กับบางเกมนั้นภาพอาจจะไม่ต้องสวย เกมเพลย์อาจจะไม่ต้องลึกมากนัก แต่ตัวเกมก็ยังสามารถประสบความสำเร็จอยู่ได้หากมี “เนื้อเรื่อง” ดีพอ ซึ่งเราสามารถเห็นตัวอย่างได้จากหลายเกมในทุกวันนี้
แต่แน่นอนว่าการจะสร้างเนื้อเรื่องที่ดีนั้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นแต่ละเกมจึงพยายามหาพล็อตเนื้อเรื่องต่างๆ มาดึงดูดผู้เล่นกันนั่นเอง โดยในบทความนี้ผมก็จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ “10 อันดับเกมเนื้อเรื่องดีสุดแสนซับซ้อนแห่งวงการ” กับเกมที่มีเนื้อเรื่องชวนติดตาม แต่อาจจะต้องใช้เวลาและความเข้าใจสักหน่อยในการตีความ ส่วนจะมีเกมอะไรบ้างเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
Kingdom Hearts
ผลงานอันยิ่งใหญ่จากค่าย Square Enix กับการเดินทางออกผจญภัยของ Sora, Donald และ Goofy ภายในเกม Kingdom Hearts นั่นเอง ซึ่งถ้าใครเคยผ่านกับแฟรนไชส์นี้มาก่อนคงจะเข้าใจกันดีว่าเนื้อเรื่องมันช่างซับซ้อนและปวดหัวกันขนาดไหนล่ะนะ
ด้วยว่าตัวเกมมีการเชื่อมโยงกับผลงานค่ายอื่นอย่าง Disney หรือ Pixar เข้ามาด้วย จึงทำให้ภายในเกมมีตัวละครเยอะมากและค่อนข้างจะมีหลายจักรวาลรวมกันไว้ ทำให้พอมาลงไว้ในเกมเดียวแล้วทางค่ายต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมา นั่นจึงทำให้เนื้อเรื่องเรียกได้ว่าซับซ้อนและกว้างมากเลยทีเดียว ชนิดว่าคนเขียนบทยังเคยออกปากบ่นว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง” ท่ำให้นี่เป็นหนึ่งในเกมที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนและมีเนื้อเรื่องดีมาก ใครชอบมิกกี้เมาส์หรือเหล่าผองเพื่อนก็แนะนำเลยครับ
Final Fantasy XIII
อีกหนึ่งผลงานจากค่ายเหลี่ยม Square Enix เช่นเดียวกัน กับเกมภาคต่อในลำดับ 13 แห่งแฟรนไชส์แฟนตาซีสุดท้ายกับ Final Fantasy XIII ซึ่งเคยได้มีการวางจำหน่ายให้กับเครื่อง PS3 และ Xbox360 ไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2009 ถือเป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับการกล่าวขานว่าเนื้อเรื่องซับซ้อนจนน่าปวดหัวมากเลยล่ะ
ภายในเกมภาคนี้จะมีการกำเนิดของ l’Clie และ fal’Cie ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในการเรียกแทนผู้ได้รับพลังและตัวตนของเทพเจ้า โดยสองคำนี้จะมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องระดับนึงเลยทำให้ระหว่างเล่นเราต้องมานั่งแยกว่าอันไหนเป็นอันไหน คนนี้เป็น I หรือ fal ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องซับซ้อนปวดหัวมากพอแล้ว ตัวเกมดันมีภาคต่ออย่าง XIII – 2 ที่พาให้ตัวเจ๊ Lightning ของเราไปกลายเป็นเทพเจ้าพร้อมทั้งยังย้อนเวลาได้อีก ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้นเลยล่ะ คือถ้าเกิดใครไม่เข้าใจพล็อตหลักก็คงนั่งเอ๋อว่า “นี่มันอะไรฟระเนี่ย”
Metal Gear Solid
เกมที่ทำให้ Hideo Kojima กลายมาเป็นนักสร้างเกมระดับตำนานในทุกวันนี้ก็ว่าได้กับแฟรนไชส์ Metal Gear Solid จากทางค่าย Konami ว่าถึงเรื่องราวของลุง Snake ในการทำภารกิจกอบกู้โลกหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับเนื้อเรื่องอันซับซ้อนและเข้มข้นสุดๆ ไปเลย
เนื้อเรื่องภายในเกมจะมีการเล่าถึงการเดินทางข้ามเวลาบ้าง การเข้าไปเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์บ้าง ไปจนถึงการสลับเล่าเนื้อเรื่องระหว่างอดีตกับปัจจุบัน จึงทำให้หลายๆ คนที่ตามไม่ทันอาจจะมึนตึ้บไปเลย หรืออย่างในบางภาคก็มีการใส่ร่างโคลน ฉากตายปลอมๆ หรือแม้แต่พลังวิเศษที่ไม่มีการอธิบายอะไรเลยเข้ามาเสริมทัพอีก จึงไม่น่าแปลกใจนักว่าทำไมเนื้อเรื่องถึงได้ซับซ้อนขนาดนี้น่ะ แต่เอาจริงๆ ใครตามทัน Metal Gear Solid นี่นับเป็นเกมเนื้อเรื่องชั้นยอดเลยนะ
Death Stranding
มาต่อกันเลยแล้วกันกับอีกหนึ่งผลงานของคุณ Hideo Kojima เพียงแต่ในคราวนี้ไม่ได้ทำงานร่วมกับ Konami แล้ว นะ แต่ได้ออกมาเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองกับ Kojima Production พร้อมให้กำเนิดเกมอย่าง Death Stranding ออกมา โดยตัวเกมก็ยังคงสไตล์ความเป็นคุณ Kojima ไว้อย่างเต็มตัวเลยทีเดียว
ด้วยสไตล์ของคุณ Kojima เนี่ยแล่ะภายใน Death Stranding จะมีการเล่าเรื่องย้อนไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีตคล้ายกับผลงานของตัวแกในเกมก่อนๆ แถมยังมีการเล่าเรื่องโลกเบื้องหน้าโลกเบื้องหลังอีก ในช่วงแรกผมมั่นใจเลยไม่ว่าใครเล่นก็ต้องงงตึ้บกันหมดทั้งนั้นแล่ะ คือมันซับซ้อนลึกซึ้งเกินไปมากโดยเราต้องทนอยู่อย่างนั้นแทบจะทั้งเกมเลย ก่อนในตอนท้ายเรื่องปมต่างๆ จะค่อยคลายออกเฉลยให้เราได้รู้ ต้องขอบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งเกมมาสเตอร์พีซด้านเนื้อเรื่องเลยทีเดียว แถมดาราและคนดังมากมายยังมาร่วมแสดงภายในเกมอีกด้วย
Destiny
เกม MMO แนว FPS Shooter Looter ชื่อดังของทาง Bungie ซึ่งปัจจุบันก็ทำออกมาถึง 2 ภาคแล้วด้วยกัน กับแฟรนไชส์ของ Destiny หลายคนอาจจะโฟกัสกับในส่วนของเกมเพลย์ซะเป็นหลัก จนไม่เคยรู้เลยว่าเนื้อเรื่องภายในเกมนี้ดีเลิศมากแถมความซับซ้อนก็ไม่ใช่ระดับที่มือสมัครเล่นจะเข้าใจได้ง่ายๆ เลยอีกด้วย
เมื่อโลกเราก้าวลํ้าไปข้างหน้าจนถึงขั้นสามารถติดต่อกับผู้มาเยือนจากต่างโลกได้จะเป็นยังไงล่ะ นั่นคือพล็อตเรื่องของตัวเกมนี้ก็ว่าได้ เราจะต้องโฟกัสเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากเหล่าผู้มาเยือนเหล่านี้ แถมยังมีการอ้างอิงถึงความลับแห่งจักรวาล พลังวิเศษอันหาที่มาไม่ได้ ไปจนถึงเรื่องราวรอแถลงไขอีกมากมาย ซึ่งพอนำมาบีบเป็นเกม MMO ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนมากพอสมควรเลยล่ะ เอาเป็นว่าต้องไปลองเล่นกันดูแล้วจะเข้าใจกันแบบถ่องแท้เลย
Deadly Premonition
ผลงานแนวสยองขวัญ Open World จากปี 2010 จากเครื่อง PS3 และ Xbox360 ก่อนจะพอร์ตมาลงให้ PC ในปีเดียวกันรวมถึงมีการลงให้เครื่อง Nintendo Switch ไปเมื่อปี 2019 กับจุดเด่นคือเนื้อเรื่องสุดแปลกพิลึกพิลั่นจนกลายเป็นหนึ่งในเกม Cult ไปแล้วในวันนี้ เกมที่สื่อไม่ชอบ แต่แฟนเกมชอบล่ะนะ
ด้วยความเละเทะภายในเกม ทั้งระบบเนื้อเรื่อง ตัวละคร ระบบเกมเพลย์ โดยทุกสิ่งอย่างภายในเกมมันไม่ได้มีความเข้ากันเลยแม้แต่นิด แต่ก็เพราะไอความเละเทะแบบกู่ไม่กลับนี้นี่ล่ะจึงเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนเกมชอบ แน่นอนว่าตัวเนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่ ”คาดเดาไม่ได้” เลย ทั้งความดราม่า ตลก สยองขวัญ ไปจนถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ ผีสางนางไม้มาครบ พอเอามาผสมปนเปคนให้เข้ากันนิดๆ มันก็ทำให้ตัวเกมมีสเน่ห์แบบแปลกๆ จนกลายมาเป็น Deadly Premonition นี่ล่ะ เละเทะมั่วตั้วขนาดไหนก็ลองไปดูกันเอาเลยแล้วกันแค่เห็นหน้าตัวละครเราก็หลอนพอแล้วล่ะ
Bloodborne
อีกหนึ่งเกม Action RPG ซึ่งถูกสร้างโดยคุณ Hidetaka Miyazaki ผู้ให้กำเนิดเดียวกับเกมปาจอยทิ้งอย่าง Demon Soul และ Dark Soul นั่นเอง โดยตัวเกม Bloodborne นี้ก็เป็นตัวเกม Exclusive อยู่บนเครื่อง PS4 ซึ่งยังคงมีการพูดถึงตลอดจนถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งเกมที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้แฟรนไชส์ของ Soul เลยทีเดียว
ทั้งเรื่องโรคระบาดเอย พันธะสัญญาเอย ทั้งเหล่า Hunter อสูรกาย Beast คือแต่ละอย่างภายในเกมนี้คือมีเรื่องราวเป็นของตนหมดเลย พอเอาหลายๆ อย่างนี้มารวมกันเพื่อถ่ายทอดจึงส่งผลให้เนื้อเรื่องค่อนข้างจะมีความซับซ้อนพอสมควร แต่ถ้าใครเข้าใจว่าต้นสายปลายเหตุเกิดจากอะไรและสรุปเรื่องราวได้ก็จะรู้เลยว่า Bloodborne เนี้ยมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นดีเยี่ยมไม่น้อยหน้าส่วนอื่นๆ ของตัวเกมเลย
Assassin’s Creed
การอ้างอิงหรือเข้าไปเป็นส่วนนึงในหน้าประวัติศาสตร์ก็นับเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยสำหรับการสร้างเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟรนไชส์ของเหล่ามือสังหารอย่าง Assassin’s Creed กับเนื้อเรื่องสุดแสนซับซ้อนในแต่ละภาค จนบางครั้งถึงกับต้องเปิดหนังสือประวัติศาสตร์อ่านควบคู่ระหว่างเล่นเลยทีเดียว
ภายในเกมจะว่าถึงเหล่าผู้คนในปัจจุบันกับการตามหาสมบัติจากผู้มาก่อนกาล ทำให้พวกเขาต้องใช้เครื่องมือในการย้อนอดีตไปหาเบาะแส ซึ่งนั่นจะทำให้ตัวเกมมีการเล่าสลับไปมาระหว่างปัจจุบันและอดีต นอกจากนี้ภายในเกมยังการแบ่งเป็นกลุ่มของมือสังหาร-เหล่าเทมพลาร์อีก ยังไม่นับในภาคหลังๆ ที่มีเหล่ามนุษย์ต่างดาวเข้ามาพัวพันด้วยอีกนะ จึงทำให้ภายในเกมมีความซับซ้อนและมีสเน่ห์จนครองใจแฟนๆ มาได้ถึงทุกวันนี้
Gears of War
เชื่อว่าแฟนเกมแนวแอ็คชั่น-ชูตติ้งคงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับแฟรนไชส์ของ Gears of War หรอกจริงไหม โดยธีมหลักเนื้อเรื่องของตัวเกมจะเป็นสงครามระหว่างมนุษย์และเหล่าเอเลี่ยน Locusts ซึ่งมันควรจะเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน แต่กับเกมนี้นั้นไม่เหมือนอย่างคิดเลยซะทีเดียว
ในช่วงแรกมันก็ยังไม่มีอะไรมากนักหรอก แต่ประเด็นมันจะมาเริ่มเมื่อตัวเกมเริ่มตั้งคำถามให้เราคิดตามว่า ถ้าหากจริงๆ แล้วเจ้า Locusts พวกนี้มันไม่ใช่เอเลี่ยนแต่เป็นมนุษย์เหมือนกับเราล่ะ? แล้วถ้าอย่างนั้นตัวละครของเราหรือเพื่อนร่วมทีมจริงๆ แล้วเป็นมนุษย์หรือ Locusts กันแน่? ทำให้เมื่อเริ่มมีคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นมา มุมมองต่อเกมของเราจะเปลี่ยนไปสิ้นเชิงเลย ส่งผลให้เรามีความหวาดระแวงและเกิดคำถามอื่นๆ ตามมาไม่หยุด สุดท้ายก็จะส่งผลให้เนื้อเรื่องมันดูซับซ้อนโดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมาก แค่ทำให้แฟนเกมเกิดคำถามขึ้นในหัวก็พอแล้ว
Beyond : Two Souls
หนึ่งในเกมอันได้ชื่อว่ามีเนื้อเรื่องเยี่ยมที่สุดและเข้าใจยากไม่แพ้กัน ผลงานจากทางค่าย Quantic Dream ในเกม Beyond : Two Souls นั่นเอง กับการออกเดินทางของสาวน้อย Jodie Holmes ผู้มีวิญญาณอีกดวงนามว่า Aiden ซึ่งคอยปกป้องเธอเสมอมา รวมทั้งยังเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหลายนี้อีกด้วย
ตัวเกมจะมีความซับซัอนกว่าเกมอื่นๆ มากเลย ภายในเกมจะมีการเล่าสลับกันไปมาหลายช่วงเวลา ทั้งช่วยสมัยเด็ก สมัยวัยรุ่น สมัยวัยรุ่นตอนปลาย รวมถึงสมัยปัจจุบันของ Jodie โดยในแต่ละช่วงเวลาแทบจะไม่มีการอธิบายจุดเชื่อมโยงอะไรเลยด้วย ถ้าเราต้องการเข้าใจเนื้อเรื่องจริงๆ เลยจำเป็นต้องมานั่งวิเคราะห์และสรุปเรียบเรียงเอาเอง นอกจากนี้ภายในเกมยังมีตัวเลือกมากมายส่งผลต่อเนื้อเรื่อง ซึ่งบางครั้งตัวเลือกเพียงข้อเดียวอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายจุดเลยด้วยซํ้า ทำให้ Beyond : Two Souls นั้นจัดเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ แต่ก็มาพร้อมด้วยเนื้อเรื่องดีไม่น้อยหน้ากันเลยล่ะ
จากทั้งสิบอันดับที่เลือกมา เพื่อนๆ ชื่นชอบเกมไหนกันบ้างล่ะ ส่วนตัวผมชอบ Kingdom Hearts และ Assassin’s Creed นะ ถึงแม้อาจจะไม่ได้เล่นครบทุกภาคก็เถอะ และถึงแม้ทั้งสองเกมอาจจะมีเนื้อเรื่องงงๆ เข้าใจยากไปบ้าง แต่พอเรียบเรียงแล้วทำความเข้าใจได้ถือว่าเนื้อเรื่องดีสุดๆ ไปเลยทีเดียว เอาเป็นว่าลองคอนเมนต์หรือแนะนำเพิ่มเติมได้เช่นเคยนะ