ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนยุคสมัยก่อนจะตามเรื่องใหม่ๆ ไม่ทัน และมันเกิดขึ้นได้ทุกยุคสมัยไม่เว้นแม้แต่ในวินาทีนี้ ซึ่งนี่คือเรื่องราวจากทางนอร์เวย์ของครอบครัวหนึ่ง ที่ผู้เป็นพ่อและแม่ตามไม่ทันว่าลูกชายผู้ต้องใช้ชีวิตอยู่บนวีลแชร์นั้น ไม่ได้มีโลกที่เงียบเหงาอย่างที่พวกเขาคิด และยามที่ลูกชายของพวกเขาจากไปนั้น แขกที่พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อนก็ได้มาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเขาด้วย
โชคชะตากำหนดชีวิต
เรื่องนี้เผยแพร่ครั้งแรกโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ NRK ของประเทศนอร์เวย์ (ต้นฉบับ) โดยเป็นเรื่องราวของครอบครัวสตีน ที่ประกอบไปด้วย โรเบิร์ตผู้เป็นพ่อ ทรูดผู้เป็นแม่ และแมตส์ ลูกชายผู้ต้องใช้ชีวิตอยู่บนวีลแชร์ กับโลกอีกใบหนึ่งที่คนยุคเก่าตามไม่ทัน โลกของเกมออนไลน์ที่ไม่ได้มีแต่ด้านที่มืดมน แต่มีสังคมของมัน ใน World of Warcraft แห่งนั้น
ในอดีต เดือนกรกฎาคมเมื่อปี 1993 ในวันที่เป็นวันครบรอบวันเกิดอายุครบ 4 ขวบของแมตส์นั้น เขายังใส่มงกุฎและเดินเล่นเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆ ทั่วไป แต่ทว่า ในอีกไม่กี่ปีต่อมานั้น เขาไม่อาจจะเดินแบบนี้ได้อีกเลย… ก่อนหน้านั้นในปีเดียวกัน เดือนพฤษภาคม พ่อแม่ของเขาได้สงสัยว่าทำไมลูกชายของเขาถึงได้ตกจากชิงช้าและต้องเจ็บตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเขาถึงไม่ปีนบันไดขึ้นไปเล่นสไลเดอร์ทั้งที่เขาชอบมาก ทำไมเขาจึงต้องใช้หัวเข่ายันตัวเวลาที่ลุกขึ้นยืนจากท่านั่งราวกับชายชรา และทำไมเขาจึงไม่เล่นวิ่งแข่งกับเด็กคนอื่น ก่อนจะปรึกษากับคุณหมอ และได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับอาการของลูกชายของเขา
แมตส์นั้นควรจะเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ทว่าไม่ใช่ เขานั้นเกิดมาพร้อมกับโรคร้ายที่กัดกร่อนชีวิตของเขา มันถูกเรียกว่าโรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนเหตุพันธุกรรมดีเอ็มดี หรือ โรคดีเอ็มดี (Duchenne muscular dystrophy – DMD) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ยาก และทำให้กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ โดยพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง โรคนี้เกิดขึ้นจากการที่หน่วยพันธุกรรม หรือ ยีน ของแมตส์มีรหัสพันธุกรรมผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อของเขาไม่สามารถพัฒนาได้ตามปกติ และจะทำลายกล้ามเนื้อของเขาในที่สุด
ในคืนนั้นที่รับทราบข่าวร้ายนี้ เมื่อพาแมตส์เข้านอนแล้ว โรเบิร์ตได้โทรไปคุยกับคุณหมอกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อปรึกษาและหาหนทางช่วยเหลือ โดยมีทรูดนั่งอยู่เคียงข้างเขา เขาพูดกับหมอว่า “แต่อย่างน้อยเขาจะไม่ตายจากโรคนี้!” หมอที่อยู่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ แต่จากประสบการณ์ของเราผู้ป่วยโรคนี้มักไม่ค่อยมีชีวิตอยู่เกินอายุ 20 ปี” คำตอบนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อได้แต่ชะงัก
ซึ่งหลังจากที่คุยกับจน ทั้งสองคนก็ได้พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น และคิดว่า ลูกชายของเขาคงไม่ได้มีชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปอีกต่อไปแล้ว เขาจะจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่อาจจะได้ฝากสิ่งต่างๆ ไว้บนโลกใบนี้เหมือนกับที่คนทั่วไปมีโอกาสได้ทำ
แต่พวกเขาก็คิดผิด และแมตส์ก็สามารถฝากผลงานไว้บนโลกใบนี้ก่อนจะจากไปด้วยอายุ 25 ปี…
แขกที่ไม่คาดฝัน
ปลายปี 2014 เป็นวันที่พ่อแม่ทั้งสองต้องทำสิ่งที่ปวดร้าวต่อหัวใจของพวก นั่นคือการจัดงานศพที่โบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงออสโลให้ลูกชายผู้จากไป ในงานนั้นโรเบิร์ตได้ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัย ซึ่งนอกจากครอบครัวและเจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการสาธารณสุขซึ่งรู้จักแมตส์เป็นอย่างดีแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มที่ครอบครัวของเขาไม่รู้จักมาก่อน แต่มีเพียงโรเบิร์ตที่ได้พบพวกเขามาก่อน และแค่ครั้งเดียวในคืนก่อนงานศพ
ช่วงปีท้ายๆ ในชีวิตของแมตส์นั้น เขาแทบไม่ได้ออกจากห้องที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่เลย มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่ผู้คนที่ครอบครัวไม่เคยรู้จักมาก่อนจะไปร่วมงานศพเช่นนี้ และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ ตัวแมตส์เองก็ไม่เคยพบหน้าคนเหล่านี้เช่นกัน
แขกกลุ่มนี้นั้น ไม่ได้รู้จักกับแมตส์ในฐานะของแมตส์คนนี้เลย แต่รู้จักเขาในชื่อว่า “อิบีลิน” ชายผู้มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ หนุ่มเจ้าชู้ และนักสืบ ในกลุ่มแขกเหล่านี้บางคนที่มาร่วมงานศพก็อาศัยอยู่ใกล้ๆ แต่บางคนเดินทางมาจากที่ไกลๆ พวกเขาต่างร่ำไห้ให้กับเพื่อนที่จากไป โดยที่ในช่วงท้ายของงานศพ หนึ่งในคนกลุ่มนี้ได้ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัย และบอกแขกในพิธีว่าขณะนี้ ผู้คนทั่วยุโรปกำลังจุดเทียนเพื่อแสดงความรำลึกถึงแมตส์
โลกใบที่สอง
ย้อนกลับไปก่อนหน้าช่วงปี 2000 แมตส์ผู้ที่ถูกโชคชะตากำหนดเวลาที่เหลือและสิ่งที่ทำได้ในโลกนี้เอาไว้นั้น ครอบครัวสตีนได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ทางตอนใต้ของกรุงออสโลที่มีระบบรองรับผู้ใช้เก้าอี้รถเข็น หรือวีลแชร์ เขาได้รับอณุญาติให้นั่งเล่นเกมบอยได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เลย และต้องมีผู้ช่วยคอยดูแลเขาอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เด็กคนๆ อยากวิ่งเล่นบ้าง เล่นฟุตบอลบ้าง แมตส์ที่ไม่อาจจะทำแบบนั้นมีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะลองทำดู นั่นคือการเล่นเกมออนไลน์ และเขาก็ได้รับอณุญาติให้เล่นรวมถึงได้รับพาสเวิร์ดสำหรับใช้งานคอมพิวเตอร์จากพ่อของเขา เด็กชายตัวน้อยวัย 11 ปีนั้นก็ได้พบกับโลกใบที่สองที่เปิดประตูต้อนรับทุกคนที่เข้าถึงมัน
แมตส์ได้กลายเป็นเกมเมอร์ผู้โลดแล่นอยู่ในโลกของ World of Warcraft ซึ่งโลกของเกมออนไลน์เช่นนี้นั้นก็เหมือนกับโลกจริงๆ ที่มีเรื่องให้ค้นหา มีสิ่งให้ค้นพบ มีทวีป มีทะเล มีภูเขา มีป่าไม้ มีหมู่บ้าน มีเมือง และมีผู้คนต่างๆ ทั้งที่เป็น AI NPC และผู้เล่นด้วยกันเอง มันเป็นสิ่งที่เหมือนกันโลกจริงๆ ที่คนที่พึ่งเล่นต้องค่อยๆ พยายามทำความรู้จักกับมัน
แมตส์ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในเขต Eastern Kingdom ในชื่อว่า “ลอร์ด อิบีลิน เรดมัวร์” และบางครั้งก็เป็น “เจอโรม วอล์กเกอร์” และไม่เหมือนกับการเล่นเกมทั่วไป เขาไม่ได้ใช้เวลาของเขาในการเล่นเกมเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งกับใคร แต่เขาใช้มันเพื่อค้นหาสิ่งที่เขาสามารถทำ หรือเป็นได้ เขาได้เจอกับผู้คนมากมายและได้พบกับเพื่อนใหม่ดีๆ มากมาย เพื่อนๆ ที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ก็สามารถร่วมเดินทางผจญภัย เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังได้เหมือนกับเพื่อนในโลกจริงๆ
คนต่างยุคที่ตามไม่ทัน
ไม่ต้องแปลกใจว่า คนอย่างโรเบิร์ตและทรูดที่เป็นผู้ใหญ่ผ่านโลกมานาน ทำไมถึงตามไม่ทันว่าโลกออนไลน์เป็นสังคมอีกอย่างหนึ่งได้ แม้แต่คนยุคปัจจุบันอย่างพวกเราเอง บางครั้งก็ตามเทคโนโลยีปัจจุบันไม่ทัน ไม่ได้ต่างอะไรกับทั้งสองคนเลย
“พวกเราค่อนข้างหัวโบราณ เราไม่อยากให้เขาเปลี่ยนจังหวะชีวิตประจำเขาไปอย่างสิ้นเชิง” โรเบิร์ต ซึ่งเป็นรองนายกเทศมนตรีด้านการเงินของกรุงออสโล นั่งอยู่ในคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้ที่ทำงานของเขา พร้อมกับเล่าถึงการที่เขาเคยรู้สึกกังวลที่ลูกชายมักจะใช้เวลาอยู่จนดึกดื่นในแต่ละคืน
“พอมองย้อนไป ผมคิดว่าพวกเราควรให้ความสนใจในโลกของเกม ซึ่งลูกใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมันให้มากกว่านี้” เขาเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาให้เราฟัง “การที่ไม่ได้ทำเช่นนั้น เราได้ขโมยโอกาสที่เราไม่เคยรู้ว่าเรามีอยู่ไปจากตัวเอง”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ยามที่โรเบิร์ตเดินลงไปหาลูกของเขา ก็จะพบกับห้องที่ปิดผ้าม่านไว้อยู่ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเศร้าที่ลูกชายของเขาหมกตัวเล่นเกมจนดึกดื่น มีเวลาไม่ตรงกับคนอื่นๆ เขารู้สึกว่าโลกของลูกชายคนนี้มันช่างจำกัดเสียนี่กะไร เขาคิดว่าเกมออนไลน์นั้นเป็นเพียงแค่เกม เป็นโลกแห่งการแข่งขัน ที่ๆ แต่ละคนต้องการจะเอาชนะกันเพื่อแย่งชิงอันดับที่หนึ่งให้ได้
“เราไม่เข้าใจว่าทำไมการอยู่ในโลกออนไลน์จนดึกดื่นค่ำคืนจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแมตส์” ผู้เป็นพ่อกล่าว “แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่ช่วงเช้าหรือกลางวันที่ผู้คนเล่นเกม เพราะมันเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ไปโรงเรียนหรือทำงาน” ยามที่พยาบาลที่มาดูแลแมตส์มาถึงตอน 4 ทุ่มนั้น เป็นเวลาที่เด็กตัวเล็กๆ อย่างเขาต้องเข้านอนแล้ว แต่เขายังคงเล่นเกมอยู่ ซึ่งอันที่จริงงานของพยาบาลนั้นควรเป็นการดูแลตอนเขานอน ไม่ใช่การเอาเขาเข้านอน ซึ่งตัวแมตส์เองก็มีการประท้วงบ้าง แต่ก็จำใจทำตาม จนถึงวาระสุดท้ายนั้น ทั้งสองคนก็ยังอยากให้แมตส์เข้านอนภายใน 5 ทุ่ม เหมือนคนทั่วไปอยู่ดี “เราเพิ่งได้เข้าใจมันครั้งแรกหลังจากลูกเสียไปแล้ว”
“ในช่วง 10 ปีสุดท้ายในชีวิต แมตส์ใช้เวลาเล่นเกมออนไลน์ไป 15,000 – 20,000 ชม.” โรเบิร์ตกล่าวในคำไว้อาลัยแด่ลูกชาย “นั่นเท่ากับการทำงานเต็มเวลากว่า 10 ปี”
เหล่าผู้ที่อยู่อีกโลก
ลิเซตต์ รูเวอร์ส จากเมืองเบรดา ของเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในเพื่อนเกมเมอร์ที่สนิทของแมตส์ เธอคือหนึ่งในผู้ที่ขึ้นกล่าวคำอาลัยในงานศพแมตส์เมื่อปี 2014 ตัวเธอมาเยือนนอร์เวย์อีกครั้ง เพื่อเยี่ยม ไค ไซมอน เฟรดริกเซน เพื่อนอีกคนที่เล่นเกมออนไลน์กับแมตส์
“ฉันรู้จักแมตส์มาหลายปี มันเป็นเรื่องช็อกมากที่เขาเสียชีวิต และมันก็ส่งผลต่อตัวตนของฉัน” ลิเซตต์ กล่าวขณะนั่งบนโซฟาที่บ้านของ ไค ไซมอน ในกรุงออสโล ในปัจจุบันนั้นเธอมีอายุ 28 ปีได้แล้ว และได้รู้จักแมตส์ครั้งแรกตอนอายุ 15 ปี ส่วนเขาอายุ 16 ปี หรือจะพูดให้ถูกคือตอนที่ตัวละครในเกมของเธอที่ชื่อ “รูเมอร์” ได้พบกับ อิบีลิน ตัวละครของแมตส์
“เราพบกันใน โกลเชียร์” ลิเซตต์บอก “มันไม่ใช่ที่น่าอยู่อีกต่อไป แต่สมัยนั้น โกลเชียร์เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่น่าอยู่ และคุณสามารถพบกับตัวละครที่น่าสนใจ ตอนนั้นฉันกำลังมองหาใครสักคนมาเล่นด้วย และหนึ่งในกลุ่มคนที่นั่งอยู่รอบกองไฟ ซึ่งฉันได้ทำความรู้จักในเวลาต่อมาก็คือ อิบีลิน”
“ฉัน หรือ รูเมอร์ มักจะทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น ฉันกระโดดออกจากพุ่มไม้แล้วคว้าหมวกของอิบีลิน เรายืนนิ่งสักพัก มองจ้องกันไปมา แล้วฉันก็วิ่งหนีไปพร้อมกับหมวกของเขา โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้” เธอยิ้มอ่อนๆ ซึ่งตัวแมตส์เองนั้นก็ได้เขียนเกี่ยวกับการพบลิเซตต์เป็นครั้งแรกในบล็อกของเขาที่ตั้งชื่อว่า Love “ในโลกอีกใบนี้ ผู้หญิงจะไม่เห็นวีลแชร์หรืออะไรที่ต่างออกไป พวกเขาจะได้จิตวิญญาณ หัวใจ และความคิดของผมที่อยู่ในร่างกายที่แข็งแรงและหล่อเหล่า เพราะตัวละครในโลกเสมือนจริงแทบทุกตัวมักดูดี”
“แมตส์เป็นเพื่อนที่ดี และบางทีก็เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทมาก” ลิเซตต์ได้เล่าถึงอดีตของพวกเธอ “เราเขียนถึงกันแทบทุกเรื่อง แต่เขาไม่ได้เขียนเกี่ยวกับอาการของเขา ฉันจึงคิดว่า ชีวิตเขาเหมือนกับของฉัน เช่น เราต่างเกลียดโรงเรียนเหมือนกัน” แต่แน่นอนว่าก็มีบางอย่างที่พวกเขาคิดไม่ตรงกันเช่นเดียวกัน “เขาเขียนว่าเขาเกลียดหิมะ แต่ฉันเขียนว่าฉันชอบมัน ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าเขาเกลียดหิมะเพราะวีลแชร์ของเขา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย”
ความรักในการเล่นเกมของลิเซตต์สร้างความกังวลให้พ่อแม่ พวกเขาเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเธอ และการที่เธอดูเหมือนจะไม่มีสังคมเลย ทางออกของพวกเขาก็คือการจำกัดการเล่นเกมออนไลน์ของเธอ เธอได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในคราวนั้นว่า “การถูกแยกจากเพื่อนเล่นเกมเป็นสิ่งที่แย่มากสำหรับฉัน” แต่แมตส์ไม่เคยละทิ้งมิตรภาพของพวกเขาเลย แม้เขาจะไม่พบเธอในเกม แต่เขายังติดต่อเธอผ่านช่องทางอื่น
“เขาถึงขนาดเขียนจดหมายที่จริงจังถึงพ่อแม่ฉัน โดยที่เขาพยายามอธิบายให้พวกท่านเข้าใจว่าการเล่นเกมสำคัญต่อฉันอย่างไร” ลิเซตต์เล่า “ฉันยังเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้อยู่เลย”
ในด้านของทางฝั่งแมตส์เองก็เช่นเดียวกัน “แมตส์มักพูดถึงตัวละครต่าง ๆ ในเกม แต่เราไม่ได้คิดอะไรมาก หนึ่งในนั้นเขาเล่าถึง รูเมอร์” โรเบิร์ตกล่าว “เธอ หรือ ลิเซตต์ เคยส่งของขวัญให้เขา ซึ่งรวมถึงของขวัญวันเกิดด้วย เรารู้สึกประทับใจ และพวกเราก็จะพูดกระเซ้าเขาในเรื่องนี้ แล้วเขาก็หน้าแดงมาก”
“พวกเรามองว่า ลิเซตต์เป็นเพื่อน เพราะของขวัญเหล่านี้ มันคือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนของมิตรภาพที่แท้จริง” เขากล่าวต่อ “เราไม่ได้เรียกคนอื่นที่ลูกติดต่อว่าเพื่อน เราเรียกพวกเขาว่า ‘อวตาร’ เพราะพวกเรามีมุมมองแบบโบราณต่อเรื่องของมิตรภาพ” หรืออันที่จริงก็คงต้องบอกว่ามิตรภาพในโลกออนไลน์ยังเป็นเรื่องที่ใหม่เกินไปสำหรับเขา
แสงแห่งดวงดาว
ในโลกแห่ง World of Warcraft นั้น ผู้เล่นต่างๆ จะสามารถเล่นคนเดียวหรือรวมกลุ่มกันเล่นเป็นหมู่คณะได้ แมตส์นั้นก็ได้เป็นสมาชิกกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า สตาร์ไลต์ (Starlight) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 คน “ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะเข้าเป็นสมาชิกของสตาร์ไลต์” โรเบิร์ต ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาเรื่อง World of Warcraft อธิบาย “การจะเป็นสมาชิกได้นั้น คุณต้องได้รับการแนะนำจากคนในกลุ่ม จากนั้นต้องผ่านช่วงทดลอง 1-2 เดือน”
สตาร์ไลต์ก่อตั้งกลุ่มมาเป็นเวลากว่า 12 ปีแล้ว และปัจจุบันยังคงเป็นกลุ่มที่ยังมีการเคลื่อนไหว ไม่ได้ยุบหายไปจากเกมแต่อย่างใด “สตาร์ไลต์มีความพิเศษเพราะรวมกลุ่มกันมานานมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมิตรภาพในกลุ่มจึงแน่นแฟ้นมาก” โรเบิร์ตสรุปให้ฟัง
ไค ไซมอน วัย 40 ปี หรือที่เพื่อนในเกมเรียกเขาว่า “โนมิเน” เป็นหัวหน้าของกลุ่มสตาร์ไลต์ โดยทุกปีนับแต่แมตส์เสียชีวิตในปี 2014 กลุ่มสตาร์ไลต์จะจัดพิธีรำลึกเพื่อแบ่งปันความทรงจำเกี่ยวกับสหายของพวกเขา และเมื่อปีก่อนเขาก็บอกเพื่อนในกลุ่มเพิ่มเติมว่า เมื่อระลึกถึงลอร์ด อิบีลิน เรดมัวร์ พวกเขาควรนึกถึงการวิ่งและการว่ายน้ำอีกด้วย “อิบีลิน เป็นนักวิ่ง” เขากล่าว “มันสำคัญต่อเขามากที่สามารถวิ่งได้ และมันสำคัญสำหรับเขาที่จะแบ่งปันประสบการณ์การวิ่งให้ผู้อื่น”
ย้อนไปในฤดูร้อนปี 2013 ตอนที่แมตส์อายุย่างเข้า 24 ปี ตอนนั้นครอบครัวเขาไปพักผ่อนที่เกาะมายอร์กาของสเปน ส่วนแมตส์ที่เดินทางไปไม่ได้ ต้องอยู่บ้านกับผู้ช่วยของเขา ตัวแมตส์ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขามีผู้ช่วยหลายคน หนึ่งในนั้นคือน้าชายของเขา และเป็นโชคดีสำหรับแมตส์ที่ผู้ช่วยบางคนสนใจในเรื่องเกมออนไลน์อยู่เช่นเดียวกัน
ตอนที่พ่อแม่ของเขาไปเที่ยวสเปน แมตส์เริ่มเขียนบล็อกเกี่ยวกับ “การใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิต” โดยในโพสต์หนึ่งที่ชื่อว่า “การหลบหนีของผม” เขาเขียนเกี่ยวกับชีวิตใน World of Warcraft เอาไว้ว่า “ที่นั่น ความพิการของผมมันไม่มีความหมาย โซ่ที่พันธนาการผมหลุดออก และผมสามารถเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็น ในโลกนั้นผมรู้สึกเป็นปกติ”
แมตส์นั้นแชร์บล็อกของเขาให้แก่เพื่อนร่วมกลุ่มสตาร์ไลต์ทีละคน นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้พวกเขาได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นอกโลกออนไลน์ของอิบีลินคนนี้ ซึ่งลิเซตต์นั้นยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เธอได้อ่านบล็อกของแมตส์ “ฉันเข่าอ่อนเลย และก็รู้สึกผิดเพราะบางครั้งฉันจะพูดหยอกล้อเขาในเกมโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก… จากนั้นฉันก็คิดว่า ‘จากนี้ฉันควรปฏิบัติต่อเขาต่างไปไหม?’ แต่ฉันก็ตัดสินใจจะทำตัวเหมือนเดิม และเขาก็เขียนในบล็อกว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ”
หนึ่งในสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มสตาร์ไลท์ ชิท ตัวละครที่นิสัยโผงผาง แต่ในโลกแห่งความจริงนั้น แอนน์ ฮามิลล์ เจ้าของตัวละคร เป็นนักจิตวิทยาเกษียณอายุวัย 65 ปีจากเมืองซอลส์บรีในอังกฤษ เธอได้บอกว่า มันเป็นเรื่องน่าทึ่งที่กลุ่มสตาร์ไลต์มีประโยชน์สำหรับคนที่อาจไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง ในแบบที่สังคมคาดหวังได้ “เพราะเราเจอกันโดยไม่มีความคาดหวังใดๆ มาก่อน สตาร์ไลต์จึงให้ความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่สำหรับคนที่มองตัวเองว่า เป็นพวกคนชายขอบ”
“การเล่นเกมออนไลน์ เป็นพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมที่จะพบปะผู้คนและสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ เราพบเจอคนอื่นโดยไม่มีความคิดแบบเหมารวม มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ค้นหาว่า เราชอบใครบ้างไหม จากนั้นจึงค่อยมีการเปิดเผยเกี่ยวกับอายุ เพศ ความพิการ หรือสีผิว ถ้าเราต้องการ”
“ฉันคิดว่าแมตส์โชคดีที่ได้อยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยีเช่นนี้… ในสตาร์ไลต์เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญ ถ้าเขาเกิดเร็วขึ้น 15 ปี เขาจะไม่ได้พบกับชุมชนในโลกออนไลน์แบบนี้”
เมื่อหนึ่งดาวดับแสง
ราว 6 เดือนก่อนจะแมตส์จะเสียชีวิตนั้น เขาได้หายไปจากโลกแห่ง World of Warcraft เป็นเวลากว่า 10 วัน และนั่นทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็สงสัยว่าเขาหายไปไหนในช่วงเวลานั้น “10 วันถือว่านานมากที่หายไปจากการออนไลน์ เพราะแมตส์อยู่ที่นั่นเป็นประจำเวลาที่คุณต้องการคนเล่นหรือคุยด้วย” แอนน์บอก
พอแมตส์กลับมาออนไลน์อีกครั้ง เพื่อนๆ ในกลุ่มก็ได้รู้ว่าเขาได้เข้าโรงพยาบาล แอนน์จึงตัดสินใจจะบอกเขาถึงสิ่งที่เธอได้ครุ่นคิดมาสักพัก โดยเธอเขียนไปในแชตว่า “แมตส์เธอต้องให้ใครสักคนติดต่อกับพวกเราหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เพื่อที่พวกเราจะได้รู้ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถส่งข้อความหาเราได้ด้วยตัวเอง”
“เธอสำคัญสำหรับพวกเรา” แอนน์เขียน
แมตส์ตอบกลับว่า “คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้ว่าผมนั่งอยู่บนวีลแชร์”
“ฉันบอกเขาว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น” แอนน์กล่าว “ฉันบอกว่า ‘เธอสำคัญสำหรับกลุ่มเรา เธอเป็นผู้รับฟังที่ยอดเยี่ยม เธอคือหนึ่งในคนที่ช่วยดึงคนในกลุ่มขึ้นมา'”
แมตส์เงียบไปสักพักกว่าที่จะตอบกลับเธอ “ฉันเข้าใจตอนนั้นว่า เขาเก็บสิ่งที่ฉันพูดไปคิดอย่างจริงจัง”
ในวันที่ 18 พฤศจิกายน แมตส์ก็ได้จากโลกทั้งสองใบไป เขาป่วยหนักและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอช่วยให้อาการเขาคงที่และบอกว่า อาจให้เขากลับบ้านได้ แต่ในเวลาต่อมาครอบครัวของแมตส์ก็ได้รับแจ้งให้รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด “เขาอยู่ชั้น 4 ที่สุดโถงทางเดิน ทุกวินาทีมีค่ามาก และโถงทางเดินก็ยาวเหลือเกิน” โรเบิร์ตกล่าว แต่ทว่า… พวกเขามาช้าไป
ภาพที่โรเบิร์ตถ่ายรูปลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงเผยให้เห็นเด็กหนุ่มผิวซีดกับผมหยิกสีเข้ม เขามีดวงตาที่สวยเหมือนภาพวาด จมูกที่สง่างาม และปากที่มีรอยของหน้ากากช่วยหายใจที่เขาสวมใส่มานาน เขาดูเหมือนกำลังหลับอยู่
เมื่อหลายปีก่อน ลิเซตต์ เคยวาดภาพให้แมตส์ เป็นภาพอิบีลินโอบกอดรูเมอร์ โดยที่ทั้งสองมีผ้าพันคอปิดบังปากและจมูกเอาไว้ โรเบิร์ตเล่าว่า “แมตส์ได้รับภาพนี้ทางไปรษณีย์…ตอนนี้มันแขวนอยู่ที่ผนังบ้านเรา”
วันหลังจากแมตส์เสียชีวิต ทั้งครอบครัวอยู่ที่บ้าน “กริ่งประตูดัง มีคนส่งดอกไม้มาให้ และเพื่อนบ้านมาเยี่ยม…พวกเราร้องไห้” โรเบิร์ตเล่า โรเบิร์ตพยายามคิดว่า มีใครบ้างที่เขาต้องบอกเรื่องการตายของแมตส์ เขานึงถึงพวกเกมเมอร์ และสงสัยว่าเขาจะติดต่อคนกลุ่มนี้อย่างไร
“ก่อนแมตส์จะเสีย ผมไม่ได้คิดว่าผมจะต้องมีพาสเวิร์ดของเขา” แต่ในตอนนั้นเขาต้องการมันแล้ว “ตอนนั้นผมนึกถึงบล็อกของเขา” โรเบิร์ตกล่าว ซึ่งอันที่จริง แมตส์ได้ให้พาสเวิร์ดสำหรับเข้าบล็อกไว้กับผู้เป็นพ่อ เพื่อให้พ่อได้ตรวจดูสถิติต่างๆ ของบล็อกที่แมตส์โพสต์เอาไว้ ซึ่งตัวเขาได้ตัดสินใจโพสต์บล็อกแจ้งข่าวร้ายที่เกิดขึ้น และที่ท้ายบล็อกเขาได้ให้อีเมลสำหรับใครก็ตามที่อยากติดต่อกับเขา
“ผมเขียนและร้องไห้ไปด้วย แล้วก็กดพับลิช ผมไม่รู้ว่าจะมีคนตอบไหม…จากนั้นอีเมลฉบับแรกก็มาถึง เป็นข้อความแสดงความเสียใจจากหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสตาร์ไลต์”
“ผมอ่านอีเมลออกมาดังๆ ว่า ‘ฉันเขียนโพสต์นี้ด้วยความเศร้าใจให้แก่ชายที่ฉันไม่เคยพบหน้า แต่รู้จักเป็นอย่างดี’ มันทำให้ผมซาบซึ้งใจมาก”
จากนั้นก็มีข้อความแสดงความเสียใจหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในโลกเกมออนไลน์ของแมตส์
ข้อความหนึ่งเขียนว่า “เขาอยู่เหนือเส้นแบ่งทางกายภาพ และช่วยแต่งแต้มชีวิตให้กับผู้คนทั่วโลก” ส่วนอีกข้อความมีใจความว่า “การจากไปของแมตส์กระทบกระเทือนจิตใจของฉันมาก ฉันไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ว่า ฉันจะคิดถึงเขาเพียงใด” และอีกคนเขียนว่า “ฉันไม่คิดว่า ใครคนใดคนหนึ่งจะเป็นหัวใจของกลุ่มสตาร์ไลต์ได้ แต่หากมีคนหนึ่ง คนนั้นคงเป็นเขา”
โรเบิร์ต บอกว่าการจากไปของแมตส์ทำให้เขารู้ว่ามีกลุ่มคนที่รักลูกชายของพวกเขามากมาย “มันมีขนาดใหญ่แบบที่พวกเราไม่เคยคาดคิดมาก่อน อีเมลที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาเป็นเครื่องยืนยันว่า แมตส์มีความสำคัญมากเพียงใด”
กลุ่มดาวที่มารวมตัวกัน
หลังจากที่ทางกลุ่มสตาร์ไลต์ได้รับทราบข่าวร้ายจากการจากไปของแมตส์นั้น สมาชิกในกลุ่มได้ระดมเงินให้คนที่ไม่มีทุนทรัพย์พอที่จะเดินทางไปร่วมงานศพในนอร์เวย์ โรเบิร์ตได้บอกว่า มันทำให้ครอบครัวของเขาซาบซึ้งใจมาก “เราได้แต่ร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจที่ได้เห็นว่า ที่จริงแล้วแมตส์มีชีวิตอย่างไร การมีเพื่อนแท้ คนที่รักและใส่ใจมากมายถึงขั้นเดินทางจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานศพคนที่พวกเขาไม่เคยพบหน้า มันคือสิ่งที่ทรงพลังมาก”
ลิเซตต์ เดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปร่วมพิธีศพ เช่นเดียวกับแอนน์ที่บินไปร่วมงานจากอังกฤษ, ยานีนา จากฟินแลนด์ และริคกี จากเดนมาร์ก แต่ละคนที่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้นั้นต่างก็มาเพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของสมาชิกคนหนึ่ง ผู้ที่มีความสำคัญต่อกลุ่มอย่างที่แอนน์ได้กล่าวไว้จริงๆ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดว่าเพราะเธอรู้ว่าเขานั่งอยู่บนวีลแชร์แต่อย่างใด
ไค ไซมอน ซึ่งเป็นชาวเมืองออสโล รับหน้าที่ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัยในฐานะตัวแทนกลุ่มสตาร์ไลต์ในงานพิธีสำคัญนี้
“ในขณะที่เรามาชุมนุมกันที่นี่วันนี้ มีการจุดเทียนให้แมตส์ในชั้นเรียนหนึ่งที่เนเธอร์แลนด์ เทียนถูกจุดขึ้นที่คอลเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ ในห้องสมุดแห่งหนึ่งในสวีเดน มีคนระลึกถึงเขาอยู่ในร้านเสริมสวยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในฟินแลนด์ ในสำนักงานว่าการเมืองในเดนมาร์ก และหลายแห่งในอังกฤษ… ทั่วทั้งยุโรป ยังมีอีกหลายคนที่รำลึกถึงแมตส์ นอกเหนือไปจากผู้ที่มีโอกาสมาที่นี่ในวันนี้”
“ผมพบแมตส์ในโลกที่มันไม่สำคัญเลยว่า คุณจะเป็นใคร คุณจะมีร่างกายแบบไหน หรือคุณจะหน้าตาแบบใดในความเป็นจริง…หลังคีย์บอร์ด”
“ที่โลกนั้น สิ่งสำคัญคือคนที่คุณเลือกเป็น และคุณจะวางตัวต่อคนอื่นอย่างไร สิ่งสำคัญคือสิ่งที่อยู่ตรงนี้” ไค ไซมอน วางมือของเขาที่ขมับ “และที่นี่” เขาเอามือทาบไปที่หัวใจ
ในบล็อกของเขา แมตส์เขาเขียนเกี่ยวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเขานั่งอยู่หน้ามันมากว่าครึ่งชีวิตว่า “มันไม่ใช่หน้าจอ มันคือประตูที่นำไปสู่อะไรก็ตามที่หัวใจคุณปรารถนา”
โลกใหม่สวยงาม?
เรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านในครั้งนี้จากทางนอร์เวย์นั้น แม้จะเป็นเรื่องราวที่เศร้าและงดงามยิ่งนักของโลกใบที่สอง โลกแห่งเกมออนไลน์ที่หลายคนรู้จัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเช่นเดียวกันว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เจอกับสังคมหรือกลุ่มที่งดงามเช่นเดียวกับแมตส์ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความโชคดีในชะตาชีวิตที่โหดร้ายของเขา ที่เขาได้เจอกับเพื่อนใหม่ที่งดงามเช่นนี้
มีโอกาสสูงมากที่ใครซักคนที่ก้าวสู่โลกที่สองเช่นเดียวกับแมตส์ แต่อาจจะไปเจอสังคมที่เสื่อมทราม หรือความโหดร้าย กลั่นแกล้งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าโลกแห่งความเป็นจริง เพราะไม่อาจจะเห็นตัวตนกันได้ ซึ่งถ้าเกิดสิ่งนั้นขึ้น เราก็คงไม่อาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นโลกที่สวยงามอีกแล้ว
บทเรียนจากเรื่องราวนี้นั้น ก็คงไม่พ้นการที่ผู้ปกครอง ผู้เป็นพ่อแม่ หรือผู้ดูแลนั้น ควรจะต้องเปิดใจและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย บริหารเวลาเพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและลูกๆ ให้มากขึ้น สามารถเข้าไปดูแลเข้า ทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา เพื่อที่หากไปเจอสังคมในโลกใหม่ที่มันไม่สวยงาม ประสบการณ์ที่มากกว่าของผู้ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนของพ่อกับแม่ จะช่วยเหลือลูกๆ ของเขาได้ หรือให้การสนับสนุนและร่วมยินดีไปกับสังคมที่สวยงามดั่งเช่นกรณีของแมตส์โดยที่ไม่ต้องเสียใจภายหลังได้