ถ้าว่ากันถึงเกมมือถือเปิดใหม่ช่วงนี้แล้ว ที่อดจะ แนะนำ ไม่ได้ก็คงไม่พ้นเกมอย่าง Dislyte อีกหนึ่งเกมมือถือตัวใหม่ที่พึ่งเปิดมาและได้รับความสนใจไปอย่างท่วนท้นเลยทีเดียวกับ Dislyte โดยในวันนี้เราจะมาดูกันดีกว่าว่าตัวเกมดังกล่าวมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง รวมถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ควรพลาดเกมนี้และต้องเล่นมันให้ได้นั่นเองครับ
แนะนำ Dislyte เหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรพลาดเกมนี้
Dislyte หรือในชื่อเต็ม Dislyte Stylish Urban Mythological คือเกมมือถือซึ่งเป็นผลงานจากทาง LilithGames ผู้ให้กำเนิดเกมมือถือชื่อดังอย่าง Rise of Kingdoms และ AFK Arena ซึ่งตัวเกมจะมาในลักษณะของเกมแนว Turn-based RPG ธีมไซไฟแฟนตาซีที่นำเอาเรื่องราวของยอดมนุษย์อย่าง “เอสเปอร์” และเรื่องราวเกี่ยวกับ “ตำนานเทพ” ทั้งจาก กรีก, จีน, นอร์ส รวมถึง อียิปต์ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
โดยตัวเกม Dislyte นี้ก็เคยได้เปิดให้บริการในหลายประเทศมาก่อนหน้านี้แล้วไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรีย, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ อินโดนีเซีย เองก็ตามที ซึ่งล่าสุดทางค่าย LilithGames ก็ได้พาตัวเกมดังกล่าวมาเปิดให้บริการบนสโตร์ประเทศไทยเราแล้วทั้งจากฝั่งของ IOS และ Android เลยด้วยเช่นกันครับ หากเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจก็สามารถไปดาวน์โหลดตัวเกมมาเล่นได้แล้วตั้งแต่วันนี้
แนะนำตัวเกมคร่าวๆ แล้วดีกว่าทีนี้เรามาดูถึงความน่าสนใจภายในเกมดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง และเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ควรพลาดเกมนี้กันล่ะนะ
เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนติดตาม
ตัวเกม Dislyte นั้นจะว่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตอันใกล้ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2027 ว่าถึงการมาของ “มิราเคิล” วัตถุลึกลับปริศนาไม่ทราบแหล่งที่มา ซึ่งมันได้ทำการปล่อยคลื่นเสียงพลังงานบางอย่างออกไปทั่วทั้งโลก ส่งผลให้ผู้คนบางส่วนที่สัมผัสมันจะได้รับพลังวิเศษเหนือมนุษย์และถูกเรียกว่า “เอสเปอร์” ในเวลาต่อมา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ส่งผลให้เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างโลก “มิรามอน” บุกเข้ามายังโลกของเราด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เหล่าเอสเปอร์ต้องลุกขึ้นสู้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เพื่อปกป้องโลกของพวกเขานั่นเอง
โดยเนื้อเรื่องภายในเกมจะมีการดำเนินผ่านตัวละคร “บรีนน์” นักดนตรีสาวชาวร็อคซึ่งกำลังแสดงคอนเสิร์ตกับคู่หูของเธอ “ซีก” ซึ่งได้ถูกขัดจังหวะโดยการโจมตีของมิรามอน และในขณะที่บรีนน์กำลังจะถูกทำร้ายนั้นตัวก็เธอก็ได้รับพลังของมิราเคิลและได้ตื่นขึ้นมาในฐานะของเอสเปอร์และจัดการมันได้ลง ก่อนในเวลาต่อมาทั้งคู่จะถูกเล่นงานโดยเหล่าเอสเปอร์ฝ่ายร้าย ซึ่งพวกเขาก็มีเงื่อนไขคือการพาตัวซีกไปแลกกับการไม่ให้บรีนน์ต้องถูกทำร้ายนั่นเองก่อนตัวของเธอจะหมดสติไป
ซึ่งเมื่อบรีนน์ฟื้นขึ้นมาตัวของเธอก็ได้มาอยู่ที่สหภาพเอสเปอร์กองกำลังของเหล่าผู้มีพลังวิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ก่อนในเวลาตัวเธอจะถูกชักชวนให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกนั่นเองครับ สำหรับเนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นยังไงเพื่อนๆ ก็คงตองไปตามลุ้นกันต่อในเกมเอาเองแล้วล่ะ
ด้านเนื้อเรื่องนี้นับว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของตัวเกมเลยทีเดียว เพราะตัวเกมมีการวางเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเข้มข้นพอสมควรเลย ใครที่เป็นสายเสพเนื้อเรื่องผมว่าน่าจะโดนใจตรงนี้ไปเต็มๆ เลยล่ะ
ระบบเกมเพลย์เข้าใจง่าย
ตามที่ได้แนะนำไปข้างต้นครับตัวเกม Dislyte นี้เป็นเกมมือถือที่มีรูปแบบการเล่นในลักษณะ Turn-based ผลัดกันโจมตีคนละเทิร์น เป็นอีกหนึ่งระบบการเล่นพื้นฐานที่เราเจอได้บ่อยในเกมมือถือสมัยนี้ ซึ่งมันอาจไม่โดดเด่นมากนักหากเทียบกับบางเกมแต่ในขณะเดียวกันมันก็นับว่าเป็นหนึ่งในระบบที่เข้าใจง่ายและไม่ยุ่งยากเลย
ซึ่งการจะวัดผลแพ้ชนะได้นั้นเราก็ต้องอาศัย “การวางแผน” เป็นหลักครับ เพราะถึงแม้ภายในเกมนี้จะไม่มีเรื่องระบบตำแหน่งหน้า-หลังเข้ามาเกี่ยวก็จริง แต่มันก็ยังมีเรื่องของ “ระบบธาตุ” หรือ “สกิลลีดเดอร์” เข้ามาอยู่ ทำให้เราต้องเลือกตัวละครให้ดีว่าควรใช้ตัวไหน ควรทำคอมโบอะไรยังไง เพราะต่อให้ตัวละครเราจะแกร่งขนาดไหนก็ตามแต่มันก็ยังมีตัวที่แพ้ทางอยู่เสมอนั่นเองครับ
ตัวระบบเกมเพลย์นี้อาจไม่ได้ดูโดดเด่นเท่าไหร่นักครับ แต่ในขณะเดียวกันตัวเกมก็ไม่ได้ใส่อะไรให้มันรกหรือวุ่นวายจนเกินไปทำให้เราสามารถเล่นกันได้ง่ายมากทีเดียว อาจง่ายกว่าเกมเทิร์นเบสชื่อดังบางเกมด้วยซํ้าไป ซึ่งก็จัดเป็นข้อดีอีกอย่างก็ว่าได้นะครับ
เหล่าเอสเปอร์มากมายให้ได้สะสม
สำหรับตัวละครที่เราจะได้พบเจอภายในเกมนี้จะถูกเรียกว่า “เอสเปอร์” ครับผมซึ่งจะมีให้ได้ไล่สะสมมากกว่า 70 ตัวเลยทีเดียว โดยมีการแบ่งออกด้วยระบบ “ธาตุทั้ง 4” และ “ระดับความหายาก” ตั้งแต่ 3 – 5 ดาว ส่วนวิธีการหาตัวละครหลักๆ ภายในเกมนี้ก็จะเน้นจากระบบ “กาชาปอง” นั่นล่ะครับ
โดยเอสเปอร์แต่ละคนนั้นก็จะมีรูปแบบพลังวิเศษที่ตื่นขึ้นตามเทพองค์ต่างๆ ครับผม ยกตัวอย่างนางเอกของเรื่องอย่าง “บรีนน์” ก็ได้รับพลังมาจากเทพวัลคีรีในตำนานนอร์ส, “ดรูว์” ที่ได้รับพลังเทพอนูบิสจากตำนานอิยิปต์ หรืออย่าง “โมน่า” กับพลังเทพอาร์ทิมิสจากกรีกเองก็ตามที ซึ่งตัวเกมได้นำเอาเรื่องของพลังพิเศษมาผสมผสานกับตำนานของเทพได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว ทำให้ใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเทพทั้งหลายน่าจะถูกใจตรงนี้ไปเต็มๆ เลยล่ะครับ
ไม่เพียงเท่านั้นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากพูดถึงเลยคือ “การดีไซน์ตัวละคร” ที่ตัวเกมออกแบบมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะรูปแบบของตัวละครหรือแม้แต่พลังที่แสดงออกถึงเทพองค์นั้นๆ เองก็ตามที เป็นอีกหนึ่งสิ่งดีงามประจำเกมเลยทีเดียวใครที่ชื่นชอบเกมออกแบบตัวละครสวยๆ หรือดีไซน์งามๆ ผมว่าตรงนี้ก็น่าจะได้รับคะแนนไปอีกต่อนึงเลยล่ะ
คอนเทนต์หลากหลายให้ได้เล่น
หากใครกำลังกังวลว่าภายในเกมจะไม่มีอะไรให้ทำล่ะก็หายห่วงได้เลยครับ เพราะภายในเกมนั้นมีคอนเทนต์หลากหลายให้ได้ทำเต็มไปหมด เรียกว่ามีอะไรให้เล่นกันยาวๆ จนเบื่อไปข้างเลยทีเดียว แถมคอนเทนต์บางอันก็ยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่และน่าสนใจอย่างมากเลยด้วย
โดยภายในเกมนั้นจะมีระบบ “ภารกิจ” มาให้เราทำอยู่ที่จะมีการแยกย่อยออกไปอีกหลายอย่างทั้ง เควส, ความสำเร็จ ตลอดจนถึง ภารกิจฝึกฝนอีกกว่า 7 บทก็ตามที หากใครชอบคอนเทนต์แบบยกพวกตีกันแบบ PVP ตัวเกมก็มี “อารีน่า” และ “สงครามคะแนน” มาให้ได้เล่นกัน หรือแม้แต่โหมดการเล่น “การประกวดดีเจ” ที่มาในสไตล์เกมแนวดนตรี Rhythm แปลกแหวกแนวไปอีกแบบก็ตาม นี่ยังไม่นับพวกอีเวนต์หรือกิจกรรมที่ตัวเกมจัดมาให้อีกนะเรียกได้ว่ามีอะไรให้เราทำเต็มไปหมดเลยทีเดียวเชียว
ถึงแม้ว่าตัวเกม Dislyte นี้เกมเพลย์อาจไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ก็สามารถเอาเรื่องจำนวนคอนเทนต์มาแทนในส่วนนี้ได้เช่นกันครับ ก็ตามที่บอกไปตอนต้นเลยครับคือมันมีให้ทำกันค่อนข้างเยอะเลยล่ะ ดังนั้นใครกลัวไม่มีไรทำก็ขอให้คิดใหม่ได้เลย
งานภาพและดนตรีประกอบสุดแสนดีงาม
สิ่งสุดท้ายที่อยากพูดถึงและยกย่องเลยจากเกม Dislyte นี้ก็คึอ “งานภาพและดนตรีประกอบ” ครับ ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งความดีงามประจำเกมที่อยากให้เพื่อนๆ ได้เข้ามาลองสัมผัสกันดูครับผม
อย่างแรกเลยก็คือ “งานภาพ” ครับ ตัวเกมทำออกมาในลักษณะเกมแนว 3D ที่มีสไตล์ลายเส้นออกไปทางแนวกึ่งการ์ตูนสีสดใส ซึ่ง Dislyte ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวทั้งโมเดลตัวละคร, ฉากประกอบ, คัทซีนเล่าเรื่อง, UI หัวข้อทั้งหลาย ไปจนถึงทางด้านเอฟเฟ็กต์และสกิลประจำตัวละครเองที่ทำออกมาได้ดูดีไม่แพ้เกมฟอร์มยักษ์บางเกมเลยล่ะ เรียกว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นประจำเกมที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนเปิดใจเข้ามาลองเกมนี้นั่นเองครับ
ถัดมาก็คือ “ดนตรีประกอบ” ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหลายคนเวลาเล่นเกมมักชอบปิดเพลงไม่ก็เสียงประกอบเกมกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ แต่ภายในเกมนี้อยากแนะนำให้เวลาเล่นลองเปิดเสียงเกมดูครับ มันเป็นอะไรที่ดีงามแบบสุดๆ เลย ตัวเกมเลือกใช้เพลงประกอบมาค่อนข้างเพราะฟังลื่นหูมากแถมแนวเพลงยังเข้ากับธีมเกมได้อย่างดีเลยด้วย ยิ่งเวลาฉากต่อสู้กับบอสหรือจังหวะสำคัญมันยิ่งช่วงบิวด์อารมณ์ได้ดีแบบสุดๆ เลยล่ะ ยังไงก็ลองเปิดฟังดูนะไม่ผิดหวังแน่นอนเลย
ถือว่าเป็นการจบบทความ แนะนำ Dislyte เหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรพลาดเกมนี้ ก็หวังว่าบทความนี้จะพอทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับตัวเกมและเข้ามาเล่นกันมากขึ้นนะครับ ส่วนคนไหนที่กำลังเล่นเกมนี้อยู่ชอบเพราะเหตุผลไหนกันล่ะ ลองมาเล่าสู่กันฟังได้นะครับเผื่อเพื่อนๆ คนอื่นอาจจะสนใจแล้วได้เข้ามาเล่นกันมากขึ้นนั่นเองครับผม