ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมแนว Open World หรือแนวสำรวจโลกกว้าง หลายคนก็คงนึกถึงการผจญภัยอันตื่นตาตื่นใจกันใช่มั้ยล่ะ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งที่รอเราอยู่กลับไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น แต่กลับเป็นความสยองขวัญที่ทำให้ลืมไม่ลงกันล่ะ?
ในวันนี้ผมเลยจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ “9 อันดันเกม Open World น่ากลัวที่สุดแห่งยุค” เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเกมอะไรกันบ้าง
9.Subnautica
หากพูดถึงภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับใต้ท้องทะเลเราก็คงนึกออกได้หลายชื่อเลยทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงเกมแนวนี้แล้วล่ะก็เราคงต้องยกให้กับ Subnautica เลยทีเดียว กับเกมที่ให้เหล่าผู้เล่นเอาชีวิตรอดบนโลกแห่งท้องทะเลบนดาวเอเลี่ยนนั่นเอง
ความน่ากลัวของตัวเกมอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าใต้ผืนนํ้ามีสิ่งมีชิวิตอะไรอยู่บ้าง ในช่วงแรกก็มีแต่พวกปลาตัวเล็กตัวน้อยไม่มีพิษมีภัยดูชิลล์ๆ ไปเรื่อย แต่พอเล่นไปได้สักพักตัวเกมจะเริ่มบีบให้เราออกในพื้นที่กว้างขึ้นและลึกขึ้น เมื่อถึงช่วงนั้นนั่นแล่ะครับความสยองขวัญจะเริ่มโผล่มาจ๊ะเอ๋เราทีละนิด ซึ่งใครเคยผ่านเกมนี้มาก่อนก็คงโดนกันมาทุกคนแล้วล่ะนะ
8.Green Hell
หนึ่งในเกมแนว Open World ที่ผสมผสานกับเกมแนว Survival อันได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่ช่วงนึงเลยทีเดียวกับ Green Hell หรือที่หลายคนชอบเรียกว่า “นรกสีเขียว” กับการรับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ต้องเอาตัวรอดท่ามกลางป่าดิบชื้นของอเมซอนนั่นเอง
ความสยองขวัญของเกมนี้นั้นจะอยู่ที่ว่า “ทุกสิ่งรอบตัวสามารถฆ่าคุณได้หมด” ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารแปลกๆ , บาดแผลเล็กน้อยที่ลุกลามจนติดเชื้อได้, เหล่าสัตว์มีพิษทั้งหลาย ไปจนถึงเหล่าชนป่าท้องถิ่นที่มองคุณเป็นศัตรูเองก็ตามที มันเลยทำให้ตลอดการเล่นเกมนี้ต้องใช้ความระวังตัวค่อนอยู่ตลอดเวลาเลย และด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างมันเลยทำให้เกมดูออกมาน่ากลัวและสยองขวัญในระดับนึงเลยนั่นเองครับ
7.Minecraft
ใครจะไปคิดล่ะว่าเกมแนว Sandbox ก้อนเหลี่ยมๆ อย่าง Minecraft นี้จะถูกเสนอชื่อให้เข้ามาเป็นหนึ่งในรายการเกมแนวสยองขวัญกับเขาด้วย สำหรับใครที่ไม่เคยได้สัมผัสกับเกมนี้มาก่อนก็คงนึกไม่ถึงกันหรอกจริงไหม
แต่เอาจริงๆ แล้ว Minecraft มันก็มีอะไรมาทำให้เรากลัวได้หลายอย่างเหมือนกันนะ โดยความสยองขวัญมันจะเริ่มโผล่มาทันทีหลังจากที่เปลี่ยนจากกลางวันไปเป็นกลางคืน ไม่ว่าจะเป็น Creeper ที่ชอบจ๊ะเอ๋มาระเบิดใส่หลังคุณ หรือเหล่าซอมบี้พร้อมเสียงร้องอันน่ากลัวก็ตามที ใครพึ่งเคยได้เข้ามาเล่นคงมีสะดุ้งกันบ้างแล่ะ ยิ่งในช่วงแพทซ์หลังๆ มาทางทีมงานเริ่มเพิ่มศัตรูตัวใหม่ๆ เข้ามาด้วย บางตัวถึงขั้นตามมาหลอกหลอนยันตอนกลางวันเลยก็มี
หรือถ้าใครคิดว่าความสยองขวัญพวกนี้ยังไม่พอ ลองไปหาโหลดพวก MOD เสริมมาลงดูกันก็ได้นะ มีหลากหลายแบบให้เลือกสรรค์เลย แถมบางอันยังเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มจนไม่แพ้เกมผีเลยก็มีนะเออ
6.The Forest
เรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก โดยฝั่งของผู้เล่นจะได้รับบทเป็นคุณพ่อกับภารกิจในการตามลูกชายที่ถูกลักพาตัวไป อีกหนึ่งเกมแนว Open World + Survival ชื่อดังจนกำลังจะมีภาคต่อออกมาในอีกไม่นานนี้ด้วยกับ The Forest นั่นเอง
ถ้าหากว่าสถานที่ที่เราตกมามันเป็นป่าดงดิบทั่วไปมันก็คงไม่มีอะไรมากหรอกจริงไหม แต่ความน่ากลัวคือสถานที่แห่งนี้มันดันเต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์กินคนเนี่ยสิ แถมไม่เพียงเท่านั้นยิ่งเราสำรวจไปมากเท่าไหร่เรายิ่งเจอกับเหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์สยดสยองอีกมากมายที่รอเราอยู่
ทั้งด้วยธีมของเกมเอง ดีไซน์ของเหล่าศัตรู ไปจนถึงฉากและบรรยากาศต่างๆ พอนำมารวมกันแล้วมันส่งผลให้เกมดูน่ากลัวในระดับนึงเลย ใครไม่เคยสัมผัสกับเกมนี้ผมก็ขอแนะนำว่าให้ลองไปเล่นกันดูสักครั้งนะ แล้วเพื่อนๆ จะหลอนกับไฟฉายบนหมวกไปอีกนานเลยทีเดียว
5.Darkwood
สำหรับเกมนี้หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็คงไม่แปลกนัก เพราะค่อนข้างจะเป็นเกมนอกกระแสพอตัวเลย แต่ถึงอย่างนั้นความสยองขวัญที่ซ่อนไว้อยู่ในเกมนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าเกมฟอร์มยักษ์แต่อย่างใดเลยกับ Darkwood นั่นเองครับ
ตัวเกมจะมาในลักษณะของมุมกล้องจากด้านบนซึ่งมันทำให้ระยะการมองเห็นของเราค่อนข้างจำกัด แถมยังเห็นได้ชัดก็เพียงพื้นที่ด้านหน้าที่ไฟส่องไปถึงอีกต่างหาก รวมทั้งภายในเกมยังมีการแบ่งระบบออกเป็นกลางวัน-กลางคืนด้วยเช่นกัน ในช่วงเช้าก็ไม่มีอะไรมากเราสามารถออกสำรวจหาทรัพยากรได้ตามสบายใจ แต่หลังพระอาทิตย์ตกเมื่อใดประตูนรกจะเปิดเมื่อนั้น เหล่าสิ่งมีชีวิตสุดสยดสยองต่างๆ จะเริ่มออกมาไล่ล่าเรา แถมบางตัวยังสามารถเนียนปลอมตัวเป็นผู้รอดชีวิตหลอกล่อเราให้เข้าไปหาอีกต่างหาก มันเลยกลายเป็นว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่เราเจออยู่มันคนหรือผีนั่นเอง
เป็นอีกหนึ่งเกมนอกกระแสที่ค่อนข้างดีเลยครับ ทั้งระบบเกมเพลย์ บรรยากาศ ไปจนถึงตัวของเนื้อเรื่องเองก็ถ่ายทอดออกมาดีใช้ได้เลยล่ะ
4.The Long Dark
หนึ่งในธีมที่ได้รับความนิยมสูงมากในวงการเกมทุกวันนี้คือวันสิ้นโลก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีมาในแนวอารยธรรมโลกสลายไม่ก็จะออกไปแนวซอมบี้ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีอยู่อีกนึงเกมที่ถ่ายทอดอีกรูปแบบนึงของธีมแนวนี้ได้ดีทีเดียว กับเกมแนวโลกล่มสลายในยุคนํ้าแข็งกับ The Long Dark
เราจะได้รับบทเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกอันต้องหาทางเอาตัวรอดจากความหนาวเหน็บ โดยศัตรูที่เราต้องเผชิญหน้าก็จะมีแต่พวกสัตว์ป่าเพียงเท่านั้น จะไม่มีปีศาจหรือสัตว์ประหลาดออกมาเหมือนเกมอื่น แต่เพียงแค่สัตว์ป่าเหล่านี้ก็เป็นศัตรูที่น่ากลัวพอแล้วสำหรับมนุษย์ธรรมดาเพียงคนเดียว แถมด้วยสภาพอากาศสุดแสนโหดร้ายพร้อมฆ่าคุณได้ทุกเมื่ออีกต่างหาก ทั้งหลายเหล่านี้มันเลยส่งผลให้ตัวเกมค่อนข้างกดดันพอตัวพร้อมถูกยกให้เป็นหนึ่งในเกม Open World แนวสยองขวัญชั้นยอดอีกเกมเลยล่ะ
3.The Evil Within 2
เปรียบเสมือนกับเกมที่นำเอาความสยองจาก Silent Hill มาผสมกับ Resident Evil ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวกับแฟรนไชส์ The Evil Within โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในภาค 2 นี้ที่ทำออกมาได้หลอนเอาการเลยด้วย
ความสยดสยองที่เราจะได้พบภายในเกมนี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วมาจากเหล่าศัตรูทั้งสิ้นเลยครับ ซึ่งพวกมันจะมาในรูปแบบของสัตว์ประหลาดหรือไม่ก็ออกไปทางพวกศพเดินได้เสียเป็นหลัก และก็ต้องยกความดีความชอบให้กับทางทีมผู้พัฒนาด้วยที่สามารถออกแบบพวกมันมาได้สยดสยองมากทีเดียว ประกอบกับบรรยากาศสุดแสงจะกดดันสไตล์หนังผีอีก มันยิ่งส่งให้ตัวเกมยิ่งมีความน่ากลัวทวีคูณขึ้นไปหลายเท่าเลยนั่นเอง
ส่งผลให้ The Evil Within โดยเฉพาะในภาคที่ 2 นี้มักถูกเอ่ยถึงบ่อยมากเวลามีการพูดถึงเกี่ยวกับแนวสยองขวัญนั่นเองครับ
2.Yomawari: Night Alone
อย่าให้สไตล์ภาพอันน่ารักมุ้งมิ้งนี้มันหลอกคุณได้เชียวล่ะ เพราะนี่แล่ะคือหนึ่งในผลงานเกมแนวสยองขวัญชั้นยอดเลยทีเดียว กับเกมที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อกันนักกับ Yomawari: Night Alone
จุดที่ทำให้เกมนี้มีความสยองขวัญจนลืมไม่ลงเลยคือ “บรรยากาศ” ตัวเราจะได้รับหน้าที่ในการออกสำรวจหาความจริงที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่ง โดยระหว่างการสำรวจนั้นเราจะไม่มีโอกาสได้พบกับชาวเมืองแม้แต่คนเดียวเลย มีเพียงตัวเราพร้อมไฟฉายในมือไว้สำหรับส่องไปในความมืดเท่านั้น นอกจากนี้ตัวเกมยังทำการตัด “เสียงดนตรีประกอบ” ออกไปยิ่งช่วยเพิ่มความกดดันได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ
บรรยากาศว่ากดดันพอแล้ว ระหว่างเดินๆ สำรวจอยู่เรายังจะได้เหล่าผีปีศาจทั้งหลายแหล่โผล่มาตุ้งแช่ใส่อีก บางคนอาจมีเผลอโยนจอยหรือโยนเมาส์ทิ้งกันบ้างล่ะนะ ใครไม่เชื่อว่าเกมภาพน่ารักมุ้งมิ้งแบบนี้จะน่ากลัวได้ ผมก็ขอให้ไปท้าพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลยครับกับ Yomawari: Night Alone เกมนี้เลย
1.Day: 40
อีกหนึ่งเกมแนวสยองขวัญนอกกระแสชั้นยอดจากปี 2019 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโลกของเราล่มสลายลงซึ่งไม่ได้เกิดจากระเบิดนิวเคลียร์หรือการระบาดของไวรัสกินคน แต่มันเกิดจากฝนที่ตกลงมาไม่หยุดกว่า 39 วันกันล่ะ และนั่นคือสิ่งที่คุณกำลังจะได้เจอภายใน Day: 40 นี้นั่นเองครับ
ตัวเกมจะมาในลักษณะมุมกล้องแบบ FPS ที่มีระยะการมองเห็นค่อนข้างจำกัด ทำให้เราไม่สามารถรู้ได้ว่าในความมืดและหมอกด้านหน้าของเรานั้นจะมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง แถมความมืดยังไม่ใช่อุปสรรคเพียงอย่างเดียวของคุณ เนื่องด้วยจากฝนที่ตกกระหนํ่ากว่า 39 วันมันได้ทำให้พื้นที่หลายส่วนจมอยู่ใต้ผืนนํ้าและคุณเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าใต้ผืนนํ้าเหล่านี้จะมีสิ่งใดซ่อนอยู่บ้าง
ทั้งบรรยากาศของตัวเกม, ธีมเนื้อเรื่อง, ไปจนถึงลักษณะมุมกล้องและแสงต่างๆ มันถ่ายทอดออกมาให้ตัวเกมดูกดดันเอาการเลยทีเดียว ใครที่เป็นคนกลัวความมืดหรือโรคกลัวกลัวใต้ทะเลผมก็แนะนำว่าอย่ามาสัมผัสกับเกมนี้เชียวล่ะ ไม่งั้นมันจะฝังใจคุณไปอีกนานเลยทีเดียว