เมื่อตัวละครเราภายในเกม Dragon Nest 2: Evolution มีเลเวลถึง 43 แล้ว เราจะสามารถลงดันเจี้ยน “Cerberus’s Lair” ที่เป็นดันเจี้ยน Lair ดันที่ 2 ของเกม ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการผ่านดันเจี้ยนนี้กันว่า บอสแต่ละด่านจะต้องเล่นแบบไหนถึงจะสามารถผ่านได้แบบฉลุย หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย!
Table of contents
การจัดปาร์ตี้ & ค่าพลังแนะนำ
ก่อนที่จะไปเริ่มลงดันเจี้ยนเรามาดูการจัดปาร์ตี้กันก่อน โดยการปาร์ตี้เพื่อลงดันเจี้ยน Lair นี้นั้นเราควรจัดปาร์ตี้แบบ 1 Sage(แทงค์), 1, Priest(พระ) และ 2 DPS(ตัวดาเมจ) อาชีพอะไรก็ได้ ซึ่งข้อดีของการจัดปาร์ตี้แบบนี้คือ ตัวดาเมจจะสามารถยืนทำดาเมจได้อย่างสบายเพราะว่ามีแทงค์คอยลากให้ และมีพระคอยฮีลเลือดเพื่อนทุกคนในปาร์ตี้
สำหรับคนที่มีของเยอะแล้วก็จะสามารถจัดปาร์ตี้แบบ 1 Sage หรือ 1 Priest พร้อมกับ 3 DPS อาชีพอะไรก็ได้ เพื่อเร่งความเร็วในการจบดันเจี้ยนให้จบเร็วยิ่งขึ้น
ต่อมาเรื่องของค่าพลังที่เหมาะสมสำหรับการลงดันเจี้ยนนี้ ทุกคนในปาร์ตี้ควรมีค่าพลังขั้นต่ำประมาณ 28,000 – 30,000 เพื่อที่จะสามารถจบดันเจี้ยนได้ภายในเวลา 30 นาที ซึ่งเราจะสามารถเพิ่มค่าพลังได้จากการลง Abyss เลเวล 40 ฟาร์มของสวมใส่ระดับสีฟ้า แนะนำว่าให้ใส่ของสวมใส่ระดับสีฟ้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วิธีผ่าน Cerberus’s Lair
บอสห้องแรก – โล่อมตะ
เริ่มกันที่บอสห้องแรกของตัวดันเจี้ยนนี้กันเลยนั้นก็คือ บอส Minotaur 2 ตัว ที่มีแมคคานิคกางวงอมตะเมื่อเลือดของบอสเหลือต่ำกว่า 7 หลอด ซึ่งวิธีเล่นในห้องนี้เราจะใช้ Sage ดึงบอสไว้ตัวนึง ส่วนอีกตัวให้ใช้ตัวดาเมจดึงไว้ให้แยกออกจากกัน
เมื่อเราฆ่าบอสตัวใดตัวหนึ่งได้แล้ว บอสอีกตัวจะไม่สามารถเสกโล่อมตะได้อีกต่อไป ทีนี้เราก็จะสามารถรุมตีจนผ่านไปยังบอสห้องสองได้เลย
บอสห้องสอง – บาลานซ์เลือด
ต่อมาในบอสห้องสองจะมีแมคคานิคแตกต่างกับบอสห้องแรกโดยสิ้นเชิงเลยก็คือ เราต้องฆ่าบอสทั้งสองตัวพร้อมให้ได้ภายใน 10 วินาที ซึ่งการโจมตีของบอสในห้องนี้นั้นจะท่าพุ่งไปข้างหน้า จึงต้องใช้แทงค์ดึงบอสทั้งสองให้หันหน้าไปทางเดียว เพื่อที่เวลาบอสพุ่งจะได้ยืนติดกันทำให้ง่ายต่อการทำดาเมจบาลานซ์เลือดทั้งคู่
สกิลบอสที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ สกิลเสกบ่อทรายดูด เพราะว่าตัวสกิลนี้จะทำให้ตัวละครเดินช้าแล้วโดนดาเมจต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าบ่อทรายดูดหายไป
หากเราไม่สามารถฆ่าบอสให้ตายพร้อมกันได้ใน 10 วินาที บอสทั้งสองตัวจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยเลือด 4 หลอด ทำให้ต้องเสียเวลาตีบอสใหม่อีกรอบหนึ่ง
บอสห้องสาม(ห้องสุดท้าย) – Cerberus
สำหรับบอสห้องสุดท้ายจะมีเพียงแค่ Cerberus หมา 3 หัวเป็นบอสตัวเดียว โดยบอสจะมีทั้งหมด 3 เฟสด้วยกันดังนี้
เฟส 1
เริ่มมาบอสจะกระโดดเข้ามาหาเราทันทีที่เห็นหน้า ซึ่งให้เราทำการหลบการโจมตีนั้นก่อน แล้วค่อยทำการโจมตีใส่บอส โดยในเฟสนี้บอสจะมีท่าการโจมตีไม่เยอะมาก ท่าการโจมตีที่ต้องระวังคือ ท่าระเบิดพลังสายฟ้ารอบตัว ที่จะสามารถทำดาเมจใส่เราได้แบบแรงมากๆ
เฟส 2
เมื่อบอสเลือดเหลือประมาณ 7-8 หลอด จะเริ่มเข้าสู่เฟส 2 ด้วยการปล่อยพลังระเบิดทำดาเมจอย่างรุนแรงที่ไม่หนีได้ทั้งแผนที่ พร้อมกับเสกลูกน้องออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งท่านี้หากในปาร์ตี้มีพระอยู่จะสามารถลดดาเมจที่ได้รับลงได้จากสกิลท่าไม้ตายปักเสาลดดาเมจ แต่ว่าหากสกิลท่าไม้ตายของพระวนมาไม่ทัน ให้เราทำการกดหลบระหว่างบอสปล่อยพลัง เราก็จะสามารถหลบดาเมจท่านี้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ส่วนท่าการโจมตีที่เพิ่มมาในเฟสนี้จะเป็นท่าพ่นบอลน้ำแข็งออกมา ทำให้เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้หากโดนเข้าไป และยังมีท่าปล่อยน้ำแข็งลงพื้นเป็นดาเมจต่อเนื่อง หากเราไปยืนอยู่บนน้ำแข็งเลือดก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราควรระวัง 2 ท่าไว้ให้ดีๆ
เฟส 3 (สุดท้าย)
สำหรับในเฟสสุดท้ายนี้ตัวด่านจะมีแมคคานิคเพิ่มมาคือ ด่านจะปล่อย Flamethrower Trap มาเป็นแนวยาว หากเราเดินผ่านก็จะเสียเลือดเล็กน้อยสร้างความน่ารำคาญแก่เรา ส่วนบอสจะมีท่าการโจมตีเพิ่มมาอีกหนึ่งท่านั้นก็คือ การกระโดดออกห่างพร้อมกับทำดาเมจรอบตัว ซึ่งเราจะต้องเข้าไปประชิดบอสเพื่อหลบการโจมตีนี้ หรือออกนอกระยะการโจมตีไปเลยสำหรับคนที่วิ่งเข้าไปไม่ทัน โดยเราก็จะคอยวนลูปตีบอสกับหลบสกิลไปแบบนี้จนบอสตาย
เมื่อเอาชนะ Cerberus ได้แล้ว เราจะได้ของตอบแทนเป็นของสวมใส่ระดับสีทองเลเวล 45 กับเครื่องประดับระดับสีฟ้า
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!
สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand