Rockstar Games หนึ่งในสตูดิโอยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งวงการวีดีโอเกม ค่ายที่เหล่าแฟนเกมต่างต้องรู้จักหรือไม่อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อผ่านหูกันมาบ้าง ซึ่งก็เคยฝากผลงานอันเลื่องชื่อมามากมายรวมถึงซีรี่ส์เกมดังอย่าง Grand Thieft Auto และ Red Dead Redemption เองก็เป็นผลงานจากทางค่ายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Grand Thieft Auto 5 ก็ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเกมขายดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วย
ถึงแม้ว่าทางสตูดิโอจะประสบความสำเร็จมากขนาดไหนก็ตาม แต่รู้รึเปล่าว่าทาง Rockstar Games นั้นก็เคยมีโปรเจ็คล้มเหลวอยู่และไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้ จนถึงขั้นยกเลิกเกมกำลังพัฒนาอยู่หรือแม้แต่หยุดการสร้างภาคต่อไปเลยก็มี แต่ก็คงเรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับความสำเร็จของทางค่ายล่ะนะ
โดยในบทความนี้เราจะมาดูถึง 5 เกมสุดน่าเสียดายที่ถูกทอดทิ้งจาก Rockstar – เกมภาคต่อและโปรเจ็คถูกยกเลิกจากค่ายเกมฟอร์มยักษ์ ส่วนจะมีเกมอะไรกันบ้างนั้นเรามาดูกันดีกว่า
Grand Theft Auto : Online Crime World
หนึ่งในแฟรนไชส์อันประสบความสำเร็จสูงสุดประจำค่าย Rockstar กับ Grand Theft Auto (GTA) หรือที่เกมเมอร์บ้านเราเรียกกันติดว่า เกมขโมยรถ กับจุดเด่นการเล่นอย่างอิสระสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้มากมายภายในเกม สำหรับตัวเกมในภาคล่าสุดอย่างภาค 5 นั้นก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ยังคงมียอดผู้เล่นสูงอยู่ตลอดไม่ลดลงเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหมดการเล่นแบบ Online หรือ Multiplayer นั่นเอง
แต่เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่าโหมดการเล่นแบบ Multiplayer ของ GTA นั้นเคยมีการวางแผนจะนำมาใช้ตั้งแต่เมื่อปี 1999 โน่นเลยทีเดียว ซึ่งก็ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกกับนิตยสาร PC Zone ฉบับที่ 83 กับเกม Grand Theft Auto : Online Crime World โดยมีแผนจะเปิดให้บริการกับทางฝั่งของ PC นั่นเอง
หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวบนนิตยสารฉบับดังกล่าว ตัวเกมก็ได้เงียบหายไปเลย ไม่มีการเผยข่าวคราวความคืบหน้าอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว จนสุดท้ายเหล่าแฟนเกมต่างมั่นใจแล้วว่าโปรเจ็คดังกล่าวได้ถูกทางค่ายทอดทิ้ง และได้ถูกยกเลิกการพัฒนาไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะทางค่ายนั้นได้มีการวางจำหน่าย GTA III ออกมาภายในปี 2001 แทนนั่นเอง
Bully 2
อีกหนึ่งผลงานชิ้วโบว์แดงของทางค่ายกับ Bully หรือชื่อเล่นว่า GTA เวอร์ชั่นเด็กหอ เปลี่ยนจากการไล่ทำภารกิจขโมยรถต่างๆ มาเป็นการเอาตัวรอดภายในรั้วโรงเรียนแทน โดยภายในเกมจะให้ทางฝั่งของผู้เล่นได้รับบทบาทเป็น Jimmy เด็กนักเรียนผู้ย้ายเข้ามาใหม่ ผู้ซึ่งต้องคอยหาทางเอาตัวรอดภายในรั้วโรงเรียนแห่งนี้จากเหล่าอันธพาลทั้งหลาย รวมไปถึงเหล่านักเลงทั้งหลายประจำโรงเรียน พร้อมคอยทำภารกิจต่างๆ มากมายให้ได้ทำกันยาวๆ เลย
ซึ่งตัวเกมจะมีกลิ่นอายและสไตล์การเล่นอันแทบจะเหมือน GTA เลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังมีจุดเด่นหลายๆ อย่างทำให้ตัวเกมเองนั้นดูน่าสนใจ และทำให้ได้การยอมรับจากเหล่าแฟนๆ จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีการพูดถึงไปทั่วโลกด้วยเช่นเดียวกัน
ด้วยกระแสบการตอบรับอย่างล้นหลามจากเหล่าแฟนๆ จึงทำให้มีข่าวลือออกมาว่าทาง Rockstar เคยแอบซุ่มพัฒนา Bully 2 อยู่เมื่อตอนช่วงต้นปี 2010 ปัจจุบันก็ผ่านมากว่า 10 ปีแล้วแต่เราก็ยังไม่ได้เห็นข่าวคราวหรือความคืบหน้าอะไรเลย จึงทำให้พอค่อนข้างจะฟันธงได้แล้วว่าทางค่ายได้ยุติการพัฒนาตัวเกมดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อย
Agent
เกมที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากหลังมีการประกาศเปิดตัวออกมากับ Agent เกมแนวสายลับในกลิ่นอายสไตล์ เจมส์บอนด์ 007 เลยก็ว่าได้ โดยภายในเกมจะให้ทางฝั่งของผู้เล่นได้รับบทบาทเป็นสายลับในช่วงของ สงครามเย็น หรือ Cold War ทางค่ายเองก็ได้มีการเผยเนื้อเรื่องบางส่วนออกมาพร้อมโม้ถึงระบบและความเทพต่างๆ ของตัวเกมเอง จนทำให้เป็นอีกหนึ่งเกมที่เหล่าแฟนเกมคาดหวังและรอคอยมันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่การรอคอยของเหล่าแฟนๆ นั้นก็ไม่เคยได้การตอบรับกลับมาเลย เพราะนับตั้งแต่การเปิดตัวในครั้งแรก เราก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของเกมๆ นี้อีกเลย เหมือนกับว่าทาง Rockstar ทำเหมือนกับมันไม่มีตัวตนอยู่ จนกระทั่งเมื่อช่วงปีปลายปี 2018 ทางค่ายก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าได้ยุติการพัฒนาตัวเกมดังกล่าวจริง หลังจากที่มีการเปิดตัวมาถึง 9 ปีเลยทีเดียว
นับว่าเป็นอีกหนึ่งเกมสุดแสนจะน่าเสียดายไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่แน่นะบางทีภายในอนาคตทางค่ายอาจจะมีแนวคิดหยิบตัวเกมดังกล่าวกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้งก็เป็นได้
L.A. Noire – Sequel
เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่านอกเหนือจากเกมแนวตะลุยทำภารกิจกับแนวยิงแล้ว ทาง Rockstar เองนั้นก็เคยมีเกมแนวสืบสวนกับเขาเหมือนกัน กับเกม L.A. Noire นั่นเอง หลังจากที่ตัวเกมได้เปิดตัวออกมานั้นก็เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาให้กับวงการเกมเลยก็ว่าได้ ด้วยการทุ่มทุนนำระบบ Motion Capture และ Motion Scan เข้ามาใช้เพื่อทำให้ตัวละครภายในเกมนั้นสามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาได้ ยิ่งพอนำมาใช้กับเกมแนวสืบสวนด้วยแล้วล่ะก็ ตัวเกมจึงมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอย่างทวีคูณเลย
ถึงแม้ระบบ Motion Scan หรือการ แสดงสีหน้าอารมณ์ นั้นจะไม่ได้เรียกว่าแปลกใหม่สำหรับทุกวันนี้ แต่เพื่อนๆ ลองมองย้อนกลับไปในช่วงที่ตัวเกมวางจำหน่ายดูสิตั้งแต่เมื่อปี 2011 โน่นเลย ขนาดปัจจุบันระบบดังกล่าวยังมีค่าใช้จ่ายสูงลิ่วในการใช้งาน แล้วเมื่อช่วง 9 ปีก่อนจะต้องใช้งบประมาณมากขนาดไหนจึงจะสามารถสร้างเกมๆ นี้ออกมาได้กันล่ะ แค่คิดเป็นมูลค่าเงินก็น่ากลัวพอแล้วซึ่ง
ซึ่งนั่นก็ทำให้ตัวเกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในด้านยอดขายและด้านคำวิจารณ์ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมกลับไม่ได้มีการถูกนำมาทำภาคต่อหรือพัฒนาอีกเลย และถึงแม้จะมีการนำมาลงใหม่ให้กับเครื่อง PS4 และ VR แต่ก็ไม่ได้มีการเพิ่มเนื้อหาอะไรใหม่ จึงทำให้ตัวเกมดังกล่าวต้องปิดตำนานอยู่แค่เพียงภาคเดียวเท่านั้นซึ่งนับว่าน่าเสียดายมาก โดยสาเหตุก็ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด บ้างก็บอกว่า Rockstar หมดมุขจะนำมาใช้ภายในเกม บ้างก็บอกว่าเกิดปัญหาภายในบริษัทของ Team Bondi ทีมบริษัทผู้พัฒนาตัวเกมนั่นเอง
Midnight Club Series
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน จะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เกมประเภทแข่งรถได้รับการนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ทำให้มีเกมแนวนี้โผล่ออกมากันอย่างกับดอกเห็ดเลยล่ะ เช่นเดียวกับทางฝั่งของ Rockstar เองก็เคยมีโปรเจ็คเกมแข่งรถกับเขาเหมือนกับ กับแฟรนไชส์ของ Midnight Club อีกหนึ่งแฟรนไชส์เกมแข่งรถสุดมันส์ที่แฟนๆ ต่างพากันยกย่อง พร้อมบอกว่ามีศักยภาพพอจะทัดเทียมกับทาง Need for Speed ได้เลยด้วย
สำหรับ Midnight Club นั้นจะเป็นแฟรนไชส์เกมแข่งรถมุ่งเน้นทางด้านความเร็วและความสะใจล้วนๆ ซึ่งจะแตกต่างจากเกมอื่นกับการพยายามทำให้ตัวเกมมีความสมจริงมากที่สุด และก็ด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นจึงทำให้แฟรนไชส์นี้ได้รับการตอบรับและความนิยมจากแฟนเกมไปอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว รวมไปถึงในภาค Midnight Club 3 DUB Edition เองก็ได้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในเกมแข่งรถดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นทางแฟรนไชส์ดังกล่าวก็เหมือนจะไม่สามารถไปต่อได้แล้ว เนื่องด้วยจากปัญหาอะไรบางอย่าง ทำให้ตัวเกมในภาคหลังที่ออกมานั้นกลับถูกแฟนๆ ต่อว่าและโดนวิจารณ์ค่อนข้างหนักทีเดียว บ้างก็บอกว่าตัวเกมดูซํ้าซากเกินไปไม่มีอะไรใหม่และดึงดูดให้น่าสนใจ จึงทำให้เมื่อเทียบกับเกมแข่งรถอื่นๆ แล้วตัวเกมดูจืดจางไปมากเลย บ้างก็บอกว่าเพราะทาง Rockstar หิวเม็ดเงินจนเกินไปจึงพยายามยัดเยียดหลายๆ อย่างให้เป็น Transaction ต้องใช้เงินเพื่อปลดล็อค ทำให้แฟนเกมไม่พอใจและเลิกสนับสนุนกันไปในภายหลัง ซึ่งไม่ด้วยว่าเพราะเหตุผลใดก็ตามแต่ทางค่ายได้ออกมาประกาศยุติการพัฒนา Midnight Club ไปแล้วเรียบร้อย นับว่าเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่น่าเสียดายไม่น้อยเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกค่อนข้างหลายเกมเลยทีเดียวสำหรับค่าย Rockstar Games ที่มีการยกเลิกเกมภาคต่อหรือโปรเจ็คพัฒนาอยู่ไปดื้อๆ เลย ซึ่งบางเกมก็ดูน่าสนใจจนแอบเสียดายไปบ้าง แต่บางเกมก็ไม่ได้น่าสนใจจนเกิดคำถามขึ้นว่าคิดจะสร้างเกมแบบนี้จริงหรอ? แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเกมไหนที่น่าเสียดายบ้างล่ะ ลองคอมเมนต์ไว้ด้านล่างแนะนำกันได้นะ