มันอ่อนแอ ความเกลียดของพวกเจ้าต้องมากเสมอกับความตั้งใจของมัน และนั่นแหละจะทำให้พวกเจ้าปลอดภัย”
กวาดล้างพวกสมุนหน้าป้อมปราการและบุกเข้าไป เมื่อเราบุกเข้ามาข้างในแล้วในระหว่างทางที่กำลังไปเจอกับนักบวชนรกตนที่ 2 เราจะเจอโฮโลแกรมปลุกระดมอีกครั้ง
Deag Ranak: “ความลับแห่งขุมพลังของมันได้ถูกเปิดเผยแล้ว พวกเจ้าเห็นมันหรือไม่พี่น้องของข้า? มันไม่มีทางไปรอดแล้ว”
Deag Ranak: “กลืนกินวิญญาณของมัน ข้าต้องรอดจากที่นี่ ปกป้องข้าในยามที่ข้าต้องการ และพวกเจ้าจะได้รับการปกป้องในโลกใหม่”
จะเห็นได้ว่ามีเหล่าผู้ติดตามที่นั่งกราบโฮโลแกรมอยู่ตบกระบาลมันให้หมด หลังจากนั้น VEGA จะบอกว่าถึงตำแหน่งที่ซ่อนของ Super Shotgun ของเราในอดีต
VEGA: “Super Shotgun ของคุณอยู่ใกล้ๆ นี้ มันเป็นของตกทอดมาจากอดีต พวกนักบวชเก็บซ่อนมันไว้จากคุณในสถานที่นี้”
ประตูที่เชื่อมต่อไปยังปืนสุดเทพของเราจะมีรั้วหนามขวางอยู่ทำให้เราไม่สามารถไปเอามาได้ในตอนนี้ ให้เราทำตามเควสไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราลงลิฟท์มาเจอกับห้องที่มีซอมบี้แขวนอยู่ ตัวละครของเราจะทำการวางมือบนลงปุ่มเพื่อทำการเชื่อมต่อไปยังหุ่นผีที่แขวนอยู่
VEGA: “การเชื่อมต่อระบบประสาทสมบูรณ์ คุณสามารถควบคุมโดรนผีได้แล้ว คุณอาจจะใช้มันเพื่อไปเอาของของคุณก็ได้นะ”
เราจะได้บังคับเจ้าหุ่นผีนี่บอกเลยว่าโกงมากแลดูจะเก่งกว่าตัวเราซะอีก หลังจากเคลียพวกปีศาจจนหมดลูกซองเทพ Super Shotgun ของเราก็จะหล่นลงมาให้สามารถเก็บได้ โดยความสามารถของเจ้าลูกซองนี้คงเป็นการยิงและสามารถฮุคศัตรูได้นั่นเองครับ
เมื่อเดินตามมาร์คภารกิจมาเรื่อยๆ จนถึงโถงวงกลม สิ่งที่เราต้องทำคือขึ้นไปข้างบนเพื่อไปต่อครับ ตรงนี้หากใครหาทางไปไม่เจอให้ลองสำรวจรอบๆ จะมีอยู่ฝั่งหนึ่งที่มีรั้วเปิดอยู่ เราสามารถกระโดดและปีนต่อไปเพื่อเปิดประตูกระโดดสูงครับ
เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนขึ้นมานอกอาคารได้ หลังจากที่เราทำการต่อยปุ่มเพื่อเปิดประตู โฮโลแกรมของนักบวชนรกจะโผล่ขึ้นมาพร้อมขู่เราว่า
Deag Ranak: “เจ้าเริ่มเหนื่อยแล้วรึยังล่ะ Slayer? พวกเราจะขยี้ความตั้งใจของเจ้าเอง”
ซึ่งหลังจากเราปราบพวกศัตรูจนหมดและทำการเข้ามาในโถงอาคาร เราจะได้เจอกับประตูม่วงหรือ Slayer Gate อีกครั้ง ในครั้งนี้กุญแจจะถูกซ่อนอยู่ โดยจะมีทางเข้าลับอยู่แถวๆ ร่องเหวที่เราต้องปีนขึ้นไป เมื่อเราปีนป่ายไปตามทางในทางลับได้ก็จะเจอกับกุญแจใน้ท้ายที่สุด และเมื่อเราเก็บกุญแจได้แล้วเราจะวนกลับมาที่โถงอีกครั้ง อย่าลืมจัดการเคลียให้เรียบร้อยเพื่อสะสม Empyrean Keys ครับ
ในโถงนี้เราจะต้องหาทางทำให้รอยร้าวสีเหลืองบนกำแพงแตกออก ทำได้โดยเราจะต้องปีนขึ้นไปที่กำแพงข้างๆ เพื่อดึงให้กล่องเหล็กยักษ์หล่นลงมา หลังจากนั้นพื้นออร่าบริเวณตรงกลางโถงจะเปิดออกทำให้เราสามารถกระโดดสูงและไปทุบที่บริเวณสีเขียวของรูปปั้นเพื่อให้รูปปั้นยักษ์ล้มลง
เราจะได้เจอกับโฮโลแกรมนักบวชนรกอีกครั้ง ครั้งนี้จะมาพร้อมกับความมั่นใจว่า
Deag Ranak: “ข้าไม่กลัวเจ้า การต่อสู้ครั้งนี้มันยังไม่จบ ตามหาข้าสิ ข้าจะรอ”
ปราบศัตรูตามทางไปเรื่อยๆ และ Chapter นี้ก็จะจบลงครับผม
CHAPTER 4
เราจะโผล่มาบนรถไฟที่กำลังแล่นไปยันตัวป้อมปราการ ใช่แล้วล่ะครับที่ผ่านๆ มาคือเรายังไม่ถึงตัวป้อมเลย (ไกลมาก)
VEGA: “ตำแหน่งของนักบวชนรกกลับมาเสถียรแล้ว ผู้ปกป้องของเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งในป้อมปราการด้านหน้านั่น”
เมื่อเข้ามายังป้อมปราการด่านแรกแล้วเราจะต้องปะทะกับพวกปีศาจบริเวณรั้วด้วย อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าประตูไปเพราะด้านบนมีไอเทมให้กระโดดไปเก็บอยู่
เราจะได้เจอปีศาจตนใหม่ Pinky ปีศาจสีชมพู ที่โจมตีด้วยการพุ่งชน วิธีการปราบค่อนข้างจะแปลกสักหน่อย เพราะจุดอ่อนของมันคือบริเวณหางนั่นเอง ในห้องนี้ให้สังเกตบริเวณตรงกลางชั้นล่างจะมีทางให้ไปเก็บ Sentinel Battery ที่ไว้ใช้เปิดฟังค์ชั่นบนยานอยู่ครับ
//เจ้าตัวนี้ง่ายมากครับ เพียงแค่หลบการพุ่งของมันและสวนด้วยการยิงหางแค่นี้ก็ชนะได้สบายๆ
เราจะได้เจอกับโฮโลแกรมของ Deag Ranak อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันจะมาพูดกับเราว่า
Deag Ranak: “มันไม่ง่ายเลยที่จะหาศัตรูที่เทียบเคียงกับเจ้าได้ Slayer, แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะประทับใจอย่างแน่นอน”
ศัตรูที่ Deag Ranak หามานั้นคือเจ้า Guardian หรือผู้อารักขานักบวชนรกนั่นแหละครับ โดยเราได้เจอกับเขาในสภาพชิ้นส่วนครึ่งท่อนบนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยหลังจากเรากระโดดข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเก็บการ์ดสีแดงโฮโลแกรมก็จะโผล่มากล่าวว่า
Deag Ranak: “ไม่ใช่ Slayer เหรอที่เคยนำปีศาจมาสู่พวกเรา? มันเป็นความผิดของแก ที่ทำให้คนต้องทรมาน”
เมื่อเราปีนมาจนถึงที่หมาย เราจะได้เจอกับ Guardian ที่ถูกประกอบร่างไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เราเดินทาง ซึ่งหากสังเกตดีๆ เราจะได้พบกับเขามาตั้งแต่ตอนแรกที่มีเพียงตัวแล้วครับโดยในรอบนี้เราจะได้เจอกับเขาแบบเต็มตัว
Deag Ranak: “ข้าคิดว่าเจ้าจะพอใจกับ Sentry ที่ข้าเลือกมา Agaddon Hunters ผู้ยิ่งใหญ่จาก Telos Realm”
Deag Ranak: “ถูกเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล่า Slayer และ Night Sentinels ในช่วงสงคราม Unholy Crusade ”
Deag Ranak: “มีการปรับแต่งเพิ่มเติมความสามารถ”
Deag Ranak: “ขอให้สนุกกับผลงานที่ดีที่สุดของข้า”
Doom Hunter เป็นศัตรูขนาดยักษ์ที่เก่งในด้านการโจมตีไกล และจรวจติดตาม ซึ่งมีจุดอ่อนอยู่ที่โล่และรถของมัน ให้ใช้ Plasma Rifle ยิงที่โล่ และหากทำลายรถของมันได้จะทำให้มันไม่สามารถใช้โล่และยิงจรวจได้
เราจะได้สู้กับบอสตัวแรกในเกมสักทีครับ แอบยากนิดๆ เพราะมันยิงแม่นสุดๆ แถมหลบเคลื่อนที่เร็วกว่าปีศาจทั่วไปพอตัว แต่ไม่ยากมากขนาดนั้นเพราะจุดอ่อนของมันยังถือว่ายิงง่ายอยู่ครับ
สิ่งนึงที่ต้องระวังคือจรวจติดตามของมันนั่นเองครับ ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันหลบยากมากหลบแทบไม่พ้น พอเลือดจะหมดก็ต้องฆ่าพวกลูกน้องเพื่อเอาเลือดทำให้เสียจังหวะพอควรเลย
หลังจากปราบเจ้า Doom Hunter ได้แล้ว เราจะได้พบกับนักบวชนรกตัวร้ายที่กำลังรู้สึกกลัวและผิดหวังกับผลงานของตัวเอง เพราะคิดว่าผลงานของตัวเองสามารถปราบเราได้แน่นอน และแน่นอนครับ Slayer นั้นไม่รอช้าเข้าไปตัดหัวทันที
CHAPTER 5
เมื่อเราทำการตัดหัวนักบวชนรกตัวที่ 2 เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะกลับมาที่ยานของเราและ VEGA จะแจ้งเราว่ายานของเราได้รับความเสียหายพร้อมกับการปรากฏตัวของ Khan Maykr แบบโฮโลแกรม
Khan Maykr: “เกมนี้มันมาไกลเกินพอแล้วล่ะ”
Khan Maykr: “แม้ว่านักบวชจะตาย โลกก็จะล่มสลาย และคนของข้าจะอยู่รอด ข้าจะตอบรับเสียงคำอธิฐานของพวกมนุษย์ และตอบแทนพวกที่นับถือ”
ในขณะนี้ VEGA จะพยายามนำคลื่นรบกวนจาก Khan Maykr ออก แต่ไม่สามารถทำได้เพราะ Khan Maykr ก็รู้ระบบการทำงานของยานนี้เช่นกัน
Khan Maykr: “นักบวชตัวสุดท้ายจะถูกย้ายไปยังที่มิดชิดกว่าเดิม เพราะฉะนั้นงานของเราจะยังดำเนินได้ต่อโดยไม่ถูกรบกวน”
หลังจากนั้น VEGA จะบอกกับเราว่าตำแหน่งที่ตั้งของนักบวชตัวที่ 3 ได้หายไปแล้ว และรายงานว่ามีรุกรานที่รุนแรงมากขึ้นในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของ Khan Maykr นั่งเอง โดย VEGA จะเปิดวาร์ปเพื่อให้ไปยังพื้นที่ Super Gore Nest
เมื่อเรามายัง Super Gore Nest แล้ว จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรวมถูกกลืนกินโดยก้อนเนื้อไปเกือบหมดแล้ว ภารกิจของเราในการมาที่นี่ คือเพื่อหาต้นตอและหยุดมันก่อนจะสายเกินไป
เดินตามมาร์คของภารกิจไปเรื่อยๆ ทันทีที่เราออกจากตึกที่เต็มไปด้วยเนื้อ เราจะได้เห็นว่าบรรยากาศมันเลวร้ายกว่าเดิมเสียอีก เพราะพื้นถนนกลายเป็นลาวาหมดแล้ว ศัตรูที่เราเจอในพื้นที่นี้จะมาครบแทบทุกรูปแบบที่เราเคยเจอเลยครับ หน้าที่ของเราคือต้องไปหาลูกตาสีม่วง เหลือง แดง เพื่อปลดล็อคประตูในการไปต่อ
ลูกตาดวงแรกที่เราจะได้คือสีเหลือง ซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นเลยครับ เมื่อเรามอบสีเหลืองไปแล้ว ประตูสองบานจะเปิดออก ให้เราเข้าไปค้นหาสีฟ้า และสีแดงในประตูนั้นได้เลย
ลุยมาระยะหนึ่ง VEGA จะบอกเราว่า เรามาถึงหัวใจของรังพวกมันแล้ว พวกมันฝังรากไว้ในตึกนี้ ซึ่งพลังงานหลักเกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ให้ทำการเปิดเครื่องเพื่อทำลายรังของพวกมัน
เราจะพบว่าประตูที่เราต้องผ่านนั้นถูกล็อคอยู่ โดยสามารถหากุญแจได้จากการเก็บชุดลุยกัมตภาพรังสี ไปเก็บมาครับ ไม่ยากเท่าไหร่ นอกจากนี้เมื่อเปิดประตูได้แล้ว เราจะได้รับ Chain Gun อีกด้วยครับ มันคือปืนแกทลิ่งดีๆ นี่เอง
เมื่อเข้ามาในห้องควบคุม VEGA จะบอกกับเราว่า สถานีควบคุมใกล้ๆ สองแห่ง ต้องเปิดด้วยมือเท่านั้น ซึ่งเราจะได้ใช้คันโยกแห่งแรกทางด้านซ้าย แลเราจะต้องเดินทางออกมาเพื่อไปเปิดคันโยกแห่งที่สองครับ
เดินตามทางมาเรื่อยๆ เราจะวนกลับมายังสถานที่แรกที่เรามาในตอนแรก นั่นคือตรงที่เราได้มอบลูกตาสีเหลืองนั่นเอง ซึ่งหากเราได้ลุยจนได้รับ Chain Gun มาแล้ว ลูกตาทั้งสองอันที่เหลือก็น่าจะได้มาครบแล้ว เพราะอยู่ในระหว่างทางที่เราต้องไปยังจุดต่างๆ เลย ให้ใส่ลูกต้าทั้ง 3 อัน แล้วประตูจะเปิดออกครับ
ภายในประตูที่เราเข้ามา จะเป็นประตูที่ทำให้เราไปสับคันโยกอันที่สองได้ แต่ช้าก่อน เพราะก่อนหน้านั้นเราจะเจอกุญแจม่วงเพื่อไปพิชิต Slayer Gate ในบริเวณก่อนหน้า อย่าลืมไปเคลียกันด้วยนะครับ เดี๋ยวยาว
หลังจากสับคันโยกเสร็จ ให้เราทำการเปิดใช้งานเครื่อง เพื่อทำลายหัวใจของรังปีศา่จ และให้หนีออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กำหนด เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจครับ
CHAPTER 6
กลับมาที่ยานของเรา VEGA จะบอกกับเราว่า ยังคงไม่ทราบตำแหน่งของนักบวชตัวสุดท้าย และการกลืนกินของโลกจะไม่หยุดจนกว่าจะปราบนักบวชตัวสุดท้ายจะถูกกำจัดลง โดยเราต้องการความช่วยเหลือจาก Dr. Hayden ในการช่วยค้นหาตำแหน่ง ภารกิจในตอนนี้คือการค้นหาตัว Dr. Hayden นั่นเองครับ
นอกจากนี้ยังมีวิทยุจากผู้รอดชีวิต ARC Complex คอยรายงานสถานการณ์และได้พูดให้กำลังใจแก่ชาวโลก โดยมีเนื้อความคร่าวๆ ว่า Slayer (ตัวเรา) ได้เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านการรุกรานนี้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งหมดหวัง พอฟังแล้วก็รู้สึกเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันทีเลยครับ
VEGA จะเปิดวาร์ปให้เรามายังอดีตฐานทัพหลักของฝ่ายต่อต้าน เพื่อมาตามหา Dr. Hayden ที่อยู่ที่นี่ครับ เมื่อมาถึงเราจะพบว่าอาคารนั้นเต็มไปด้วยพวกปีศาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราหาทางออกจากตึกเพื่อตามหา Dr. Hayden ครับ
เมื่อเรามายังตึกเยื้องๆ ได้ เราจะได้พบกับเครื่องบันทึกเสียงที่ Dr. Elena Richardson บันทึกไว้เกี่ยวกับโปรเจคของ Doom Slayer โดยมีเนื้อความว่า
“มันไม่มีโอกาสเลยที่ตัวอย่าง(หมายถึงตัวเรา) จะเป็นปีศาจ เรามีตัวอย่างเลือดที่ได้จากดาวอังคาร ซึ่งแสดงผลออกมาว่าเป็นเลือดกรุ้ป AB positive เป็นผู้ชาย มีจีโนมที่เหมือนว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่มีพละกำลัง ความเร็ว และความแข็งแรงที่ผิดแปลก ฉันยังไม่สามารถเห็นด้วยกับการตั้งสมมติฐานของเพื่อนๆ ได้ว่า เขาเป็น… พระเจ้า หรืออีกนัยหนึ่ง มือขวาของ Doom ที่มาเพื่อช่วยมนุษยชาติจากบาปของพวกเขา”
สรุปสั้นๆ ว่า ตอนนี้มนุษย์มองเราเป็นพระเจ้าที่มาช่วยพวกเขานั่นเองครับ
ถัดมาเราจะได้เจอกับบันทึกต่อมาของ Dr. Elena อีกครั้ง โดยมีเนื้อความว่า
“เขาน่าจะเป็นพระเจ้าแหละ เขาอาจจะเป็นตัวแทนของความโกรธของมนุษยชาติ ความตั้งใจในการรักษาการอยู่รอดของเผ่าเรา มีความแน่วแน่ในการใช้ความรุนแรง เขาจะสามารถโค่นพวกมันทั้งหมดคนเดียวได้ไหม? ถ้าเขาทำไม่ได้… พวกเรา หมายถึงมนุษยชาติไม่สิ ทุกสรรพสิ่งจะไม่รอด”
//ดูเหมือนว่าตอนนี้เราคือความหวังของมวลมนุษยชาติซะแล้วล่ะครับ
เดินทางมาเรื่อยๆ เราจะพบว่าตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าไปในตึกเพราะมีเจ้าหนวดปีศาจกำลังพันรอบตึกอยู่ ให้เราเข้าไปยังหอคอยที่มีปืนใหญ่ของฝ่ายต่อต้าน ยิงเข้าไปที่หนวดให้หมด 2 จุด เพื่อให้ปีศาจคลายตึกออกครับ ตรงนี้ไม่ยากเลย ออกแนวรำคาญพวกลูกสมุนซะมากกว่า
ให้ทำการเข้าไปที่ตึก ระหว่างทางเราจะพบกับบันทึกเสียงอันที่สามของ Dr. Elena โดยในครั้งนี้มีเนื้อความว่า
“สิ่งเดียวที่พวกเรากลัว คือเขา(หมายถึงเรา) เราถูกจับตามองว่าเป็นผู้นำที่สุดในเรื่องเทคโนโลยีอาวุธและเครื่องจักร แต่ทั้งหมดล้วนไร้ค่า พวกมันเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ไม่กลัวตาย กระหายเลือด พวกมันยอมที่จะตายเพื่อได้กัดกินหัวใจของโลก เราฆ่าไปเป็นพัน แต่พวกมันกลับตามเพิ่มมาเป็นล้าน แต่เมื่อเขามา เขากวาดล้างพวกมันในสมรภูมิด้วยตัวเขาเอง เขาเร็วกว่า บึกบึนกว่า ฉันเชื่อว่าเขาเป็นมากกว่าผู้ชายแล้วล่ะ เขาคือ Doom”
บนสะพานจะมีศัตรูยืนรอให้เราไปถล่มอยู่ ข้ามสะพานไปยังตึกฝั่งตรงข้าม และเราจะได้พบกับบันทึกที่ 4 ของ Dr. Elena เนื้อความว่า
“ยิ่งเขาได้พละกำลังที่มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งปราบพวกมันได้มากขึ้น นักบวชน่ะ สั่งการพวกกองทัพให้ไปทางเหนือและใต้ แต่เขาน่ะควบคุมการต่อสู้ เขาอยู่ท่ามกลางความตาย ตอนนี้ฉันเป็นผู้ที่เชื่อแล้ว ฉันเชื่อใน Doom, Slayer คือหอกที่ทิ่มแทงหัวใจของพวกที่มาโจมตีเรา และพวกมันควรรู้สึกถึงการเตือน มีสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวในจักรวาลนี้ ที่ถือดาบแห่งการแก้แค้น พวกเรายินดีต้อนรับการมาของนักทำลาย มันเป็นเวลาของ Slayer แล้ว”
หากใครอ่านแล้วงงๆ สรุปสั้นๆ คือ Dr. Elena ตอนนี้กลายเป็นผู้ที่นับถือใน Doom เรียบร้อยแล้วครับ และพวกมนุษย์ก็อยู่ฝั่งเราแล้วนั่นเอง
ให้เราขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปหา Dr.Hayden ซึ่งอาศัยอยู่ในแลปของเธอที่ชั้นบนครับ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก จะมีนักวิทยาศาสตร์วิ่งเข้ามาพูดกับเราว่า
นักวิทยาศาสตร์: “โอ้ มายก้อด เอ่อ…. ด.. ดร… ด้อกเตอร์ Hayden เคยบอกพวกเรา.. เอ่อ.. ว่าคุณจะมาในวันนี้ เพื่อสิ่งนี้ในท้ายที่สุด” *ตัวเราหยิบกุญแจ/ดาบ ที่ Dr.Hayden ทิ้งไว้ให้พวกเรา
นักวิทยาศาสตร์: “เอ่อ… ผมขอพูดได้มั้ย ว่านี่เป็นเกียรติอย่างมากสำหรับผม ในการได้พบกับคุณ”
*เราจะเดินเข้ามายังห้องในสุด และพบกับซากหุ่นเอเลี่ยนที่ถูกเชื่อมสายไฟอยู่
นักวิทยาศาสตร์: “พวกเราไม่รู้วิธีการเข้าระบบของเจ้าสิ่งนี้ เอ่อ… ทั้งหมดนี้มันของเอเลี่ยน เราจนปัญหาแล้ว”
นักวิทยาศาสตร์: “พวกเราต้องระมัดระวังในการถอดหรือเคลื่อนย้ายมัน”
*ตัวเรากระชากหุ่นออกมาทันทีพร้อมกับมีแจ้งเตือนของ VEGA ว่าสัญญาณชีพจรของเขาอ่อนมาก(หมายถึง Dr.Hayden ซึ่งคือหุ่นตัวนี้)
หลังจากนั้นมีวาร์ปสีแดงโผล่ขึ้นมา Marauder หนึ่งในนักรบตัวฉกาจของ Night Sentinels, ลูกน้องของ Khan Maykr เดินออกมาจากวาร์ปนั้น
Marauder: “แกไม่เคยเป็นหนึ่งในพวกเรา แกมันไม่ใช่อะไรเลยนอกจากผู้ชิงอำนาจ ไอดอลปลอมๆ”
Marauder: “ตาของข้าสว่างแล้ว ให้ข้าช่วยเจ้าตาสว่างเถอะ Slayer”
เอาล่ะครับ นี่คือบอสใน Chapter นี้ โดยเจ้า Marauder นั่นเป็นตัวที่เก่งเอามากๆ ในระยะใกล้มันจะใช้ลูกซองเป็นอาวุธ ในระยะไกลจะฟาดลำแสงออกมา พยายามรักษาระยะให้พอดี ให้ Counter การโจมตีของมันเมื่อตามันเป็นสีเขียว ไม่อย่างนั้นมันจะบล็อคกระสุนของเราได้ และที่สำคัญอีกอย่างมันต้านทานดาเมจจากอาวุธประเภท Super
//บอกเลยว่าไม่ง่ายครัับ เพราะมันเร็วมากจริงๆ สังเกตตาเขียวได้จากการง้างขวานฟาดระยะไกลครับ การรักษาระยะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมันจะพุ่งมาหาเป็นระยะ ตั้งสติให้ดีนะครับ
เมื่อเอาชนะได้ให้เข้าวาร์ปเพื่อกลับมาที่ยาน เป็นอันจบภารกิจครับ
CHAPTER 7
เมื่อกลับมาที่ยานพร้อมกับหุ่นเอเลี่ยนครึ่งซีกที่เรากระชากมาจากศูนย์วิจัย VEGA จะรายงานเราว่า “เราได้ทำลายกองกำลังจากนรกไปกว่า 68% แล้ว หากไม่มีนักบวช พวกปีศาจก็จะไม่สามารถกลืนกินโลกได้ตามแผนของ Khan Maykr แต่เราต้องหา Dr.Hayden ให้เจอเพื่อหาพิกัดของนักบวชตนสุดท้าย เขาได้เปลี่ยนตัวเขาให้กลายเป็นเมนเฟรมยานของคุณ…”
*ตัวเราเอาหุ่นที่เราได้มาไปเข้าเครื่องเพื่อเชื่อมต่อระบบของหุ่นกับยาน
Dr.Hayden: “นักบวชตัวสุดท้ายซ่อนอยู่ที่ Sentinel Prime”
Dr.Hayden: “Khan Maykr ไม่อยากให้นักบวชถูกค้นพบง่ายๆ ทางไป Sentinel Prime มีวิธีเดียวคือต้องไปที่ใจกลางของดาวอังคาร ในเมืองหายสาปสูญ Hebeth”
Dr.Hayden: “ฉันมาร์คตำแหน่งให้คุณแล้ว แต่มันจะใช้เวลานานในการเดินทาง ไม่มีวิธีที่ง่ายในการไปที่ใจกลางของดาวอังคาร”
หลังจากนั้นเราจะได้ทราบตำแหน่งของปืนใหญ่ที่ดีไซน์โดย Dr.Hayden BFG-10,000 เพื่อใช้ในการไปยังเมืองที่หายสาปสูญนั่นเองครับ โดย Dr.Hayden ได้ย้ำกับเราไว้ว่า เราห้ามยิงไปที่พื้นผิวของดวงดาวอีกด้วย
เมื่อเรามาถึงเราจะพบกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป้าหมายของเราในตอนนี้คือเราต้องไปที่ปืน BFG-10,000 ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ต่อสู้ตามทางไปเรื่อยๆ เมื่อเรามาถึงด้านบนของยาน จะมีทางเข้าให้เราโดดลงไป เมื่อลงไปแล้วเราจะต้องบุกเข้าไปในใบพัดของยาน ให้ปีนขึ้นไปด้านบนแล้วจะตัดเข้า Cutscene โดยในตอนนี้เราได้เข้ามาอยู่ในแกนการสร้างพลังงานของปืน BFG-10,000 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนเราจะได้บังคับมัน !!
เราจะยังยิงไม่ได้เพราะมีกลไกป้องกันการยิงอยู่ ทันใดนั้น VEGA ก็จะถามเราว่าต้องการให้ปลดกลไกนี้หรือไม่ และภายในไม่กี่วินาทีก็สามารถยิงได้ (?)
//หนักไปกว่านั้นเรายิงเข้าไปที่พื้นผิวของดาวอังคารเต็มๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ Dr.Hayden กำชับไว้ว่าห้ามยิงพื้นผิวของดาวช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก
หลังจากนั้นยานจะพังลง และเราจะได้รับ BFG-9,000 ปืนยิงพลังงานที่โกงมากปืนหนึ่ง โดย Dr.Hayden จะบอกกับเราว่าเราสามารถใช้ยานอพยพเพื่อลงไปที่พื้นผิวของดาว แต่มันจะอยู่อีกฟากหนึ่งของตัวยาน
เมื่อมาถึงปืนใหญ่ในฝั่งยานของเรา เราถีบกระสุนปืนใหญ่ออกแล้วเอาตัวเราเป็นกระสุนในการยิง เพื่อไปยังเศษซากของยานที่มียานอพยพอยู่ //จะโหดเกินไปแล้ว
เมื่อเรามาถึงยานอพยพ อย่ารอช้ากดใช้งานยานให้ถีบตัวเองออกจากซากยานนั้นลงมาที่ดาวอังคาร
ทันทีที่เราออกจากยาน Dr.Hayden จะบอกกับเราว่า
“เมืองที่หายสาปสูญ Hebeth, นี่มันก่อนช่วงเวลาของเจ้ากับพวก Sentinel ซะอีก”
“Slipgate จะนำเจ้าไป Sentinel Prime ซึ่งเป็นที่ซ่อนของนักบวช”
ในเมืองลึกลับนี้เป้าหมายเรามีเพียงวาร์ปที่จะพาเราไปเด็ดหัวเจ้านักบวชเท่านั้น ให้เราทำการสู้ไปจนถึงวาร์ปเลยครับ
CHAPTER 8
เมื่อเราเข้าวาร์ปมาแล้ว เราจะมาโผล่ที่ Sentinel Prime สถานที่ซ่อนของนักบวชตัวที่ 3 โดยหากใครที่ไม่ได้ตามเนื้อเรื่องขออธิบายสั้นๆ ว่าที่นี่เคยเป็นบ้านของตัวเรานั่นเอง เราจะได้เจอกับกองทัพทหาร และ Maykr Angel ยืนต้อนรับเรา และส่งสัญญาณเตือนให้นักบวชทราบถึงการมาของเรา
เมื่อเราเข้าประตูวิหารและลงลิฟท์มา จะมีภาพย้อนอดีตไปถึงครั้งแรกที่เราถูกพาตัวมาที่นี่
Sentinel Guard: “เราพบตัวเขาอยู่ในภูเขานอกกำแพงปราสาท เขาบาดเจ็บหนักมาก และสวมใส่สิ่งนี้ *หมวกของเรา
Slayer: “ฆ่าพวกมัน… ต้องฆ่าพวกมันให้หมด !!” เสียงบ่นพรึมพรำจากตัวเรา
Deag Ranak: “เขากระหายการต่อสู้…”
Deag Nilox: “…แม้เขาจะบาดเจ็บ”
Deag Ranak: “ส่งเขาไปที่ลานประลอง ให้เขาถูกตัดสินจากคนอื่นๆ”
ภาพจะตัดกลับมาที่ปัจจุบัน เราจะได้เจอกับโฮโลแกรมของ Khan Maykr ที่กำลังยื่นข้อเสนอในการยุติการรบครั้งนี้
Khan Maykr: “ข้ารู้ว่าเจ้าทิ้งอะไรไว้… กลับไปหามันสิ ออกจากศึกนี้ซะ เจ้าไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ พวกมันร้องขอถึงสิ่งนี้ ดังนั้นข้าถึงต้องมอบสิ่งที่พวกมัน”
Khan Maykr: “ถ้าเจ้าให้นักบวชรอด ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยสิ่งที่พวกปีศาจพรากมันไปจากเจ้าเมื่อนานมาแล้ว เจ้าเพียงแค่ต้องหันหลัง และทุกอย่างจะกลับไปเป็นของเจ้าอีกครั้ง ความเจ็บปวดทุกอย่างที่เจ้าแบกรับจะหายไป”
Khan Maykr: “ข้าเวทนาพวกมนุษย์ ข้าสงสาร พวกมันมีบทบาทที่ยากในการเล่น… แต่ข้าก็เช่นกัน ข้ามีโลกที่ต้องช่วย หากไม่มีวิญญาณ ก็จะไม่มีพลังงานในนรก การหมุนเวียนทุกอย่างจะหยุด ข้าไม่อาจให้สิ่งนั้นเกิดได้”
Khan Maykr: “เจ้าจะไม่ยืนขวางขั้นตอนของ Urdak นี่คือสิ่งที่เป็นมาตลอด มันไม่ใช่หน้าที่เจ้าในการปฏิเสธโอกาสในการเจริญเติบโตของเรา”
Khan Maykr: “ข้าไม่อาจทนยืนดูเจ้าทำให้อนาคตของเราตกอยู่ในความเสี่ยง โลกจะถูกกลืนกิน และพลังงานจะยังคงไหลเวียน มันคือการอยู่รอดระหว่างคนของเจ้ากับข้า”
ดูเหมือนว่า Khan Maykr พยายามเจรจาเพื่อหาทางออก ให้ตัวเราได้ผลประโยชน์ส่วนตัวบางอย่างที่ถูกพรากไปในอดีตแลกกับการสูญสิ้นของมนุษยชาติ ในขณะที่ Khan Maykr เอง ก็จะได้ครองโลกสมใจ
เมื่อมาถึงห้องโถงที่มียาม 2 คนเฝ้าอยู่ ยามจะเปิดประตูให้กับเรา และภาพจะตัดกลับไปเหตุการณ์ในอดีต เป็นภาพการต่อสู้ของตัวเราในลานประลองหลังจากที่ Deag Ranak สั่งให้เราไปต่อสู้เพื่อโชว์ศักยภาพของตัวเรา
Deag Grav: “เจ้าจะเป็นแนวหน้าที่ดีอย่างแน่นอน เจ้าคนแปลกหน้า”
Slayer: “พวกปีศาจ… มันอยู่ทุกที่… ต้อง… ฆ่าพวกมันให้หมด !!”
Khan Maykr: “ทำแผลให้เขา และพาเขามาหาพวกเรา ข้าอยากรู้เรื่องสิ่งที่เค้าพูดมากกว่านี้”
Deag Grav: “เพคะฝ่าบาท”
ภาพจะตัดกลับมาในเหตุการณ์ปัจจุบัน เราจะได้เจอกับนักบวชนรกตนที่ 3 Deag Grav
Deag Grav: “หากสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของ Sentinel หยดลงบนพื้นดินนี้ เจ้าจะเสียอำนาจและพลังทุกอย่างที่เจ้ามี”
Deag Grav: ” Calommus V Turna !! ” นักบวชนรกร่ายมนต์บางอย่างพร้อมกระแทกไม้เท้าลงพื้น
นักบวชได้เทเลพอร์ตหายไปและปลดล่อยบอสตัวนึงออกมา Gladiator ปีศาจขนาดใหญ่ที่มีพละกำลังสูงมาก วิธีการสู้กับเจ้าปีศาจตนนี้ คือให้ยิงตอนที่ตามันเป็นสีเขียว และหากโล่ของมันมีแสงกระพริบสีเขียว นั่นแปลว่ามันกำลังจะโจมตี เมื่อสามารถเอาชนะ phase แรกของเจ้ายักษ์ตนนี้ได้ โล่ของมันจะแตกออก และเข้าสู่ phase ที่สอง
Gladiator จะเกรี้ยวกราดมากขึ้นตอนที่มันไม่มีโล่ รัศมีการโจมตีกว้างขึ้น หากตาของมันเป็นสีเขียวแปลว่ามันกำลังจะโจมตี และหากมันเหวี่ยงอาวุธของมันเป็นวงกลมอยู่ มันจะสะท้อนการโจมตีของเรา เทคนิคการสู้กับมันในร่างนี้ คืออย่ายิงตอนมันควงอาวุธของมัน เพราะดาเมจที่สะท้อนกลับมานั้นแรงมาก ส่วนการโจมตีที่เป็นคลื่น สามารถหลบได้ง่ายๆ ด้วยการมุดตามลักษณะคลื่นที่มันปล่อยออกมาเลยครับ
หลังจากเอาชนะ Gladiator ได้ นักบวชจะปรากฏตัวอีกครั้ง ในครั้งนี้ตัวเราจะไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือเป็นครั้งที่สอง ซัดลูกซองเข้าเต็มหัวของนักบวช ร่างของนักบวชล้มลงพื้นในทันที เลือดศักดิ์สิทธิ์ของ Sentinel ได้สาดลงบนพื้นที่เปรียบเสมือนบ้านของพวกมัน
Khan Maykr: “โง่เขลา”
ทันใดนั้นเหล่าทหารยามของ Sentinel Prime วิหารศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาล้อมเราในทันที และ VEGA จะเปิดวาร์ปให้เราหนีออกมาครับ
CHAPTER 9
ทันทีที่เรากลับมายังยานของเรา Dr.Hayden จะบอกเราว่า Khan Maykr ได้พังยานของเราเรียบร้อยแล้วและ Khan Maykr จะแทรกแซงสัญญาณเข้ามาพร้อมพูดกับเราว่า
Khan Maykr: “หากเจ้าปล่อยให้การคัดสรรเป็นต่อไป พวกมนุษย์ที่เจ้าเลือกจะปกป้องคงรอดแล้ว ตอนนี้ข้าจะชุบชีวิต Icon of Sins เขาจะกลืนกินโลกและทิ้งให้โลกของเจ้าเหลือเพียงเศษซาก”
Khan Maykr: “ชีวิตของดาวของเจ้า จะไม่มีวันหวนกลับ และนี่จะเป็นโลกอีกใบที่เจ้านำมาซึ่งการล่มสลาย”
Khan Maykr: “ยานนี้จะเป็นคุกสำหรับเจ้า หากไม่มีพลังงาน ไม่มีอำนาจ เจ้าก็จะไม่สามารถรบกวนภารกิจของพวกเราได้อีก และเราจะทำในสิ่งที่มันจำเป็นต้องทำต่อ”
หากเพื่อนๆ จำได้ ตอนที่เราไปตามหา Dr.Hayden, เราจะได้รับไอเทมรูปร่างคล้ายดาบ/กุญแจมา ซึ่งนั่นคือขุมพลังที่ Dr.Hayden ได้สร้างไว้ให้เราในก่อนหน้านี้ครับ //ในเกมใช้คำว่า demonic Crubicle ซึ่งมันแปลว่า เบ้าหลอมปีศาจ มันจะฟังดูแปลกๆ ดังนั้นขอเรียกว่าดาบปีศาจด้วยรูปร่างของมันนะครับ
Dr.Hayden: “เธอไม่รู้ว่าเจ้ามีดาบปีศาจ” //เธอในที่นี้หมายถึง Khan Maykr
Dr.Hayden: “ในท้ายที่สุดแล้ว แหล่งพลังงานที่เจ้าแสวงหาเพื่อกำจัดมันออกจากโลกคือสิ่งที่จะช่วยเจ้าปกป้องโลก”
Dr.Hayden: “มีเพียงดาบ Slayer’s Crucible เท่านั้นที่จะกำจัดยักษ์ได้” //หมายถึงกำจัด Icon of Sins นั่นแหละครับ
Dr.Hayden: “เจ้าจะต้องไปที่ Taras Nabad เพื่อนำดาบนั้นคืนมาก่อนจะสายเกินไป หากไม่มีมันจะไม่สามารถหยุดยั้งยักษ์ได้”
จากนั้นประตูวาร์ปจะเปิดออกเพื่อไปยัง Taras Nabad เป้าหมายของเราในการมาที่นี่คือมาตามหาดาบของเรา โดย Dr.Hayden จะบอกกับเราว่าหลังจากศึกแรกในการสู้กับปีศาจในโลกนี้ของเรา ดาบของเรายังอยู่ที่นี่
เราจะต้องบุกเข้าไปในตัวปราสาท ระหว่างทาง Dr.Hayden จะบอกกับเราว่า ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของตำนาน Slayer (ของตัวเรา) หลังจากเคลียปีศาจรอบๆ บริเวณบ่อน้ำหมดแล้ว ให้เราดำน้ำลงไปทุบรอยสีเขียวบนหินที่กำหนดเพื่อลดระดับน้ำ
เมื่อระดับน้ำลดลง เราจะสามารถปีนขึ้นมาภายในปราสาทได้ โดย Dr.Hayden จะบอกกับเราว่าความเกลียดชังที่เราเคยมีต่อพวกปีศาจ คือความหวังของผู้คนของ D’nur เช่นเดียวกันกับผู้คนบนโลก
หลังจากที่เราเดินตามทางมาเรื่อยๆ และมาถึงลานกว้างหน้าปราสาท หลังประตูนี้จะเป็น cutscene ภาพย้อนไปในอดีตถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ มีชายชุดแดงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และกำลังเดินเข้าไปที่ตรงกลาง
ชายชุดแดง: “เราต้องรีบแล้ว มีคนที่กำลังพยายามหยุดสิ่งนี้อยู่ รับไป มันจะให้พละกำลังและช่วยในการผจญภัยของเจ้า”
*ตัวเราจะเข้าไปนอนในตู้ที่เปิดออก
ชายชุดแดง: “แล้วพวกมันจะกลัวเจ้า”
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน เมื่อเราออกมาจากปราสาทแล้วเราจะต้องสู้กอบกองทัพปีศาจ โดยหลังจากเคลียหมดแล้ว เพื่อที่จะเปิดใช้งานลิฟท์ให้พาเราลงไปชั้นล่าง เราจะต้องไปต่อยตัวปุ่มสวิทช์ที่ซ่อนอยู่ทั้ง 2 อัน ตรงนี้ไม่ยากแต่อาศัยความเร็วนิดนึงครับ
เมื่อลงมาข้างล่างแล้ว จะมีอยู่ทางหนึ่งที่พาเราไปยังห้องที่เต็มไปด้วยน้ำ ให้เราเก็บชุดแล้วดำน้ำลงไป ทุบหินให้แตกแล้วระดับน้ำจะลดลง แต่ยังไม่ลดทั้งหมด โดยเราจะต้องดำน้ำหาทางทำลายหินอีกอัน เพื่อทำให้น้ำหมดไปจึงจะไปต่อได้ครับ
หากระดับน้ำลดลงจนหมดแล้วให้สังเกตที่บริเวณด้านบนของประตูจะมีสวิทช์สีเขียวยิงให้โดนเพื่อเปิดประตูครับ
เข้าประตูและเดินตามทางมาเราจะได้สู้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เมื่อเราเคลียปีศาจจนหมดเราจะต้องไปนำดาบของเราคืนมา ซึ่งปักอยู่ที่ศพของยักษ์ตนก่อนเลยครับ แต่ภารกิจของเรายังไม่จบลงเพียงเท่านี้เพราะดาบของเราจะยังใช้ไม่ได้หากขาดเหรียญตราของพลังงานไป โดยเหรียญตราจะอยู่ที่ปลายทางของมาร์คเราในตอนนี้เลยครับ
เมื่อเรานำเหรียญตราคืนมาได้แล้วจะมีลิฟท์นำเราขึ้นมายังลานกว้างให้เราไปที่ด้านหลังชั้นล่างของบัลลังก์เพื่อเปิดใช้งานสวิทช์และให้กระโดดทุบโซ่เพื่อให้หินตกลงมาพังพื้นตรงกลาง
ทางลับที่ซ่อนอยู่จะเปิดออกให้เราลงไป เป้าหมายต่อไปของเราคือการนำดาบและเหรียญตราไปหลอมเพื่อสร้างดาบขึ้นมาอีกครั้งซึ่งจะมีบ่อพลังงานอยู่ภายในนั้น เมื่อไปถึงที่หมาย เราจะได้รับ Crucible หรือดาบปีศาจที่พร้อมใช้งานนั่นเอง ซึ่งอาวุธชิ้นนี้ถือว่าแรงเอามากๆ สามารถหั่นศัตรูทีเดียวตายได้เลย แต่ต้องเลือกใช้ให้ดี เพราะมันมีชาร์จแค่เพียง 3 ชาร์จเท่านั้นต้องหาเก็บในด่านเอา
เป็นอันจบภารกิจใน Chapter นี้ครับผม
CHAPTER 10
กลับมาที่ยานของเรา Dr.Hayden จะบอกกับเราว่า
Dr.Hayden: “Urdak เปรียบเสมือนบ้านของ Maykr ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ไม่ว่าจะมนุษย์ หรือ Sentinel ต่างก็ไม่เคยมีใครเหยียบเข้าไปในมิตินั้น เราอาจจะต้องใช้ทางเข้าของพวก Maykr ที่อยู่ในเมือง Nekravol ในการเข้าไปยังพื้นที่ตรงนั้น เมื่อไปถึงที่นั่น เราจะไม่สามารถถอยกลับมาได้แล้ว ยกเว้นจะให้ VEGA เปิดประตูวาร์ปให้ และนั่นคือสาเหตุที่เจ้าต้องนำ VEGA ไป Urdak ด้วย”
VEGA: “เข้าใจแล้ว ผมกำลังแยกตัวเองจากระบบของยาน….. อยู่ในระหว่างดำเนินการ…. เคลื่อนย้ายทุกอย่างไปใน External Drive แล้ว”
*ตัวเราจะคว้า VEGA ที่เป็นลักษณะเหมือน HDD ก้อนกลมๆ ขึ้นมา
Dr.Hayden: “VEGA ไม่ได้เชื่อมต่อกับยานของเจ้าแล้ว ข้าจะตั้งค่าเปิดวาร์ปไป Nekravol ให้เจ้า ต้องการอะไรอีกไหมในการลุยครั้งนี้ เจ้าจะไม่สามารถกลับมาได้แล้วจนกว่าภารกิจของเจ้าจะเสร็จสิ้น”
เมือง Nekravol คือเมืองถูกสาปที่เปรียบเสมือนโรงงานในการแปรรูปวิญญาณที่เป็นเหยื่อของนรก ให้เป็นรูปแบบของพลังงานที่หมุนเวียนภายในนรก และภายในที่แห่งนี้ มีวาร์ปที่จะใช้เพื่อไป Urdak บ้านของ Maykr นั่นเอง
ระหว่างการเดินทางนี้ Dr.Hayden ก็จะอธิบายว่า โลกของ Maykr กำลังจะตายลง เธอจึงต้องการวิญญาณจากโลกมนุษย์เพื่อมาใช้เป็นพลังงานหมุนเวียน
//ส่วนตัวผมชอบฉากในแผนที่นี้มาก ให้บรรยากาศที่รู้สึกดได้เลยว่าเป็นขุมพลังงานอย่างที่บอกเลย
เราจะถูกนำมาปล่อยที่ทางเข้าจุดสกัดวิญญาณ โดยจะมีเสาที่คอยปกป้องเจ้าก้อนสมองอยู่ พยายามยิงลูกไฟสีม่วงให้ทันทันจังหวะที่เสาเปิดออก เมื่อเปิดออกแล้วให้ไปต่อยที่สมองก้อนนั้นและปีนขึ้นเพื่อไปต่อครับ
ในระหว่างทางจะมีห้องที่มีปุ่มสีเขียวอยู่ให้เล่น เมื่อยิงเจ้าปุ่มนี้จะเป็นการเปิดใช้กับดักให้หล่นลงมาขยี้ปีศาจอีกด้วย //เป็นการฆ่าอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจดีครับ
เมื่อผ่านไปสักระยะเราจะได้ข้อมูลจาก Dr.Hayden ว่าในสถานที่แห่งนี้ มนุษย์จะถูกนำมาทรมาน และเมื่อได้ความทรมานจนถึงจุดที่วิญญาณแตกสลาย วิญญาณนั้นก็จะถูกนำไปสกัดต่อ
หลังจากเราลุยมาได้ระยะหนึ่งจนถึงห้องโถงใหญ่ๆ ลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า เราจะต้องปราบปีศาจให้หมดและผลักรูปปั้นให้ล้มลงกระแทกพื้น เพื่อไปต่อครับ เมื่อเราลงไปแล้วจะเป็นอันจบภารกิจ Part 1 ของการเดินทางครั้งนี้ครับ
CHAPTER 11
รูที่เราลงมาใน Chapter ที่แล้วคือรูที่เชื่อมต่อมายังสะพานทางเข้าของขุมพลังงานนี้ครับ เป้าหมายของเราในครั้งนี้คือการขึ้นไปยังจุดสูงสุดของป้อมปราการนี้ เพื่อไปยังจุดส่งพลังงานที่ส่งไปยัง Urdak นั่นเอง
ระหว่างที่เราลุยอยู่ภายในป้อมปราการเราจะได้เจอกับเครื่องที่กำลังกลืนกินวิญญาณของมนุษย์โดย Dr.Hayden จะค่อยๆ บอกกับเราว่า
“คนของเจ้ากำลังถูกทรมาน ส่งวิญญาณพวกเขาไปยังโลกของ Khan Maykr ข้ารับประกันเลยว่าวิธีนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วย… การเปลี่ยนผู้นำ พวกผีดิบที่เราสู้มานั้นคืออดีตมนุษย์ที่ถูกรีดวิญญาณออกจนหมดจนกลายเป็นผีดิบ และการกระทำทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจาก Maykr และนักบวชของเธอที่ค้นพบพลังที่แท้จริงของวิญญาณว่าสามารถทำสิ่งวิเศษเหนือจินตนาการได้มากมาย การป้องกันการสูญสลายของโลก การรักษาโรคภัย และพลังที่ไร้ขีดจำกัด วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆ โดยพวกทาสของ Maykr พวก Night Sentinels ไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่ของที่แห่งนี้ เจ้าเครื่องนี้ไม่อาจสร้างได้โดยไม่มีวิทยาการของนรก Maykr ได้ทำข้อแลกเปลี่ยนกับ Dark Lord โดยสิ่งตอบแทนคือพรรคพวกของ Dark Lord จะได้กลืนกินโลกได้มากขึ้น และ Maykr จะได้สูบพลังงานจากขุมนี้”
สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ว่า Maykr กลืนกินพลังงานชีวิตของมนุษย์เพื่อสนองความต้องการของตน ส่วนการรุกรานของพวกปีศาจเกิดจากการทำสัญญาระหว่าง Maykr และ Dark Lord นั่นเอง
เมื่อเรามาถึงความสูงชั้นดาดฟ้าเราจะพบว่าหอคอยที่เราต้องไปนั้นถูกขึ้งไว้กับยักษ์สองตน โดยเราจะต้องทำลายโซ่ เพื่อทำให้เครื่องส่งพลังงานตกลงไปยังบ่อพิษที่อยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นเครื่องจะระเบิดออกและให้เรากระโดดเข้าไปในแสงพลังงานที่กำลังส่งไปยัง Urdak
CHAPTER 11.5
เราได้มาถึง Urdak ดินแดนสวยงามที่เปรียบเสมือนบ้านของ Maykr เรียบร้อยแล้ว โดยเราจะต้องรีบไปยับยั้งไม่ให้พิธีชุบชีวิต Icon of sins สำเร็จก่อนจะสายเกินไป
ภายในวิหารของ Makyr เราจะได้เข้าไปเจอกับ Khan Maykr ตัวเป็นๆ ซึ่งกำลังทำพิธีกรรมอยู่โดยภายในห้องจะมีลูกน้องของ Khan Maykr ที่กำลังล้อมหัวใจของยักษ์ Icon of Sin
Khan Maykr: “เจ้าไม่สามารถหยุดพิธีกรรมได้”
*ควักมีดออกมา กำลังจะวิ่งเข้าไปหาก้อนหัวใจ
Khan Maykr: “พวกเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้ !”
*ยังคงวิ่งเข้าไปพร้อมง้างมือแทง
Khan Maykr: “ไม่ !!!!!!!!!”
เกิดระเบิดขึ้นมาและยักษ์ Icon of Sin ได้ตื่นขึ้นพร้อมทั้งกลืนกินชีวิตพวกลูกน้องของ Khan Maykr และเข้าประตูมิติหายไป ส่วน Khan Maykr เทเลพอร์ตหนีออกจากการระเบิดได้ทัน
Dr.Hayden จะแจ้งเราว่าตอนนี้ Icon of Sin ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของ Khan Maykr อีกต่อไป ยิ่งมันอยู่บนโลกนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เราต้องเปิดประตูมิติเพื่อไปยังโลกให้เร็วที่สุด
เมื่อออกมาข้างนอกวิหารได้ เราจะเจอกับประตูวาร์ปขนาดยักษ์ แต่ก่อนที่จะใช้งานมัน เราจะต้องไปตั้งค่าใหม่เสียก่อนโดยการนำ VEGA ที่เราพกมาด้วยเสียบกับเครื่องตั้งพิกัดทั้ง 3 จุด เพื่อให้ประตูวาร์ปขนาดยักษ์เรียงตรงกัน
//ตัวละครเราจะเสียบ VEGA ทิ้งไว้เลยไม่ได้หยิบกลับมาด้วย แอบสงสาร VEGA เหมือนกันนะ
คราวนี้เราจะเหลืออีก 2 จุด ซึ่งก็สามารถไปได้ตามเส้นทางที่ตัวเกมได้มาร์คไว้ให้เลยครับ ไม่ยาก
เราจะโดน Dr.Hayden บ่นถึงสิ่งที่เราทำว่า
“เมื่อเราปลดผนึก Icon of Sin จะทำให้ยันต์ของวิหารนี้สิ้นสุดลง ตอนนี้พวกปีศาจสามารถเข้ามาในมิตินี้ได้แล้วซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย เราได้นำความฉิบหายมาสู่คนของเธอ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็เป็นความโอหังของเธอเองที่นำ Icon of Sin มาไว้ที่นี่ ” //เธอในที่นี้คือ Khan Maykr
เมื่อจัดเรียงประตูวาร์ปทั้งสามแล้ว ในขณะที่เรากำลังจะไปที่โลก เราจะต้องสู้กับ Khan Maykr ที่รอเราอยู่หน้าประตูวาร์ป โดย Dr.Hayden จะบอกเราว่า
Dr.Hayden: “Khan Maykr อยู่ที่นี่ เธอไม่อาจให้เจ้าออกจากที่นี่เพียงลำพังได้ เธอจะเป็นอมตะด้วยลูกแก้วในอกของเธอ หากเอาออกมาได้การป้องกันของเธอจะลดลง”
Khan Maykr: “นับพันปีที่เราอยู่รอดมา ทำให้คนอื่นต้องเสียสละเพื่อความเจริญของเรา แล้วพวกเขาจะได้รับการไถ่บาป… เจ้าคือใคร? แค่มนุษย์ ที่มาท้าทายขนบธรรมเนียมของเรางั้นเหรอ?”
Khan Maykr จะเข้าสู่โหมดต่อสู้ด้วยการสยายปีกออก วิธีการสู้กับเธอ คือ ให้ยิงละลายโล่ไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นใน ให้ใช้ Meat Hook เพื่อดึงตัวเองเข้าใกล้เธอ และใช้ Blood Punch เพื่อทำดาเมจ
เมื่อปราบเธอได้แล้ว เธอจะร่วงลงมาจากฟ้าพร้อมพูดว่า
Khan Maykr: “เจ้าได้ทำลายทุกอย่างที่ข้าปราถนาจะครอง และปกป้อง, เจ้าได้ทำลายยันต์ศักดิ์สิทธิ์ของ Urdak การละเมิดกฏของเจ้าจะเป็นภัยต่อทุกสรรพสิ่ง… ”
ภายหลังลูกแก้วสีทองที่อยู่กลางอกของ Khan Maykr จะระเบิดออกและเราจะกระโดดเข้าประตูวาร์ปเพื่อไปปราบ Icon of Sin ที่โลกมนุษย์
CHAPTER 12
แน่นอนว่าเราจะต้องตามหา Icon Of Sin และกำจัดมันก่อนที่มันจะกลืนกินโลกของเรา ระหว่างการตามล่า เราจะต้องกระโดดโหดปีนป่ายข้ามตึกอยู่หลายตึก และสู้กับกองทัพศัตรูที่ผ่านๆ มาของเรา
//กว่าจะไปถึงจุดบอสนี่ใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมงเลยล่ะครับ
เมื่อเราพังกำแพงที่จะพาเราไปเจอกับ Icon of Sin แล้ว เข้ามาเราก็จะเจอเจ้ายักษ์นี่ทันที
Dr.Hayden: “ตอนนี้ ได้มาถึงแล้ว การเจอกันของยักษ์ทั้งสองอย่างที่ในจารึก”
ในเฟสแรก เราจะต้องใช้กระสุนปืนธรรมดาในการทำลายเกราะของ Icon of Sin ความยากระหว่างนี้คือปีศาจระดับล่างที่จะมาเกาะแกะสร้างความน่ารำคาญให้กับเรา
เมื่อเราทำลายเกราะมันได้แล้วมันจะวิ่งหนีเราไป เราจะต้องรีบเข้าวาร์ปเพื่อไปจัดการกับมันต่อครับ โดยในครั้งนี้เราสามารถใช้อาวุธอะไรก็ได้ในการทำลายกล้ามเนื้อทั้ง 8 ชุดของมัน
หากทำสำเร็จแล้ว ตัวเราจะวิ่งไปปิดฉาก ปักดาบปีศาจกลางสมองและร่างของ Icon of Sin จะร้าวและร่วงลงจากเหวครับ
King Novik: “… และเจ้าจะเป็นผู้กอบกู้ของพวกเขา พละกำลังของเจ้าจะเป็นโล่สำหรับพวกเขา และ… ความตั้งใจของเจ้า จะเป็นดาบของพวกเขา… เจ้ายังคง… ไม่ถูกปลดปล่อย… การต่อสู้ของเจ้า… คือชั่วนิรันดร์”