ในเกือบทุกๆ เกมการจัดทีม (Formation) นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการผ่านแต่ละด่าน สำหรับเกม Alchemy Stars เองก็เช่นเดียวกัน หากมีตำแหน่งในทีมครบก็สามารถไปได้ไกลทั้งด่านเนื้อเรื่อง ลงฟาร์มของ หรือแม้แต่สู้กับศัตรูเพื่อไปยังชั้นที่ลึกขึ้น หากขาดตำแหน่งใดตำแหน่งนึงไปก็อาจจะทำให้เล่นได้ยากขึ้น ยิ่งในเกมนี้จะมีตำแหน่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้เลยเพื่อให้ทีมเล่นง่ายขึ้นอย่างตำแหน่ง converter ใช้ในการเปลี่ยนสีช่องต่างๆ บนพื้น แต่จำเป็นต้องมีกี่คน มีตำแหน่งอะไรบ้าง ทีมแบบนี้ขาดอะไรไปรึเปล่า วันนี้มีคำตอบ!
การจัดทีม (Formation)
ภาพในเกม Alchemy Stars จะสามารถวางตัวละครลงทีม (Formation) ได้ทั้งหมด 5 คน แต่เวลาเดินบนสนามจะปรากฏออกมาแค่ 1 คน ที่เป็นกัปตันของทีม (คนแรกของทีม) และในช่องที่ 5 จะสามารถยืมเพื่อน หรือคนที่ผ่านด่านนั้นไปแล้วมาใช้ลงทีมได้ด้วยนะ สำหรับประเภทของตัวละครนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 คลาส และธาตุทั้งหมด 4 ธาตุ คือ
ธาตุ
ธาตุไฟ (สัญลักษณ์ไฟ) | ธาตุน้ำ (สัญลักษณ์น้ำแข็ง) | ธาตุพืช (สัญลักษณ์ต้นไม้ใหญ่) | ธาตุไฟฟ้า (สัญลักษณ์บอลไฟฟ้า) ถือว่าเป็นตารางธาตุที่ค่อนข้างแปลกตาพอสมควร และแต่ละธาตุจะมีการแพ้ชนะทางกันคือ ธาตุไฟ ชนะ ธาตุพืช | ธาตุพืช ชนะ ธาตุไฟฟ้า | ธาตุไฟฟ้า ชนะ ธาตุน้ำ | ธาตุน้ำ ชนะ ธาตุไฟ
สายชนะทางจะทำดาเมจ 120% ส่วนฝั่งแพ้ทางจะทำดาเมจเหลือเพียง 80% และไม่แพ้หรือชนะทางจะทำดาเมจ 100% ตามปกติ
ประเภทตัวละคร
Sniper : เป็นสาย DPS ทำดาเมจได้หนักหน่วงเน้นการโจมตีแบบเดี่ยวเรียงตัวได้อย่างรุนแรง ทั้งตัวของสกิล Chain Combo (หลังเดินช่องจบตามเงื่อนไข) และ Active Skill (สกิลกดใช้มีระยะคูลดาวน์) แต่ก็มีบางคนที่มีสกิลโจมตีทุกตัวบนสนามแต่เป็นการตีทีละตัวก็มี
Detonator : สาย DPS ทำดาเมจแบบ AOE โจมตีศัตรูได้พร้อมๆ กันหลายตัวอย่างรุนแรง ทั้งตัวของสกิล Chain Combo (หลังเดินช่องจบตามเงื่อนไข) และ Active Skill (สกิลกดใช้มีระยะคูลดาวน์)
converter : เป็นตัวละครที่มีสกิล Active Skill ในการเปลี่ยนช่องสีบนพื้นให้เป็นสีเดียวกับธาตุของตัวเอง เพื่อให้ช่องในการเดินเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Kleken สามารถเปลี่ยนสีช่องเขียวที่อยู่ในระยะใกล้ ให้กลายเป็นช่องสีน้ำเงินได้, Faust เปลี่ยนช่องสีเหลืองระยะใกล้ตัวให้กลายเป็นสีแดง เป็นต้น
Support : สำหรับสายซัพพอร์ตจะมีอยู่สองแบบ แบบแรกจะเป็นสายฮิลฟื้นฟูเลือดให้เพื่อนในทีม โดยการฮิลจะมีทั้งแบบ Chain Combo (หลังเดินช่องจบตามเงื่อนไข) และ Active Skill (สกิลกดใช้มีระยะคูลดาวน์) แต่ก็ขึ้นอยู่กับฮิลแต่ละคน บางคนอาจจะมีทั้งสองสกิล หรืออาจจะมีแค่สกิลเดียว เช่น Philyshy มีสกิลสองแบบเป็นฮิลให้เพื่อนในทีมได้ทั้งคู่
ส่วนแบบสองจะเป็นสายบัฟให้ทีม และทำดีบัฟ หรือล่อศัตรู แทน เป็นได้ทั้งตัวสนับสนุนให้ทีมเก่งขึ้นไม่ก็ป่วนศัตรู สกิลอยู่จะอยู่ในช่อง Active Skill (สกิลกดใช้มีระยะคูลดาวน์) ตัวอย่างเช่น Keating มีสกิลใช้ไก่ไปล่อศัตรูให้วิ่งเข้ามารวมกันตรงจุดที่วางไก่เอาไว้ เป็นการขยับจุดของศัตรูมารวมกันได้ดี (แต่พวกศัตรูต้องหันหน้าทางช่องที่ไก่อยู่นะ)
Hydrad มีสกิลเบิ้ลท่า Chain Combo (หลังเดินช่องจบตามเงื่อนไข) ทำใช้สกิลได้อีกครั้งแต่ดาเมจจะมาจากค่า 70% ของพลังโจมตีสูงสุดของตัว Hydrad เอง บัฟจะมีผลทั้งตนเอง และเพื่อนทั้งทีมที่เป็น ธาตุน้ำ เท่านั้น (ระยะเวลาสกิลอยู่แค่ 1 เทิร์นเท่านั้น) เป็นต้น
ตำแหน่งของทีม (Formation)
ต่อไปมาดูเรื่องตำแหน่งที่ควรจัดลงทีม (Formation) กันบ้าง สำหรับกัปตันของทีม (ตัวยืนหน้าสุด) ควรเป็นคนที่สามารถทำดาเมจใส่ศัตรูได้หนักๆ ในกรณีไม่ได้เดินช่องสีของตัวเองก็ยังสามารถทำดาเมจได้อยู่ ให้เลือก DPS หลักไว้อย่างน้อย 1 – 2 คน ระหว่าง Detonator หรือ Sniper และพยายามอัปเลเวลหรือของให้เต็มเป็นคนแรก เพราะต้องยืนบนสนามเพื่อทำดาเมจอยู่ตลอดเวลา และยังต้องคอยรับดาเมจจากศัตรูด้วย (ควรมีสาย Chain Combo แบบล็อคเป้าหมาย 1 คน เผื่อเวลาเจอศัตรูอยู่ในช่องเดินเข้าถึงได้ยาก)
มีสาย converter อย่างน้อย 2 คน ในทีม เพื่อใช้ในการเปลี่ยนสีบนพื้นให้เป็นช่องธาตุเดียวกันกับทีมของเรา ให้เดินได้ไกลขึ้นสามารถทำ Chain Combo ได้สูง ยิ่งทีมสีเดียวกันก็จะเดินตามกันแล้วตีศัตรูได้ต่อเนื่อง เผลอๆ อาจจะตายก่อนต้องแต่ช่วยกันตีเลยก็ได้
มี Support สายฮิลในทีม 1 คน สายฮิลถือเป็นตัวละครจำเป็นของทีมอย่างมาก เพราะช่วยฟื้นฟูเลือดให้ทีมได้ไม่ให้ถูกฆ่าตาย แถมยังเอาไว้ใช้สลับเป็นหัวทีมในด่านกรณีศัตรูอยู่ห่าง และมีสีไม่ตรงธาตุ หรือเดินไม่ถึง ก็ใส่สลับออกมาเพื่อเดินช่องทำ Chain Combo ฮิลฟื้นเลือดไปก่อนในเทิร์นนั้นๆ แล้วค่อยสลับกลับเป็นตัวดาเมจของทีมอีกครั้ง
หรือจะมีสาย Support อีกคนเพิ่มในทีมเป็นตัวบัฟให้ทีมเพื่อให้ทีมโจมตีได้รุนแรงขึ้นจากการบัฟในรอบนั้นๆ ให้ทีมสามารถปิดฉากศัตรูที่เจอจบได้ในม้วนเดียว ไม่ก็อาจจะใกล้ตายได้ หรือตัวป่วนศัตรูแทนทำให้ติดดีบัฟสถานะ ล่อศัตรูมารวมกัน เป็นต้น
ตัวอย่างการจัดทีม (Formation)
สำหรับการจัดทีม (Formation) ในภาพตัวอย่างจะเล่นเป็นสายธาตุน้ำทั้งทีม โดนตัวทีมส่วน กัปตันจะเล่นเป็นตัวละครประเภท Detonator 1 คน คือ Corax | มีสาย converter ภายในทีมเอาไว้สำหรับเปลี่ยนสีพื้นเป็นธาตุน้ำทั้งหมด 2 คน คือ Kleken กับ Sariel | มีสาย Support 2 ตำแหน่ง คือตำแหน่งบัฟเป็น Hydrad และตำแหน่งฮิลให้กับทีมคือ Philyshy เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้เพื่อนๆ เห็นวิธีการจัดวางง่ายขึ้นแล้วนะ!
วิธีดูตัวละครสกิลสายตีเป็นวงกว้าง หรือแบบล็อคเป้า
สำหรับวิธีการดูว่าตัวละครคนไหนโจมตีเป็นแบบวงกว้างรอบตัว หรือแบบยิงระยะไกลใส่ศัตรูหลังจากทำ Chain Combo ตรงตามเงื่อนไข ให้กดเข้าไปที่หน้าสกิล จากนั้นกดดูตรงช่องสกิล Chain Combo ถ้าตัวละครคนนั้นเป็นสายโจมตีแบบวงกว้างรอบตัวจะมีรูปแว่นขยายพร้อมคำว่า Skill Range อยู่ข้างๆ ตัวสกิลจะแสดงเป็นตารางขอบเขตรัศมีการโจมตีขึ้นมานั่นเอง หากศัตรูไม่อยู่ในช่องที่โดนตัวสกิลจะถูกยกเลิกไปในเทิร์นนั้น
ส่วนสายตีไกลวิธีดูให้ไปยังหน้าสกิล Chain Combo เหมือนเดิม ถ้าไม่มีรูปแว่นขยายขึ้นให้กดดูรัศมีของช่อง แสดงว่าตัวละครคนนั้นเป็นสายตีไกลแน่นอน เพราะสกิลจะเป็นการล็อคเป้าหมายในบริเวณทำให้ศัตรูโดนดาเมจอย่างแน่นอน (จะสังเกตได้อีกทางคือตอนสู้จะเห็นช่องตารางสกิลของสายโจมตีวงกว้างหลายคนจะเห็นเป็นตาราง ส่วนสายระยะไกลจะเป็นการล็อคเป้าแบบเห็นแยกกันชัดเจน)
ควรจัดทีม (Formation) เป็นธาตุเดียวกัน หรือผสมธาตุดี?
สำหรับในช่วงแรกของเพื่อนๆ ที่เริ่มเล่นใหม่ จะแนะนำให้เล่นเป็นธาตุเดียวกันทั้งทีมก่อนจะดีกว่า เพราะมันสามารถทำคอมโบกันได้ง่าย แต่อาจจะมีข้อเสียนิดหน่อยตรงในช่องสีอื่นจะมีแค่กัปตันทีมเท่านั้นที่โจมตีได้ ต่อให้แพ้ทางแต่เน้นจำนวนเข้าสู้ยังไงศัตรูก็ต้องยอมยกธงขาว!
ในช่วงแรกของเกมศัตรูส่วนใหญ่รวมไปถึงบอสจะเป็นธาตุไฟเกือบทั้งหมด แนะนำให้เลือกหาทีมธาตุน้ำแข็ง หรือไฟฟ้า จะสามารถผ่านได้ไม่ยาก อีกแบบคือถ้าธาตุไหนมีตัวละครสาย converter สองคนให้เลือกทีมธาตุนั้นเป็นหลัก เพราะจะทำให้การลุยด่านง่ายขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวล่ะ
ส่วนสายเล่นผสมธาตุก็สามารถเล่นได้เช่นเดียวกันนะ แต่ควรเล่นทีมที่มีตัวละคร converter ที่เปลี่ยนพื้นคนละสีเพราะไม่งั้นจะกลายเป็นวางทับกันแทน อาจจะเล่นเป็น Detonator หรือ Sniper ธาตุละ 1 คน converter ธาตุละ 1 คน ส่วน Support ให้เลือกตัวสายฮิล 1 – 2 ธาตุนั้นเอาไว้ (แต่สำหรับสายผสมในช่วงแรกไม่แนะนำให้เล่นเท่าไหร่ ควรเล่นในช่วงหลังจากเริ่มปลดขั้นตัวละครเป็น XXX แล้วเห็นธาตุรองของตัวละครก่อนจะดีกว่าถึงค่อยเล่นแบบผสมนะ)
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! หากอยากอ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับเกม Alchemy Stars สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ >>Link<< ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่
เติมเกม Alchemy Stars สุดคุ้มผ่าน Razor Gold
https://gold.razer.com/gold/catalog/alchemy-stars