Console Guide

Console Guide - สำหรับส่วนนี้จะเป็นการรวบรวม guide ต่างๆของเครื่อง console ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเป่าตลับ เช็ดแผ่นหรือวิธีชุบตัวละครลับที่โดนไม้แขวนเสื้อตีตาย

Volcarona Author : Maletix   Volcarona Pokemon ตัวเก่าจากภาค Black & White โดยที่เมื่อก่อนเป็นหนึ่งใน Pokemon ประเภท Bug ที่คนนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ในภาค Sword & Shield จะมี Durant ที่เก่งขึ้นมาจากระบบ Dynamax ก็ตาม ซึ่งสำหรับ Volcarona เองก็ได้เข้ามาใน DLC แรก The Isle of Armor นี้เอง แน่นอนว่าผู้เล่นเก่าๆคงจะเคยเห็น Volcarona ออกมาโลดแล่นในการแข่งขันกันพอสมควร เพราะตัว Volcarona เองสามารถเล่นได้หลากหลาย ทั้งโจมตี สนับสนุนทีม รวมทั้งปั่นป่วนฝั่งตรงข้าม ทำให้ต้องใช้การพรีดิคค่อนข้างมากในการเล่น วันนี้เราจึงมาลองทำ Guideline สำหรับผู้เล่นใหม่ที่สนใจกันดู   ข้อดี สามารถเล่นได้หลายสาย มีค่าพลังโจมตีพิเศษที่สูงมาห ส่วนพลังป้องกัยพิเศษและความเร็วก็อยู่ในระดับที่ดี มีท่าไม้ตายให้เลือกหลากหลาย ข้อเสีย ค่าเลือดและพลังป้องกันกายภาพค่อนข้างน้อย แพ้การโจมตีประเภท Rock คูณ 4 ในภาคนี้ไม่สามารถเรียนท่า Tailwind ได้    ข้อมูล Volcarona Type Bug / Fire Ability Flame Body เมื่อโดนโจมตีแบบสัมผัสตัว มีโอกาส 30% ที่ตัวที่โจมตีเข้ามาจะติดสถานะเผาไหม้ Swarm (Hidden Ability) เมื่อเหลือ HP 1/3 ท่าประภท Bug จะแรงขึ้นอีก 50%    การพัฒนาร่าง Lavesta lvl59 Volcarona Base Stat Status Base Stat HP 85 Attack 60 Defense 65 Sp.Attack 135 Sp.Defense 105 Speed 100   Single Format แนวทางการเล่น : Quiver Dance Volcarona @ Heavy-Duty Boots Ability: Flame Body EVs: 4 Def / 252 SpA / 252 Spe , 252 HP / 4 SpD / 252 Spe Timid Nature Quiver Dance Flamethrower / Fire Blast / Fiery Dance Psychic / Giga Drain / Roost / Hurricane Bug Buzz ในการเล่นแบบ Single นั้น สายที่ค่อนข้างนิยม สายบัฟ Quiver Dance โดยจะเป็น Quiver Dance สายตีเร็วแรง กับ Quiver Dance สายถึก การเล่นก็คล้ายๆกันจึงจะขอรวบทีเดียวเลย เริ่มจาก Item ที่ถือ แน่นอนว่าควรจะเป็น Heavy-Duty Boots ที่จะป้องกันผลของท่ากับดักที่ฝั่งตรงข้ามวางไว้ในสนามเช่น Spike , Spider Web แต่ท่าที่สำคัญที่สุดแน่นอนว่าคือ Stealth Rock เพราะ Volcarona แพ้ Rock คูณ 4 ถ้าไม่ถือ Item นี้ แล้วฝั่งตรงข้ามใช้ Stealth Rock คาไว้ รับรองได้ว่าลงมาในสนามมีทีจุกแน่นอน ส่วน Ability แน่นอนว่า Flame Body ดูจะคุ้มกว่า Swarm เผื่อสลับตัวลงมารับการโจมตีได้ สำหรับนิสัยควรจะเล่น Timid เพื่อดึวความเร็วขึ้นมา ให้ใช้ Quiver Dance ให้ได้เร็วที่สุด ส่วน EVs แน่นอนว่าค่าความเร็ว 252 ทั้ง 2 สาย ต่อมาสายเน้นโจมตีก็จะลงที่ค่าพลังโจมตีพิเศษ 252 ส่วนสายถึกก็จะลงไปที่ค่าเลือดแทน และสุดท้ายคือท่าไม้ตาย ท่าแรกที่ต้องมีคือ Quiver Dance ที่จะเพิ่มพลังโจมตีพิเศษ พลังป้องกันพิเศษ และความเร็ว อย่างละ 1 ระดับ ถ้าได้ใช้สักครั้งหรือ 2 ครั้ง รับรองได้ว่า Volcarona จะน่ากลัวมากๆ ต่อมาท่าที่ STAB กับตัวเองอย่าง Flame Thrower , Fire Blast , Fiery Dance เลือกมาท่านึง คู่กับ Bug Buzz และท่าสุดท้ายสามารถใส่ได้หลายท่าเช่น Giga Drain ไว้โจมตี Pokemon ประเภท Water , Rock ที่เราแพ้ทาง รวมทั้งฟื้นเลือดได้ด้วย ท่าHurricane เองก็ดีถ้าได้แปลง Dynamax จะเป็นท่า Max Airstream ที่จะเพิ่มความเร็วเรา 1 ระดับ ท่า Psychic ก็ยังพอใช้ได้ รวมทั้งท่าฟื้นเลือดไว้ยื้ออย่าง Roost ก็ใช้งานได้ดี สำหรับการเล่นแน่นอนว่าทำการบัฟ Quiver Dance ก่อนและทำการโจมตี สำหรับสายเน้นโจมตี บางครั้งอาจจะบัฟเพียงครั้งเดียว หรือไม่ต้องใช้เลยก็ยังคงทำความเสียหายได้ดีอยู่ แต่สำหรับสายถึกนั้น ยังไงก็ควรบัฟ Quiver Dance ก็...

Read more

Terrakion Author : Maletix Terrakion Pokemon เทพตัวเก่าจากภาค Black & White ที่เป็นเทพรองทำให้สามารถใช้ในการแข่งต่างๆของ Official ได้ก่อนเทพใหญ่ที่พึ่งจะมาใช้ได้ช่วงภาค Omega Ruby & Alpha Sapphire ทำให้น่าจะคุ้นหน้าผู้เล่นเก่าๆพอสมควร และหลายๆคนคงจะไม่ชอบ Terrakion สักเท่าไหร่เพราะมันเล่นง่ายและเก่งพอสมควร ด้วยการใช้ท่า Rock Slide รัวๆ เพื่อหวังการติดชะงักเรื่อยๆ อีกทั้ง Ability Justified ทำให้เหมาะกับตัวที่มีท่า Beat Up ใช้ใส่ Terrakion ในการบัฟพลัง โดยตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ Combo Beat Up + Justified ก็ยังเป็นอะไรที่เล่นง่าย ได้ผลดี และเหมาะกับ Terrakion เหมือนเดิม   ข้อดี Ability Justified เล่น Combo กับ Beat Up ได้ดี มีพลังโจมตีกายภาพ และความเร็วที่สูง ค่าเลือด และพลังป้องกันทั้ง 2 ก็สูงเช่นกัน ข้อเสีย ระบบ Dynamax อาจทำให้ Terrakion ไม่สามารถจัดการเป้าหมายได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว Combo Beat Up + Justified สามารถหยุดได้ด้วย Fake Out , Follow Me , Rage Powder   ข้อมูล Terrakion Type Fighting / Rock Ability Justified เมื่อโดนโจมตีจากท่าประเภท Dark จะเพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 1 ระดับ     การพัฒนาร่าง Terrakion Base Stat Status Base Stat HP 91 Attack 129 Defense 90 Sp.Attack 72 Sp.Defense 90 Speed 108     Single Format แนวทางการเล่น : Choice Item Terrakion @ Choice Scarf / Choice Band Ability: Justified EVs: 252 Atk / 4 SpD / 252 Spe Jolly / Adamant Nature Rock Slide / Stone Edge Close Combat / Sacred Sword Earthquake Iron Head / Poison Jab / X-Scissor ในการเล่นแบบ Single นั้น Terrakion สาย Choice Item นั้นเล่นค่อนข้างง่าย คือการที่ลงมาทำการโจมตีเพียงอย่างเดียว โดนเราอาจจะชิงจังหวะโจมตีก่อนได้ด้วย Item Choice Scarf เพื่อหวังจัดการในดอกเดียวแบบ Surprise หรือจะเน้นโจมตีหลักๆเพื่อจัดารตัวถึกของฝั่งตรงข้ามก็เลือกใส่ Item Choice Band ได้ โดยแน่นอนว่าทั้ง นิสัย การลง EVs จะเน้นไปที่พลังโจมตีกายภาพและความเร็วเร็วหลัก รสมทั้งท่าไม้ตายก็จะเลือกใส่ให้หลากหลาย เพื่อให้เป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมในการโจมตีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีท่าธาตุ Rock และ Fighting ที่เป็นธาตุ STAB ยืนพื้นอย่าง Rock Slide หรือ Stone Edge , Close Combat หรือ Scared Sword ที่เหลืออีก 2 ท่าก็เลือกใส่ตามทีมของเรา   แนวทางการเล่น : Sword Dance Terrakion @ Life Orb / Lum Berry / Focus Sash Ability: Justified EVs: 252 Atk / 4 SpD / 252 Spe Jolly Nature Sword Dance Close Combat / Sacred Sword Rock Slide / Stone Edge Earthquake สำหรับสายการเล่น Sword Dance จะเน้นไปที่การหาจังหวะบัฟพลังก่อน จากนั้นจึงทำการโจมตี ซึ่งแน่นอนว่าด้วยพลังโจมตีกายภาพที่สูงถึง 129 ถ้าบัฟ Sword Dance สำเร็จจะเพิ่มอีก 2 ระดับ ทำให้เราจะเน้นนิสัยและEVs ไปที่ความเร็วอย่าง Jolly แทน นอกจากนี้เมื่อบัฟพลังแล้ว ก็ยังสามารถแปลง Dynamax ทำการโจมตีได้อย่างรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังมี Item Life Orb เพิ่มความเสียหายมากขึ้นอีก แต่ถ้ากลัวเรื่องสถานะเราจะสามารถใช้ Item เป็น Lum Berry ช่วยในการแก้สถานะได้   Double Format แนวทางการเล่น : Beat Up + Justified Terrakion @ Life Orb...

Read more

Keqing เป็น Yuheng 1 ใน Liyue Qixing เธอนั้นมีความสามารถในการใช้ดาบสั้นที่รวดเร็ว มีสกิลและท่าไม้ตายเป็นดาเมจธาตุไฟฟ้าจัดว่ารุนแรงหาใครเทียบได้ยาก แถมยังสามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดหมายที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดสกิลเพียง 2 ครั้งเท่านั้น! ข้อมูลตัวละคร ชื่อ : Keqing เกิด : วันที่ 20 พฤศจิกายน อยู่ฝ่าย : Liyue Qixing – Yuheng วิชั่นที่ครอบครอง : ธาตุไฟฟ้า กลุ่มดาว : Trulla Cementarii Keqing สาวน้อยผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคแม้วันมามาก ผู้ที่ถูกเพ่งเล็งโดยเทพเจ้าจากทุกการกระทำของเธอที่ท้าทายไม่แคร์คำชี้นำของเทพเจ้า เพราะเธอเชื่อว่าอนาคตของมนุษย์ต้องลิขิตด้วยตนเอง วิธีการได้รับตัวละคร : ได้จากการเปิดกาชา Skill ภาพ สกิล รายละเอียด Yunlai Swordsmanship โจมตีด้วยดาบต่อเนื่องมากสุด 5 ครั้ง สร้างความเสียหายกายภาพ ชาร์จโจมตี (ใช้เกจสตามิน่า) ปลดปล่อยเพลงดาบไปข้างหน้า 2 ครั้งพร้อมกัน Stellar Restoration เล็งและขว้าง Lightning Stiletto ไปยังเป้าหมายด้านหน้า 1 ตัวสร้างความเสียหายธาตุสายฟ้า พร้อมสร้างสัญลักษณ์ Stiletto Mask กดแตะค้างเพื่อเล็งเป้าหมายที่ต้องการ กดโจมตีทันทีหลังใช้สกิลนี้ Keqing วาร์ปพุ่งเข้าโจมตีจุดที่สร้างสัญลักษณ์ Stiletto สร้างความเสียหายเกิดระเบิดสายฟ้าในพื้นที่วงกว้างด้านหน้าชั่วขณะ กดชาร์จโจมตี  Lightning Stiletto ระเบิดสร้างความเสียหายสายฟ้าในวงกว้างชั่วขณะ Starward Sword เรียกพลังสายฟ้าสถิตย์ในดาบ ทำให้เป็นอมตะชั่วขณะ เข้าโจมตีศัตรูด้วยกระบวนท่าดาว 5 แฉกสร้างความเสียหายสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็วให้กับศัตรูโดยรอบ และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในกระบวนท่าสุดท้าย Thundering Penance ภายใน 5 วินาทีหลังจากใช้สกิล Stellar Restoration อีกครั้ง การโจมตีปกติ และการชาร์จโจมตีของ Keqing เปลี่ยนเป็นความเสียหายสายฟ้า Aristocratic Dignity เมื่อใช้ท่าไม้ตาย อัตตราคริและประสิทธิภาพในการชาร์จพลังงานของ Keqing เพิ่มขึ้น 15% เป็นเวลา 8 วินาที Land's Overseer เมื่อทำคำขอการออกสำรวจของ Liyue เวลาที่ใช้ลดลง 25% กลุ่มดาว : Trulla Cementarii หมายเหตุ : ต้องใช้ดวงดาวแห่งชีวิตของ Keqing ในการอัพดาวแต่ละดวง สามารถหาได้จากการเปิดกาชาได้ตัวละคร Keqing ซ้ำเท่านั้น กลุ่มดาว สกิล รายละเอียด Lv.1 Thundering Might เมื่อใช้สกิล Stellar Restoration สร้างความเสียหายสายฟ้าวงกว้างเพิ่มขึ้น 50% Lv.2 Keen Extraction มีโอกาส 50% สร้างอณูธาตุสายฟ้า 1 ลูกทุก 5 วินาที เมื่อโจมตีปกติ หรือชาร์จโจมตีศัตรูที่ได้รับผลกระทบธาตุสายฟ้า Lv.3 Foreseen เพิ่มเลเวลสกิลท่าไม้ตายขึ้น 3 ระดับ เพิ่มได้สูงสุด 15 ระดับ Lv.4 Attunement เพิ่มพลังโจมตี 25% ภายใน 10 วินาทีหลังจาก Keqing ทำความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับธาตุสายฟ้า Lv.5 Beckoning Stars เพิ่มเลเวลสกิล Stellar Restoration ขึ้น 3 ระดับ เพิ่มได้สูงสุด 15 ระดับ Lv.6 Tenacious Star ได้รับพลังโจมตีธาตุสายฟ้าเพิ่มขึ้น 6% เป็นเวลา 8 วินาที เมื่อใช้สกิล โจมตีปกติ ชาร์จโจมตี หรือปล่อยอันติ (คำนวณแยกกัน) จุดเด่น-จุดด้อย จุดเด่น จุดด้อย มีการโจมตีประชิดที่รวดเร็ว เข้าหาศัตรูได้ในพริบตาตามสไตล์นินจา เบิร์สดาเมจได้หนักหน่วง คริติคอลดาเมจสูงมาก ส่วนใหญ่เน้นการสแปมดาเมจด้วยการชาร์จโจมตีทำให้เหลือเกจสตามิน่าน้อย ต้องบริหารดี ๆ เผื่อสำหรับการแดชหนีการโจมตีด้วย สกิลธาตุใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ผู้เล่นทั้งสายกายภาพและสายโจมตีธาตุ เนื่องจากเป็นตัวละครสายประชิด ทำให้โดนล้อมโจมตีได้ง่าย การรักษาพลังชีวิตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ชอบเล่นแนวลุย ๆ บู๊แหลก อันติรีไวมาก เนื่องจากใช้พลังงานธาตุเพียง 40 พอยท์ทำให้ปล่อยอันติได้รัว ๆ ไม่ต้องกลัวใคร แนะนำอาวุธ Keqing เป็นตัวละครที่สามารถบิ้วไปได้หลายสายทั้งสายธาตุเน้นคริสูง, สาย Hybrid เล่นแบบผสมระหว่างโจมตีกายภาพและธาตุ หรือจะเป็นสายโจมตีกายภาพเพียวๆ แบบจัดจ้าน จะมีอาวุธแนะนำดังนี้ แนะนำอาร์ติแฟกต์  สำหรับ Keqing นั้นเน้นการโจมตีได้ทั้งกายภาพและธาตุสายฟ้า จะเล่นแบบไหนก็มันส์ชิ่งฟันกระจุยแถมยังมีคริติคอลดาเมจสูงกว่าตัวละครอื่น ๆ แนะนำให้ใส่ออฟหลักเป็น โจมตี% l เพิ่มดาเมจธาตุไฟฟ้า l คริดาเมจ หรือ คริติคอล, โจมตี% l โจมตี% l คริดาเมจ หรือ คริติคอล โดยอาร์ติแฟกจะจำแนกลง 2 สายเพื่อให้สะดวกแนวทางในการเล่นของแต่ละคร 1.เซ็ต Gladiator’s Finale จะใส่แบบ 2 ชิ้น หรือ 4 ชิ้น ก็รุนแรงไม่แพ้กันเพราะช่วยเสริมพลังโจมตีกายภาพให้กับตัวละครที่ถือดาบอย่าง Keqing ได้อย่างดี 2.เซ็ต Thundersoother ใส่แบบ 4 ชิ้นเพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับศัตรูที่ได้รับผลกระทบ ธาตุสายฟ้าเพิ่มขึ้น 35% คำนวณแยกจากความเสียหายปกติ บอกได้เลยว่าถ้าไม่ได้เล่นชงกับธาตุไหนเซ็ตนี้แหละ แนะนำแรงถึงใจส่งน้อนถึงสวรรค์แน่นอน 3.เซ็ต Thundering Fury ใส่แบบ 2 ชิ้นก็ดี เพิ่มความเสียหายสายฟ้า 15% 4 ชิ้นก็โหด เพิ่มความเสียหายให้กับปฏิกริยาธาตุต่าง ๆ อาทิ Overload, Recharge, Superconduct เมื่อเกิดปฏิกริยาธาตุช่วยลด CD สกิล Stellar Restoration ลง 1 วิ ทำให้สร้างความเสียหายธาตุสายฟ้าได้ตลอดทั้งงาน จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้วหวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่ Genshin Impact Thailand

Read more

คริติคอลเป็นหนึ่งในสิ่งที่เพื่อนๆ คอเกม RPG หลายคนชอบมากมาย โดยเฉพาะการได้เห็นตัวเลขโหดๆ เด้งขึ้นมา หรือบางเกมที่มี Effect และเสียงประกอบสะใจ ซึ่งแม้ว่า Genshin Impact จะไม่มีส่วนของ Effect เพิ่มเติม แต่แค่เลขที่โดดมาเป็นเท่าตัวสองเท่าตัวก็เพียงพอจะฟินตัวแตกกันได้แล้ว วันนี้ก็จะมาคุยกันเรื่องของคริติคอลหนักๆ กันไปเลยจ้า พื้นฐานเกี่ยวกับค่าคริติคอล ค่าคริติคอลนั้น จะเป็นการที่การที่เพื่อนๆ ทำความเสียหายแล้ว ตัวระบบสุ่มโอกาสจากตัวเลขอัตราคริ (CRI RATE) ขึ้นมา หากติดจะทำความเสียหายเพิ่มเติมไปจากเดิมตามค่าความแรงคริ (CRIT DMG) ไปด้วย เช่น สมมุติว่าโจมตีทำความเสียหายได้ 2300 หน่วย หากมีโอกาสติดที่ 5% ความแรง 50% และมันติดขึ้นมา ก็จะทำความเสียหายเพิ่ม 2300+1150 = 3450 แทนในการโจมตีครั้งนั้น (อูวหูว โคตรแรง!) โดยปกติแล้ว การโจมตีหรือการใช้สกิลต่างๆ จะสามารถทำให้เกิดคริติคอลได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีปกติ การใช้สกิล ท่าไม้ตายต่างๆ ทำให้เป็นค่าที่หลายคนจะแนะนำให้ความสนใจกับมันหากอยากรีดความเสียหายได้สูงๆ แต่ทว่า ไม่ใช่ทุกความเสียหายที่ติดคริติคอลได้ มีบางส่วนที่ไม่สามารถติดคริได้เช่นกัน ► สิ่งที่ไม่สามารถติดคริติคอลได้ ความเสียหายต่อเนื่อง (Damage Over Time) ซึ่งในตอนนี้มีเพียงการถูกเผาไหม้จากไฟ และการถูกไฟฟ้าช๊อตต่อเนื่องเท่านั้น ความเสียหายของปฎิกิริยาธาตุทุกชนิดที่ไม่ใช่ระเหย (ไฟ+น้ำ), ละลาย (ไฟ+น้ำแข็ง) ค่าปฎิกิริยาเหล่านี้จะแรงตามเลเวลของตัวละครและความชำนาญธาตุ ไม่เกี่ยวกับพลังโจมตีอีกต่างหาก การตกจากที่สูง, ถังระเบิด (ถ้ามันมีอัตราคริก็อาจจะคริได้...) ด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวคริติคอลนั้นเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าน่าสนใจมาก หากต้องการที่จะรีดความเสียหายให้ได้สูงๆ เนื่องจากทั่วไปแล้ว คริติคอลมักจะถูกนำไปคูณเพิ่มเป็นอันดับท้ายสุดของสมการเสมอ ทำให้ตัวเลขมันดีดเป็นม้า (ก่อนจะถูกนำไปหักลบกับพลังป้องกันสำหรับเกมสมัยใหม่ แต่บางเกมก็จะตีให้คริทะลุพลังป้องกันไป แล้วแต่เกมนั่นแหละนะ) การเพิ่มค่าคริติคอลทั้งสองแบบนี้ก็คำนวนไม่ยากนัก อะไรที่เพิ่มค่าไหนกี่ % ก็เอาไปบวกกับของเดิมได้เลย 5+29+3.5+8.7 ก็รวมกันออกมาเป็น 46.2% คำนวนกันง่ายๆ แบบนี้แหละ ถึงแม้ว่าคริติคอลจะเป็นค่าที่น่าสนใจยังไงก็ตาม มันก็มีปัญหาเช่นกันตรงที่มันมีทั้งอัตราคริและความแรงคริ เราควรเน้นค่าไหนถึงจะแรง? ซึ่งนี่เป็นปัญหาโลกแตกของทุกเกมที่มีคริมาเกี่ยวข้องเลยล่ะนะ   เซ็ทใน patch 1.0 จะมีแค่ 4 ชิ้นทำให้บางทีส่วนหัวเราก็ใช้อย่างอื่นได้... เสียดายไม่มี 5 ดาวเนอะ อัตราคริหรือความแรงคริ? ตามสภาพในอุดมคติหรือต้องการให้ดีที่สุดแล้ว ก็ย่อมจะต้องผสมกันไป แต่สำหรับพื้นฐานแล้ว ก็จะบอกว่าเป็นอัตราคริ เนื่องจากค่าเริ่มต้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน การดันขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรกจะเพิ่มความเสียหายได้ดีมาก จากนั้นจึงไปดันส่วนของความแรงคริตามมาเมื่อโอกาสอำนวย ในจุดนี้ถ้าเพื่อนๆ อยากคำนวนให้เห็นภาพว่าอะไรจะเพิ่มขึ้นมาได้เท่าไหร่นั้น ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของคริติคอลก่อน แน่นอนว่ามันเป็นอัตราติด เพราะงั้นในเกมเราจะเห็นแค่เลขความแรงตอนคริ กับไม่คริเท่านั้น การที่เราจะคำนวนให้ได้ง่ายที่สุดคือการหาความแรงเฉลี่ยของคริและตีออกมาเป็น % นั่นเอง เนื่องจากถ้าไม่มีตัวแปรอะไรมายุ่งเกี่ยวกับการสุ่มแล้ว หากสุ่มไปเรื่อยๆ ตามสถิติมันย่อมออกมาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยมากที่สุดนั่นเอง วิธีหาค่าเฉลี่ยของความเสียหายก็คิดได้ง่ายๆ จากการนำ จะได้เป็น % ค่าเฉลี่ยที่เพิ่มมา และเราจะใช้มันเป็นพื้นฐานในการคำนวนความแรงที่ลงตัวนี้ นอกจากนี้แล้ว สำหรับตัว Genshin Impact นั้น ของชนิดเดียวกัน มักจะให้อัตราคริน้อยกว่าความเสียหายคริในอัตราส่วนครึ่งหนึ่งเสมอ เช่น ลองสมมุติในกรณีที่ใช้แค่ของหลักสองชิ้นมายุ่งเกี่ยวกับคริติคอล Artifact ส่วนหัว จะมีอัตราคริที่ 31%/62% อาวุธอยู่ที่ 22%/45% (ที่ level 70) หากเราลองมาแทนค่าในสมการก่อนหน้านี้ จะได้ผลประมาณนี้ ตัวอย่าง อัตราติดคริติคอล โบนัสความเสียหาย ค่าเฉลี่ย ค่าเริ่มต้นของเกม 5% 50% 2.5% อัดแต่ความเสียหายคริ 5% 157% 7.85% อัดแต่อัตราคริ 58% 50% 29% เพิ่มความเสียหายคริ (สูง) 27% 112% 30% เพิ่มอัตราคริ (สูง) 36% 95% 34.2% จะเห็นได้ว่า ในช่วงแรกนั้น การเน้นอัตราคริเยอะๆ จะช่วยเร่งค่าเฉลี่ยได้มาก เพราะค่าพื้นฐานมันน้อยสุดๆ นั่นเอง แต่พอมีอัตราคริซักหน่อยแล้ว การกระจายไปลงความแรงคริ จะทำให้ค่าเฉลี่ยสูงกว่าขึ้นมาแล้ว เหตุผลก็เนื่องมาจากการที่อัตราครินั้นแรกเริ่มมีน้อย ประกอบกับอัตราส่วนที่ได้จากอาวุธหรือ Artifact นั้นก็ได้น้อยกว่าความแรงคริ ทำให้การจะให้ได้ค่าเฉลี่ยสูงๆ นั้นต้องมีการจัดสรรปันส่วนให้ดีในระดับหนึ่ง ถึงจะคุ้มค่าที่สุด   การเลือกว่าจะใช้อะไรเป็นค่าไหน หลังจากที่เพื่อนๆ เห็นตารางก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพรวมของค่าเฉลี่ยความเสียหายได้มากขึ้น จากนี้ก็จะเข้าสู่ปัญหาหลักจริงแล้ว นั่นคือจะเลือกอะไรใช้อาวุธหรือ Artifact อะไรดีให้เป็นค่าที่คุ้มที่สุด และบอกตรงๆ ว่าตรงนี้เป็นอะไรที่ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้เลย เพราะมันมีการกาชามาเกี่ยวข้องนี่แหละ แถมในความเป็นจริงเรายังมีตัวเลือกอีกหลายอย่างที่สามารถเพิ่มอัตราคริให้สูงขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสกิลของอาวุธ (ที่ส่วนตัวว่าไม่ค่อยคุ้มนัก), ชุดเซ็ทของ Artifact อย่าง Berserker, ค่าสเตตัสรองที่สุ่มกันตาแหก แม้กระทั่งพรสววรค์ของตัวละครหรือการอัพหมู่ดาวที่ทำให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นมา ก็อาจจะมีส่วนทำให้อัตราคริของตัวละครแต่ละตัวสูงขึ้นได้เช่นกัน ตัวเลือกที่ตัดสินใจได้ง่ายสุดก็ไม่พ้นค่าสเตตัสหลักของ Artifact นั่นแหละ ดังนั้นมันจะเป็นอย่างสุดท้ายที่เราจะคิดถึงมัน เพราะเป็นของที่เพื่อนๆ ฟาร์มได้เรื่อยๆ จะหล่นมาเมื่อไหร่แค่นั้นเอง แต่อาวุธนั้นหลักๆ เราจะได้จากระบบกาชาทำให้เรียกได้ว่า "ต้องหวังพึ่งฟ้าดิน" ว่าจะมีอะไรมาให้ใช้ อย่างเลวร้ายคืออาจจะไม่ได้ซักอย่างเลยทีเกี่ยวกับคริ ก็ชีช้ำกันไป แถมเมื่อได้มาแล้ว ก็ต้องพิจารณาอีกว่า ตัวสกิลของอาวุธชิ้นนั้นสามารถตอบโจทย์สไตล์การเล่น หรือแนวทางของตัวละครได้หรือเปล่าอีกด้วย ถ้ามันไม่เข้ากันเลย ก็อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีเท่าไหร่นักอีกต่างหาก อนึ่ง อาวุธที่ได้จากการซื้อ Battle Pass ใน patch 1.0 จะมีค่าสเตตัสเป็นอัตราคริทั้งหมด เป็นทางเลือกแบบการันตีสำหรับคนที่อยากอุดหนุนตัวเกม ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องดูคือตัวเลือกอาวุธที่มีในขณะนั้น ว่ามีชิ้นไหนที่สามารถตอบโจทย์ด้านคริติคอลที่เพื่อนๆ ต้องการได้หรือไม่ หรือมันมีค่าคริแต่สกิลมันเข้ากับสไตล์การเล่นหรือเปล่า โดยมากอาวุธสายคริจะมีสกิลที่ค่อนข้างใช้งานได้หมดอยู่แล้ว อาจจะมีเล็กน้อยอย่าง Twin Nephrite (สื่อเวทย์) ที่ต้องฆ่าศัตรูถึงจะได้บัพ (ไม่ดีสำหรับบอสหรือดันที่ศัตรูมันอึดมาก) หรือ Lithic Blade (ดาบใหญ่) ที่ต้องมีตัวละครในทีมที่มาจาก Liyue แต่ในทีมดันไม่มีตัวแบบนั้นเลย ก็ไม่ค่อยเข้ากัน การตัดสินใจเป็นอันดับต่อมาคือการดูการจัดทีมของเพื่อนๆ ว่ามีส่วนของอัตราคริมาช่วยไหม เช่น Traveler (ตัวเอก) ธาตุดิน มีท่าไม้ตายจะช่วยเพิ่มอัตราคริให้ หรืออย่าง Diluc เมื่อเลื่อนระดับแล้วจะมีสเตตัสติดตัวเป็นอัตราคริ การใช้อาหารช่วยเพิ่มอัตราคริหรือเปล่า (ซึ่งใน Spiral Abyss จะใช้ไม่ได้) เป็นจุดอีกเล็กน้อยที่จะได้นำมาคิดกันในการเล่นจริงด้วย จากนั้นจึงมาดูกันที่ตัว Artifact กันเป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งตัวเลือกก็จะเป็นส่วนหมวกที่มีอัตราคริและความแรงคริให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามด้วยการสุ่มค่ารอง และผลเซ็ท (ที่มี Berserker เซ็ทเดียวที่เกี่ยวกับคริ) และด้วยความที่อัตราครินั้นหายาก ถ้ายังหาตัวเลือกเซ็ท 4 ชิ้นดีๆ ไม่ได้ การผสม Berserker 2 ชิ้นเข้ากับชุดอื่นก็เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดีไม่น้อยถ้าต้องการอัตราคริจริงๆ ค่าสเตตัสหลักนั้น ถ้าอัตราคริเพื่อนๆ ยังน้อยก็เลือกอัตราคริได้เลย แต่ถ้ามีอัตราคริเริ่มสูงซัก 30-50%...

Read more

โลกของ Teyvat ภายในเกม Genshin Impact นั้นนอกจากเควสแล้วยังมีอีกหลายสิ่งให้ผู้เล่นได้เข้าไปค้นหากันอย่างมากมายเพื่อรับของรางวัลฟรีๆ จากความสำเร็จในการปลดล็อคภารกิจเหล่านั้นมา ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาไปดูวิธีการทำเควสสมบัติที่หวนคืน ใน ท่าเรือ Liyue แบบละเอียดกัน! เควสสมบัติที่หวนคืน เมื่อมาถึงเขตเมืองดินใน Liyue พอเดินมาถึงแถว Guili Plain จะเจอ NPC ชื่อว่า Soraya อยู่หลังจากกดคุยจะเริ่มเควสในทันที สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มทำภารกิจ ควรมีเลเวลตัวละครทั้งทีม เลเวล 40 หรือมากกว่าเพื่อสู้กับศัตรูทั้งหมด เตรียมอาหารและยาไปให้พร้อม ภารกิจแรกที่จะต้องไปทำก็คือตามหาแผ่นศิลาโบราณให้ครบ 5 แผ่น โดยการจะหาศิลานั้นให้สังเกตถ้าเจอคบไฟ 2 อัน ตรงนั้นจะมีศิลาตั้งอยุ่ตรงกลาง ซึ่งทั้ง 5 ชิ้นจะอยู่ตามจุดในภาพข้างล่าง จุดแรก : หลังคุยกับ Soraya เดินตรงแล้วเลี้ยวซ้าย จุดสอง : เก็บอันแรกแล้วเดินเลี้ยวซ้ายขึ้นไป จุดสาม : ตามในแผนที่จากจุดเก็บสองลงมาข้างล่างจะมีลานมีหีบอยู่ตรงกลางจะเจอศิลาอยู่ตรงนั้น จุดสี่ : เดินเลี้ยวไปทางขวาของแผนที่จะเจอลานวงกลมมีศิลาอยู่ตรงกลาง จุดห้า : เดินไปทางซ้ายของแผนที่ตรงนั้นจะมีพวกโจรสุสานอยู่กับศิลากำจัดให้หมดแล้วกดสำรวจอันสุดท้าย เมื่อได้ครบแล้วเควสจะให้กลับไปคุยกับ Soraya อีกครั้ง แต่ก่อนไปตรงจุดสุดท้ายจะมีระเบิดกับหลุมมีหินบังอยู่กดทำลายมันจะเจอหุ่น 1 ตัวเฝ้าทางเข้าใต้ดินอยู่ ข้างในจะเจอกับของสักการะธาตุดินอยู่ 1 อัน และกองสมุดมีบันทึกอยู่กดสำรวจก่อนแล้วค่อยกลับไปคุยกับเธอ (อย่าลืมกดเปิดดันเจี้ยนท้าทายเอาไว้เพื่อใช้ในการวาร์ปกลับมาแถวนี้) เควสต่อไปจะต้องไปตามหาศิลาอีก 2 จุดจะขึ้นให้เห็นบนแผนที่ว่าจะไปตรงไหน โดยจุดทางขวามือทางเข้าจะมีหนามกั้นอยู่พร้อมกับระเบิด ให้ทำลายมันแล้วเข้าไปข้างในจะเจอศิลา (อย่าลืมกดเปิดจุดวาร์ปเอาไว้เพื่อใช้วาร์ปกลับมาในเควสต่อไป) จุดที่สองทางซ้ายตรงสะพานขาดให้กระโดดลงข้างล่างทางขวาจะเจอศิลากับพวกศัตรูขวางอยู่ กำจัดให้หมดแล้วกดสำรวจศิลาแล้วกลับไปหา Soraya ได้เลย แต่ก่อนไปอย่าลืมกดเปิดจุดวาร์ปเอาไว้ด้วยนะ หลังจากคุยจบแล้วเธอจะกลับไปที่โรงแรม Wangshu Inn เธอจะอยู่ที่นั้นไปคุยกับเธอเพื่อทำเควสต่อไปกัน หลังจากคุยจบแล้วเราจะต้องไปตามหาศิลาอีกแบบให้ครบ 4 ชิ้น แต่ชิ้นแรกนั้นเควสจะบังคับให้เราไปหาก่อน ซึ่งตรงนั้นจะมีลมบังอยู่ต้องขึ้นไปที่สูงแล้วบินลงไปถ้ามี Vanti ก็จะง่ายขึ้นอีกขั้นนึงพร้อมกับพวกสไลม์ลม เมื่อกดสำรวจแล้วจะต้องไปตามหาต่ออีก 3 ให้ครบ วิธีการหาอีก 3 จุดนั้นให้สังเกตบนแผนที่จะมีมุมเป็นสี่เหลี่ยมโผล่ออกมาให้เห็นทั้งหมด 4 มุมตามแผนที่ในภาพ จุดทางขวาให้วาร์ปไปตรงดันเจี้ยนแถวซากปรักหักพังจุดแรกที่เคยไปแล้ววิ่งขึ้นข้างบนจะมีพวกโจรสุสานคุมอยู่ให้กำจัดให้หมดแล้วกดสำรวจศิลา จุดทางขวาล่างให้วาร์ปลงไปจะมีนักเวทย์ Fatui อยู่ (หากใครมาตีครั้งแรกแล้วจะไม่ปรากฏออกมาอีก) จุดสุดท้ายทางซ้ายล่างจะมีพวกอบิสและสไลม์ธาตุไฟอยู่พร้อมกับหนามบังพื้นที่อยู่ ให้กำจัดให้หมดก่อน สำรวจเสร็จแล้วให้กลับไปหา Soraya กลับมาคุยกับเธอจะต้องไปตามหาโบราณสถานที่สุดท้ายให้เจอ ซึ่งในรอบนี้จะไม่บอกว่ามันอยู่ที่ไหน โดยจุดสุดท้ายนั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย มันอยู่ด้านล่างของซากโบราณจุดแรกเริ่มตอนเจอกับ Soraya ครั้งแรกเลย ให้เดินไปตามแผนที่มีแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง ที่นั้นจะมีศิลาอยู่เมื่อกดสำรวจพวกหุ่นจะตื่นขึ้นมาทันที 3 ตัว ต้องกำจัดให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับมากดศิลาได้ หลังจากกำจัดหมดแล้วกดสำรวจศิลาอีกครั้งจะเกิดคัดซีนน้ำในบ่อลดจนหมดจะพบกับกล่องสมบัติถึง 3 กล่องด้วยกัน ซึ่งในกล่องทองจะมีของเควสอยู่ด้วยให้กลับไปคุยกับ Soraya เป็นครั้งสุดท้ายจะจบเควสสมบัติที่หวนคืนพร้อมกับรับของรางวัลและได้รับความสำเร็จ "สัมภาษณ์เทพเจ้าในอดีต" จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้วหวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่ Genshin Impact Thailand

Read more

ว่ากันว่าการโจมตีเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด ในเกม RPG ที่มีการต่อสู้ การทำความเสียหายใส่ศัตรูให้ตายให้เร็วที่สุดก็ดูจะตรงกับจุดนี้ไม่น้อย หากศัตรูไม่ได้มีเลือดหนาจนเว่อร์มากนัก เพราะยิ่งกำจัดได้เร็วเท่าไหร่ ศัตรูก็ยิ่งออกท่าได้น้อยเท่านั้น ในวันนี้กับบทความของ Genshin Impact ก็จะพาเพื่อนๆ ดำดิ่งสู่สารพัดเคล็ดไม่ลับเพื่อหาวิธีที่จะช่วยรีดความเสียหายให้ได้มากๆ กัน คำเตือน บทความนี้มีความยาว เพื่อนๆ ควรทำ Satisfying Salad มานั่งแทะระหว่างรับชม Introduction to ปั่นแดเมจ ก่อนจะเข้าเนื้อหาเชิงลึก ก็คงต้องพูดถึงพื้นฐานของพื้นฐานกันก่อน นั่นคือการปั่นจากอะไรที่รู้กันอยู่แล้ว การอัพเลเวลของตัวละครและอาวุธ รวมถึงการใช้ Artifact ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีนั่นเอง จริงๆ ตรงนี้หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบหรือเผลอมองข้ามไปเพราะคิดว่าตีมอนตายสบายๆ ในช่วงแรกๆ คงไม่ต้องสนใจมากนัก รอไปหาของดีๆ ทีเดียวเลย การอัพเลเวลของตัวละคร, อาวุธ หรือแม้กระทั่งกดเลื่อนระดับเฉยๆ จะช่วยเพิ่มพลังโจมตีพื้นฐานขึ้นมาได้ (จำคำว่าพื้นฐานไว้นะเพื่อนๆ เดี๋ยวจะออกสอบ) การเลือก Artifact ที่มีผลเพิ่มพลังโจมตี และการอัพเลเวลของ Artifact เหล่านี้ให้เยอะๆ เพื่อเพิ่มผลของมันให้สูงขึ้น เพราะในขณะที่อาวุธกับตัวละครถูกล๊อคไว้ด้วยระดับนักผจญภัย แต่ตัว Artifact ขอแค่มีซัก 3-4 ดาว ก็สามารถอัพได้เยอะและเริ่มคุ้มแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้า Artifact เป็น 3 ดาวขอแนะนำแค่ประมาณ +8 พอ หลังจากนั้นเริ่มไม่คุ้มแล้ว ยกเว้นขนนกที่จัด +12 ได้เลย ซึ่งการอัพเลเวลมันขึ้นมา จะทำให้เพื่อนๆ ตีแรงกว่าตอนใช้ +4 +0 อย่างเห็นได้ชัดเจนมากๆ (โดยเฉพาะขนนกในช่วงแรกๆ ของเกม) ที่บอกว่ามองข้ามเพราะอะไร? บางคนอาจจะเห็นว่าแค่ +4 ขนนกที่เหลือ +0 รอได้ของดีค่อยอัพก็ได้ ตีมอนตายเหมือนกัน แต่กว่าจะได้ของที่ต้องการนั้นเชื่อได้ว่าค่อนข้างนาน และเมื่อระดับของโลกเพิ่มขึ้น มอนก็จะอึดขึ้น การที่เรากำจัดได้ไวขึ้นมันก็จะทำให้เราเสียเวลาน้อยลง ไอ้การตีทีละ 200 ที่ +4 พอยอมอัพซักหน่อยกลายเป็นตีทีละ 400 600 มันก็คนละเรื่องกันล่ะเนอะ   ปั่นแดเมจ 101 : ที่มาของตัวเลข ในส่วนของพลังโจมตีที่เพื่อนๆ เห็นที่หน้าจอสถานะของตัวละครนั้น จะเป็นการรวมค่าต่างๆ ทั้งค่าพื้นฐานและผลจาก Artifact และตัวอาวุธเข้าด้วยกันแล้ว ซึ่งวิธีการคำนวนหลักๆ จะมีประมาณนี้ ค่าพลังโจมตีที่เห็น = + พลังโจมตีเป็นหน่วยจาก Artifact (เช่นขนนกและค่าสเตตัสรอง) จะเห็นได้ว่า พลังโจมตีพื้นฐานของตัวละครและอาวุธนั้นมีบทบาทเป็นอย่างมาก ยิ่งเลเวลของอาวุธและตัวละครยิ่งสูง จะยิ่งได้ผลคูณมากเป็นเงาตามตัว ตัวผลคูณนี้จะมาจากค่าสเตตัสรองของอาวุธ เช่น Prototype Rancor ที่มีผลคูณพลังโจมตี หรือค่าสเตตัสของ Artifact ที่เพิ่มพลังโจมตีเป็น % ทั้งหลาย และผลของเซ็ทต่างๆ ที่เพิ่มมาด้วย เช่น Gladiator 2 ชิ้นหรือ Resolution of Sojourner 2 ชิ้นก็ตาม ส่วนพลังโจมตีเป็นหน่วยของขนนก, ค่ารองของ Artifact จะมีผลบวกตรงๆ ไม่คูณเพิ่ม ทำให้มีผลน้อยที่สุดเมื่อค่าพื้นฐานและตัวคูณสูงมาก (ท้ายเกม) แต่ในขณะเดียวกันก็มีผลมากที่สุดถ้าค่าพื้นฐานและตัวคูณต่ำ (ต้นเกม) และมีไว้ก็ดีกว่าไม่มี +200 +300 มันก็ช่วยได้ ตัวเลขนี้จะไม่นับพวกเงื่อนไขต่างๆ เช่นคริหรือความเสียหายเฉพาะอย่าง   ปั่นแดเมจ 201 : "พลังโจมตี" และ "ความเสียหาย" หลังจากที่เข้าใจในเรื่องพลังโจมตีที่ปรากฎในหน้าตัวละครไปแล้ว เพื่อนๆ จะเริ่มเข้าใจว่า การยัด Artifact ที่มีผลเพิ่มพลังโจมตีเป็น % นั้นจะช่วยได้เป็นอย่างมากในช่วงท้ายเกม ซึ่งนั่นก็ถูก และในเมื่อมันรวมทุกค่ามันจึงไม่น่ามีปัญหาอะไรที่ว่ายิ่งเยอะยิ่งไม่คุ้ม แต่! ในเมื่อช่องของเพื่อนๆ นั้นมีจำกัด การเลือกให้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นที่มาของการใส่ไปเยอะเกินไปไม่คุ้มค่าเท่านั่นเอง สิ่งที่เพื่อนๆ จะสังเกตุได้นอกจากพวกพลังโจมตีที่เพิ่มเป็น % แล้ว ก็จะมีส่วนของ พลังโจมตีกายภาพ, ความเสียหาย ที่เพิ่มขึ้นมา และตัวเกมได้ใช้คำที่ต่างกันอย่างชัดเจน (พลังโจมตี = ATK | ความเสียหาย = DMG) และนั่นคืออีกจุดหนึ่งที่เพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เร่งความเสียหายให้มากขึ้นไปอีกได้ โดยถ้าให้อธิบายแบบรวบรัด "พลังโจมตี"นั้นจะมีผลกับทุกๆ สิ่ง (ที่ใช้พลังโจมตีมาเกี่ยวข้อง) เช่นการโจมตีปกติ การใช้สกิลต่างๆ ทำให้มันเป็นพื้นฐานของการคำนวน แต่"ความเสียหาย"นั้น จะมีเงื่อนไขติดพ่วงมาตลอดเวลา เช่นเพิ่มความเสียหายของการโจมตีปกติ, เพิ่มความเสียหายของธาตุไฟ ด้วยเหตุนี้ ทำให้คีย์เวิร์ด"ความเสียหาย"จะเป็นตัวคูณแยกตามเข้าไปอีกที ส่งผลให้ตัวคูณนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นนึงนั่นเอง เช่น พลังโจมตีพื้นฐาน +100 จากสูตรเดิม (478) เมื่อมีส่วนของความเสียหายมาเพิ่มเติมและติดเงื่อนไขอย่าง "การโจมตีปกติแรงขึ้น 35%" นั้นทำให้ผลการคำนวนของเดิม +100 มีการเพิ่มไปอีก 35% กลายเป็น 645.3 (ในการคำนวนจริงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เช่นตัวคูณพลังโจมตีลดลงจากการเปลี่ยนไปใช้เซ็ทที่มีผล 35% แทน หรือการโจมตีปกติอาจจะไม่ได้ทำความเสียหายเต็มๆ 100%) ดังนั้น การจะมองเพียงแค่การใส่แต่ค่าพลังโจมตีเพียงอย่างเดียวนั้น อาจจะทำให้เพื่อนๆ ได้พลังโจมตีที่สูงที่สุดก็จริง"โดยไม่มีเงื่อนไขมายุ่งเกี่ยว" แต่การเลือกที่จะมีส่วนของเงื่อนไขลงในสมการแล้ว เพื่อนๆ จะเสียพลังโจมตีลงไปเล็กน้อย (อาจจะ 18-30% ขึ้นกับการจัดเซ็ท) แต่ได้ตัวคูณใหม่เพิ่มขึ้นมาเน้นๆ อีกหลายสิบเปอร์เซ็น เมื่ออยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว   ปั่นแดเมจ 202 : ประเภทของความเสียหาย เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเงิบถ้าอยากจะบอกว่า กายภาพก็จัดเป็นธาตุชนิดหนึ่ง เอ้า! หลุดโลกเกินไปแล้ว! แต่จริงๆ ถ้าอธิบายว่า ธาตุหรือกายภาพเป็น"ประเภท"หนึ่งของความเสียหายนั้น น่าจะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า อย่างที่เพื่อนๆ ทราบดีว่า ตัวเลขนั้นจะแยกเป็นสีต่างๆ ตามธาตุ โดยสีขาวนั้นหมายถึงเป็นความเสียหายกายภาพ ทีนี้มันเกี่ยวข้องกับการรีดความเสียหายยังไง? ก็เพราะไอ้เจ้าเงื่อนไขสารพัดสารเพของ"เพิ่มความเสียหาย"นั่นยังไงล่ะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการต้านทาน (Resistance) ที่แยกต่างหากจากพลังป้องกัน (Def) อีก (บอกแล้วมันค่อนข้างยุ่บยั่บ) ดังนั้นการเข้าใจว่าตัวเลขสีขาวกายภาพ หรือสีธาตุต่างๆ ต่างกันยังไงจะช่วยให้เพื่อนๆ เลือกสกิลของอาวุธหรือผลเซ็ทของ Artifact ได้ตรงกับการที่เพื่อนๆ ต้องการได้มากกว่า โดยในจุดนี้ เพื่อนๆ ต้องดูที่ Talent หรือสกิลของตัวละครว่า ผลของสกิลและไม้ตายเนี่ย มันส่งผลอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ไฟ ไฟ ไฟ และ ไฟ ล้วนๆ Diluc ที่สกิลเป็นการโจมตีธาตุไฟ 3 ครั้ง และไม้ตายที่เป็นธาตุไฟ พร้อมเปลี่ยนการโจมตีเป็นธาตุไฟ ..... แม้ว่าตัวเขาจะมีการโจมตีปกติที่รุนแรง แต่เห็นสกิลแบบนี้บอกได้เลยว่า การเน้นใช้อาวุธหรือเซ็ท Artifact...

Read more
Genshin Impact Elemental Shield cover playpost

เกราะธาตุ... หนึ่งในความน่ารำคาญสุดๆ ของมอนสเตอร์ใน Genshin Impact ตัวไหนมีเกราะธาตุแล้วเสกขึ้นมาทันก่อนฆ่ามันได้นี่ มีปวดหัวกันอย่างแน่นอน บทความสั้นๆ วันนี้จะชวนเพื่อนๆ มาหาวิธีตบตีเกราะธาตุของมอนเหล่านี้กันจ้า ชนิดของเกราะธาตุ เกราะธาตุของมอนสเตอร์นั้น จะแสดงออกมาเป็นรูปแบบของหลอดเลือดสีของธาตุนั้นๆ ใต้หลอดเลือดสีแดงของมอนสเตอร์แต่ละตัว ซึ่งไอ้เจ้าเกราะธาตุเหล่านี้เนี่ย ก็จะแบ่งออกไปเป็นกลุ่มๆ ตามชนิดของมอนสเตอร์ด้วย แต่ละกลุ่มนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมันอยู่ ถ้าจำได้เพื่อนๆ ก็มีปัญหาน้อยลงเยอะเลยล่ะ   ► เกราะของสไลม์ (มีเฉพาะในสไลม์ธาตุดินและธาตุน้ำแข็ง) คุณสมบัติ : ป้องกันตัวเฉยๆ ลดความเสียหายกายภาพได้มาก ดาบใหญ่ทำลายได้ง่ายเลยทีเดียว วิธีจัดการ : ใช้ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกันโจมตี หรือใช้อาวุธอย่างดาบใหญ่ทุบ ผลเมื่อเกราะแตก : สไลม์จะตกใจและพยายามหนีซักพักหนึ่ง ถ้าถูกขวางจะสู้กลับตามปกติ เมื่อปล่อยไว้ซักพักหนึ่งจะสร้างเกราะขึ้นมาใหม่   ► เกราะของ Whopper Flower คุณสมบัติ : ลดความเสียหายกายภาพได้พอสมควร ถูกทำลายได้ง่ายมากจากธาตุที่ชนะทาง สร้างเกราะเมื่อจะชาร์จท่าใหญ่เท่านั้น หลังชาร์จเสร็จเกราะจะหายไปและยิงท่าใหญ่ต่อเนื่อง (ปล่อยไว้ซักพักจะใช้ท่าใหญ่ หรือถ้าใกล้ตายจะรีบใช้ท่าใหญ่ทันที) วิธีจัดการ : ใช้ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกันโจมตี หรือใช้อาวุธอย่างดาบใหญ่ทุบ หากใช้ธาตุที่ชนะทางแทบจะแตกในพริบตา ผลเมื่อเกราะแตก : ติดสตัน ยืนงงให้ตีอย่างยาวนานมากร่วม 15 วินาที   ► เกราะของ Abyss Mage คุณสมบัติ : ลดความเสียหายกายภาพได้ดีมาก มีความทนทานสูงมากๆ แต่แพ้ทุกธาตุที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกัน ธาตุที่แพ้ทางจริงๆ จะเข้าเยอะหน่อย วิธีจัดการ : ใช้ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกันโจมตีไปเรื่อยๆ สามารถใช้อาวุธอย่างดาบใหญ่ทุบได้ แต่นานมากๆ กว่าจะแตก ผลเมื่อเกราะแตก : ตกลงมายืนติดสตันที่พื้นประมาณ 10 วินาที หลังจากนั้นมันจะร่ายท่าใหญ่ป้องกันตัว (หัวเราะและเต้นไปมาพร้อมกับมีวงเวทย์ที่พื้น) เมื่อท่าใหญ่จบจะสร้างเกราะขึ้นมาใหม่อีกทีหนึ่ง หมายเหตุ : เกราะของ Hydro Abyss Mage (ธาตุน้ำ) มีความแข็งมากที่สุด และแตกต่างจากคนอื่นตรงธาตุน้ำแข็งจะค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากกว่าไฟฟ้า ซึ่งแทบจะเป็นตัวเดียวในเกมที่มีปัญหาเรื่องนี้จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็น Bug ก็ว่าได้   ► เกราะของ Futai Skirmisher คุณสมบัติ : ลดความเสียหายกายภาพได้ดีมาก มีความทนทานสูงต่อธาตุที่ไม่ได้แพ้ทาง วิธีจัดการ : ใช้ธาตุที่ชนะทางอัดให้แตก ธาตุอื่นอาจจะถึงขั้นไม่มีผลเลย ส่วนดาบใหญ่ไม่ช่วยอะไรนัก หากมีหลายตัวอยู่ด้วยกัน ควรกำจัดตัวธาตุน้ำ > ธาตุดิน ก่อนเป็นอันดับแรก (ธาตุน้ำฮีลได้, ธาตุดินเสริมเกราะคนอื่นได้) ผลเมื่อเกราะแตก : ติดสตันประมาน 10 วินาทีให้ได้ทุบฟรีๆ   ► เกราะของ Regisvine (บอสดอกไม้ทั้งสองชนิด) คุณสมบัติ : มีไว้เป็นจุดอ่อนเฉยๆ โดยจะมีเกราะสลับกันที่ลำต้นและที่เกสร วิธีจัดการ : ใช้ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกันโจมตี ธาตุที่ชนะทางจะมีผลแรงมาก นับความเสียหายจากจำนวนครั้งในการโจมตี/ชนิดในการโจมตีมากกว่าตัวเลขความเสียหายจริง ผลเมื่อเกราะแตก : ตัวดอกจะหมดแรงประมาณ 15 วินาที ในช่วงนี้จะทำความเสียหายได้เต็มจำนวนจนกว่าจะลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง (เกราะแตกไม่แตกไม่เกี่ยวกับการลดความเสียหายตรงนี้ เป็นแค่ช่วงระยะเวลาทำความเสียหายได้เฉยๆ DPS Window)   ธาตุที่ชนะทางในการทำลายเกราะที่ดีที่สุด นอกจากธาตุที่ตรงกับตัวเกราะชนิดนั้นๆ แล้ว เพื่อนๆ สามารถใช้ธาตุอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกันโจมตีใส่เพื่อลดเลือดของเกราะได้ทั้งนั้น หรือถ้าเพื่อนๆ ใช้อาวุธชนิดดาบใหญ่ จะสามารถลดเกราะธาตุนี้ลงได้เช่นกันเพราะถือว่าเป็นการโจมตีชนิดที่รุนแรงพิเศษ (แต่ลองเอาดาบธรรมดาหรือหอกจิ้มนี่ ไม่มีสะเทือนเลยจ้า) เพียงแต่ว่าถ้าเพื่อนๆ ใช้ธาตุที่ชนะทาง จะทำความเสียหายใส่ตัวเกราะได้ดีที่สุด ซึ่งจะไล่ตามแผนภูมิดังนี้ (อันที่จริงแค่ทำให้ติดสถานะตรงข้าม เช่น เปียก กับเกราะไฟ เลือดเกราะก็ลดแล้วแหละ) ไฟฟ้า ทำลาย เกราะน้ำ (ยกเว้น Hydro Mage ใช้น้ำแข็ง) น้ำ ทำลาย เกราะไฟ ไฟ ทำลาย เกราะน้ำแข็ง น้ำแข็ง ทำลาย เกราะไฟฟ้า ดิน ทำลาย เกราะดินซะงั้นล่ะเฮ้ย เอาล่ะ รู้วิธีรับมือเกราะธาตุกันแล้ว อย่าลืมจัดทีมให้มีตัวช่วยเจาะเกราะดีๆ ซักตัวตอนจะวิ่งฟาร์มอะไร ชีวิตการฟาร์มจะสบายขึ้นสุดๆ เลยล่ะ! ..... อันที่จริงแนะนำให้จัดทีมที่มีตัวเจาะเกราะธาตุเวลาลง Spiral Abyss นั่นแหละ ไม่งั้นชีวิตลำบากแน่ จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่

Read more

โลกของ Genshin Impact นั้นมีเควสอยู่มากมาย บางเควสก็ทำได้ตั้งแต่แรก บางเควสก็ต้องรอระดับนักผจญภัยถึง ส่วนเควสที่จะพูดถึงในวันนี้ เป็นเควสที่ต้องอาศัยความอุตสาหะแบบสุดๆ กันแทน กับเควสเสาแห่งสันติทั้ง 9 ที่จะพาเพื่อนๆ ทัวร์โลกกว้างของเขต Liyue กันให้แขนหลุดจากการปีนป่ายกันเลยทีเดียว เงื่อนไขการทำเควส ตัวเควสนี้มีเงื่อนไขที่เพื่อนๆ จะเริ่มต้นทำได้คือ ต้องทำการถวายเครื่องสักการะ (Geoculi) ให้กับรูปปั้นเขต Liyue (Status of Sevens) ให้ครบเลเวล 10 เสียก่อน (ใช้ทั้งหมด 130 เม็ด...) และเพื่อนๆ จะได้หินสลักแห่งความทรงจำมาทั้งหมด 9 ลูก จึงจะสามารถเริ่มทำเควสนี้ได้ สำหรับการตามล่า Geoculi ทั้ง 130 เม็ด (จริงๆ มี 131 เม็ดนะเอ้อ) นั้นก็จะขออนุญาติละไว้ ให้เพื่อนๆ ได้ตะลุยล่ากันไม่งั้นน่าจะได้บทความยาวเป็นเล่มแน่ๆ ซึ่งตรงนี้เพื่อนๆ สามารถใช้ตัว Web ในการหาตำแหน่งของผลึกธาตุเหล่านี้ได้ โดยแนะนำให้หาเป็นส่วนๆ และทำเครื่องหมายทิ้งไว้ จะทำให้ตามหาตำแหน่งและจำได้ว่าอันเจอแล้วยังไม่เจอได้ง่ายขึ้นมาก เพราะถ้าเพื่อนๆ ขาดแค่ 1-2 อันแต่วนจนน่าจะครบแล้ว ต้องวนหาใหม่หมดมันไม่สนุกแน่ๆ ล่ะบอกได้เลย   ปลดผนึกเสาแห่งสันติทั้ง 9 หลังจากเพื่อนๆ อดทนเก็บ Geoculi ครบและอัพเลเวลเสาจนเต็ม ได้หินแห่งความทรงจำมาแล้ว 9 ลูกก็สามารถเริ่มเควสได้เลย ตรงจุดนี้ให้เพื่อนๆ วาร์ปไปยัง Teleport Waypoint ทางซ้ายของ Luhua Pool จากนั้นมองไปทิศเหนือ จะเจอกับเสาสีส้มๆ ตั้งอยู่เรียงรายเต็มไปหมด (มี 9 ต้นพอดีเป๊ะ) ให้ปีนไปยังเสาแต่ละต้นและมองหน้าแผ่นสี่เหลี่ยมที่คล้ายกับหน้าของยักษ์ เพื่อทำการติดตั้งหินแห่งความทรงจำลงไป เมื่อติดตั้งแล้วตัวละครของเพื่อนๆ จะกระเด็นตกลงมาพร้อมกับมีหีบสมบัติระดับ 2 ปรากฎให้เก็บเพิ่มเติม ก่อนจะมี Cut Scene ปรากฎมาให้เห็นถึงประตูที่กำลังถูกปลดผนึก เป้าหมายของเพื่อนๆ คือทำการปีนเสาทั้ง 9 ต้นและแปะหินนี่ให้ครบทั้ง 9 ต้น โดยเสาแต่ละต้นก็จะอยู่ห่างกันพอประมาณ และมีของเล่น หีบสมบัติ หรือ Challenge ให้ได้ทำอยู่ในบริเวณนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียวล่ะ บางต้นก็จะเข้าถึงยากหน่อยหรือมีอุปสรรค์อย่างเช่นกำแพงลม ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรแน่นอน เมื่อเพื่อนๆ ปลดผนึกเสาทั้ง 9 ต้นครบแล้ว ประตูจะถูกเปิดออกให้สามารถเข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านในได้   ตะลุยซากวิหารโบราณ ก่อนจะลุยกับพื้นที่ด้านในนี้ ขอแนะนำให้เพื่อนๆ เตรียมตัวให้พร้อมกัน เนื่องจากข้างในนี้จะมีการต่อสู้ที่ค่อนข้างน่ารำคาญพอตัว ตรงนี้ขอแนะนำให้เพื่อนๆ มีตัวละครสายธนูเช่น Amber ไว้คนหนึ่งเพื่อยิงจุดอ่อนศัตรู (จำเป็นมาก) มีตัวละครที่พร้อมลุยกับศัตรูเก่งๆ ถ้าเป็นสายกายภาพควรมีธาตุไฟฟ้า+น้ำแข็ง หรือใช้ตัวละครสายสื่อเวทย์ก็ได้ ตัวฮีลและอาหารให้พร้อม เมื่อพร้อมแล้วก็สามารถเข้าไปข้างในวิหารได้เลย ภายในนั้นจะเป็นห้องที่โล่งมากๆ และมี Ruin Guard ตัวหนึ่งนั่งอยู่ ให้เพื่อนๆ กำจัดพวกแมงมุมรอบห้องก่อนเพื่อไม่ให้เกะกะตอนสู้ จากนั้นก็เดินเข้าไปปะกับเจ้า Ruin Guard ได้เลย Ruin Guard นั้นจะมีความต้านทานกายภาพสูงมาก ให้ใช้การผสมธาตุนำไฟฟ้า (ไฟฟ้า+น้ำแข็ง) เพื่อลดการต้านทานของมันลงจะสู้ได้ง่ายขึ้น การใช้ตัวสายธนูชาร์จยิงที่ลูกตา จะทำให้มันเซ และยิงซ้ำที่ลูกตาอีกครั้งตอนที่เซก็จะล้มลงให้เราตีฟรีได้นานๆ (หากพลาดจะต้องรออีกพักใหญ่กว่าจะทำได้อีกครั้ง) ระหว่างที่สู้ จะมีหินธาตุไฟปรากฎขึ้นในพื้นที่เป็นระยะๆ ตลอดการสู้ทั้ง 3 รอบ ซึ่งจะทำการบัพการต้านทานความเสียหายขึ้นเป็นอย่างมาก ให้เพื่อนๆ ทำลายหินธาตุไฟนี้ ก็จะหยุดบัพของศัตรูได้ หลังจากกำจัด Ruin Guard ได้แล้ว ก็จะมี Geovishap Hatching ปรากฎตัวขึ้นมา 2 ตัว ให้กำจัดมันเช่นกัน พร้อมกับหินธาตุไฟมาป่วนเป็นระยะๆ แต่ศึกหนักจริงๆ จะอยู่ที่เจ้า Ruin Hunter ตัวสุดท้าย ถ้ามันบินขึ้นเพื่อระดมยิงมิซไซล์ถล่ม ให้เพื่อนๆ หาจังหวะชาร์จยิงลูกตาของมันด้วยธนู มันจะหล่นลงมาให้ตีและไม่บินขึ้นอีกนานมากๆ (ตอนที่มันไม่บินสูงยิงลูกตาไม่ได้นะ ไม่เหมือน Ruin Guard) ระหว่างการสู้กับเจ้า Ruin Hunter จะมีหินธาตุไฟปรากฎขึ้นมาเป็นระยะๆ พร้อมกับมีลูกเล่นป้องกัน เช่นปืนไฟ, เลเซอร์, กำแพงลม พร้อมกับเจ้า Geovishap Hatching คอยป่วน ตรงนี้ให้เพื่อนๆ ช่างเจ้ากิ้งก่าดินและพยายามพุ่งเป้าหมายไปที่การทำลายหินธาตุให้เร็วที่สุด เมื่อหินธาตุแตกแล้วเจ้า Geovishap Hatching จะหายไปเอง ค่อยตีกับเจ้า Ruin Hunter ต่อ   ของรางวัลของเควส เมื่อกำจัดเจ้า Ruin Hunter ได้แล้ว ทางด้านในจะเปิดออกให้เห็นหีบสมบัติสองใบ เป็นหีบระดับ 4 และระดับ 3 อย่างละใบ พร้อมกับ Artifact 5 ดาวที่วางอยู่บนแท่น (ส่วนดอกไม้ของชุด Noblesse Oblige) ให้เพื่อนๆ รับรางวัลได้อย่างสบายใจสมความเหนื่อยยากได้เลย แต่ทว่าเมื่อเปิดหีบแล้ว จะเจอกับแหวนหยกวงหนึ่งที่ดูแปลกๆ เป็นของรางวัลอีกชนิดหนึ่ง ไปมอนจะสงสัยเหมือนกันว่าทำอะไรได้ และหลังจากนั้นจะมีเควสต่อเนื่องให้เราเอาไปขายกับ NPC สองคนที่ตัวเมือง Liyue นั่นเอง ตรงจุดนี้เพื่อนๆ จะนำแหวนไปขายกับใครก็ได้ จะจบเควสได้เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันดังนี้ เลือกตามใจชอบเพื่อนๆ ได้เลย Linlung : ได้รับเงิน 200,000 Mora Bolei : ได้รับเงิน 180,000 Mora และอาหารระดับ 5 ดาว (แบบธรรมดา) อีก 5 หม้อ (หากยังไม่เคยได้อาหารชนิดนี้มาก่อนจะได้รับสูตรอาหารมาด้วย) เมื่อขายแล้วตัวเควสก็จะจบลง ได้รับประสบการณ์นักผจญภัยและ Primogems อีก 50 เม็ดติดกระเป๋ากลับไปเป็นอันเสร็จสิ้นความยากลำบากของเควสนี้กัน เรียกได้ว่าเป็นเควสที่ถ้าดูแค่รางวัลและความยากลำบากในการทำตั้งแต่ต้นเลยอาจจะไม่คุ้มค่านัก แต่ถ้าคิดว่าเป็นเควสต่อเนื่องจากการที่อุตส่าห์ไปนั่งอัพเลเวลของรูปปั้นจนเต็มแล้ว โดยไม่ได้สนใจตัวเควสนี้แต่แรกก็คุ้มค่าอยู่นะเอ้อ สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อนๆ สนุกสนานกับการทำเควสจ้า จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่

Read more

ใน Genshin Impact นั้น Artifact นั้นก็เหมือนกับอุปกรณ์สวมใส่ที่จะช่วยเพิ่มควมสามารถของตัวละครต่างๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้การเลือกใช้ Artifact ให้เข้ากับตัวละครหรือแนวทางการเล่นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก ในการทำให้ตัวละครนั้นสามารถเล่นได้ตามแนวที่ต้องการหรือออกมาดีที่สุดนั่นเอง ในบทความนี้ก็จะมาพูดถึงหลักการในการเลือกใช้ Artifact ให้เข้ากับตัวละครและบทบาทต่างๆ นั่นเอง เข้าใจกับบทบาทของตัวละครคร่าวๆ ในขณะที่เกือบทุกตัวละครในเกมนั้นมีหน้าที่ในการทำความเสียหายเป็นหลัก (และบางคนช่วยฮีล) แต่ทั้งนี้ ด้วยข้อจำกัดทางทรัพยากรในการอัพเลเวลตัวละคร รวมถึง ลักษณะของสกิลและความสามารถในการต่อสู้ ทำให้เราแบ่งบทบาทของตัวละครต่างๆ ออกได้เป็นหมวดย่อยๆ ดังนี้ DPS - เป็นหน่วยที่จะทำความเสียหายเป็นหลัก รีดความเสียหายได้ต่อเนื่องและรวดเร็ว ตัวละครกลุ่มนี้มักจะมีสกิลที่สนับสนุนการโจมตีปกติให้ดีขึ้น Support - เป็นหน่วยที่จะช่วยในการสร้างธาตุที่ตัวศัตรู (setup) เพื่อใช้ในการปิดคอมโบการผสมธาตุจากตัวอื่น จะเป็น support อีกคนหนึ่งหรือของตัว DPS หลักก็ได้ Nuker - ความสามารถของตัวละครกลุ่มนี้คือมีสกิลที่รุนแรงมาก มีลักษณะลูกผสมระหว่างของ Support และ DPS กล่าวคือ support จะสนับสนุนธาตุดีกว่า และ DPS ทำความเสียหายต่อเนื่องกว่า Nuker จะอาศัยการ setup จากตัวละครอื่นและโดดเข้ามากดสกิลเป้งเดียวแรงๆ แล้วโดดหนีกลับไป รอ Energy / Cooldown กลับมาอีกทีค่อยโดดมาใหม่นั่นเอง Healer - ตัวละครกลุ่มนี้หน้าที่หลักจะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับคนอื่นในปาร์ตี้ให้สามารถเอาตัวรอดได้นานๆ เมื่อเพื่อนๆ เข้าใจบทบาทแล้วนั้น ก็จะทำให้สามารถเข้าใจหลักการเลือกตัว Artifact เซ็ทต่างๆ ได้ดีขึ้นไปด้วย ดังนั้นก็จะมาว่ากันด้วย วิธีการเลือก Artifact กันต่อเลย   การเลือก Artifact มาใช้งาน เพื่อนๆ น่าจะพอทราบกันแล้วผ่านทางบทความ ว่าตัวไอเทมเหล่านี้จะมีผลโบนัสเซ็ทของมันในรูปแบบ 2 ชิ้นและ 4 ชิ้น บางอย่างก็แลดูดี บางอย่างก็ดูไม่น่าไปได้กับบางตัวละคร ดังนั้นจึงมีหลักการเลือกใช้พวก Artifact ต่างๆ อยู่ หลักในการเลือกตัว Artifact มาใช้งานนั้น นอกจากจะดูในแง่ของผลเซ็ทแล้ว ค่าสเตตัสหลักก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อการพัฒนาตัวละครของเพื่อนๆ ด้วย การได้ตัวเซ็ทดีๆ แต่ค่าที่ได้ไม่ช่วยพัฒนาตัวละครเท่าไหร่ ผลที่ได้ก็มักจะออกมาแย่กว่าการใส่จับฉ่ายแต่สเตตัสตรงเป๊ะ ในการเลือกใช้นั้น จะขอแบ่งเป็นช่วงเวลาในการเล่นก่อนอันดับแรก ► ช่วงต้นเกม ช่วงต้นเกมคือช่วงเริ่มเล่นจนถึงราวๆระดับนักผจญภัย 25 นั้น เป็นช่วงที่เพื่อนๆ จะหา Artifact ดีๆ ยาก และมักจะต้องใช้ตามมีตามเกิดเสียก่อน ดังนั้นในจุดนี้ เพื่อนๆ จะมีตัวเลือกจาก Artifact ชุดที่หาได้ง่ายผุดๆ อย่างเช่น Adventurer, Berserker, Instructor พวกนี้กันก่อน (หยุด อย่าพึ่งหวังเซ็ทดีๆ อย่าง Gladiator เลย มันไม่ drop มาให้เพื่อนๆ ในช่วงนี้หรอก) ช่วงนี้ เพื่อนๆ ให้เลือกใช้งานเป็น Adventurer (เอาตัวรอด) + Berserker (เน้นตีปกติ) หรือ Instructor (ผสมธาตุ) อย่างละสองชิ้น โดยขึ้นกับว่าเป็นตัวที่เล่นกับธาตุเป็นหลักหรือโจมตีปกติเป็นหลัก ตัวเซ็ท Adventurer ในช่วงแรกนั้นช่วยเพิ่มค่าพลังชีวิตถึง 1,000 หน่วยซึ่งเยอะมากในช่วงที่ตัวละครพึ่งมีเลเวลน้อยๆ แถว 1-40 (เลเวลตัวละครนะไม่ใช่นักผจญภัย) ทำให้เพื่อนๆ รอดจากพวกมินิบอสหรือบอสได้ง่ายขึ้น จนเมื่อเลเวลสูงกว่านั้นแล้ว ไอ้ 1,000 หน่วยก็จะเริ่มไม่สำคัญแล้วล่ะ ด้วยความที่ตัวเซ็ทไม่มีให้เลือกมากนัก ให้เพื่อนๆ มุ่งความสนใจไปที่ค่าสเตตัสหลัก หากทำได้ให้เลือกพลังโจมตีมาก่อนเสมอ และตีบวกให้เป็น +4 จะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ได้ดีมาก วิธีนี้จะดีกว่าการไปนั่งเสียเวลาเลือกผลเซ็ทเฉพาะอย่างที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ควรจะหาอย่างน้อยเป็นระดับ 3 ดาวไว้ด้วย เนื่องจากมีค่าเริ่มต้นของค่าสเตตัสที่ดีกว่า   ► ช่วงกลางเกม ในตอนนี้เพื่อนๆ จะมีระดับนักผจญภัยแถวๆ 25-34 ซึ่งจะเริ่มมี Artifact เซ็ทต่างๆ ปรากฎตัวออกมามากขึ้นบ้างแล้ว แม้จะยังไม่เกลื่อนกลาดก็ตาม ทำให้เพื่อนๆ มีตัวเลือกมากขึ้นเยอะและเริ่มเน้นไปยังชุดที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการได้แล้ว แต่นั่นคือกับดัก!!! การพยายามฟาร์มหาเซ็ทที่เพื่อนๆ ต้องการในตอนนี้นั้นเป็นอะไรที่สิ้นเปลือง Resin ที่มีจำกัดจำเขี่ยเป็นอย่างมาก (แต่ถ้ามัน drop มาจากบอสที่เพื่อนๆ ต้องล่าหาของมาเลื่อนระดับอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร คุ้มอยู่) เนื่องจากในช่วงท้ายเกมก็จะต้องฟาร์มหามันอีก ... ในระดับที่บ้าคลั่งกว่าเดิมด้วย เพราะมีเรื่องของดวงมาสุ่มค่าสเตตัสและตัวชุดอื่นๆ นั่นแหละ จึงไม่แนะนำให้เพื่อนๆ ฟาร์ม Artifact ในตอนนี้ ยอมอดทนอีกซักนิดจะคุ้มกว่ามาก ในช่วงนี้ ถ้าเพื่อนๆ หาผลเซ็ทที่ใกล้เคียงกับแนวทางของตัวละครได้ก็โชคดีไป แต่การเน้นไปที่เซ็ท 2 ชิ้นผสมกัน และดูค่าสเตตัสหลักให้ตรงกับแนวที่อยากเล่นนั้นจะดีกว่าอยู่ดี รวมไปถึงช่วงนี้ เพื่อนๆ ควรเริ่มตี +4 +8 ได้แล้วล่ะ ยิ่งถ้าเป็นส่วนขนนกที่การันตีค่าพลังโจมตีเป็นหน่วย +12 ไปเลยยังได้ ถ้าสี่ดาวเซ็ทที่ชอบใจพอดี +16 เลยก็ยังไหว (เอาไปย่อยให้กินทีหลังก็ขาดทุนไม่มาก) DPS - เน้นผลพลังโจมตี, คริติคอลเป็นหลัก เนื่องจากตัวละครกลุ่มนี้จะโจมตีปกติรัวๆ ตลอดเวลา Nuker - ให้เน้นความชำนาญธาตุเป็นหลัก หรือจะเป็นพลังโจมตีก็ได้ แต่ไม่ควรใช้ Artifact ที่มีผลเกี่ยวข้องกับการกดโจมตีปกติเท่าไหร่นักเพราะใช้สกิลหากิน/สลับตัววนสกิลมากกว่าไล่ตีเรื่อยเปื่อย Support - จะเน้นพลังโจมตี, ความชำนาญธาตุ(ถ้าอัพเลเวลมาสูงๆ) หรือจะเน้นฟื้นฟูพลังงาน เพื่อเร่งเกจไม้ตายก็ได้ ขึ้นกับว่าเพื่อนๆ จะใช้ Support ตัวนั้นทางไหน เช่นเอามากดสกิลปกติ หรือเอามากดไม้ตายเป็นหลัก Healer - เลือกผลพลังโจมตีเป็นหลักเพื่อมาช่วยตีแรงขึ้นระหว่างฮีล ยกเว้น Barbara ที่ต้องเลือกค่าสเตตัสหลักเป็นเลือด หรือ Noelle ที่ใช้พลังป้องกันเป็นหลัก   Artifact ช่วงท้ายเกม ขอต้อนรับเพื่อนๆ เข้าสู่โรงเกลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่ง Teyvat ที่ซึ่งเพื่อนๆ จะได้ชีช้ำกระหล่ำปลีจากการตามหา Artifact เซ็ทที่ใช้ และค่าสเตตัสที่ต้องการ แต่ดวงก็คือดวง มันอาจจะออกในการลง Domain ครั้งแรก หรือเกลือกว่ากาชา 0.6% ก็ได้ ในช่วงท้ายเกมตอนระดับนักผจญภัย 35 ขึ้นไปนี้ เพื่อนๆ จะได้เริ่มหาพวก Artifact Set ที่ใช้คนที่ชอบกันจริงๆ จังๆ แล้ว บางคนอาจจะรอให้ 40 ก่อนก็ได้ เนื่องจากจะมีโอกาสได้แบบ 5 ดาวที่เป็นระดับที่สูงที่สุดแล้ว ขึ้นกับความอดทนรอ (... เอาจริงๆ...

Read more

Genshin Impact เป็นเกมที่แม้จะมีการเล่นแบบ Action ตัวละครหลักตัวเดียว แต่ก็มีการจัดตัวละครในปาร์ตี้หลักของตัวเองอยู่ด้วย ทำให้เวลาเล่นเพื่อนๆ จะได้ขนตัวละครไปด้วยกันเสมอกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะทำให้เพื่อนๆ หลายคนสงสัยว่า เราควรจะจัดทีมให้มีตัวละครอะไรยังไงกันบ้างถึงจะดี ในบทความนี้ก็จะมาเล่าสู่กันฟังให้เพื่อนๆ เป็นแนวทางสำหรับการจัดปาร์ตี้กัน เกี่ยวกับบทบาทในปาร์ตี้ ในการจัดทีมพื้นฐานทั่วไปนั้น จะมีการแบ่งบทบาทของตัวละครออกเป็นกลุ่มๆ ด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งมีหน้าที่แยกจากกันค่อนข้างชัดเจนตามแบบฉบับ 1. DPS ตัวทำความเสียหายหลัก เป็นตัวละครที่มีควรสามารถในการทำความเสียหายได้สูงมากมีสกิลที่เน้นไปทางการโจมตีโดยตรง หรือสนับสนุนการโจมตีโดยตรง จะเป็นตัวที่เพื่อนๆ จะทุ่มเทอัพเกรดทุกอย่างให้มากที่สุดกับตัวนี้ และเป็นตัวยืนพื้นฐานในการบวกกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ลอยมา ยกเว้นอะไรที่ตีไม่เข้าหรือต้องเล่นลูกเล่นที่ไม่สามารถทำได้จริงๆ นอกจากนั้นแล้ว จะเป็นลูกกระจ๊อกข้างทาง มอนเป็นฝูงๆ บอสตัวใหญ่ ตัวละครนี้จะรับเละทุกงานจากการที่เพื่อนๆ ปั้นมาเป็นอย่างดีเต็มที่นั่นเอง ตัวละครบางตัวอย่างเช่น Razor นั้นแม้สกิลจะคูลดาวน์เร็ว แต่ก็เหมาะจะเป็นตัวหลักมากกว่าตัวรองเนื่องจากท่าไม้ตายของเขาจะยุติลงทันทีถ้าสลับตัวละคร ทำให้ไม่สามารถดึงความสามารถได้สุดในฐานะตัว Support เท่าไหร่นัก และถ้าว่าแล้วถ้าอยากแปะแค่สายฟ้า Lisa ก็ทำได้ดีกว่ามาก   2. Support ตัวรอง/ตัวสนับสนุนความแรงตัวหลัก ตัวละครกลุ่มนี้เพื่อนๆ จะไม่ทุ่มเทอัพเกรดเท่าไหร่นัก อย่างมากก็แค่สลับมาแล้วโดนอะไรไม่สลายลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงในวูบเดียวสองวูบก็พอ หน้าที่ของตัวละครกลุ่มนี้คือมีไว้เพื่อสนับสนุนตัวหลัก ไม่ว่าจะด้วยการใช้สกิลที่ส่งผลกับตัวละครอื่น หรือการใช้สกิลที่มีผลของธาตุต่อเนื่อง เพื่อสร้างธาตุที่ต้องการกับศัตรูในการคอมโบกับการโจมตีของตัวละครหลัก หรือบางทีอาจจะแค่มีไว้เพื่อผล ด้วยซ้ำเพราะใช้ไม่ถนัด/ไม่มีตัวละครธาตุที่ต้องการจะให้ใช้ ด้วยความที่ไม่ได้ใช้เป็นตัวยืนตัวชนหลักและไม่ได้อัพเยอะนัก แม้ว่าจะใช้บู๊เองลำบากหรือไม่ไหว แต่ในเวลาเดียวกันก็จะทำให้เพื่อนๆ ประหยัดไอเทมที่ใช้อัพตัวละครลงเป็นอย่างมาก จนเมื่อตัวหลักเริ่มตันแล้วจึงมาอัพตัวรองเหล่านี้กันบ้าง ไม่งั้นการฟาร์มจะโหดร้ายต่อชีวิตและกระเป๋าเงินในการเติม Resin มากๆ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ   3. Healer ตัวฮีลช่วยเหลือทีมไม่ให้ตายก่อนวัยอันควร เป็นตัวละครกลุ่มที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ตามความพริ้วไหวของเพื่อนๆ ในการเล่น แต่มีไว้จะดีกว่า โดยเฉพาะใน Domain / Abyss ที่บางครั้งใช้ไอเทมอาหารไม่ได้ จะไม่มีทางฮีลตัวเองเลย ต้องไปเสีย Benediction ฮีลเอาฟรีๆ อีก กลุ่ม Healer นี้พื้นฐานแล้วจะเป็นตัวละครที่เพื่อนๆ อัพเกรดรองลงมาจากตัวหลัก เนื่องจากการฮีลมักจะต้องเสียเวลายันกับกลุ่มมอนสเตอร์พอสมควรหรืออาจจะต้องอาศัยการทำความเสียหายไปด้วย แต่ก็ไม่ถึงขนาดปั้นให้เท่าตัวหลักเท่าไหร่นัก อาศัยยื้อให้เลือดสวยๆ ก็พอ สลับตัวหลักมาฟาดให้จบๆ ไปไม่ต้องเสียเวลานานเกินให้เสี่ยงเสียเลือดเพิ่มแต่อย่างใด   น้องไม่เก่ง แต่ล่าหมู ล่านก จุดเสา ยิงจุดอ่อนขอให้บอกเหอะ ไม่นับลดค่า Stamina ตอนร่อน 20% ด้วยนะตัวเอง EX. Explorer ตัวละครที่เน้นการไขปริศนาระหว่างการสำรวจ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มพิเศษที่เพื่อนๆ จะได้ใช้ในช่วงต้นเกมหรือช่วงที่สำรวจโลกกว้างจากความสะดวกในการใช้สกิลหรือธาตุต่างๆ โดยมากมักเป็นตัวละครสายสื่อเวทย์, สกิลคูลดาวน์ไว, ธาตุตรงกับพื้นที่ที่ต้องการ มากกว่าในแง่อื่นใดทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น น้อง Amber ที่เหมาะกับการจุดคบไฟในพื้นที่ต่างๆ ได้รวดเร็ว, ตัวละครหลักธาตุลมสำหรับงานเป่าลมในจุดต่างๆ, ธาตุดินสำหรับยกระดับการกระโดดเล็กน้อย, Lisa งานช๊อตเสา, Kaeya ฉายาเรือมนุษย์ หรือเหล่าผู้ใช้ดาบใหญ่ในการขุดเหมืองแร่ ซึ่งเพื่อนๆ จะใช้ตัวละครกลุ่มนี้เป็นตัวยืนในสามกลุ่มดังกล่าวก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด เพราะหน้าที่ในการสำรวจนั้นเป็นของทุกคนอยู่แล้ว แค่นำมาใช้ให้เหมาะกับงานมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการจัดปาร์ตี้จึงมักมีลักษณะเป็น 1 DPS, 0-1 Healer , 2-3 Support ในการบู๊ทั่วไป ส่วนในด้านการผจญภัยนั้นจะปรับเปลี่ยนตัวกันไปตามแต่ว่าเพื่อนๆ ชอบสลับตัวละครในปาร์ตี้กันแค่ไหน เพราะปกติตัวละครเพื่อนๆ จะไม่สามารถครอบคลุมทุกปริศนาที่เจอได้แน่นอน เอาแค่เสาธาตุไม่ตรงหรือมีการจับเวลา ก็มักจะได้เปลี่ยนตัวกันแล้วล่ะ (ฮา) อย่างไรก็ดี เพื่อนๆ ควรดูการธาตุของตัวละครในทีมและจัดให้มีการสนับสนุนกันเพื่อให้เกิดการผสมธาตุ ช่วยในการสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้ดีขึ้นไปด้วย   ตัวอย่างการจัดตัวละครในปาร์ตี้ ในส่วนนี้เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น เพื่อนๆ สามารถหาแนวทางของตัวเองหรือปรับเอาตามที่ตัวเองถนัดที่สุดจะดีกว่า ก่อนอื่นเพื่อนๆ ต้องดูก่อนว่า ในกลุ่มตัวละครที่เพื่อนๆ ได้มาจากการหมุนกาชานั้นมีตัวละครอะไรบ้าง และแต่ละตัวมีความสามารถอะไร เมื่อรวมกับตัวละครฟรีทั้งหลายแล้วสามารถจัดทีมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งตัวฟรีนั้นก็จะมีดังนี้ Traveler (ตัวเอก) ธาตุลม / ดิน Amber ธาตุไฟ Lisa ธาตุไฟฟ้า Kaeya ธาตุน้ำแข็ง Noelle ธาตุดิน - ได้จากกาชาการันตีในป้าย Beginner Xiangling ธาตุไฟ - ได้จากการผ่าน Spiral Abyss ชั้น 3-3 สำเร็จ Barbara ธาตุน้ำ - เฉพาะคนที่เก็บ Adventure Rank 20 ทันในช่วงต้นของการเปิดตัวเกม จากนั้นเพื่อนๆ ก็จะมาพิจารณาว่า อยากจะปั้นตัวไหนเป็นดาวประจำใจ เป็น Main DPS ของเพื่อนๆ โดยดูจากความสามารถในการบวกมอนเป็นหลัก หรืออยากจะเอาตัวอื่นไปเป็นก็ได้ มันอาจจะไม่เร็วเท่าคนอื่น แต่ถ้าเล่นแล้วสนุก ฟินก็โอเค แต่เพื่อนๆ อาจจะต้องทำใจด้วยว่าในเนื้อหาบางส่วนเช่น Challenge, Spiral Abyss การเล่นนอกเมต้า ก็อาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษหน่อย เพราะมีการบังคับเงื่อนไขอะไรต่างๆ เพิ่มเติม อย่างในกลุ่มตัวฟรี DPS นั้น Xiangling จะค่อนข้างเด่นที่สุด การโจมตีที่เร็ว, สกิลที่ต่อเนื่อง ทำให้สามารถโยกไปยังสาย Support ก็ยังได้ หรือ Noelle เมื่อมีไม้ตาย เธอจะกลายเป็นหน่วยกวาดที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถชาร์จไม้ตายได้ไวเพียงพอเท่าไหร่นัก ทำให้อาจจะรู้สึกขาดๆ อยู่บ้าง Lisa เองก็จัดว่าน่าสนใจด้วยธาตุไฟฟ้าที่ถ้าไม่เจอไฟฟ้าด้วยกันเองเป็นอันสปาร์คเปรี้ยะๆ สนุกสนาน แต่การโจมตีของเธอเป็นแบบเป้าหมายเดี่ยว ทำให้จัดการฝูงมอนลำบากซักหน่อย ในด้านการสนับสนุนนั้น ตัวละครหลักธาตุลมจะเด่นในด้านการรวบมอนเข้ามากองด้วยกัน (แม้หลังจากนั้นมันจะปลิวก็ตาม) เมื่ออัพกลุ่มดาวผ่านเนื้อเรื่องแล้ว หรือ Kaeya ที่สกิลคูลดาวน์ไว เหมาะแก่การนำมาแปะธาตุน้ำแข็งใส่ตัวศัตรู (แม้กระทั่งเอาไปบู๊ก็ยังได้อยู่) Amber แม้ตัวเธอจะสู้ศัตรูไม่เก่งมาก แต่ในด้านสนับสนุนบางอย่าง เช่นโยนตุ๊กตาล่อเป้า สาดไฟใส่กลุ่มมอน ยิงกบาลพวกมอนให้ตกมาจากด้านบนของป้อมจะได้ไม่ต้องปีน หรือเจาะจุดอ่อนของพวก Ruin Guard / Hunter ก็ยังทำได้ดี รวมถึงการล่าสัตว์อย่างนกหรือหมูป่า (ฮา) ด้านการฮีลก็จะมีเพียงสองตัวคือ Noelle ที่ฮีลเมื่อกดใช้สกิลสร้างเกราะและหวดศัตรูไปเรื่อยๆ ลุ้นว่าจะฮีลถี่แค่ไหน หรือจะใช้วิธีสลับตัวมาเปิดเกราะให้คนอื่นนำเลยก็ได้ ไม่ต้องรอเลือดลด กับ Barbara (ถ้ามี) ที่กดสกิลปุ๊บ ตีไปยังไงเลือดก็เด้งยกตี้ แถมไม้ตายมาทีกดฮีลแล้วเผ่นเลยยังได้ บางทีก็ไม่ต้องมีครบทุกธาตุก็ได้ ตรงนี้เพื่อนๆ ก็อาจจะหยิบตัวมาใช้กัน เช่น Xiangling หลัก สนับสนุนด้วย Kaeya (Melt), Lisa (Overload) ส่วนคนฮีลเป็นใครก็ได้ เป็นทีมพื้นฐานที่มีการสลับธาตุไปมาตามชนิดของมอนสเตอร์ น้ำแข็ง+ไฟสำหรับตัวใหญ่ๆ สายฟ้า+ไฟสำหรับมอนจำนวนเยอะๆ Noelle หลักและตัวฮีล สนับสนุนด้วยใครก็ได้ เพราะน้องเป็นธาตุดิน ทำปฎิกิริยาธาตุในเชิงรุกไม่ได้เลย ก็อาจจะใช้ Xiangling มาโยนตุ๊กตาพ่นไฟคู่กับตัวละครหลักธาตุลมมารวบ / กระจายความเสียหายก็ได้ และแถม Amber...

Read more
Page 27 of 53 1 26 27 28 53