ภายในเกม Diablo Immortal นี้หลังจากที่เราเล่นกันไปสักพักเราก็จะได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับระบบสำคัญอย่าง Factions ครับ ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบที่ส่งผลต่อคอนเทนต์สำคัญช่วงท้ายเกมอย่างมากเลยด้วย ดังนั้นในวันนี้ผมเลยจะมาแนะนำถึงระบบดังกล่าวว่ามันคืออะไรกัน
Factions คืออะไร?
Factions ถ้าแปลตามตรงตัวเลยก็จะหมายถึง “ฝ่าย” นั่นเองครับ ซึ่งถ้าหากเป็นในเกมออนไลน์อื่นๆ นั้นระบบฝ่ายก็จะเปรียบเสมือนตัวกำหนดข้างหรือฝั่งที่เราอยู่เสียมากกว่าเช่น ฝ่ายสีฟ้า – แดง, ฝ่ายตำรวจ – ผู้ร้าย หรือ ฝ่ายผี – คน อะไรทำนองนี้เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าในเกม Diablo Immortal เองก็เป็นเช่นนั้นครับ เพียงแต่จะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่ามากเลยทีเดียว
ซึ่งระบบฝ่าย Factions ภายในเกมนี้จะเป็นเหมือน “ตัวกำหนดคอนเทนต์ในช่วงท้ายเกม” มากกว่าครับ โดยมีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ Adventurers, Shadow และ Immortals โดยเรามาดูกันดีกว่าว่าแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายต่างกันยังไงบ้าง แล้วคอนเทนต์ช่วยท้ายเกมที่ว่ามันเกี่ยวกันยังไง
ฝ่าย Adventurers
เริ่มมาอันแรกกับกลุ่มของ Adventurers หรือเหล่านักผจญภัย โดยผู้เล่นทุกคนจะถูกจัดให้อยู่ในฝ่ายนี้ทันทีที่ลงจากเรือ (ตอนสร้างตัวเสร็จ) ซึ่งกลุ่มนักผจญภัยนี้ก็จะไม่ได้มีอะไรมากมายครับกิจกรรมส่วนใหญ่ก็เป็นการเก็บเลเวล, ลงดันเจี้ยน, ทำเควส หรือ ตีบอส ที่เราทำกันเป็นปกตินั่นล่ะและก็จะคงเนื้อหาแนวนี้ไปยันช่วงท้ายเกมเลยด้วย
ซึ่งถ้าใครต้องการจะเล่นเกมนี้แบบชิลล์ๆ สไตล์แนว Casual เน้นคอนเทนต์ทั่วไปแนว PVE เป็นหลักและไม่อยากแข่งขันกับใครก็ให้อยู่ในฝ่ายนี้ต่อไปครับหรือก็คือไม่ต้องไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับระบบ Factions เลยนั่นเอง แต่ก็นั่นล่ะถึงแม้การอยู่ในฝ่ายนี้มันจะเรื่อยๆ ดีก็จริงแต่มันก็ทำให้เราพลาดคอนเทนต์สุดมันส์อย่างหนึ่งประจำเกมไปเลยล่ะนะ
ฝ่าย Shadows
ฝ่ายถัดมานั้นก็ได้แก่เหล่าเงา Shadows เป็นหนึ่งในสองฝ่ายที่สามารถเข้าร่วมสงคราม Cycle of Strife โดยจะเป็นคอนเทนต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการ PVP เป็นหลักซึ่งใครที่ชอบความตื่นเต้นและท้าทายก็ไม่ควรพลาดแต่อย่างใดเลย ส่วนเงื่อนไขการเข้าฝ่ายนี้จำผู้เล่นจำเป็นต้อง 1.ตัวละครมีเลเวล 43 ขึ้นไป และ 2.ผ่านเควสของ Bilefen และได้รับไอเทม Timeworn Scroll แล้ว
แต่ถึงแม้ว่าจะผ่านเงื่อนไขทั้งสองข้อแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าร่วม Shadows ได้ทันทีหรอกนะ เนื่องจากการจะเข้าร่วมฝ่ายดังกล่าวจะทำได้เพียง 2 วิธีนั้นซึ่งประกอบด้วย:
การเข้าร่วมและผ่าน Shadow Lottery – กิจกรรมที่จัดขึ้นทุกวันเวลา 12.00, 18.00 และ 21.00 ตามเวลาเซิร์ฟเวอร์ เมื่อเราเข้าร่วมจนเคลียร์ภารกิจเรียบร้อยในตอนท้ายจะมี NPC – Patron โผล่มาท้าประลองกับเรา โดยจะเป็นการให้เราสู้กับแชมป์เปี้ยนของเขาทั้ง 3 ตัว ซึ่งถ้าหากเราสามารถเอาชนะทั้งสามลงได้เราก็จะได้รับจดหมายอัญเชิญเขาสู่ฝ่าย Shadows
เข้าร่วมผ่าน Akeba’s Signet – สำหรับวิธีนี้ไม่ต้องยุ่งยากไปสู้หรืออะไรเลยแต่จำเป็นต้องใช้เส้นสายสักหน่อย นั่นคือการให้ผู้เล่นที่อยู่ฝ่าย Shadows อยู่แล้วทำการใช้ไอเทม Akeba’s Signet เพื่อมาชวนเราเข้าสู่ฝ่ายนั่นเอง อารมณ์เหมือนจดหมายเชิญนั่นล่ะ วิธีนี้ใครมีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ก็สบายไปแต่ถ้าใครเป็นผู้เล่นสายลุยเดี่ยวก็อาจลำบากสักหน่อย
หลังจากที่เราเข้าร่วมกลุ่ม Shadows เรียบร้อยแล้วเราก็ต้องหา Dark Clan อยู่ซึ่งเป็นแคลนเฉพาะเหล่าเงาเท่านั้น โดยภายในก็จะมีเควสและภารกิจต่างๆ ให้ทำซึ่งจะมีคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องของ PVP เข้ามาด้วย นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของ “ระดับแรงค์” หรือ Shadows Ranks เข้ามาเกี่ยวที่จะเพิ่มเมื่อเราทำภารกิจหรือแต้มได้ตามที่กำหนด แถมแต่ละขั้นก็ยังมีการเพิ่มค่าสเตตัสให้กับตัวละครเราค่อนข้างเยอะเลยด้วย โดยเพื่อนๆ ลองเทียบดูจากด้านล่างนี่ได้เลยครับ
Ranks | โบนัสสเตตัส |
Initiate | เพิ่มพลังโจมตี 1 – 4%เพิ่มพลังป้องกัน 1 – 4% |
Apprentice | เพิ่มพลังโจมตี 5 – 8%เพิ่มพลังป้องกัน 5 – 8% |
Watcher | เพิ่มพลังโจมตี 9 – 12%เพิ่มพลังป้องกัน 9 – 12% |
Hunter | เพิ่มพลังโจมตี 13 – 16%เพิ่มพลังป้องกัน 13 – 16% |
Blade | เพิ่มพลังโจมตี 17 – 20%เพิ่มพลังป้องกัน 17 – 20% |
Phantom | เพิ่มพลังโจมตี 21 – 24%เพิ่มพลังป้องกัน 21 – 24% |
Unseen | เพิ่มพลังโจมตี 25 – 28%เพิ่มพลังป้องกัน 25 – 28% |
Whisper | เพิ่มพลังโจมตี 29 – 32%เพิ่มพลังป้องกัน 29 – 32% |
คอนเทนต์หลักของเหล่าเงาก็คือการไต่แรงค์ขึ้นไปเรื่อยๆ และทำแต้มแคลนให้สูงเข้าไว้เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่คอนเทนต์ของ Cycle of Strife นั่นเองครับ
ฝ่าย Immortals
อีกหนึ่งฝ่ายที่สามารถเข้าร่วมในสงครามของ Cycle of Strife ได้เหมือนเหล่าเงากับฝ่ายของ Immortals โดยฝ่ายนี้จะมีความพิเศษกว่าคือเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้แข็งแกร่งประจำเซิร์ฟเท่านั้นถึงจะเข้ามาร่วมได้และเป็นเป้าหมายที่ผู้เล่นหลายคนอยากเข้ามาอยู่จุดนี้อีกด้วย ซึ่งเหล่า Immortals นี้จะมีจำนวนจำกัดอยู่ไม่สามารถเข้าได้เรื่อยๆ เหมือนเหล่าเงา สำหรับเงื่อนไขที่จะเข้าร่วมด้วยก็เหมือนกับเงาเลยคือ 1.ตัวละครมีเลเวล 43 ขึ้นไป และ 2.ผ่านเควสของ Bilefen และได้รับไอเทม Timeworn Scroll แล้ว
สำหรับวิธีการจะเข้าร่วมกับเหล่า Immortals ได้นั้นก็จะมีอยู่ 2 วิธีเหมือนกันโดยสามารถทำได้โดย:
เป็นผู้ชนะใน Rite of Exile – หลังจากจบสงคราม Rite of Exile หาก Immortals เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เหล่า Shadows ที่ได้เข้าร่วมสงครามและทำผลงานดีที่สุดจะมาแทนที่พวกเขาเหล่านั้น อารมณ์เหมือนศึกชิงบัลลังก์ผู้ชนะก็ได้ครองแทน
ถูกเลือกโดยเหล่า Immortals – อีกหนึ่งวิธีที่สามารถเข้าสู่ฝ่ายนี้ได้คือการคัดตัวครับ โดยเหล่า Immortals สามารถคัดตัวผู้เล่นคนอื่นมาเข้าฝ่ายนี้ได้ ลักษณะเหมือนจดหมายเชิญจากฝ่ายเงาเลยเพียงแค่ฝั่งนี้ไม่ต้องใช้อะไร และด้วยจากจำนวนที่ Immortals นั้นมีค่อนข้างจำกัดทำให้การคัดคนแต่ละครั้งจะค่อนข้างเข้มงวดมากทีเดียว
เพียงแต่การเข้าร่วม Immortals นั้นไม่ว่าจะจากวิธีไหนก็ตามแต่ เราต้องมาทำเควส A True Immortal ต่ออีกทีนึงด้วย โดยมีลักษณะเป็นเควส 4 ขั้นซึ่งแต่ละขั้นจปลดเพียงวันละเควสเท่านั้นเอง ดังนั้นอย่าลืมรีบทำให้ครบเพื่อที่จะได้เข้าร่วม Immortals อย่างเป็นทางการด้วยล่ะ
ทางฝั่ง Immortals นั้นจะไม่มีระบบขั้นแบบ Shadows แต่พวกเขาจะมีระบบ “Eternal Crown” เข้ามาแทน เป็นระบบที่ทั้งฝ่ายต้องช่วยกันทำแต้มทำผลงานต่างๆ เพื่อนำมาอัปเกรดในส่วนนี้ ซึ่งมันมีผลต่อจำนวนของ Immortals, โบนัสพลังโจมตีและพลังป้องกันในช่วงสงครามอีกด้วย
นอกจากนี้ตัวระบบดังกล่าวในยามสงครามทางฝั่ง Immortals จะสามารถเลือกตัวแทนมาเพื่อสวมมงกุฏหรือเหล่า Crown พร้อมเลื่อนขั้นกลายเป็น Lieutenants เข้าต่อสู้ได้ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะมีสิทธิพิเศษกว่าผู้เล่นปกติพร้อมด้วยบัฟพิเศษที่ไว้ช่วยเหลือผู้เล่นคนอื่นในสงครามได้ โดยมงกุฏที่มีในตอนนี้ก็มีอยู่ 5 อย่างไล่เช็คได้จากด้านล่างนี้เลยครับ
มงกุฏ | ความสามารถ |
Eternal Crown | พันธมิตรโดยรอบจะได้รับโบนัส เพิ่มความเร็วโจมตีและความเร็วเคลื่อนที่, ลดคูลดาวน์สกิล โบนัสนี้มีผล 25 วินาที |
Crown of Aganoy | พันธมิตรโดยรอบจะได้รับโบนัส เพิ่มอัตราการโจมตีคริติคอล โบนัสนี้มีผล 25 วินาที |
Crown of Restoration | พันธมิตรโดยรอบจะได้รับโบนัส ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตตามค่า MAX HP ทุก 5 วินาที โบนัสนี้มีผล 25 วินาที |
Crown of the Wind | พันธมิตรโดยรอบจะได้รับโบนัส เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่และเพิ่มอัตราการหลบหลี โบนัสนี้มีผล 25 วินาที |
Crown of Protection | พันธมิตรโดยรอบจะได้รับโบนัส ได้รับความเสียหายทั้งหมดลดลง โบนัสนี้มีผล 25 วินาที |
ผลประโยชน์ที่เหล่า Immortals ได้รับ
ในเมื่อเหล่า Immortals นั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแทนของเหล่าผู้แข็งแกร่ง แน่นอนว่าพวกเขาก็ย่อมได้รับผลประโยชน์ต่างๆ มากมาย และเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้เล่นหลายคนจึงอยากเข้าร่วมสงคราม Cycle of Strife เพื่อจะมาเข้าร่วมฝ่ายนี้กันนั่นเองครับ โดยจะมีผลประโยชน์ 4 อย่างที่เราจะได้รับคือ:
Weekly Reward – ในทุกอาทิตย์เหล่า Immortals จะสามารถเข้ารับรางวัลพิเศษได้โดยขึ้นอยู่กับค่า Contribution หรือผลงานที่ทำเอาไว้ ซึ่งแต้มผลงานนั้นก็สามารถเพิ่มได้จากการทำ เควสรายวัน, อีเวนท์ปกป้องห้องสมบัติ, การหาคนเข้าร่วมฝ่าย หรือแม้แต่จากกิจกรรมอื่นๆ เองก็ตามที
โดยของรางวัลก็จะเป็นจำพวก Gold และ ไอเทม Legendary ระดับสูง ซึ่งบางครั้งก็เป็นไอเทมหายากที่หาจากแหล่งอื่นไม่ได้อีกด้วย และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนอยากเข้าร่วมฝ่ายนี้นั่นเองครับ
Hilts Vendor – หลังจากที่เราได้กลายเป็น Immortals แล้วนั้นเราสามารถเข้าถึงไอเทมพิเศษและไอเทมลับในร้านค้าจาก Hilts Vendor ซึ่งจะมีไอเทมแปลกๆ และของหายากมาวนขายให้เราได้ซื้อ เป็นสิทธิพิเศษของเหล่าผู้แข็งแกร่งก็ว่าได้
ชุดแฟชั่นพิเศษ – อีกหนึ่งสิ่งที่เหล่าสายแฟชั่นนั่นน่าจะชอบก็คือ Cosmetics แบบพิเศษ เป็นชุดแฟชั่นที่หาจากที่ไหนไม่ได้และสามารถสวมใส่ได้เฉพาะเหล่า Immortals นั่นเองครับ
Kion’s Ordeal – คอนเทนต์ขนาดใหญ่แบบ 48 คนเฉพาะฝั่ง Immortals ที่จะให้ผู้เล่นทำการเข้าไปลง Raid เพื่อทำการปราบบอสจำนวน 4 ตัวและจำเป็นต้องทำการโค่นในเวลาไล่เลี่ยกันอีกด้วย ซึ่งนี่นับว่าเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่ดีมากสำหรับการ อัปเลเวล, ฟาร์ม Gold ไปจนถึงไอเทมเอนด์เกมทั้งหลายก็สามารถหาได้จากที่นี่นั่นเอง
เป้าหมายหลักที่ทำให้หลายคนอยากเข้าร่วม Immortals และพยายามทำทุกทางที่จะรักษามันไว้ก็คือในส่วนของ Weekly Rewards นั่นล่ะครับ เพราะเป็นหนึ่งในแหล่งที่เราสามารถใช้หาไอเทม Legendary ได้ดีสุดในเกมแล้วก็ว่าได้ แถมบางอันมันก็ยังเป็นไอเทมแรร์ที่หาจากไหนไม่ได้เลยด้วยแม้จะเปย์ไปเป็นแสนเป็นล้านก็ตามที มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลายแคลนจะค่อนข้างซีเรียสเวลาต้องเข้าสู่สงครามน่ะเอง
Cycle of Strife คืออะไร?
Cycle of Strife นั้นคือคอนเทนต์ของช่วงสงครามระหว่างเหล่า Shadows และ Immortals ครับ ซึ่งมักจะมีช่วงเวลาอยู่ที่ราวๆ 2 – 3 อาทิตย์ (หลังจบอีเวนท์จะพักเบรคหนึ่งอาทิตย์รวมเป็น 1 เดือนพอดี) โดยจะมีคอนเทนต์และอีเวนท์ต่างๆ ให้แต่ละฝ่ายได้ทำในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนจะมีการตัดสินกันในศึกสุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะ
หากเหล่า Shadows เป็นฝ่ายชนะพวกเขาก็สามารถเข้ายึดครองตำแหน่งแทนเหล่า Immortals ได้ ส่วนเหล่า Immortals ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหลุดพ้นจากตำแหน่งนั่นเอง
โดยคอนเทนต์สงครามที่เราจะพบได้ใน Cycle of Strife นั้นจะประกอบไปด้วย:
Raid the Vault – เหล่า Shadows จะสามารถทำการเปิดอีเวนท์บุกคลังสมบัติของ Immortals ได้ โดยมีลักษณะเป็น Raid รูปแบบ 4 คน ที่ผู้เล่นต้องทำการบุกฝ่ามอนสเตอร์ต่างๆ ไปเรื่อยเฉกเช่นเดียวกับการลงดันเจี้ยนเรดปกติ ซึ่งถ้าหากทำได้สำเร็จก็จะได้ของรางวัลต่างๆ ทั้ง Gold, Hailts, Marks ไปจนถึงไอเทมระดับ Legendary เลยทีเดียว
โดยสิ่งที่ต้องระวังก็คือหากระหว่างการบุกนั้นเกิดตัวของ Warden ไปทำการส่งสัญญาณเตือนได้ทัน มันจะเป็นการเรียกให้เหล่า Immortals สามารถส่งผู้เล่นบางส่วนเข้ามาป้องกันคลังสมบัติได้แล้วก็จะเป็นการเริ่มคอนเทนต์ Defend the Vault ขึ้นมาพร้อมเข้าสู่สงคราม PVP เต็มรูปแบบ ซึ่งถ้าหากป้องกันไว้ได้สำเร็จเหล่า Immortals ก็จะได้รับแต้มผลงานและ Hilts กลับไปจำนวนมากทีเดียว
Rite of Exile – สงครามครั้งสุดท้ายที่ใช้เป็นตัววัดผลแพ้ชนะโดยเป็นสงครามในรูปแบบ 8vs8 ซึ่งทางฝั่ง Shadows จะเป็นการเลือกจาก “10 อันดับแคลนที่มีคะแนนสูงสุด” โดยให้ส่งสมาชิก 8 คนของตนมาเข้าร่วมต่อสู้กับเหล่า Immortals แถมสงครามครั้งนี้ยั้งมีการจัดพร้อมกันอีกด้วยมันเลยกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ในรูปแบบ “80vs80” นั่นเองครับ
ซึ่งถ้าหากว่าเหล่า Shadows สามารถเอาชนะได้ตัวเกมก็จะดำเนินการเข้าสู่ขั้นถัดไปของ Challenge of The Immortals ที่ทั้ง 10 อันดับแคลนจะต้องส่งสมาชิกเก่งที่สุด 3 คนไปเข้าร่วมท้าประลองกับตัวราชา “The Immortal” ในรูปแบบของ 1vs30 โดยตรงนี้ก็เป็นเหมือนธรรมเนียมไว้โชว์การโค่นอำนาจเสียมากกว่า เพราะผลลัพธ์แทบจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฝ่ายไหนจะชนะ
ถ้าหากชนะได้อีกก็จะเป็นเข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่ทั้ง 10 แคลนต้อง “ต่อสู้กันเอง” โดยท้ายที่สุดแคลนไหนที่เหลือรอดแล้วกลายเป็นผู้ชนะ สมาชิกทั้งหมดภายในแคลนก็จะได้กลายเป็นฝ่าย Immortals ส่วนหัวหน้าแคลนก็จะกลายเป็นราชา The Immortal ไปนั่นเองครับ
ถือเป็นการจบบทความในเรื่องของ Factions จากเกม Diablo Immortal ไปแล้วกันนะครับ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่ใหญ่แบบสุดๆ และมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ถ้าหากมีบางส่วนผิดพลาดไปยังไงผมก็ต้องขออภัยล่วงหน้าไว้ด้วยนะครับ ก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ กันไปไม่มากก็น้อยนะครับผม