PC Guide

PC Guide - รวมบทความ เทคนิค ไกด์ต่างๆของชาว PC วิธีผ่านเกมเก่า วิธีฟาร์มเกมใหม่ จัดทีมยังไง ต้องทางนี้

ดันเจี้ยน End Game นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของหลายๆ เกม ซึ่งใน Genshin Impact นั้นก็มีในชื่อที่เรียกขานกันว่า Spiral Abyss (ชั้นเกลียดแกฟาตุย .... อ้าวไม่ใช่เหรอ?) โดยจะเป็นดันเจี้ยนที่มีความท้าทายด้วยการจำกัดเวลาในการเล่นแต่ละชั้น ไม่สามารถใช้ไอเทมอาหารช่วยเหลือได้ เรียกว่ารีดความสามารถเท่าที่กันให้เต็มๆ เลย Spiral Abyss อยู่ที่ไหน   ตัวดันเจี้ยน (Domain) Spiral Abyss นั้นจะอยู่บริเวณด้านล่างขวาของเขต Mondstadt (แหลม Cape Oath) ที่บริเวณแหลมจะมีแท่น Seelie Garden อยู่สามจุด เมื่อพามาเปิดได้ครบ จะสร้างพื้นที่กระแสลมให้สามารถใช้เป็นทางลัดวาร์ปไปยังเกาะของ Spiral Abyss ได้ และเมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะสามารถใช้เป็นจุด Teleport มาได้โดยตรงแล้วล่ะ ตัวดันนี้จะมีลักษณะพิเศษต่างจากดันเจี้ยนอื่นๆ ดังนี้ ไม่สามารถใช้ไอเทมชนิดอาหารได้ การเติมเลือดและชุบชีวิตต้องทำผ่านสกิลตัวละครเท่านั้น มีลักษณะเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นประกอบไปด้วย 3 ห้อง แต่ละห้องมีการท้าทาย 3 ขั้นตอน (ทำเป็นช้างเอราวัณไปด้าย) การจะผ่านไปชั้นต่อไปได้ จะต้องเก็บดาวจากการผ่านการท้าทายในชั้นก่อนหน้าขั้นต่ำ 6 ดาวเสียก่อน ทุกๆ เดือนจะมีบัพรายเดือนที่จะช่วยเหลือผู้เล่นให้เล่นในดันได้ง่ายขึ้น แต่ละห้อง จะมีบัพให้เลือก 3 อย่างที่เปลี่ยนไปรายวัน บัพบางชนิดจะส่งผลทั้งชั้น ในขณะที่บัพบางชนิดจะส่งผลแค่ในห้องนั้นๆ ในแต่ละชั้นยังมีผลกระทบเพิ่มเติมที่ช่วยเหลือผู้เล่นให้สู้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะล๊อคตายตัวในแต่ละชั้น เพื่อนๆ สามารถหยุดพักการลุยได้เมื่อจบในแต่ละห้อง และออกมาแก้เบื่อ เติมแรงกายแรงใจก่อนได้ เมื่อกดกลับเข้าไปจะมีตัวเลือกสองอย่างคือ เล่นต่อจากเดิม หรือยกเลิกการท้าทาย การเล่นต่อจากเดิมจะเป็นการบังคับเล่นต่อจากในห้องที่พึ่งจบมา ยกเลิกการท้าทาย ตัวเกมจะเซพรางวัลต่างๆ และให้เพื่อนๆ กลับไปเลือกห้องที่จะเล่นใหม่ได้ เมื่อผ่านแต่ละห้องได้ จะมีรางวัลให้ตามที่ระบุ และหากผ่านความท้าทายในแต่ละห้องได้ ก็จะมีรางวัลให้อีก รางวัลของชั้นที่ 1-8 (Spiral Corridor) จะไม่มีการรีเซ็ทใดๆ แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นที่ 9 เป็นต้นไป (Spiral Moon) จะรีเซ็ททุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือนให้สามารถมาเบิกรางวัลได้เรื่อยๆ เมื่อผ่านชั้นที่ 3 ห้องที่ 3 ได้สำเร็จครั้งแรก จะได้รับตัวละคร Xiangling ฟรี 1 ตัว (ถ้ามีครบแล้วจะเปลี่ยนเป็น Masterless Starglitter 5 อันแทน) ในแต่ละชั้นจะมีการให้เลือกปาร์ตี้ใหม่ และในชั้นที่ 5 - 8 จะต้องจัดทีม 2 ปาร์ตี้ (เหนื่อยตายไปข้าง) เพราะมีการแยกเป็นสองส่วน แถมยังใช้เวลาในการท้าทายร่วมกันอีกต่างหาก ในบทความนี้ก็จะมาอธิบายเกี่ยวกับแนวทางการผ่านชั้นที่ 1-8 ให้กับเพื่อนๆ กัน ส่วนชั้นหลังจากนั้น มันคือฝีมือของเพื่อนๆ ที่ผ่านการฟาร์มกับระบบของตัวเกมเท่านั้น! อธิบายเกี่ยวกับบัพที่พบเจอได้ใน Spiral Abyss บัพของดันเจี้ยนนี้จะแบ่งทั้งหมด 3 ชนิด ซึ่งใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดเลย ► เริ่มจากบัพรายเดือน (Blessing of the Abyssal Moon) จะเป็นบัพที่เกี่ยวข้องกับการ   รักษาค่าสเตตัสของเพื่อนๆ จะปรากฎเป็นวงที่พื้น เมื่ออยู่ในวงนี้และทำตามเงื่อนไข ก็จะช่วยเสริมพลังให้กับตัวละครหรือเกิดผลสนับสนุนผู้เล่นอะไรบางอย่างขึ้น ► บัพตัวเลือกในแต่ละห้อง (Benediction of the Abyss) จะเป็นบัพที่มีสองแบบคือ บัพชั้นนั้นทั้งชั้นกับบัพเฉพาะห้องนั้นห้องเดียว ซึ่งปกติบัพเฉพาะห้องจะมีความทรงพลังกว่า จะเปลี่ยนไปในแต่ละห้องแบบรายวัน ให้เลือกตามที่ทีมของเพื่อนๆ หรือตัวละครหลักของเพื่อนๆ ใช้งาน โดนมีทริคเล็กน้อยคือ ในห้องที่ 1-2 เพื่อนๆ ควรหยิบบัพชนิดส่งผลทั้งชั้นมาก่อน เนื่องจากจะช่วยให้เคลียร์ห้องหลังจากนี้ได้ง่ายขึ้น ส่วนในห้องสุดท้ายหยิบตามใจชอบได้เลย   ► บัพของแต่ละชั้น (Lay Line Disorder) จะเป็นบัพที่ล๊อคไว้ประจำชั้นนั้นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีความทรงพลังค่อนข้างมากถ้าเพื่อนๆ มีตัวละครที่อยู่ในเงื่อนไขของบัพนั้นๆ เช่น ธาตุน้ำแข็งแรงขึ้นมาก, มีเลือดเยอะหรือน้อยกว่าที่กำหนด การพยายามจับทีมและเลือกบัพให้ถูก จะช่วยให้เพื่อนๆ ผ่านการท้าทายได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว     ของรางวัลที่ได้จาก Spiral Abyss การลง Spiral Abyss นั้นจะมีการแบ่งรางวัลที่ได้รับออกเป็นสองอย่างด้วยกันตามความสามารถของเพื่อนๆ ที่ลุยผ่านมาได้ รางวัลของการผ่านห้องนั้นๆ (Chamber's Bounty) : เป็นรางวัลที่จะได้รับหากเพื่อนๆ สามารถผ่านห้องนั้นมาได้ โดยไม่สนใจว่าจะผ่านความท้าทายมาได้กี่ดาวก็ตาม รับไปได้เลย รางวัลจากการผ่านความท้าทายของชั้นนั้นๆ (Star's Bounty) : รางวัลนี้เพื่อนๆ จะได้รับต่อเมื่อสามารถผ่านเงื่อนไขความท้าทายของชั้นนั้นๆ ได้แล้วเท่านั้น ผ่านกี่ดาวก็รับไปตามนั้นเลยจ้า ตั้งแต่ 3/6/9 ดาวก็ว่ากันไป ซึ่งในตัว Spiral Corridor (ชั้น 1-8) จะไม่มีการรีเซ็ตรางวัล ได้แล้วได้เลยไม่มีซ้ำ แต่ส่วนของ Spiral Moonspire ชั้นที่ 9 เป็นต้นไป จะมีการรีเซ็ตทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ทำให้สามารถกลับมาฟาร์มใหม่เรื่อยๆ ได้ เป็นอีกแหล่งในการหาเพชร Primogems ไปใช้งานได้ แม้จะไม่เยอะมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีล่ะน้า ชั้นที่ 1 - สนับสนุนไฟ ► บัพของชั้นนี้ เพิ่มความเสียหายของธาตุไฟ 75% เพิ่มความเสียหายของโวเวอร์โหลด 200% มอนสเตอร์เลเวล : 25 ห้องที่ ศัตรูที่เจอ การท้าทาย 1 Electro Slime Large Electro Slime Mutant Electro Slime เหลือเวลาอย่างน้อย 90/150/210 วินาที 2 Hilichurl Fighter Wooden Shield Hilichurl Guard Hilichurl Shooter Hilichurl Grenadier Wooden Shield Mitachurl Blazing Axe Mitachurl เหลือเวลาอย่างน้อย 90/150/210 วินาที 3 Hilichurl Shooter Wooden Shield Mitachurl Large Electro Slime...

Read more

Tartaglia หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ Childe เป็นผู้บริหารอันดับที่ 11 ของ Fatui เป็นคนมีความสามารถใช้ได้ทั้งธนูและอาวุธระยะประชิดอย่างดาบคู่กับหอกของเค้า การโจมตีด้วยท่าชาร์จ, สกิลระยะประชิด และท่าไม้ตายจะทำดาเมจธาตุน้ำแก่ศัตรูทั้งหมด แถมท่าไม้ตายยังแบ่งเป็นสองแบบด้วยนะ! ข้อมูลตัวละคร ชื่อ : Tartaglia เกิด : วันที่ 20 กรกฏาคม อยู่ฝ่าย : Fatui วิชั่นที่ครอบครอง : ธาตุน้ำ กลุ่มดาว : Monoceros Caeli Childe เป็นผู้บริหารอันดับที่ 11 ของ Fatui มีอายุน้อยสุดในรุ่นทั้งหมดแถมยังมีความมุ่งมั่นสูงในการทำภารกิจให้ลุล่วง ไม่ว่าจะเป็นสัญญาแบบไหนเค้าพร้อมรับปากแล้วทำให้สำเร็จถึงแม้จะต้องเสี่ยงชีวิตตนก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ ภายนอกดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์แต่แท้จริงแล้วก็เป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆ เพื่อไม่ให้รู้ว่าทำงานด้านมืดจึงปกปิดตนเองไว้ว่าทำงานร้านขายของเล่นสุดโด่งดังแทนเพราะมันดูเท่ในสายตาของเด็กๆ ! วิธีการได้รับตัวละคร : ได้จากการเปิดกาชาตู้ "บอกลาแดนเหนือ" Skill ภาพ สกิล รายละเอียด Cutting Torrent โจมตีปกติได้ทั้งหมด 6 ครั้ง โจมตีเป็นดาเมจกายภาพ ชาร์จโจมตี กดโจมตีค้างหรือกดปุ่มเล็งพิเศษจะง้างศรพร้อมชาร์จพลังโจมตีออกไปเป็นดาเมจธาตุน้ำ หยุดชะงัก (มาร์คสัญลักษณ์) หากโจมตีใส่มาร์คจะเกิดดาเมจธาตุน้ำเป็นวงกว้าง ดาเมจที่เกิดจากเอฟเฟกต์เหล่านี้จะถูกนับเป็นการโจมตีปกติ Riptide Flash : เมื่อชาร์จโจมตีใส่มาร์คจะสร้างดาเมจวงกว้าง ใช้ได้ทุก 0.7 วิ Riptide Burst : เมื่อฆ่าศัตรูได้มาร์คจะระเบิดรอบตัวเป็นวงกว้าง 1 ครั้ง พร้อมทำให้ตัวที่โดนระเบิดติดมาร์ค https://youtu.be/qtZXOqq34AU https://youtu.be/yMbevA5aRBA https://youtu.be/ZfyrzDx1muk ศัตรูที่ติดมาร์คตายจะระเบิดเป็นวงกว้างแล้วทำให้ตัวที่โดนติดมาร์คต่อ Foul Legacy - Raging Tide กดปุ่มสกิลจะสลับเป็นอาวุธระยะประชิดโจมตีเป็นดาเมจธาตุน้ำทั้งหมด โจมตีได้ทั้งหมด 6 ครั้ง ชาร์จโจมตี (ใช้เกจสตามิน่า) โจมตีด้วยดาบคู่เป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว Riptide Slash : โจมตีใส่ศัตรูที่ติดมาร์คจะสร้างดาเมจวงกว้าง 1 ครั้ง ใช้ได้ทุก 1.5 วิ การโจมตีจะถูกนับเป็นดาเมจธาตุ เมื่อผ่านไป 30 วิ หรือกดปุ่มสกิลอีกครั้งจะสลับกลับไปใช้ธนูพร้อมติดคูลดาวน์ หากปล่อยอยู่ในโหมดระยะประชิดนานเกินไปจะมีสัญลักษณ์แจ้งเตือนสีแดงขึ้นก่อนจะกลับไปเป็นธนูเองอัตโนมัติพร้อมติดคูลดาวน์สูงสุด 45 วิ (ยิ่งปล่อยไว้นานคูลดาวน์จะยิ่งเยอะ) https://youtu.be/iIt1GzQk0Nw https://youtu.be/cvGOg3FnhZM https://youtu.be/-pZKXelnJN0   Havoc - Obliteration ท่าไม้ตายจะมีทั้งหมด 2 แบบ โจมตีระยะไกล Flash of Havoc : ยิงธนูไปยังเป้าหมายสร้างดาเมจธาตุน้ำเป็นวงกว้าง พร้อมทำให้ติดมาร์คที่ศัตรู โจมตีระยะประชิด Light of Obliteration : โจมตีด้วยหอกด้านหน้าเป็นวงกว้างสร้างดาเมจธาตุน้ำอย่างรุนแรง 1 ครั้ง หากศัตรูติดมาร์คอยู่จะระเบิดดาเมจ (Riptide Burst) อีก 1 ครั้ง ดาเมจจากมาร์คจะถูกนับเป็นดาเมจท่าไม้ตาย https://youtu.be/gvFVFIWVkmo https://youtu.be/s7zoyB1JJss Never Ending โจมตีด้วยท่าชาร์จโจมตีหรือดาบคู่จะทำให้ศัตรูติดมาร์ค (เพิ่มเวลาติดมาร์ค 8 วิ) Sword of Torrents ผลเฉพาะโหมดระยะประชิด : เมื่อโจมตีปกติหรือชาร์จโจมตีติดคริจะทำให้ศัตรูติดมาร์ค Master of Weaponry เพิ่มเลเวลสกิลโจมตีปกติให้กับตัวเองและเมื่ออยู่ในทีมทั้งทีมจะได้ด้วย 1 เลเวล กลุ่มดาว : Monoceros Caeli หมายเหตุ : ต้องใช้ดวงดาวแห่งชีวิตของ Tartaglia ในการอัพดาวแต่ละดวง สามารถหาได้จากการเปิดกาชาได้ตัวละคร Tartaglia ซ้ำเท่านั้น กลุ่มดาว สกิล รายละเอียด Lv. 1 Foul Legacy - Tide Withholder ลดคูลดาวน์สกิลสลับโหมดลง 20% Lv. 2 Foul Legacy - Understream หากกำจัดศัตรูที่ติดมาร์คได้จะฟื้นฟูพลังงานธาตุ 4 หน่วย Lv. 3 Abyssal Mayhem - Vortex of Turmoil เพิ่มเลเวลสกิลสลับโหมดขึ้น 3 ระดับ เพิ่มได้สูงสุด 15 ระดับ Lv. 4 Abyssal Mayhem - Hydrosprout เมื่อศัตรูติดมาร์คหากตัวละครอยู่ในโหมดระยะประชิด มาร์คจะีะเบิดดาเมจธาตุน้ำวงกว้างทุก 4 วิ (ผลของพาสซีพนี้จะไม่ทับคูลดาวน์กับ Riptide Flash กับ Riptide Slash) และจะไม่มีผลกับมาร์คของท่าไม้ตาย Lv. 5 Havoc - Formless Blade เพิ่มเลเวลสกิลท่าไม้ตายขึ้น 3 ระดับ เพิ่มได้สูงสุด 15 ระดับ Lv. 6 Havoc - Annihilation เมื่อใช้ท่าไม้ตายแบบระยะประชิดจะรีเซ็ตคูลดาวน์สกิลสลับโหมดหลังจากสลับกลับไปใช้ธนู จุดเด่น-จุดด้อย จุดเด่น จุดด้อย มีการโจมตีสามารถสลับได้สองโหมดทั้งระยะไกลและระยะประชิด หากอยู่ในโหมดระยะประชิดนานเกินไปจะทำให้ติดคูลดาวน์ที่ค่อนข้างนาน มีท่ามาร์คทำดาเมจเพิ่ม ถ้ามีศัตรูตายจะทำให้มาร์คระเบิดโดนตัวในระยะพร้อมติดมาร์ค กดสลับตัวจะหลุดจากโหมดระยะประชิดทันที ท่าไม้ตายสามารถใช้ได้ทั้งแบบระยะไกลและระยะประชิด จำเป็นต้องอัพกลุ่มดาวสัก 1 ดวงเพื่อเอาพาสซีพลดคูลดาวน์สกิลสลับตัว พาสซีพของตัวละครจะเพิ่มเลเวลโจมตีปกติให้ตัวเองและเพื่อนในทีม 1 เลเวลฟรีๆ แนะนำอาวุธ เป็นตัวละครที่ใช้อาวุธได้หลากหลายทั้งแบบดาเมจธาตุ เล่นชำนาญธาตุผสม หรือเล่นสายโจมตีล้วยคอมโบคู่กับระเหยก็อาจจะใส่อาวุธเพิ่มโจมตี หรือเน้นใส่เพิ่มคริเพื่อหาอาร์ติเฟกต์เป็นคริดาเมจแทนก็ดี แนะนำอาร์ติแฟกต์ สำหรับ Childe เน้นใส่อาร์ติแฟกต์เพิ่มพลังโจมตี หรือเน้นบิ้วแบบเบิร์สดาเมจท่าไม้ตายแบบระเบิดกันไปข้าง เพราะการโจมตีเล่นได้ทั้งสองแบบ แบบเล็งยิงจุดอ่อน หรือแบบระยะประชิด แนะนำให้ใส่ออฟหลักเป็น โจมตี% l เพิ่มดาเมจธาตุน้ำ l คริดาเมจ, ชำนาญธาตุ l โจมตี% หรือ เพิ่มดาเมจธาตุน้ำ l คริดาเมจ เซ็ตที่แนะนำมีดังนี้ 1.เซ็ต Berserker ใส่แบบสองชิ้นจะเพิ่มอัตราคริ 15% และแบบใส่ครบสี่ชิ้นเมื่อมีเลือดต่ำกว่า 70% โอกาสเกิดอัตราคริเพิ่มขึ้นอีก 25% 2.เซ็ต Heart of Depth 2 ชิ้นเพิ่มดาเมจธาตุน้ำ 15% หากใส่ครบ 4 ชิ้น ภายใน 15 วิ หลังใช้สกิลธาตุ...

Read more

ศัตรูในโลกของ Teyvat เกม Genshin Impact นั่นมีค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นศัตรูทั่วไปอย่างพวกชนเผ่า Hilichur, ศัตรูใช้พลังเวทย์ Abyss Order และยังมีแยกออกไปอีกหลายรูปแบบตั้งแต่ศัตรูธรรมดารวมไปถึงตัวใหญ่ยักษ์ระดับบอสกันเลยทีเดียว ซึ่งระดับพวกบอสก็จะมีพลังที่ค่อนข้างสูงปราบได้ยากแต่หากสามารถปราบได้ก็จะได้รับรางวัลตอบแทนกลับมาคุ้มมากๆ โดยบอสเหล่านี้จะลงได้เพียง 1 ครั้งต่ออาทิตย์เท่านั้น สำหรับในบทความนี้จะพูดถึงตำแหน่งบอสภายใน Liyue กันว่าจะมีสกิลแบบไหนบ้างและวิธีการสู้ยังไงให้ชนะเพื่อเก็บของรางวัล! บอส Childe https://www.youtube.com/watch?v=y1Qec-8S4tg Childe เป็นบอสที่สามารถเข้าสู้ได้หลังจากจบเนื้อเรื่องหลักถึง “ดาราใหม่ฉายแสง” ระดับที่สามารถลงได้นั้นจะมีทั้งหมด 4 ระดับด้วยกันจะปลดล็อคแต่ละระดับได้จากเลเวลรวมของทีมถึงจุดแนะนำให้ด่านกำหนดเอาไว้ ยิ่งลงระดับชั้นสูงขึ้นของรางวัลจะยิ่งได้ไอเทมหายากต่างๆ มากขึ้นไปอีกเช่น อาร์ติแฟกต์เซ็ต Gladiator’s / Wanderer’s Troupe, ไอเทมคราฟอาวุธ, ไอเทมเฉพาะของบอส เป็นต้น การจะเข้าไปสู้นั้นจะต้องไปที่ดันเจี้ยน Golden House >> เลือกระดับความยากเสร็จแล้วจัดทีมให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปลุยได้เลย! สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนสู้ การเตรียมตัวก่อนสู้เป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่เลือกตัวละครหลักทั้ง 4 เตรียมอาหารและยาให้พร้อมสำหรับการปราบบอส โดยบอส Childe ที่จะต้องเจอนั้นมีการโจมตีเป็นดาเมจธาตุน้ำและไฟฟ้าเป็นหลักแต่ละท่าค่อนข้างรุนแรงแถมรวดเร็วอย่าเผลอเด็ดขาด ยังไม่หมดยังมีร่างให้สู้ถึง 3 ร่างด้วยกันสิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ ธาตุที่แนะนำ เป็นบอสที่สามารถเลือกหยิบตัวละครไปเล่นคอมโบได้ค่อยข้างหลากหลายเพราะตัวบอสไม่มีธาตุเล่นผสมธาตุใส่ได้ทุกรูปแบบ แต่บอสจะมีกันดาเมจธาตุน้ำกับไฟฟ้า 50% นะ หากใครมีตัวละครที่สามารถสร้างเกราะป้องกันให้ทีมได้เช่น Noelle, Zhongli จะช่วยให้โดนดาเมจจากบอสได้ยากขึ้นสู้ได้สบายขึ้นมาก   อาหารและขวดยาเวทย์ สิ่งต่อไปต้องเตรียมเอาไว้ติดกระเป๋าให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินและช่วงวิกฤตคือพวกอาหารและยาเวทย์นั้นเอง สำหรับบอสตัวนี้จะมีการโจมตีด้วยธาตุลมเป็นหลักให้เตรียมขวดยาต้านธาตุน้ำกับไฟฟ้าเอาไว้หลายขวดช่วยลดดาเมจจากการปะทะกับทั้งสองธาตุได้ดี จะมีขวดยาเพิ่มพลังธาตุตามตัวละครที่นำไปลงให้สร้างดาเมจได้แรงขึ้นด้วยก็ได้เช่นกัน (สามารถสร้างได้ตรงเมืองหลักกับ Timaeus) ส่วนอาหารให้เตรียมประเภทเพิ่มพลังโจมตี ฟื้นฟูเลือด เพิ่มพลังป้องกัน เป็นหลักเอาไว้ใช้จะช่วยให้ผ่านบอสได้ง่ายขึ้น สกิลของบอส สำหรับบอส Childe จะมีร่างให้สู้ทั้งหมด 3 ร่าง ร่างแรกโจมตีเป็นธาตุน้ำ ร่างสองเป็นธาตุไฟฟ้า และร่างสามโจมตีทั้งสองธาตุ ซึ่งการโจมตีทุกครั้งของบอสจะทำให้ตัวละครติดตรามาร์คที่ตัวมีทั้งแบบน้ำและไฟฟ้า ถ้าโดนท่าพิเศษเข้าการันตีตาย 1 คนแน่นอน มาร์คจากสดิลบอส สกิลแต่ละท่า ท่าแรก : บอสจะยิงธนูเป็นธาตุน้ำใส่อย่างรวดเร็วทั้งหมด 6 ครั้ง ให้วิ่งหลบไปข้างๆ ก็จะหลุดพ้นวิถีของศรได้ ท่าที่สอง : หากตัวละครติดมา์รคของบอสจะสุ่มใช้ท่านี้ขึ้นมาเป็นการยิงศรขึ้นฟ้าทั้งหมด 6 ครั้ง ตรงจุดที่ศรจะลงมาจะมีเป้าสัญลักษณ์ให้เห็น ให้วิ่งหลบไปซ้ายหรือขวาจนกว่าการยิงศรจะจบลง หากโดนท่านี้เข้ามาร์คที่ตัวจะระเบิดแล้วตาย 1 ตัวทันที ท่าที่สาม : บอสจะถอยด้วยคลื่นน้ำไปยังอีกจุดอย่างรวดเร็วแล้วมีการใช้ท่าเชิญชวนให้เข้าไป เป็นช่วงที่ตีจะมีโล่ป้องกันปรากฏออกมา ต้องตีจนกว่าจะแตกบอสจะชะงักให้เราสามารถโจมตีใส่ได้ระยะนึง ท่าที่สี่ : เมื่อโจมตีระยะประชิดจะมีโอกาสที่บอสจะสวนกลับด้วยดาบคู่ฟาดเป็นวงรอบตัว ท่าที่ห้า : เมื่อเกราะแตกแล้วได้ตีไปสักระยะบอสจะใช้คลื่นน้ำขนาดใหญ่ผลักให้เรากระเด็นออกมา (ไม่เสียเลือดนะ) ท่าที่หก : บอสจะโดนขึ้นไปบนฟ้าแล้วยิงศรเป็นคลื่นเส้นตรงใส่ทั้งหมด 6 ครั้ง ให้วิ่งหลบข้างไปเรื่อยๆ ก็จะหลบพ้นเอง ท่าที่เจ็ด : ท่าใหญ่ของร่างแรกจะชาร์จศรแล้วยิงปลาวาฬออกมา 1 ตัว ล้มทับใส่! พยายามหลบออกมาให้ห่างที่สุด ไม่งั้นอาจจะโดนน้ำจากปลาวาฬประแทกตายได้ (ยิ่งมีมาร์คติดอยู่คือเสียชีวิตใต้ท้องปลาแน่นอน) สกิลแต่ละท่า ท่าแรก : บอสจะเรียกหอกไฟฟ้าออกมาแล้วแทงใส่อย่างรวดเร็วสุ่มพุ่งแทงใส่ได้สูงสุด 5 ครั้ง ท่าที่สอง : ร่างสองจะโจมตีเป็นระยะประชิดทำให้มีโล่ป้องกันเกิดทันที ต้องตีจนกว่าจะแตกบอสจะชะงักให้เราสามารถโจมตีใส่ได้ระยะนึง ท่าที่สาม : เมื่อโจมตีระยะใกล้จะมีโอกาสที่บอสจะส่วนท่ากลับทันที 1 ในนั้นจะเป็นการเรียกดาบคู่ออกมาแล้วฟันเป็นวงกว้างออกไปข้างหน้า ท่าที่สี่ : บอสจะง้างหอกฟาดเป็นวงกว้างก่อนจะมีฟ้าผ่าลงมาตามหอกแต่ละอัน (หากโดนติดมาร์คด้วยจะโดนดาเมจสองเท่า) ท่าที่ห้า : บอสจะพุ่งเป็นสายฟ้าเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมเตรียมโจมตีด้วยดาบคู่มาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าที่หก : ใช้ท่าคอมโบแบบเป็นชุด 5 ครั้ง หลังจากบอสใช้ฮิตที่ 3 หากไม่ออกมาเกินระยะจะปักหอกไฟฟ้าใส่อย่างรวดเร็วแถมหลบค่อนข้างยาก ก่อนจะโจมตีรอบตัวด้วยหอกจบท้าย เป็นคอมโบชุดที่อันตรายมากพยายามอยู่ให้ห่าง ท่าที่เจ็ด : หากติดมาร์คบอสจะเรียกหอกแล้วชาร์จพลังไฟฟ้าอยู่กับที่ก่อนจะโจมตีดุจฟ้าผ่าอย่างรวดเร็วและรัศมีกว้างอย่างมากเป็นท่า One hit kill โดนเข้าคือตายแน่นอน วิธีหลบท่านี้จำเป็นต้องมีท่าไม้ตายเก็บเอาและต้องเป็นท่าไม้ตายที่มีช่วงไอเฟรมด้วยจะทำให้รอดจากท่านี้มาได้ (ท่าไม้ตายบางคนไม่ติดไอเฟรมนะเช่น Mona, Fischl เป็นต้น) หรือให้รีบวิ่งไปตรงขอบกำแพงม่านกั้นจะทำให้ติดสถานะไฟ เมื่อชนตราไฟฟ้าจะหายไปสามรถใช้ได้กับตราน้ำด้วยเช่นเดียวกัน ท่าที่แปด : หากโจมตีใส่บอสตัวติดชะงักได้ระยะหนึ่งจะระเบิดไฟฟ้าดันเราออกมาจากวงคล้ายกับของร่างแรกแต่เปลี่ยนจากน้ำเป็นไฟฟ้า สกิลแต่ละท่า ท่าแรก : บอสจะชาร์จท่าหอกอยู่ระยะไกลแล้วพุ่งใส่อย่างรวดเร็วสุ่มพุ่งแทงสูงสุด 5 ครั้ง ท่าชาร์จค่อนข้างนานมีเวลาให้สามารถเตรียมตัวหลบได้ ท่าที่สอง : บอสจะยกแขนขวาขึ้นแล้วโจมตีมาข้างหน้า ก่อนจะหันหาเราแล้วโจมตีเป้นรูปตัว X จบด้วยรวบเป็นหอกปาเป็นกงจักรออกมาบริเวณด้านหน้า ท่านี้ให้พยายามวิ่งหลบไปข้างหลังบอสก็จะตีไม่โดนแล้ว ท่าที่สาม : บอสจะยกมือซ้ายขึ้นพร้อมมีพลังน้ำก่อนจะฟาดดาบลงมาเป้นคลื่นน้ำพุเป็นเส้นตรง ท่าที่สี่ : บอกจะยกแขนขึ้นแล้วโจมตีเป็นคลื่นธาตุน้ำสองครั้ง ท่านี้หลบได้ไม่ยากนัก ท่าที่ห้า : บอสจะเล็งเป้าแบบสัญลักษณ์บนพื้นก่อนจะร่ายหอกลงมาปักในวง 3 อัน คอยดูวงไว้ว่าอยู่ตรงไหนแล้วเดินหลบออกมาก็พอเพราะวงไม่ได้ล็อคตามตัว ท่าที่หก : หากมีมาร์คติดอยู่ไม่ว่าจะเป็นของธาตุไหน บอสจะสุ่มใช้ท่ายิงธนูขึ้นฟ้าแล้วล็อคพื้นที่แบบขนาดใหญ่ 4 วงทั้งฉาก หากโดนเข้าจะตายทันที วิธีหลบให้วิ่งไปตรงกลางล่นจะมีช่องว่างของทั้ง 4 วงอยู่ หรือหลบมุมขอบตรงที่ไม่มีวงก็จะรอดพ้นไปได้ ท่าที่เจ็ด : บอสจะเอี้ยวตัวไปด้านข้างพร้อมหอกในมือฟาดเป็นคลื่นครึ่งวงกลมแบบของในร่างสอง ให้หลบถอยออกมาหรือพุ่งไปข้างหลังเพื่อหลบ ท่าที่แปด : หากมีมาร์คติดอยู่ไม่ว่าจะเป็นของธาตุไหน บอสจะสุ่มใช้ท่านี้ขึ้นมาจะชาร์จพลังไฟฟ้าและมีมาร์คล็อคที่ตัวเรา ก่อนจะพุ่งลงมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าเป็นท่า One hit kill โดนคือตายเท่านั้น วิธีหลบท่านี้เหมือนกับตอนร่างสองจำเป็นต้องมีท่าไม้ตายเก็บเอาและต้องเป็นท่าไม้ตายที่มีช่วงไอเฟรมด้วยจะทำให้รอดจากท่านี้มาได้ (ท่าไม้ตายบางคนไม่ติดไอเฟรมนะเช่น Mona, Fischl เป็นต้น) ท่าที่เก้า : บอสจะยกดาบขึ้นแล้วโจมตีสองครั้ง ท่านี้ให้หลบไปข้างหลังแล้วโจมตีสวนได้เลย (ท่านี้จะไม่หันมาโจมตีใส่แบบอีกท่า) ท่าที่สิบ : บอสจะวารฺปไปอยู่ระยะไกลก่อนจะชาร์จศรเรียกวาฬตัวใหญ่ออกมาแบบเดียวกับร่างแรก ให้ถอยออกมาไกลๆ ก็จะไม่โดนคลื่นซัดใส่แล้ว ท่าที่สิบเอ็ด : บอสจะยกธนูขึ้นมาแล้วชาร์จศรน้ำยิงใส่ทั้งหมด 2 ครั้ง ท่าที่สิบสอง : หากเห็นบอสควงหอกแสดงว่ากำลังจะขว่างเป็นแบบกงจักรแนวตั้งใส่ให้รีบหลบออกข้างและ พยายามอยู่แค่ วงในเท่านั้น เพราะมันจะหมุนวนอยู่รอบนอกประมาณ 2 รอบ ระวังเผลอไปชนเข้านะ ท่าที่สิบสาม : บอสจะชาร์จคลื่นน้ำที่หอกแล้วแทงออกไปสร้างคลื่นน้ำเป็นเส้นตรงทั้งหมดสองครั้ง วิธีสู้กับบอส Childe เริ่มต้นมาในร่างแรกนั้นจะใช้การโจมเป็นธาตุน้ำจะมีใช้ทั้งธนูและดาบคู่เป็นหลัก หลังจากบอสเริ่มแล้วให้วิ่งออกซ้ายหรือขวาทันที อย่ารีบวิ่งเข้าเด็ดขาดเพราะบอสจะยิงธนูใส่ทันทีแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้ติดมาร์คเอาง่ายๆ การติดมาร์คเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับตัวเรา ถ้าเผลอโดนท่าพิเศษเข้าไปแล้วหลบพลาดชีวิตจบทันที หลังจากสู้ได้สักระยะบอสจะสร้างโล่ป้องกันออกมาถ้าตีแตกได้จะมีเวลาให้ตีอยู่สักระยะหนึ่งแต่ ก่อนจะปัดให้กระเด็นแล้วตัวเกราะจะรีกลับมาใหม่อีกครั้ง สำหรับร่างแรกนั้นไม่ยากเท่าไหร่เพราะหลายๆ ท่าจะค่อนข้างช้าและชอบยืนยั่วเชิญชวนให้เข้าไปหาซะมากกว่า เมื่อเลือดร่างแรกใกล้หมดก็จะหนีไปตรงกลางแล้วเปลี่ยนเป็นร่างไฟฟ้าสู้ต่อทันที ในร่างนี้จะโจมตีแบบระยะประชิดด้วยดาบคู่กับหอกเท่านั้น แต่การโจมตีโหดกว่าร่างแรกมากแถมยังเข้าถึงตัวได้รวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว และพร้อมจะโจมตีสวนกลับมาทุกครั้งเมื่อมีโอกาส สำหรับร่างนี้พยายามเก็บท่าไม้ตายของตัวละครที่กดแล้วจะมีไอเฟรม (ช่วงเป็นอมตะ) ไม่โดนดาเมจเอาไว้ 1 คนยามฉุกเฉิน หรือพยายามอย่าโดนตีจะดีกว่า เพราะบอสจะโจมตีใส่ได้เร็วและอาจทำให้มาร์คจากการโดนก่อนหน้านี้โดนสกิลเข้าจะโดนดาเมจจากมาร์คอีก 1 ครั้ง หรือหากบอสใช้ท่าพิเศษแล้วไม่มีท่าไม้ตายเก็บเอาไว้กดใช้ตอนบอสกำลังจะฆ่าเรา จะตายทันที 1 คน ต่อไปร่างสุดท้ายเมื่อเลือดร่าง 2 หมดจะเกิดคัดซีนแบบในเนื้อเรื่องแต่บทพูดเปลี่ยนไป (ใครอยากรู้อย่ากดข้ามนะ) แล้วเปลี่ยนเป็นร่างสุดท้ายทันที บอสร่างนี้จะมีการโจมตีผสมทั้งใกล้และไกลโจมตีได้ทั้งสองธาตุ สกิลยิ่งใหญ่อลังการมากแต่ละท่าระวังดูเพลินจนลืมหลบนะ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับร่างสุดท้ายจะคล้ายกับบอสร่างสองคือให้เก็บท่าไม้ตายเอาไว้หรือพยายามอย่าโดนมาร์คของบอสเพราะจะมีท่าชาร์จไฟฟ้าเป็นแบบ One hit kill ทันที แต่ถ้ามีท่าไม้ตายเก็บเอาไว้บ้างอาจจะช่วยทำให้รอดจากเหตุการณ์เฉียดตายมาได้นะ ไอเทมที่ดรอปจากบอส หลังจากใช้ Original Resin 60 ชิ้น เพื่อเปิดดอกไม้แห่งการยกทัพสำเร็จจะได้รับไอเทมดังต่อไปนี้ 1.EXP แรงค์ผจญภัย 300 EXP, EXP ค่าความสัมพันธ์ตัวละคร และเงินหนึ่งจำนวน หินเลื่อนขั้น  (โอกาสสุ่ม)       ของดอรปประจำตัวบอส (โอกาสสุ่ม) อาร์ติแฟกต์ (โอกาสสุ่ม)    ไอเทมสำหรับคราฟอาวุธ...

Read more

กิจกรรมแจกตัวละครมากันอีกครั้งใน Genshin Impact ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากองค์หญิงแห่งความมืดที่ตอบรับคำเชิญให้เธอมาจุติยังโลกแห่ง Tayvet แห่งนี้ ซึ่งใน Event นี้จะต้องทำอะไรบ้างก็มาดูกันได้เลยจ้า แต่ขอบอกว่างานนี้ต้องใช้ Resin นะจ๊ะ เตรียมกันไว้ให้ดี Event ดาราดับแสงที่รอวันกลับ ► เงื่อนไขการเข้าร่วม Event : มีระดับนักผจญภัยเลเวล 20 เป็นต้นไป ► เกี่ยวกับตัว Event ในตัว Event นี้ก็จะแบ่งเป็น 3 ช่วงด้วยกัน โดยมีเป้าหมายหลักในการให้เพื่อนๆ รวบรวม "Fading Star's Might" และ Fading Star's Essence สำหรับนำไปแลกของรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Character Ascension Material, Hero's Wit, Mystic Enhancement Ore, Talent Level-Up Material, Crown of Insight นอกจากนี้ถ้าเพื่อนๆ ผ่านเควส สัญญาของเจ้าหญิง แล้ว ก็จะสามารถได้รับตัวละคร Prinzessin der Verurteilung! Fischl (น้องเบียว) กันไปเลย กว่าจะได้ก็ผ่านเควสช่วงที่ 3 เข้าจ๊ะ เพราะงั้นยังไม่ต้องคิดมาก โดยในตัว Event นี้ก็จะแบ่งเป็น 3 ช่วงด้วยกันยิงระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษจิกายน จนถึงวันที่ 30 พฤษจิกายน ประกอบไปด้วย ดวงดาวนิรนาม เริ่มวันที่ 16/11 ดวงดาวแห่งความฝันอันหลอกลวง เริ่มวันที่ 18/11 ดวงดาวแห่งชะตาลิขิต เริ่มวันที่ 23/11   ส่วนตัวร้านค้ากิจกรรมที่ใช้แลกดวงดาวนั้นจะเปิดให้แลกตั้งแต่วันที่ 16 พฤษจิกายน จนถึงวันที่ 6 ธันวาคม (ประมาณ 20 วัน) โดยเมื่อร้านค้าปิดตัวลงแล้ว เพื่อนๆ จะไม่สามารถแลกของได้อีก และไอเทม Fading Star ทั้งสองชนิดจะถูกลบออกไปจากตัวละครทันที ดังนั้นมีเท่าไหร่แนะนำให้แนะให้หมดจ้า ของที่แนะนำให้แลกจริงๆ จะแลกอะไรก็ได้ แต่ตัวผลึกธาตุ (Fragment) นั้นว่ากันแล้วไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่เพราะเป็นแค่ผลึกระดับกลาง ยกเว้นขาดแคลนกระทันหันต้องการรีบด่วนจริงๆ แลกมาก็ไม่เสียหาย ► ของที่แลกได้ด้วย Fading Star's Might ของที่แลกได้ ใช้ Might จำนวนสูงสุด Aginidus Agate Fragment 12 3 Varunada Lazurite Fragment 12 3 Vajrada Amethyst Fragment 12 3 Vayuda Turquoise Fragment 12 3 Shivada Jade Fragment 12 3 Prithiva Topaz Fragment 12 3 Adventurer's Experience 1 150 Hero's Wit 4 150 Mora x 10000 4 250 Mora x 500 1 ไม่จำกัด ใช้ Might ทั้งหมด 1,750 ชิ้น ถ้าไม่นับ Fragment ตีประมาณเป็นการลงกู้ซากราวๆ 39 ครั้งที่รอบละ 45 ชิ้น ซึ่งถ้าหักการเก็บมก่อนหน้าจะเหลือราวๆ 33-34 รอบ ตกประมาณ 680 Resin จ้า   ► ของที่แลกได้ด้วย Fading Star's Essence ของที่แลกได้ ใช้ Essence จำนวนสูงสุด Guide to "Freedom" 4 12 Philosophies of "Freedom" 12 4 Guide to "Resistance" 4 12 Philosophies of "Resistance" 12 4 Guide to "Ballad" 4 12 Philosophies of "Ballad" 12 4 Guide to "Prosperity" 4 12 Philosophies of "Prosperity" 12 4 Guide to "Diligence" 4 12 Philosophies of "Diligence" 12 4 Guide to "Gold" 4 12 Philosophies of "Gold" 12 4 มงกุฎแห่งความรู้ 110 1 Mystic Enhancement Ore 1 100 Fine Enhancement Ore x3 2 ไม่จำกัด ใช้ Essence ทั้งหมด 786 ชิ้นในการแลกของในร้านทั้งหมด(ไม่นับไม่จำกัด) เทียบเท่ากับการลง Event ในโลก 6 (รอบละ 50 ชิ้น) รวม 15 รอบ (600 Resin) โดยลงเควสคลื่นอุตกาบาตเพิ่มเติมด้วยให้ครบ   ► บูสความแรง!! ในช่วงเทศกาลนี้ ระหว่างที่เพื่อนๆ...

Read more

แม้ว่า Original Resin จะเป็นทรัพยากรที่หายากและต้องใช้เยอะมากใน Genshin Impact ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีสิ่งที่หายากยิ่งกว่านั่นคือเวลานั่นเอง Condensed Resin หรือ Resin แบบอัดเม็ดจึงมาช่วยเหลือผู้เล่นทางนี้ ในบทความนี้ก็จะมาพูดถึงเกี่ยวกับเจ้า Resin อัดเม็ดอันนี้กันจ้า วิธีหา Condensed Resin ในการจะได้รับตัวไอเทมชิ้นนี้มานั้น เพื่อนๆ จะต้องผ่านเควส ขั้นต่ำเลเวล 3 ของเมือง Liyue ก่อน (ต้องเป็นของเมือง Liyue เท่านั้น ของ Mondstadt ไม่ช่วยจ๊ะ) จากนั้นจะได้รับแบบแปลนการสร้างมา เพื่อนๆ ก็สามารถกดเปิดขึ้นมาอ่านเพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างและเอามาใช้งานได้เลย ตัว Condensed Resin นั้นจะสร้างได้จากโต๊ะเล่นแร่แปรธาตุโดยใช้วัตถุดิบคือ Crystal Core 1 ชิ้น Original Resin 40 หน่วย (เพื่อนๆ ต้องมี Original Resin ในตัวเหลือ 40 หรือมากกว่าถึงจะสร้างได้) 100 Mora โดยเจ้า Crystal Core นั้นเพื่อนๆ จะสามารถหาได้จากเหล่าพวก Crystal Fly ทั้งสองสีจากสถานที่ต่างๆ โดยมากมักจะได้เจอในจุดที่เป็น Landmark ใหญ่ๆ อย่างเช่นต้นไม้ใหญ่ที่ Windrise หรืออย่างที่หน้า Domain of Guyun (ดัน Artifact ธาตุดิน) ในส่วนของการนับค่าการใช้งาน Original Resin (สำหรับบางเควส อย่างเช่น Battle Pass) จะนับว่าเราใช้ Resin ในขั้นตอนคราฟเท่านั้น การกดใช้งานในภายหลังจะไม่นับ เช่นเพื่อนๆ คราฟ Condensed Resin ขึ้นมา 2 ชิ้น ตัวเกมจะนับว่าใช้ Resin วันนั้นไป 80 หน่วย แต่หากเอาไปใช้ลงดัน ตัวเกมจะไม่นับให้ Crystal Fly เป็นคนละอย่างกับ Fire Fly / Butter Fly นะจ๊ะ! ข้อดีของ Condensed Resin คุณสมบัติหลักของตัวเรซิ่นอัดเม็ดนี้จะทำให้เวลาที่เพื่อนๆ ลง Leyline Outcrop หรือ ดันเจี้ยนต่างๆ ที่ใช้ Original Resin 20 หน่วย จะมีตัวเลือกใช้ Original Resin 20 หน่วย หรือใช้ Condensed Resin 1 ชิ้นแทน การใช้เรซิ่นธรรมดาเปิดก็จะเป็นเหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่ถ้าใช้เรซิ่นอัดเม็ดแล้ว จะมีผลเหมือนกับการลงสองครั้งในรอบเดียว ยกเว้นแค่เพื่อนๆ ไม่ต้องลงดันอีกรอบหรือวิ่งไล่หา Leyline อีกรอบ ตัวเกมบอกว่าจะได้รางวัลเพิ่ม ก็หมายถึงได้รางวัลสองรอบนั่นเอง เพราะมันใช้ 40 Resin สร้างมาเดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าได้ของเท่ากัน อย่างที่บอกไปนั้น ตัว Resin อาจจะหายาก แต่เวลานั้นหายากกว่า บางครั้งเพื่อนๆ อาจจะไม่มีเวลาเล่นแต่รู้ว่า Resin กำลังจะล้น, อยากใช้เวลาไปกับการหาทรัพยากรมากกว่า หรือจะลงดันกับเพื่อนๆ แต่มีเวลาไม่นานมาก เจ้าเรซิ่นก็สามารถนำมาใช้กันได้ เป็นทางเลือกสำรองกันไป ข้อเสียของเรซิ่นอัดเม็ดนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย โดยเท่าที่ลองใช้มานั้นก็พบว่ามีจุดอ่อนหลักๆ ดังนี้ พกได้สูงสุดแค่ 5 อันเท่านั้น ถ้ามีมากกว่านั้นจะสร้างเพิ่มไม่ได้ ต้องวิ่งไล่หาเจ้า Crystal Core (และเสียเงินนิดหน่อย) การลง Leyline จะเสียโอกาสในการไล่ตีมอนลุ้นของดรอปสองรอบ (ฮา) การใช้จะได้ของคูณ 2 ก็จริงแต่ Battle Pass จะนับว่าลงแค่ครั้งเดียว การใช้จะไม่นับว่าใช้ Resin ในเควส เพราะนับไปแล้วตอนสร้างขึ้นมา แต่ถ้าไม่คิดมากแล้ว เจ้าเรซิ่นอัดเม็ดนี้ก็จัดว่าเป็นไอเทมที่ประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ถ้าใครจะปั่นพวก Battle Pass ไวๆ แล้วนั้น อาจจะต้องเก็บเข้ากรุไปก่อนจนกว่าจะทำ Battle Pass รายอาทิตย์ครบล่ะน้า เพื่อนๆ คนไหนที่อยากลองของใหม่หรือมีเวลาไม่มากในบางวันที่จะเผา Resin (ที่แม้จะหมดไว แต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี) ให้ทัน เจ้า Condensed Resin ก็เป็นคำตอบให้เพื่อนๆ ได้นั่นเอง ..... แน่นอนว่าต้องไม่ลืมที่จะหาเจ้า Crystal Core มาก่อนนะ!!! จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่

Read more

การตามหาหินสะท้อนธาตุ (Oculi) ใน Genshin Impact นั้นเป็นงานที่เหนื่อย เหนื่อยมหาศาลมาก จากปริมาณที่มีเยอะ ไม่มีการบอกตำแหน่งทิ้งไว้ แถมบางครั้งไม่อยู่ใกล้จริงก็ไม่ปรากฎให้เห็นในแผนที่อีก ทำให้การตามล่าหาหินสะท้อนธาตุเหล่านี้พลาดแม้แต่ก้อนเดียว ต้องงมกันตาแตก ซึ่งทาง miHoYo เองก็ได้มีการอัพเดทเพิ่มเติมในด้านการช่วยเหลือผู้เล่นตรงนี้แล้ว กับไอเทมหาหินสะท้อนธาตุ Resonance Stone นั่นเอง (ทำเสียงแบบโดราเอม่อน) การหาตัว Resonance Stone ในการจะได้รับตัวไอเทมชิ้นนี้มานั้น เพื่อนๆ จะต้องผ่านเควส ขั้นต่ำเลเวล 2 เสียก่อน ซึ่งจะแยกเป็นของฝั่งเมืองของใครของมัน เช่นมี Mondstadt เลเวล 2 แต่ Liyue เลเวล 1 ก็จะได้แค่ของ Mondstadt เท่านั้น เมื่อเพื่อนๆ ได้รับตัวคู่มือการสร้างมาแล้ว ก็สามารถกดเรียนรู้ได้เลย ต่อจากนั้นก็จะสร้างได้ที่โต๊ะเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemy) ได้เลย และต้องใช้วัตถุดิบที่อาจจะต้องกุมขมับกันเล็กน้อยในการหาโดยประกอบไปด้วย หินเมือง ไอเทม วิธีหา Mondstadt Dandelion Seed x5 ใช้ธาตุลมเป่าดอกแดนดีไลออนตามทุ่งหญ้า Cecilia x5 พบได้ตามเขตที่สูงมากๆ ของผาในเขต Mondstadt Crystal Chunk x2 หาได้จากจุดขุดแร่หายากต่างๆ Liyue Cor Lapiz x10 พบได้ทั่วไปตามเหมืองและหน้าผาในเขต Liyue Glaze Lily x10 พบได้เยอะในเมืองท่า Liyue เขตด้านบน Crystal Chunk x2 หาได้จากจุดขุดแร่หายากต่างๆ หินทั้งสองก้อนค่าทำก้อนละ 500 Mora จ้า หลังจากสร้างขึ้นมาแล้ว หากจะใช้งาน ก็เพียงเปิดหน้าจออุปกรณ์ขนาดเล็กขึ้นมา (เปิดช่องเก็บของ -> อุปกรณ์ขนาดเล็ก สำหรับใน PC กดปุ่ม B) จากนั้นเลือก Resonance Stone ที่จะติดตั้ง และกดติดตั้ง เมื่อติดตั้งแล้ว จะปรากฎไอคอนเล็กๆ ใกล้กับไอคอนสกิลด้านล่างขวาของหน้าจอ (สำหรับมือถือจะอยู่ทางซ้ายของหลอดเลือด สำหรับ PC กด Z) ให้กดใช้ได้เลย หากตำแหน่งบริเวณนั้น (หาได้ค่อนข้างกว้างมากๆ เลยล่ะ) ไม่มีตัวหินสะท้อนธาตุอยู่ ไอเทมจะไม่ถูกใช้ไปและติดคูลดาวน์ 4 วินาที ข้อควรระวัง ใช้ระหว่างการต่อสู้ไม่ได้ เมื่อกดใช้จะขยับไม่ได้ 2 วินาที น่าจะบัค ถ้าเพื่อนๆ เก็บหินสะท้อนธาตุครบทุกชิ้นแล้ว การกดใช้จะติดคูลดาวน์ 4 วินาทีตามปกติ แต่จะไม่มีแจ้งบอกอะไรให้ทราบเลย แต่หากในบริเวณนั้นมีหินสะท้อนธาตุอยู่ จะมีขึ้นแจ้งให้ทราบ และปรากฎเป็นขอบเขตวงขนาดใหญ่ให้ทราบในแผนที่ พร้อมกับตัวไอเทมที่ถูกใช้ไปและติดคูลดาวน์ 5 นาที เพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไปหาเจ้าหินตัวแสบได้เลย ก็ .... หาได้ไกลอยู่นะ.... เมื่อเพื่อนๆ เข้าไปในเขตถ้าเจอจะมีลูกศรเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผนที่ (สังเกตลูกศรให้ดีหากเห็นชี้ลงแสดงว่ามันอยู่ข้างล่างจากพื้นของเรา และถ้าชี้ขึ้นแสดงว่าอยู่สูงกว่าที่ยืนอยู่) หลังจากไปยังบริเวณสัญลักษณ์ก็จะปรากฏดาวบนมินิแมพให้ไปเก็บกันได้เลย! อย่างไรก็ดีนั้น ด้วยความที่ของที่ต้องใช้นั้นค่อนข้างแอบต้องหากันพักใหญ่ (แถมเป็นของที่ต้องรอเกิด 3 วันทั้งนั้น) ก็ขอแนะนำให้ใช้เป็นวิธีสุดท้ายดีกว่า และใช้วิธีหาจาก พร้อมพยายามทำเครื่องหมายปักหมุดไว้กันลืมในแผนที่ จะช่วยให้เพื่อนๆ ประหยัดเงินและไอเทมได้มากในการหาหินสะท้อนธาตุ และใช้เฉพาะเวลาที่พลาดอันไหนไปจริงๆ แต่นึกไม่ออกจะดีกว่า สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อนๆ มีความสุขกับการผจญภัยใน Genshin Impact และอย่าลืมทำเควสเพิ่มชื่อเสียงทุกอาทิตย์ล่ะ! จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่

Read more

หลังจากตัว Genshin Impact อัพเดทเวอร์ชั่น 1.1 มานั้น ก็ได้มีการเพิ่มระบบต่างๆ มาหลายต่อหลายอย่าง อย่างหนึ่งในนั้นก็คือค่าชื่อเสียง (Reputation) ที่จะเป็นคล้ายๆ กับภารกิจประจำสัปดาห์ให้เพื่อนๆ ได้ทำกัน รวมถึงเคลียร์ตัวแผนที่เพื่อรับรางวัลต่างๆ อำนวยความสะดวกในการเล่นเพิ่มเติมกันไป ระบบชื่อเสียง ตัวระบบชื่อเสียงประจำเมืองนั้นจะเริ่มจากการทำเควสในแต่ละเมืองก่อน แยกเป็นของแต่ละเมืองกันไป Mondstadt : อัศวินแห่ง Mondstadt Liyue : งานของฝ่ายกิจการทั่วไป แต่ถึงจะบอกว่าเควส จริงๆ ก็เป็นแค่การเดินไปคุยกับ NPC ที่กำหนดเฉยๆ เท่านั้น และก็จะเปิดระบบชื่อเสียงมาให้ทำเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากเควสของเพื่อนๆ ไม่ขึ้นนั้น ก็อาจจะต้องลองเคลียร์ส่วนของเนื้อเรื่องหลัก (Anchor Quest) หรือมีระดับนักผจญภัยที่สูงขึ้นซักหน่อย ตัวระบบนี้ก็จะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนที่น่าสนใจด้วยกัน โดยประกอบไปด้วย ส่วนของเลเวล ในตอนนี้แต่ละเมืองจะมีทั้งหมด 8 เลเวล (ดูรางวัลได้ที่ด้านล่าง) เควสรายอาทิตย์ - ปราบปรามเป้าหมาย (จำกัด 3 ครั้งต่ออาทิตย์) เควสรายอาทิตย์ - คำขอชาวเมือง (จำกัด 3 ครั้งต่ออาทิตย์) ออกสำรวจโลกกว้าง - แสดงพื้นที่ที่สำรวจแล้วในเขตเมืองนั้นๆ เควสเมือง - จำนวนเควสประจำเขตเมืองนั้นๆ การทำในข้อ 2-3 จะเป็นภารกิจที่ให้ทำรายอาทิตย์ (รีเซ็ททุกตีสามวันจันทร์) โดยนับรวมกันทั้งสองเมืองในแต่ละหัวข้อ เช่น ถ้าเพื่อนๆ กำจัดมอนสเตอร์ในเควสเมือง Mondstadt ไป ตัวเควสกำจัดมอนสเตอร์จะนับ 1 ครั้งของทั้งสองเมือง แต่จะไม่มีผลกับเควสทำตามคำร้องของชาวเมือง ในทางกลับกันก็เช่นกัน ถ้าทำคำร้องของ Liyue ก็จะนับส่วนของทั้งสองเมืองแต่ไม่เกี่ยวกับกำจัดมอนสเตอร์ ในข้อ 4 จะเป็นการที่เพื่อนๆ เดินตะลุยสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในแผนที่โลก Teyvat ในแต่ละเขตพื้นที่นั่นเอง ยิ่งผ่านอะไรมาเยอะ ก็จะยิ่งมีเปอร์เซ็นเยอะขึ้นเท่านั้น ใครที่วิ่งไล่เปิดหีบเก็บหินสะท้อนธาตุมาเยอะก็จะมีเปอร์เซ็นสูงกันไป ส่วนข้อที่ 5 จะเป็นเควสหลักของแต่ละเมืองเป็นการบอกกลายๆ ว่านี่ยังมีเควสให้ทำเหลืออยู่น้า ลองไปวิ่งหาหรืออัพระดับนักผจญภัยดูซิ เผื่อจะมีเควสเพิ่ม การทำในข้อ 2-5 นั้นจะส่งผลให้เพื่อนๆ ได้รับค่าชื่อเสียงเพิ่มเติมของแต่ละเมืองแยกกันไป (แปลว่าต้องแยกกันทำ... ปั่นกันตายไปข้าง) และไม่มีการได้รับระดับนักผจญภัยเพิ่มแต่อย่างใด เมื่อชื่อเสียงถึงที่กำหนดแล้ว ก็จะทำให้เลเวลชื่อเสียงของเพื่อนๆ อัพและสามารถรับรางวัลในส่วนข้อ 1 ได้ โดยแต่ละเมืองก็จะมีรางวัลต่างกันดังนี้ (ย้ำอีกทีว่าเลเวลแต่ละเมืองแยกกันนะจ๊ะ) เลเวล เมือง Mondstadt เมือง Liyue 1 สูตรอาหาร Northern Apple Stew สูตรอาหาร Golden Shrimp Ball 2 คู่มือการสร้าง Amenoculus Resonance Stone ปลดล๊อค การสำรวจเหมืองแร่ใน Mondstadt NPC ช่างตีเหล็กจะช่วยบอกตำแหน่งของจุดขุดแร่ให้ คู่มือการสร้าง Geoculus Resonance Stone ปลดล๊อค การสำรวจเหมืองแร่ใน Liyue NPC ช่างตีเหล็กจะช่วยบอกตำแหน่งของจุดขุดแร่ให้ 3 แบบแปลน Wind Catcher เก็บภูติลมจิ๋วไว้ใช้งานจุดต่างๆ ได้ คู่มือ Condensed Resin ใช้ Resin สร้างไอเทมที่เก็บ Resin ไว้ใช้เปิด Layline Outcrop, Domain แบบสองรอบในการลงครั้งเดียวได้ 4 Mondstadt - Hero's Fame (ลายพื้นหลัง) สูตรอาหาร Adventurer's Breakfast Sandwich ปลดล๊อคส่วนลดร้านค้าใน Mondstadt Liyue - A Thousand Ship (ลายพื้นหลัง) สูตรอาหาร Lotus Flower Crisp ปลดล๊อคส่วนลดร้านค้าใน Liyue 5 แบบแปลน NRE (Menu 30) กระเป๋าอาหารฉุกเฉิน แบบแปลน Adepti Seeker's Stove เตาปรุงอาหารแบบพกพา 6 แบบแปลน Ameno Treasure Compass เข็มทิศหาตำแหน่งของหีบสมบัติเขต Mondstadt คู่มือ Portable Waypoint สร้าง Waypoint ชั่วคราว 1 อาทิตย์ได้ 1 จุด แบบแปลน Geo Treasure Compass เข็มทิศหาตำแหน่งของหีบสมบัติเขต Liyue 7 Mondstadt - Blessing (ลายพื้นหลัง) สูตรอาหาร Moon Pie Liyue - In the Cloud (ลายพื้นหลัง) สูตรอาหาร Tianshu Meat 8 Wings of Azure Wind (สกินปีกร่อน) Wind of Golden Flight (สกินปีกร่อน) เรียกได้ว่าของรางวัลหลายอันนั้นก็น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สนใจของชิ้นไหนก็ลองปั่นเลเวลของเมืองนั้นขึ้นมาก่อนจะดีกว่าน้า อนึ่ง เมนูอาหารได้มาสามารถกดเรียนและปรุงที่ครัวได้เลย ส่วนแบบแปลนและคู่มือนั้น บางชิ้นก็จะทำได้ที่ช่างตีเหล็ก บางชิ้นก็จะทำได้ที่โต๊ะเล่นแร่แปรธาตุจ้า ถ้าหาอันไหนไม่เจอหลังกดใช้ไปแล้ว ลองดูสามจุดหลักๆ นี้ได้เลย   ► การทำเควสรายอาทิตย์ ก่อนจากกันก็ขอฝากกันอีกนิดสำหรับส่วนของเควสรายอาทิตย์ (รีเซ็ทตอนตีสามของทุกวันจันทร์) ตัวเป้าหมายและคำร้องต่างๆ ก็จะมีตัวเลือกมากขึ้นตามระดับนักผจญภัยของเพื่อนๆ และเมื่อทำไปแล้ว ก็จะปรากฎขึ้นมาให้สามารถทำต่อได้เลยทันที เช่นการตี Ruin Guard ของ Mondstadt ไปแล้ว เมื่อส่งเควส ก็จะสามารถรับตัวใหม่มาทำต่อได้เลย อย่างไรก็ดี จุดที่ต้องระวังก็จะอยู่ที่บางครั้งเงื่อนไขของเควสอาจจะมีอะไรที่ทำให้ยากขึ้น เช่น Ruin Guard เควสนี้อาจจะไม่รับความเสียหายใดๆ จากธาตุไฟและน้ำแข็งเลย แต่โดนโจมตีด้วยดาบแรงขึ้นเป็นต้น ทำให้เพื่อนๆ ต้องพิจารณาทีมดีๆ ก่อนไปบวกมัน สังเกตุเส้นของสายลมว่าลอยไปทางไหน ให้วิ่งตามไปทางนั้น นอกจากนี้แล้วเควสกำจัดมอนสเตอร์จะมีการใช้การจิตสัมผัสธาตุหาเบาะแส (สังเกตุลมที่ลอยเป็นเส้นๆ ไปยังจุดต่างๆ ถ้าเจอเบาะแสจะแสดงเป็นแสงสีแดงที่ของหรือศัตรูแบบเด่นชัด) พร้อมกำหนดเวลาไว้ด้วยตั้งแต่เริ่มเข้าพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นขอแนะนำให้เพื่อนๆ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะไปยังพื้นที่เควส เนื่องจากตัวเวลานั้นจะนับรวมไปทั้งหมดเลยตั้งแต่ขั้นตอนหาเบาะแสจนถึงกำจัดมอนได้สำเร็จ ถ้าเตรียมไม่พร้อมอาจจะเสียเวลาฟรีได้ โดยรวมนั้นตัวระบบชื่อเสียงก็จะมีประมาณนี้...

Read more
Genshin Impact AR 40 cover playpost

เมื่อเลเวลสูงขึ้น ก็ย่อมเจอกับอุปสรรคที่หนักหนาขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ใน Genshin Impact ก็เช่นกันที่เมื่อระดับนักผจญภัยของเพื่อนๆ สูงขึ้นนั้น ก็จะส่งผลให้ระดับโลกนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย และทำให้เหล่ามอนสเตอร์แกร่งขึ้นไปพร้อมกัน แลกกับการที่จะมีโอกาสได้ของที่ดีขึ้นมาก วันนี้จะขอพาแนะนำเหล่านักผจญภัยกับการเตรียมตัวรับมือกับโลก 5 ที่รออยู่เมื่อมีระดับนักผจญภัย 40 กัน ทำไมถึงเป็นโลก 5? ที่พูดถึงในส่วนของโลก 5 นั้น เพราะว่าเป็นช่วงที่ผู้เล่นที่เล่นจริงจังจะได้เจอกันเป็นหลัก และต้องอยู่กับมันนานมากๆ เรียกว่าปูพื้นฐานไปต่อที่โลก 6 ที่รออยู่หลังจากนี้ยิ่งขึ้นไปอีก เหตุผลที่หลายคนจะได้อยู่กับนานนั้น เพราะเป็นช่วงที่เควสทุกอย่างจะหมดลงแล้ว (ในเวอร์ชั่น 1.0 นี้) ทำให้ระดับนักผจญภัยขึ้นช้ามาก โดยเฉพาะกับสายฟรีที่จะยิ่งช้ากว่าเขาเพราะไม่มีเพชรไปเติม Resin เพิ่มเติมเลย (ถ้าใครคิดว่าติดอยู่โลก 4 นานแล้ว โลก 5 จะทวีคูณเข้าไปอีกเยอะเลยล่ะ) นอกจากนี้ โลก 5 ยังมีการก้าวกระโดดของการอัพเกรดต่างๆ ที่เรียกว่าโหดร้ายเป็นอย่างมากก็ว่าได้ แถมตัวโลก 5 ยังอัพเกรดตัวเองอัตโนมัติ ไม่มีการรอให้เพื่อนๆ ต้องไปลงดันเจี้ยนเพื่อปลดล๊อคก่อนเหมือนกับช่วงโลก 3-4 ทำให้บางทีก็อาจจะเหวอกันบ้าง ซึ่งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวบทความนี้ จะพอช่วยเหลือเพื่อนๆ รับมือกับโลก 5 และเป็นแนวทางหลังจากนี้ไปยังโลก 6 ที่เฝ้ารอหลายๆ คนอยู่ในอนาคตด้วย   โฟกัสการอัพเลเวลตัวละครและอาวุธก่อน แน่นอนว่าเมื่อระดับโลกอัพขึ้นก็หมายถึงเลเวลของมอนที่สูงขึ้น ความต่างของเลเวลเริ่มร่นมาใกล้เคียงกับตัวหลักหรือมากกว่าเรากว่าเดิม(สำหรับบอส) ระบบพลังป้องกันของเกนชินนั้น จะมีการคิดจากความต่างของเลเวลด้วย ทำให้ถ้าเลเวลต่างกันมาก ฝั่งที่น้อยกว่าจะโดนโบนัสความเสียหายเพิ่มแบบฟรีไปเลย ทำให้บางทีแม้ว่าตัวละครจะมีเลือดใกล้กันหมื่นนิดๆ พลังป้องกันก็ต่างกันแค่สองร้อย แต่คนเลเวลต่ำโดนบอสอัดทีหายไปเกือบครึ่งหลอด ส่วนคนเลเวลใกล้กันโดนทีพึ่งจะลดไปพันสองพันเป็นต้น ด้วยจุดนี้ทำให้เพื่อนๆ จะเหมือนกับถูกบังคับกลายๆ ว่าต้องให้อัพเกรดตัวละครแต่ละตัวให้สามารถรับแรงกระแทกที่โหดขึ้นของมอนสเตอร์ที่พบเจอได้ด้วย และด้วยทรัพยากรที่จำกัดทำให้เราควรเลือกตัวยืนเป็นหลัก 1 ตัวอย่างที่ได้เคยแนะนำไป และทุ่มเทอัพเกรดตัวละครตัวนั้นก่อนเป็นอันดับแรก อย่าพึ่งพยายามกระจายอัพเกรดตัวละครไปพร้อมๆ กัน มันจะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรเป็นอย่างมากและช่วยเพื่อนๆ ได้น้อยกว่ามาก แน่นอนว่าเพื่อนๆ จะติดด่านที่เรียกว่าไอเทมเลื่อนระดับที่ใช้อย่างมหาศาลขึ้นอย่างชัดเจน (เช่นผลึกธาตุก้อนใหญ่ถึง 6 ก้อน รวมถึงของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ระดับขั้น 3 ที่พึ่งจะเริ่มดรอป) ทำให้ต้องเสียเวลาในการวิ่งหาวิ่งฟาร์มพักใหญ่เลยทีเดียว และก็จะกลายเป็นกับดักกลายๆ ให้เราอยากไปอัพตัวรองลงมาก่อนเพราะมันไวกว่า ก็ต้องขอแนะนำให้อดทนค่อยๆ ฟาร์มไปอย่างใจเย็นๆ จะดีกว่ามาก (โดยเฉพาะกับสายฟรีที่ Resin จำกัดเหลือเกิน) ในส่วนของอาวุธก็เช่นกัน ในเวลานี้ควรมีการหาอาวุธระดับ 4 ดาวที่ถูกใจได้แล้ว จะเป็นอาวุธที่สร้างจากพวกของ Prototype หรือกาชาก็แล้วแต่ พลังโจมตีของมันจะต่างจากอาวุธระดับ 3 ดาวที่แบกเพื่อนๆ มาจนถึงตอนนี้ (ยกเว้นบางชิ้นที่สกิลเฉพาะทางจริงๆ) และเมื่อค่าพลังโจมตีพื้นฐานมันสูงกว่า ก็จะช่วยเรื่องของตัวคูณให้มากกว่าไปด้วย คุ้มค่าในระยะยาวต่อจากนี้มากกว่า เพราะอาวุธระดับ 5 ดาวเรียกว่าต้องดวงของดวงจริงๆ ไม่เฮงหรือเติมเงินหนักก็คงหามาใช้ไม่ได้ และมันดีกว่า 4 ดาวแน่นอนเพราะงั้นก็จะขอละไม่พูดถึงละกัน เช่นเดียวกับตัวละคร เพื่อนๆ ควรโฟกัสไปที่อาวุธของตัวละครที่เป็นตัวหลักก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากจะเป็นตัวที่ใช้ฟาดมอนหรือฟาร์มบอสมากที่สุด รองลงมาคือ Healer ที่มักจะเริ่มได้ใช้งานบ่อยขึ้นจากการที่มอนตีแรงขึ้นด้วย   อย่าพึ่งรีบพุ่งใส่ Artifact 5 ดาว เพื่อนๆ อย่าคิดว่าเย้ โลก 5 ดัน Artifact มีดรอปของ 5 ดาวซะที ได้เวลาถลุง Resin แล้วเปลี่ยนไอ้ของ 4 ดาวแล้ว ไม่... ถ้าหากว่ายังไม่พร้อมจากการอัพตัวละครหรืออาวุธก่อนหน้า มันคือวิธีที่กาชามากๆ เพราะ Domain ต่างๆ ก็จะโหดขึ้นเป็นเงาตามตัว โอกาสดรอปนั้นก็ไม่สูงมาก (ราวๆ 15%) ทำให้เพื่อนๆ ต้องฟาร์มกันหูตูบพอสมควร ในขณะที่ Resin เหล่านั้นสามารถเอาไปใช้ฟาร์มบอสหรือ Domain ที่ใช้อัพเลเวลของอาวุธได้ แบบที่ไม่ต้องพึ่งดวงขนาดนี้ ไอ้การจะฟาร์มมันไม่เสียหายเท่าไหร่เพราะยังไงได้มาก็ได้ใช้ แต่ในแง่ของลำดับความสำคัญนั้นต่างกันค่อนข้างมาก เพราะในขณะที่ตัวละครและอาวุธเป็นพลังโจมตีพื้นฐานที่จะถูกนำไปคูณเพิ่มจากสกิลต่างๆ อีกทีหนึ่ง แต่ตัว Artifact นั้นไม่ใช่ ของระดับ 4 กับ 5 ดาวต่างกันที่ตัวค่าสเตตัสและจำนวนที่ตีบวกได้ ซึ่งเป็นค่าที่เพิ่มมาอย่างคงที่ ผลของเซ็ทยังเหมือนเดิม (และเชื่อว่าหลายคนน่าจะทนเบื่อไม่ไหว เริ่มฟาร์ม Artifact กันมาบ้างตั้งแต่โลก 4 แล้ว) โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ มีแวะเวียนไปฟาร์ม 4 ดาวมาก่อนหน้านี้ จะยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องรีบลงเท่าไหร่นัก เนื่องจากดันวัตถุดิบเลื่อนระดับนั้นมีการกำหนดตามวัน ส่วนดัน Artifact นั้นจะลงวันไหนก็ได้อีกต่างหาก ซึ่งผลความต่างนั้นเมื่อเทียบระดับ 4 ดาว +16 กับ 5 ดาว +20 จะอยู่ที่ราวๆ 12~15% ขึ้นกับว่าเป็นค่าไหน ถ้ารวมทั้งตัว 5 ชิ้นมันย่อมเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่การจะอัพจาก +0 หรือ +16 ไปเป็น +20 นั้นใช้ของและเงินเยอะมากเลยทีเดียวล่ะ เพื่อนๆ สามารถนำเงินเหล่านี้ไปใช้อัพตัวละครหรืออาวุธได้อีก ยังดีว่าเราคงไม่มีปัญหาการหา Artifact ไปเป็นอาหารอัพเลเวล เพราะกว่าจะดรอป ขยะคงติดมือมาบานเบือกนั่นแหละนะ แต่ถ้าเพื่อนๆ อัพตัวละครกับอาวุธพร้อมแล้ว ฟาร์มได้เลยจ้า จัดให้เต็มที่ เพราะนี่คืออีกจุดหนึ่งที่สามารถจะอัพเกรดเพิ่มเติมได้   Ley Line Outcrop เพื่อนรัก ก่อนหน้านี้ เพื่อนๆ อาจจะคิดว่าการเอา Resin 20 หน่วยที่ขึ้นยากลำบากมานั่งฟาร์ม Ley Line พวกนี้เป็นหลักคงเป็นอะไรที่รู้สึกเสียดายของมาก แต่เชื่อเหอะ โลก 5 จะเป็นโลกที่แต่ละคนจะได้ฟาร์มมัน ฟาร์มมัน และฟาร์มมัน โดยเฉพาะเจ้า Ley Line สีเหลืองเนี่ย เนื่องจากในโลก 5 เงินตราจะหายสาปสูญแบบไวกว่าที่คิด มีเป็นแสนก็หายในพริบตาได้ง่ายๆ โดยที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยเถอะ (และถ้าซื้อมันจะหายไปไวกว่านี้ด้วยเอ้า) ยิ่งถ้าคนไหนเป็นสายฟรี ไม่ได้เติม Battle Pass ด้วยนี่ อย่าคิดว่าจะมีเงินมีใบอัพตัวจาก 70 เป็น 80 พอชิวๆ เลยนะ (ยกเว้นจะแทบไม่ได้อัพอะไรมาเท่าไหร่) รับประกันได้ว่าได้ลงกันหลายวันแน่นอนกว่าจะพออัพ ตรงจุดนี้ก็คงไม่มีอะไรอธิบายเป็นพิเศษ แค่อยากบอกว่าถ้า Resin เหลือเบื่อไม่อยากตีบอส ดันก็ยังไม่ใช่วันที่ตรง Artifact ก็เค็มจนเซ็ง ลง Ley Line เหลืองไปเถอะ เงินน่ะยังไงก็ได้ใช้ มีใบอัพตัวละคร มี Artifact เหลือเฟือ แต่ถ้าไม่มีเงินก็ทำอะไรไม่ได้นะตัวเอง เพราะงั้นให้ความสำคัญกับมันได้เลยจ้า ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เพื่อนๆ จะเริ่มอยากเซฟเงิน ไม่อยากเปย์อะไรนอกรอบกับพวกของหาแอบยากอย่างพวกเห็ด ดอกไม้ที่ต้องรอหลายๆ วันกันเป็นแน่แท้แล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้รีบจริงๆ ก็ไม่แนะนำให้ซื้อเท่าไหร่ล่ะนะ มันแพงเกิ้น ไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารที่ไม่มีให้หาเองยังคุ้มซะกว่า ปูหรือไข่ปูยังไม่อยากซื้อเลย ให้ตาย...

Read more

กลับมาที่พาร์ทที่ 2 กันต่อเลยครับ สำหรับปืนแนะนำสำหรับมือใหม่ในเกม Special Force 2 !! โดยปืนที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้ก็เป็นคิวของปืนกลหนักนั่นเอง! ต้องบอกว่าปืนกลหนักในเกมนี้เป็นปืนที่ได้รับความนิยมสูงมาก ทั้งในการแข่งขัน และในการเล่นปกติ เพราะปืนกลหนักในเกมนี้ สามารถหวังผลได้ทุกระยะ แถมดาเมจยังแรงมากๆ ถ้าให้พูดง่ายๆ ส่วนใหญ่แล้วก็นัดเดียวแตกทั้งนั้นครับ แต่เห็นอย่างงี้มันก็ไม่ได้โกงทั้งหมดนะ เพราะในระยะไกล ส่วนใหญ่แล้วเวลาเราใช้ปืนกลหนักยิงเข้าหัว ก็มักจะเกิดปรากฏการณ์หมวกเด้ง หรือยิงไม่แตกนั่นเอง แต่ระยะกลางน่ะเหรอ หึ แตกแทบทุกเม็ด! ปืนกลหนักแนะนำ CM901 – 43,000 SP  ข้อดี: ลั่นเร็ว กระสุนเกาะกลุ่มมาก และน้ำหนักเบา ข้อเสีย: ดาเมจค่อนข้างเบา เป้าค่อนข้างดีด แย่สุดคือราคาค่อนข้างแพง M16A3 – 28,000 SP  ข้อดี: แรงมาก แรงที่สุดดดด คลิ้กทีเดียว ออก 3 นัด!! ข้อเสีย: เนื่องจากปืนนี้เป็นปืน Semi Auto คือมันจะยิงทีละ 3 นัด ทำให้ปืนนี้ไม่สามารถกดค้างได้ และยิ่งไปกว่านั้น เป้าดีดเหินฟ้ามาก ทำให้ต้องฝึกคุมปืนหนักมากครับ แต่ถ้าปรับตัวได้ก็โหดมาก SIG551 – 25,000 SP ข้อดี: ปืนแทบไม่มีแรงดีดเลย เข้า Scope คือนิ่งอยู่แบบนั้นแหละ ดาเมจแรงกลางๆ ภาพรวม เล่นง่าย เล่นสนุก ข้อเสีย: ถึงแม้ศูนย์เล็งจะนิ่งแค่ไหน แต่สุดท้ายกระสุนบานก็จบเห่อยู่ดี เพราะปืนนี้เป็นปืนที่กระสุนไม่ค่อยเกาะกลุ่มเท่าไหร่ครับ อาจจะแก้ได้ด้วยการค่อยๆ tap ทีละนัด หรือยิงเป็นชุดดู HK417 – 15,000 SP (ปืนนี้แนะนำ) ข้อดี: นิ่ง แรง เข้าหัวเป็นแตก สเปรย์ง่ายกระสุนเกาะกลุ่ม ราคาถูกมาก เหมาะกับการเป็นปืนเริ่มต้นของใครหลายๆ คน ข้อเสีย: ลั่นค่อนข้างช้า ระยะใกล้นี่หวังผลแทบไม่ได้ ส่วนใหญ่จะตายระยะใกล้เพราะยิงสวนไม่ค่อยทัน M4A1 – 15,000 SP (ปืนนี้แนะนำ) ข้อดี: ภาพรวมค่อนข้างคล้ายกับ HK417 แต่ดาเมจจะเบากว่า ลั่นเร็วกว่า และยิ่งง่ายกว่า ข้อเสีย: ดาเมจค่อนข้างเบา ทำให้หลายๆ ครั้งมักจะยิงหัวแล้วไม่แตก หรือเกิดเหตุการณ์ยิงไม่แตกบ้าง แต่ก็ยังได้รับความนิยมสูงมาก เพราะยิงง่าย สรุป ปืนที่แนะนำจริงๆ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องเป็น M4A1 และ HK417 ด้วยราคาที่ถูกกว่าปืนอื่นเป็นหมื่น แถม Stat ยังโหดสุดๆ ทำให้เป็นสองปืนที่น่าจับตามองที่สุดในเกมแล้วล่ะครับ บอกเลยว่าไม่ต้อง EOTech ก็โหดมากแล้วครับ ส่วนปืนอินดี้อื่นๆ ส่วนตัวผมคิดว่าหากฝึกให้เข้ามือแล้วก็น่าจะโหดไม่แพ้สองปืนนี้แน่นอนครับ อย่าง M16A3 ก็เป็นปืนที่บอกเลยว่าถ้าฝึกคุมปืนดีๆ นี่น่าจะชนะ M4A1 ได้สบายๆ เลยครับเพราะดาเมจสูงมากจริงๆ

Read more

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในเกม Special Force 2 ก็คงสงสัยใช่ไหมล่ะครับ ว่าเอ้... เป็นมือใหม่จะเล่นปืนอะไรดี? มีปืนอะไรที่สายฟรีพอจะเล่นได้บ้าง? วันนี้เราก็จะมาแนะนำปืนสำหรับมือใหม่กัน! โดยปืนที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้ก็จะอยู่ในหมวดของปืนกลเบานั่นเอง! ต้องบอกว่าปืนกลเบาในเกมนี้เป็นปืนที่โหดมากในระยะใกล้ จะพูดว่าปาดเป็นตายก็ได้เลยแหละ เพราะมันลั่นเร็วเหลือเกิน แถมเข้าหัวนัดเดียว ใกล้ๆ ก็บินชัวร์ แต่ข้อเสียหลักของปืนกลเบาคงหนีไม่พ้นเรื่องระยะยิงที่ค่อนข้างจำกัดครับ ปืนกลเบาแนะนำ SIG MPX – 25,000 SP ข้อดี: คุมปืนค่อนข้างง่าย ดาเมจแรงใช้ได้ ระยะกลางพอหวังผลได้ วิ่งเร็ว ข้อเสีย: ไม่โดดเด่นสักทาง ลั่นค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับปืนอื่นๆ CS/LS06 – 25,000 SP ข้อดี: กระสุนเยอะมาก ดาเมจแรง ลั่นเร็ว ระยะกลางพอยิงได้ ข้อเสีย: คุมปืนค่อนข้างยาก ไม่เท่ Uzi Pro – 20,000 SP ข้อดี: ลั่นเร็วที่สุดในเกม น้ำหนักเบา (มาก) ระยะใกล้มีตายแน่นอน 1 ศพ ข้อเสีย: กระสุนน้อย ดาเมจเบา ระยะกลางหวังผลไม่ค่อยได้ SCORPION – 17,000 SP ข้อดี: เท่ ลั่นเร็วมาก (เพราะมีสองกระบอก) กระสุนเยอะ ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ ยิงยาก ไม่ค่อยแม่น เกะกะจอ (แต่เท่ ให้อภัยได้) Kriss V – 14,000 SP ข้อดี: ลั่นเร็วมากๆๆ น้ำหนักเบา ระยะใกล้มีตายแน่นอน 1 ศพ ยิงง่าย และที่สำคัญ ราคาถูก ข้อเสีย: กระสุนน้อยมาก 20 นัดเท่านั้น ระยะกลางพึ่งพาไม่ค่อยได้ สรุป ภาพรวมของปืน SMG หรือปืนกลเบาในเกม SF2 นั้นถือว่าไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันมากครับ หลักๆ แล้วจะต่างกันที่น้ำหนักปืน และความเร็วในการลั่นกระสุน ถ้าถามส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าปืนกลเบานั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ยิงระยะประชิดอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญของปืนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องความเร็วในการลั่นกระสุน เพราะยิ่งเราลั่นเร็วเท่าไหร่ ก็มีโอกาสได้คิลสูงมากเท่านั้นครับ 

Read more
Page 55 of 137 1 54 55 56 137