จากครั้งก่อนที่ได้ที่มีข่าวเกี่ยวกับเกมประมาณ Stardew Valley ผสม Harry Potter ของทาง Chucklefish นั้น ก็เรียกได้ว่าใน twitter หรือผู้ชมจากสื่อต่างๆ ก็ให้ความสนใจตัวโปรเจคใหม่ของเขาไม่น้อย นั่นก็ทำเอาทางทีมปลาลุยตัวเกมนี้กันอย่างเมามัน
อย่างไรก็ดี ทาง Chucklefish เองก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อตัวเกมนี้อย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะยังลังเลหรือหาชื่อเหมาะๆ ไม่ได้ อยากดูว่าตัวเกมจะออกมาในทางไหนก่อนเสียมากกว่า
บทสัมภาษณ์กับทางทีมงาน
ซึ่งทางผู้สัมภาษณ์ก็ได้ลองถามตอบหลายๆ อย่างกับทางคุณ Finn Brice CEO ของทีมคุณ Rosie Ball หัวหน้าฝ่ายดีไซน์เนอร์และคุณ Abi Cooke Hunt กับคุณ Adam Riches ฝ่ายภาพ
อะไรทำให้ทีมงานอยากทำเกมนี้ขึ้นมาเหรอครับ? แล้วมีขั้นตอนอะไรบ้างในการทำโปรเจคใหม่เหรอครับ?
Rosie Ball : เกมแรกของพวกเรา Starbound เป็นโปรเจคใหญ่เลยทีเดียว เรียกว่าต้องทุ่มกันทั้งบริษัทเลย ซึ่งหลังจากที่เสร็จงานมานั้น เราก็ถือโอกาสประชุมเพลิงไอเดียสำหรับโปรเจคต่อไปกัน แน่นอนว่าในเมื่อเป็นบริษัท พวกเราก็เลยใช้วิธีโหวตกัน ต่างคนต่างออกไอเดียแล้วโหวตเอาว่าไอเดียไหนมีคนอยากทำมากที่สุดก็ใช้เป็นเป้าหมายกันไป
ตอนแรกพวกเราก็ตั้งใจจะทำเกมเล็กๆ ซักตัวเปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งต่างคนก็เลือกกันมา ออกมาเป็นเจ้า Wargroove ตัวนี้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันกลายเป็นโปรเจคใหญ่ไปอีกตัวซะงั้น แล้วอยู่ๆ ไอเดียทำโรงเรียนเวทย์มนตร์ก็ปิ้งกันขึ้นมาแล้วทุกคนก็ดูอยากจะลองทำดู พวกเราก็เลยลงเอยด้วยการทำมันควบทั้งคู่เลย ซึ่งก็ดูท่าจะเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยเหมือนกัน
ตอนนี้ตัวเกมเป็นยังไงบ้างแล้วครับ? ใกล้จะถึงช่วงที่ประกาศข่าวอย่างเป็นทางการหรือยังครับนี่?
Finn Brice : ก็ยังต้องใช้เวลาอีกซักพักเลยทีเดียวสำหรับการจะประกาศข่าวตัวเกมนี้เป็นการเป็นงานได้ เพราะตอนนี้อะไรๆ ยังไม่เข้าที่ พวกเราก็อยากให้มันลงตัวก่อนที่จะประกาศอะไรออกไปน่ะ แต่สำหรับพวกเรา Chucklefish แล้ว การปล่อยข้อมูลถึงตัวเกมที่กำลังพัฒนาก็เป็นนิสัยของพวกเราอย่างหนึ่งล่ะนะ
แล้วมีแปลกใจบ้างไหมนี่กับการที่ทุกคนเขาฮือฮากันมากเลยเกี่ยวกับตัวเกมนี้?
Finn Brice : ว่ากันตรงๆ ผลตอบรับเป็นอะไรที่สุดยอดเลยล่ะ ไม่คิดว่าทุกคนจะสนใจโรงเรียนเวทย์มนตร์อะไรเหมือนพวกเรากันขนาดนี้เลยทีเดียว จะว่าไงดีคือการทำงานอะไรแล้วได้รับการตอบรับที่ดีมันเป็นอะไรที่ทั้งประทับใจทั้งโล่งใจจริงๆ นะ โดยเฉพาะกับงานนี้นี่เป็นอะไรที่พวกเราโล่งใจจริงๆ ที่ทุกคนต่างก็สนใจตัวเกมกันเหมือนกับที่พวกเราสนใจตัวธีมโรงเรียนเวทย์นี้เลย
เห็นทางคุณมีพูดถึงว่าตัวโปรเจคนี้เป็นอะไรที่ได้เรียนรู้มาจาก Stardew Valley อันนี้พอจะบอกได้ไหมครับว่าหมายถึงอะไร และจะเอามาใช้ยังไงในเกมนี้?
Finn Brice : คือตัว Stardew Valley นี่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมและมีเสน่ห์มาก เรียกว่าคุณ Eric Barone นั้นได้จับใจผู้เล่นเอาไว้ได้อยู่หมัดจริงๆ กับตัวเกมที่ทำออกมาได้ดีเช่นนี้
ดังนั้นถ้าพูดถึงในแง่บทเรียนแล้ว ที่เราเข้าใจตรงกันอย่างหนึ่งก็คือการหาทางทำให้ผู้เล่นตกหลุมรักเกมของเราเหมือนกับที่พวกเขาเป็นใน Stardew Valley นั่นล่ะครับ ถ้าให้ว่ากันง่ายๆ แล้วก็คงเรียกได้ว่า เราอยากทำโลกของเกมที่มันเข้าถึงได้ง่าย มีเสน่ห์ และทำให้ทุกคนสนุกไปกับมันได้นั่นล่ะ
พอจะบอกเกี่ยวกับโครงสร้างหรือเรื่องราวของตัวเกมได้ไหมครับ? ดูเหมือนว่า Little Witch Academia มีอิทธิพลกับตัวเกมพอสมควรเลย มีอะไรอีกไหมครับนี่ที่เป็นแรงบรรดาลใจให้กับตัวเกมหรือโลกของเกมบ้าง?
Abi Cooke Hunt : พวกเราได้แรงบรรดาลใจของบรรยากาศภายในเกมมาจากหลายอย่างเลยล่ะ หลายๆ คบอกว่ามาจาก Harry Potter ของ J.K. Rowling แต่จริงๆ แล้วหลักใหญ่เลยมาจากทาง Studio Ghibi อย่าง Kiki’s Delivery Service, Garth Nix’s Old Kingdom หรือซีรี่ย Tiffany Aching Book ของ Terry Pratchett มากกว่า
งานของทาง Ghibi มีผลกับพวกบรรยากาศโดยรวม ประมาณว่าโลกของแต่ละเรื่องจาก Studio Ghibi นั้นมีมนต์ขลังและน่าดึงดูดมาก ซึ่งพวกเราก็อยากให้ผู้เล่นได้รู้สึกอย่างเดียวกัน
แต่ถ้าพูดถึงตัว Little Witch Academia ที่หลายคนพูดถึงแล้ว อันที่จริงพวกเราก็พัฒนาตัวเกมนี้ก่อนที่เราจะรู้จัก LWA นี้เสียอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าแม้จะไม่ได้เป็นแรงบรรดาลใจมาแต่แรก แต่ตอนนี้พวกเราก็ชอบไม่แพ้กันเลย
แล้วมีระบบการเล่นอะไรหลักๆ หรือที่อยากลองไหมครับ?
Finn Brice : ก็อย่างพวกระบบสร้างของ พวกเวทย์/ฟาร์ม/การปรุงยา อะไรพวกนี้ พวกเราพยายามทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าทำแล้วมันคุ้มค่า และสามารถใช้งานได้ คือมีอะไรที่ต้องลองและอยากลองเยอะเลย คือบอกได้อย่างหนึ่งว่าคุณจะมีอะไรให้ทำเยอะมากเลยล่ะครับตอนที่เกมออกเนี่ย
ถ้าว่ากันตรงๆ ชีวิตวัยเรียนมันกลับมาเลยล่ะครับ พวกเข้าเรียน ได้คุยกับเพื่อนร่วมชั้น จบภาคเรียน อะไรพวกนี้นี่ พวกเราจะได้เจอในเกมไหมครับ? หรือเราจะได้เจออะไรคล้ายๆ กับใน Stardew Valley ในแง่ของระบบการเล่น ไม่ก็ลักษณะของเรื่องราวอะไรพวกนี้
Rosie Ball : พวกเราเองก็เป็นแฟนของเกมแนวนั้นอยู่เหมือนกัน ไอ้แบบปลูกผักชีสาวชนบทอย่าง Stardew Valley หรือ Rune Factory เนี่ย สำหรับตัวโปรเจคนี้ของเราก็ตั้งใจว่าจะขยายมันออกมาอีก
โรงเรียนมันค่อนข้างต่างจากเมืองอยู่พอสมควรเลย พวกเราเลยต้องทุ่มไอเดียกันสุดๆ เลยว่าจะทำไงให้ได้กลิ่นไอของโรงเรียนอยู่ครบ ในขณะที่ทำให้คนที่เล่นแนวฟาร์มแบบที่บอกสามารถเข้ามาเล่นได้โดยไม่รู้สึกติดขัดเกินไป
การที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามันมีกลิ่นไอของความเป็นรั้วโรงเรียนเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ สำหรับพวกเรา (คือทีมงานของเราก็ไปโรงเรียนหลายๆ แห่งทั่วโลกเพื่อเก็บประสบการณ์กันเลยด้วยซ้ำ) ถึงกระนั้นเราก็ไม่ลืมความเป็นแฟนตาซีเวทย์มนตร์เช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่เราต้องเอามารวมกันให้ได้กับเรื่องราวในโรงเรียน ทำให้มันกลายเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้เล่นให้ได้
เดิมทีตัวเกมเคยมีชื่อว่า Spellbound แล้วตอนนี้คิดว่าชื่อสุดท้ายจะออกมายังไงเหรอครับ?
Adam Riches : หลังจากที่พวกเราจัดการ Starbound กันมาตอนแรกพวกเราก็ใช้ชื่อ Warbound ก่อนด้วยซ้ำ ก่อนที่จะใช้เป็น Wargroove เนี่ย เพราะงั้นเจ้าชื่อ Spellbound ก็รู้ๆ กันน่ะ คือมันประมาณชื่อขำๆ ที่ติดหัวมาเหมือนอย่าง Star-War-Spell กับ Bound นั่นแหละ คือจริงๆ พวกเราก็ยังไม่ได้ชื่อที่ลงตัวสำหรับเกมนี้เหมือนกัน เพราะงั้นก็คงต้องดีเบตกันในทีมอีกนานเลย
ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับโปรเจค Spellbound (ฮา) ตัวนี้ของทาง Chucklefish และแม้ว่าเราจะยังไม่ทราบว่าตัวเกมจะมีข่าวดีอะไรออกมาเมื่อไหร่ แต่จากนิสัยที่มีการแฉกันเองของทีมงาน ก็คงมี update ให้เราได้ติดตามกันเป็นระยะๆ ตามเคยจ้า แหม่ มันก็น่าสนอยู่นะ จะทำออกมาอีท่าไหนเนี่ย