ในอีกไม่กี่เดือนเจ้าเครื่อง Switch จาก Nintendo จะอายุครบ 3 ขวบด้วยอดขายมากกว่า 50 ล้านเครื่องทั่วโลก
ถือว่าเป็นคู่หูคู่บี้ไล่กันมากับเครื่อง PlayStation 4 จาก Sony ที่เพิ่งสรุปตัวเลขยอดขายรวมกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือ Nintendo ได้มีเกมที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านแผ่นไปแล้วทั้งสิ้น 6 เกม ด้วยกัน ในขณะเดียวกัน PS4 มีเพียง 5 เกมเท่านั้น
จากข้อมูลการปิดยอดในช่วงสิ้นปี2019ที่ผ่านมา เราจึงได้ข้อสรุป 10 เกมขายดีตลอดกาลบนเครื่อง Nintendo Switch อยากรู้แล้วล่ะสิ ไปดูกันเลยย
10. Luigi’s Mansion 3: ขายไปแล้ว 5.37 ล้านแผ่น
เปิดตัวเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2019 เทียบกับจำนวนยอดขายแล้ว ถือว่ามหาศาลเป็นอยากมาก เพราะด้วยระยะเวลาเพียง 2 เดือนก็สามารถแซงเกมรุ่นพี่ที่เปิดตัวในช่วงกลางปี 2018 อย่าง Mario Tennis Aces ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 ได้อย่างขาดลอย โดย Mario Tennis Aces ทำยอดขายได้เพียง 2.75 ล้านแผ่นเท่านั้น
เกม Luigi’s Mansion 3 เป็นเกมแนว Action-adventure ที่จะให้เพื่อนๆ ได้รับบทเป็น Luigi น้องชายของ Mario มาดูดผีในโรงแรม ตัวเกมมีรูปแบบกันเล่นแบบแอ็คชั่น 3D มุมมองจำกัด เน้นไปที่การสำรวจค้นหา สู้กับผี และแก้ปริศนาต่างๆ แน่นอนว่าการกำจัดผีแต่ละตัวนั้นมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป ระดับความยากของผีแต่ละตัวก็ไม่เท่ากันทำให้ผู้เล่นต้องคิดถึงกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเอาชนะผีได้นั่นเอง
คะแนนความน่าซื้อ: 8.5/10
9. New Super Mario Bros. U Deluxe: ขายไปแล้ว 5.85 ล้านแผ่น
การกลับมาอีกครั้งของเกม New Super Mario Bros. U Deluxe ที่เคยวางจำหน่ายไปในปี 2012 บนเครื่อง WiiU โดยในภาคนี้จะเรียกว่าเอาเกมเดิมมาขายก็ได้ครับ แม้ว่ากราฟิกในเกมแทบจะไม่ได้ปรับอะไรเลย แต่ตัวเกมเดิมทำมาค่อนข้างดีอยู่แล้ว การมาอยู่บนเครื่อง Switch ก็จะสามารถทำให้ตัวเกมเล่นได้ 60 FPS เกมเพลย์ในเกมนี้จะเหมือนกับมาริโอ้ในภาคก่อนๆ มีไอเทมพาวเวอร์อัพให้เก็บทั้งเห็ด ดอกไม้ไฟ และอื่นๆ อีกมากมาย จุดเสริมใหม่ๆคงเป็นวอลนนัตที่ทำให้เรากลายร่างเป็นร่างแรคคูนทำให้สามารถบินได้ ร่อนกลางอากาศได้ อีกทั้งตัวละครที่ขาดไม่ได้อย่างไดโนเสาร์น้อยโยชิ ผู้ช่วยตัวสำคัญที่จะมาช่วยให้เราผ่านด่านได้ง่ายขึ้นอีกด้วยครับ
คะแนนความน่าซื้อ: 7/10
8. Super Mario Party: ขายไปแล้ว 9.12 ล้านแผ่น
เกมแนว Party ที่ดีที่สุดบนเครื่อง Switch ซึ่งมาพร้อมกับมินิเกมกว่า 80 เกม เช่น พายเรือ ตกปลา ตีกลอง วิ่งไล่จับ เตะบอล วิ่งแข่ง จุดโดดเด่นอีกอย่างนึงคือความเพลิดเพลินในการใช้ Joy-con ประกอบท่าทางในการเล่นเกมต่างๆ โดยตัวเกมรองรับผู้เล่นมากถึง 4 คน หยิบมาเล่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ของมันต้องมีครับ แม้ยอดขายจะดูน้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลากว่า 1 ปีที่ปล่อยออกมา แต่เป็น 1 ในเกมขึ้นหิ้งที่ห้ามพลาดครับ
คะแนนความน่าซื้อ: 10/10
7. Splatoon 2: ขายไปแล้ว 9.81 ล้านแผ่น
เกมแนว Thrid-person shooter ที่เปลี่ยนจากการสาดกระสุนมาเป็นน้ำหมึกแทน โดยการควบคุมในเกมนี้ค่อนข้างน่าสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากมีระบบในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของ Joy-con เพื่อปรับเปลี่ยนมุมกล้องซึ่งทำให้การเล่นของเราเป็นไปอย่างลื่นไหลและได้ประสบการณ์ที่พิเศษสุดๆ ตัวเกมมีทั้งระบบ Single Player คือโหมดเนื้อเรื่องทั่วไป และ Multiplayer ที่จะให้ผู้เล่นทั้งสองทีมมาสาดน้ำหมึกใส่กัน
คะแนนความน่าซื้อ: 7.5/10
6. Pokemon: Let’s Go, Pikachu! / Let’s go, Eevee!: ขายไปแล้ว 11.76 ล้านแผ่น
เกมแนวโปเกม่อนที่ผสมผสานระหว่าง Pokemon GO และ Pokemon Yellow ในภาคนี้เหมือนจะเป็นภาคที่ทำมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ชาวโปเกม่อนโดยเฉพาะ เพราะในภาคนี้โปเกม่อนได้ถูกพัฒนากราฟิกได้อย่างดูดี และการจับโปเกม่อนในภาคนี้มีความแตกต่างกับภาคอื่นตรงที่ภาคนี้ผู้เล่นจะต้องทำท่าเสมือนเราปาโปเกบอลไปจับจริงๆ และต้องทำให้ตรงจังหวะถึงจะมีโอกาสจับติด ภาพรวมของภาคนี้จะเป็นสไตล์การเดินจับโปเกม่อนป่าชิวๆ มากกว่าการแบทเทิล
คะแนนความน่าซื้อ: 7/10
5. Pokemon Sword and Shield: ขายไปแล้ว 16.06 ล้านแผ่น
หลังจากการวางจำหน่ายของ Pokemon: Let’s Go เป็นเวลากว่า 1 ปีเต็มก็ถึงคราวของ Pokemon ภาคหลักสักที นั่นก็คือการมาของ Pokemon Sword and Shield นั่นเอง โดยในภาคนี้เราจะได้รับประสบการณ์การแบทเทิลของโปเกม่อนที่ไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ G-Max หรือร่างยักษ์ของโปเกม่อนนั่นเอง แม้ว่าภาคนี้จะเป็นการเน้นไปที่การแบทเทิลเป็นหลักแต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ด้อยเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งในช่วงกลางปี 2020 ยังมีภาคเสริมเข้ามาให้เสพกันอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
คะแนนความน่าซื้อ: 8/10
4. The Legend of Zelda: Breath of the Wild: ขายไปแล้ว 16.34 ล้านแผ่น
เกมแนว Action-adventure / Open World ที่ยอดเยี่ยมสุดบนเครื่อง Switch ณ ปัจจุบันด้วยระบบต่อสู้สุดมันส์ (จนหัวร้อน) รูปแบบอาวุธและลูกเล่นที่หลากหลาย เช่นการนำปลายธนูไปจุดไฟเพื่อยิงถังระเบิด การทำอาหารเพื่อเตรียมพร้อมรับสถาณการณ์ต่างๆ เกริ่นสักนิดว่าเกมนี้เป็นเกมที่สามารถทำให้เพื่อนๆ หัวร้อนกันได้ง่ายมากๆ เพราะความยากของเกมนี้ไม่ได้มีเพียงแต่การฆ่าบอส แต่มอนสเตอร์ทั่วไปก็ยากเช่นเดียวกัน การโดน One Hit Kill ถือเป็นเรื่องที่ปกติกว่าการเอาชนะบอสในเกมนี้
คะแนนความน่าซื้อ: 9/10
3. Super Mario Odyssey: ขายไปแล้ว 16.59 ล้านแผ่น
การยกระดับกราฟฟิกของแฟรนไชส์เกม Mario ในภาคนี้ทำให้เราไม่แปลกใจเลยกับยอดขายถล่มทลายขนาดนี้ นอกจากภาพกราฟฟิกที่ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ความน่าสนใจของเกมนี้ยังไม่จบเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะจุดโดดเด่นของเกมนี้คือความแตกต่างกันมากทั้งภูมิประเทศและผู้คนในแต่ละอาณาจักร การไปเยือนอาณาจักรต่างๆ จะมีเสียงเพลงประกอบ และบรรยากาศที่เปลี่ยนไป บอสบางตัวเป็นบอสตัวที่เราคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน รายละเอียดต่างๆ คงไม่สามารถพูดได้จนหมดเพราะมันเยอะมากๆ คงต้องไปลองเล่นกันเองครับ
คะแนนความน่าซื้อ: 9.5/10
2. Super Smash Bros. Ultimate: ขายไปแล้ว 17.68 ล้านแผ่น
เกมแนว Fighting ที่รองรับผู้เล่นได้มากสุดถึง 8 คน โดยในเกมนี้จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการมองเกมแนว Fighting เดิมๆ ของผู้เล่นอย่างแน่นอน ตัวละครในเกมมีมากกว่า 74 ตัวละครจากเกมดังในค่าย Nintendo และมีฉากให้เล่นมากกว่า 100 ฉาก ความแปลกใหม่ของเกมนี้คือการไม่มีหลอดเลือด และเป้าหมายไม่ใช่การฆ่าศัตรู แต่เป็นการดีดศัตรูให้ออกจากฉากให้ได้ ทุกครั้งที่ตัวละครโดนโจมตี ตัวละครนั้นๆ จะมีตัวเลข % ที่สูงขึ้น ซึ่งตัวเลขนั้นหมายถึง % ที่เมื่อโดนโจมตีครั้งต่อไป จะกระเด็นออกจากฉากนั่นเอง Mood & Tone ในเกมนี้เมื่อเล่นหลายๆ คนจะวุ่นวายสุดๆ เลยล่ะ เรียกว่าเป็นปาร์ตี้เกมก็ได้ เป็นไฟท์ติ้งเกมสนุกๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน
คะแนนความน่าซื้อ: 9.5/10
1. Mario Kart 8 Deluxe: ขายไปแล้ว 22.96 ล้านแผ่น
คุ้นเคยกันดีกับซีรีย์ Mario Kart หนึ่งในเกมยอดนิยมและประสบความสำเร็จตลอดกาลของปู่นิน ด้วยยอดขายที่ไม่ว่าจะลงขายภาคไหนก็ถล่มทลายครองอันดับต้นๆ เสมอ รวมไปถึงภาคนี้ด้วยเช่นเดียวกันที่แซงอันดับ 2 ได้อย่างขาดลอย
ในภาคนี้ไม่เพียงแต่มีระบบขับรถและใช้ไอเทมแกล้งกันเท่านั้น แต่ยังมีโหมดใหม่อย่าง โหมดแบทเทิล โหมดชิงธง โหมดไล่จับ โหมดเก็บเหรียญ และโหมดระเบิด โดยตัวละครในภาคนี้ไม่ได้มีแค่ตัวละครจาก Mario เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะใน DLC ยังมีตัวละครจากเกมอื่นอย่าง Link จาก Zelda อีกด้วย
แม้ว่าตัวเกมจะดูคล้ายๆกับภาคก่อนๆที่เคยลงบนเครื่อง WiiU มาแล้ว แต่สิ่งที่ปู่นินเสริมเข้ามาอย่างมหาศาลนี้ จะเปลี่ยนมิติการเล่นและความน่าเบื่อจำเจของเพื่อนๆ ไปอย่างแน่นอนครับ
คะแนนความน่าซื้อ: 9.5 /10