Sea Dragon เป็นดันเจี้ยนประเภท Dragon’s Lair ภายใน Dragon Nest 2: Evolution โดยตัวดันเจี้ยนจะเปิดให้ลงเล่นได้เมื่อมีเลเวลตัวละครถึง 60 และความยากของดันเจี้ยนนี้เราจะสามารถเลือกลงได้ 2 ระดับคือ ง่าย กับ ยาก ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการผ่านตัวดันเจี้ยนนี้ทั้งสองระดับกัน หากพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลย!
Table of contents
รายละเอียดดันเจี้ยน Sea Dragon
ก่อนที่จะไปดูเรื่องของการจัดปาร์ตี้ เรามาดูเรื่องรายละเอียดดันเจี้ยนนี้ก่อนดีกว่าว่าตัวดันมันแตกต่างจากพวกดัน Abyss หรือ Lair ยังไง โดยสิ่งที่ดัน Sea Dragon แตกต่างจากดันอื่นๆ เลยก็คือ สามารถเลือกระดับความยากการเล่น , มีด่านให้เลือกทั้งหมด 6 ด่าน และสามารถมีสมาชิกในปาร์ตี้ได้สูงสุด 8 คนต่อ 1 ด่าน ซึ่งเราจะสามารถเล่นแต่ละด่านเพื่อรับของรางวัลได้ 1 ครั้ง ก่อนที่จะจำนวนรอบจะรีตอนวันพฤหัสกับวันอาทิตย์ สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนจำเป็นต้องเล่นไล่ตั้งแต่ด่านแรกก่อน เพื่อเป็นการปลดล็อคให้ด่านต่อไปสามารถเข้าไปเล่นได้
นอกจากนี้เรื่องของรางวัลก็จะต่างออกไปจากดันเจี้ยนปกติคือ เวลาที่เราต้องการของหลังจากจบด่านแล้ว เราจำเป็นกด ทอยเต๋า เพื่อเป็นการเลือกไอเทมที่ต้องการด้วยการสุ่มจำนวนเลขของลูกเต๋า คนที่ได้เลขมากกว่าก็จะได้รับของชิ้นนั้นไป แนะนำว่าก่อนจะเข้าไปเล่นให้คุยกับเพื่อนๆ ในปาร์ตี้ก่อนว่าแต่ละคนต้องการของแบบไหนบ้าง เพราะจะทำให้ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะสุ่มได้เลขมากกว่าหรือไม่
การจัดปาร์ตี้
ต่อมาเรื่องของการจัดปาร์ตี้ลงดัน ตัวรูปแบบของปาร์ตี้แนะนำให้จัดเป็น Saint 2 คน, Guardian 1 คน (หรือคนที่มีความสามารถในการ Provoke) และที่เหลืออีก 5 คนเป็นตัวดาเมจ
สาเหตุที่ต้องใช้ Saint ถึง 2 คนเลยก็เพราะว่าตัวมอนในแต่ละด่านนั้นตีแรงมาก อีกทั้งจำนวนคนในปาร์ตี้มีเยอะถึง 8 คน ทำให้มีโอกาสที่จะฮีลไม่ทันได้ โดย Saint 2 คนนั้นแนะนำให้หาคนที่เล่นสายสกิลน้ำ 1 คน เพื่อฮีลเป้าเดี่ยวแรงๆ และแสง 1 คน เพื่อฮีลหมู่ให้กับเพื่อนในปาร์ตี้
วิธีการเล่นแต่ละด่าน
Serpentra’s Lair Docks
เริ่มกันที่ด่านแรกกันเลย โดยตัวด่านนี้จะเป็นการให้เราปกป้องแท่ง Crystal จากการบุกของศัตรูให้ครบทั้งหมด 8 Wave ด้วยกัน ซึ่งตัวด่านจะไม่มีแมคคานิคอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่าตัวศัตรูที่ออกมาในแต่ละ Wave ค่อนข้างเยอะ และยังมีศัตรูประเภท Mini-Boss กับ Boss อีก โดยพวกศัตรูประเภท Mini-Boss กับ Boss จะออกมาใน Wave ที่ 3, 6 และ 8
เมื่อศัตรูประเภท Boss ออกมาแล้ว พวกศัตรูตัวอื่นๆ จะหยุดออกมาทันทีจนกว่าเราจะสามารถฆ่า Boss ลง ยกเว้นแต่ Wave สุดท้ายที่ศัตรูจะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ จนกว่าเราจะกำจัด Boss ได้ ซึ่ง Boss แต่ละตัวใน Wave 3, 6 และ 8 จะไม่มีแมคคานิคอะไรเพิ่มเติม สามารถโจมตีใส่อย่างสบายใจ แต่ก็ต้องคอยระวังการโจมตีจาก Boss ด้วยเช่นกัน เพราะว่าดาเมจนั้นค่อนข้างแรงทีเดียว
Boss Wave 3
Boss Wave 6
Boss Wave 8
Defender Isle
ต่อมาในด่านที่ 2 ตัวด่านจะมีแมคคานิคในการจบคือ เราจำเป็นต้องฆ่าบอสทั้ง 2 ตัวให้ตายพร้อมกันใน 15 วินาที (ระดับง่าย 20 วินาที) ซึ่งบอสที่เป็นวัวสีน้ำเงินจะยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน สามารถให้ตัวดาเมจภายในปาร์ตี้ 1-2 คน ไปตีได้เลย ส่วนคนในปาร์ตี้ที่เหลือให้ไปวิ่งตีบอสวัวสีแดง ในระหว่างนั้นจะวัววิ่งออกมาจากข้างๆ ด่าน (3 ครั้งที่ความยากระดับ Hard และ 2 ครั้งที่ระดับ Easy) อย่าลืมเก็บสกิลหลบไว้เพื่อไม่ให้โดนดาเมจด้วย เพราะดาเมจจากวัววิ่งนั้นรุนแรงมากและยังทำให้เราติดสถานะสตั๊น
Volcano Isle
สำหรับวิธีการเล่นด่านนี้นั้นจะค่อนข้างยากกว่าปกติ เพราะว่าตัวบอสจะมีท่าการโจมตีที่เยอะมาก และแต่ท่านั้นก็สร้างดาเมจแก่เราได้แรงจนถึงตายได้เลยในครั้งเดียวเช่นกัน โดยท่าการโจมตีของบอสจะมีทั้งหมดดังนี้
- ปล่อย Fireball
- ระเบิดพลังทำลายพื้น
- Fan Jet
- พายุไฟ (เฉพาะระดับยาก)
- ระเบิดพลังทำดาเมจรอบตัว (เฉพาะระดับยาก)
โดยรูปแบบการโจมตีของบอสจะมีรูปแบบตายตัวเรียงเป็นลำดับเสมอคือ ปล่อย Fireball > ระเบิดพลังทำลายพื้น > Fan Jet > พายุไฟ > ระเบิดพลังทำดาเมจรอบตัว
ท่าที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ Fan Jet เพราะว่าเราจำเป็นต้องอยู่ใน Area ที่กำหนดเพื่อหลบการโจมตีนี้ โดยตำแหน่งคือด้านหน้าของเป้าหมายที่ Boss มอง และฝั่งตรงข้ามของคนที่ Boss มอง หากเข้าไปใน Area ไม่ทันก็จะตายทันที
ปล่อย Fireball
ระเบิดพลังทำลายพื้น
Fan Jet
พายุไฟ
ระเบิดพลังทำดาเมจรอบตัว
ในส่วนของแมคคานิคบอสที่ต้องระวังคือ การทำลาย Heat Shield ด้วยการทำลาย Ice Crystal และนำไปส่งให้บอสตรงกลางแผนที่เพื่อลดค่าความโกรธของบอสให้ทันภายในระยะเวลา 30 วินาที ตอนเลือดบอสเหลือใกล้ถึง 8 หลอดกับใกล้ถึง 3 หลอด หากไม่สามารถส่งได้ทันก็จะโดนบังคับตายทันทีทุกคน แล้วในขณะเดินไปส่ง Ice Crystal ให้ระวังพายุไฟที่บอสเสกออกมาด้วย
นอกจากนี้ยังมีแมคคานิคเฉพาะในระดับยากที่ต้องทำลาย Fireball ให้ทันภายในเวลา 10 วินาที ตอนเลือดบอสเหลือใกล้ถึง 5 หลอด ซึ่งเราจำเป็นต้องเก็บสกิลท่าไม้ตายไว้เพื่อเอามาใช้กับเจ้า Fireball นี้ เนื่องจากเลือดของมันค่อนข้างเยอะมาก หากไม่สามารถทำลายได้ทันเวลาก็จะโดนบังคับตายทั้งปาร์ตี้
Lacerta Isle
ด่านนี้จะมีความยากในการเล่นที่ยากมาก เพราะว่าแมคคานิคของด่านนี้คือเราจำเป็นต้องฆ่าบอส 3 ตัวให้ตายพร้อมกันภายในระยะเวลา 10 วินาที (ระดับง่าย 20 วินาที) หากเราไม่สามารถฆ่าบอสตายทุกตัวในเวลาที่กำหนด บอสก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยเลือดเต็มหลอด ยิ่งไปกว่านั้นในระดับยากจะมีเรื่องของค่าความโกรธของบอสมาเกี่ยว ซึ่งทำให้ยิ่งเล่นนานเท่าไหร่บอสก็จะยิ่งทำดาเมจใส่เราได้แรงมากขึ้นด้วย
โดยบอสทั้ง 3 ตัวจะมีเลือดที่ไม่เท่ากันเรียงลำดับตัวที่มีเลือดมากสุดไปน้อยสุดคือ Lacerta Crowe > Lacerta Tyler > Lacerta Tusy ซึ่งตัวที่รำคาญมากสุดจะเป็นเจ้ากิ้งก่า Lacerta Tusy เพราะว่ามีท่าการโจมตีปล่อยสายฟ้าพร้อมกับทำให้เราติดสถานะมึนงงหากโดนเข้าไป
Lacerta Crowe | Lacerta Tyler | Lacerta Tusy |
ในส่วนของวิธีการเล่นในระดับง่ายกับยากนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกันคือ
ระดับง่าย
ให้ลากไปตีกันคนละมุม โดยให้คนที่ดาเมจน้อยสุดไปดึง Lacerta Tusy ไว้ แล้วให้ตัวดาเมจอีก 1 ตัวไปตีเจ้า Lacerta Tyler ส่วนอีก 6 คนที่เหลือให้ไปรุม Lacerta Crowe ได้เลยเพราะว่ามีเลือดเยอะมากที่สุด พอเลือดเหลือใกล้ๆ กันก็ให้ลากมารวมกันแล้วใช้ท่าไม้ตายฆ่าได้เลย
ระดับยาก
ให้รวมกันรุมตีทุกตัวก่อน แล้วค่อยลาก Lacerta Crowe ออกไปรุมตีตัวเดียวตอนเลือดของ Lacerta Tyler เหลือประมาณ 20M หลังจากรุมตีจนเลือดบอสทุกตัวเหลือประมาณ 2M-3M แล้วให้ลากทุกตัวมารวมกันใหม่เพื่อที่จะใช้สกิลต่างๆ ฆ่าให้ตายพร้อมกันได้เลย
Golem Isle
สำหรับด่านนี้จะเล่นค่อนข้างง่ายกว่าด่านก่อนหน้าพอสมควร เพราะว่าบอสนั้นจะมีท่าการโจมตีที่ไม่เยอะมาก และสามารถใช้ตัวแทงค์ดึงท่าการโจมตีต่างๆ ไว้ได้ทำให้เราสามารถยืนทำดาเมจได้อย่างสบาย แต่ว่าในระดับยากก็จะมีเรื่องของค่าความโกรธมาด้วยเหมือนด่านก่อนหน้า, มีท่าการโจมตีใหม่เพิ่มมา 2 ท่าที่จะทำให้คนในปาร์ตี้ติดพิษกับท่าคำราม ซึ่งคนที่โดนท่าติดพิษเข้าไปจะต้องเดินออกห่างจากเพื่อนคนอื่น เพื่อทำให้เพื่อนไม่โดนดาเมจจนกว่าระยะเวลาของพิษหมดลง และมีลูกน้องเข้ามาป่วนเพิ่มด้วย ต่างจากระดับง่ายที่จะมีเพียงแค่บอสอย่างเดียว
ในส่วนของแมคคานิคบอสจะมีการใช้ท่าการปล่อยทั้งแผนที่ตอนเลือดเหลือ 7 หลอดกับ 3 หลอด โดยเราจะต้องรีบวิ่งเข้าไปหลบบนเนิน 1 ใน 4 จุด ให้ทันภายในเวลา 15 วินาที ซึ่งแต่ละเนินจะสามารถเข้ามาหลบได้เนินละ 2 คนเพียงเท่านั้น
Sea Dragon’s Lair
มาถึงบอสตัวสุดท้ายกันแล้วนั้นก็คือเจ้า Sea Dragon โดยบอสตัวนี้นั้นจะมีทั้งหมด 3 เฟสที่มีวิธีการเล่นแตกต่างกันดังนี้
เฟส 1
เฟสนี้ช่วงแรกจะยังคงไม่มีแมคคานิคอะไรเป็นพิเศษให้ใช้แทงค์ดึงบอสไว้แล้วให้ตัวดาเมจยืนแยกกันทำดาเมจได้เลย จะมีท่าที่ต้องระวังคือท่าล็อคขาพร้อมกับทำดาเมจตอนนับถอยหลัง 10 วินาที ซึ่งเราสามารถกดหลบท่าการโจมตีนี้ได้ตอนเวลาถอยหลังเหลือ 6 วินาที
เฟส 2
เมื่อเลือดบอสเหลือใกล้ถึง 7 หลอด บอสจะเข้าสู่เฟส 2 ด้วยการเข้าแมคคานิคที่ต้องฆ่าลูกน้องทั้งหมดของบอส เพื่อทำให้เรารอดจากการโจมตีบังคับตายของบอส ซึ่งในท่านี้นั้นหากไม่สามารถฆ่าลูกน้องได้ก็ยังสามารถรอดตายได้ด้วยบัฟอมตะของอาชีพ Mercenary
ในช่วงเฟส 2 บอสจะมีท่าการโจมตีใหม่เพิ่มเข้ามา 3 ท่าด้วยกันคือ
- ท่าบินพ่นน้ำแข็งลงพื้น
- ท่าพ่นน้ำแข็งด้านข้าง
- ท่าเสกเสาน้ำแข็ง
โดยท่าที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ท่าบินพ่นน้ำแข็งลงพื้น เพราะท่านี้นั้นจะสร้างดาเมจได้ถึงตายเลยหากโดนเข้าไป ซึ่งวิธีการหลบท่านี้คือให้วิ่งวนทวนเข็มนาฬิกา สำหรับคนที่โดนบอสเล็งให้กดหลบตอนเวลานับถอยหลังก่อนใช้ท่าเหลือ 5 วินาที
ท่าพ่นน้ำแข็งด้านข้าง
ท่าเสกเสาน้ำแข็ง
นอกจาก 3 ท่านี้แล้วในระดับยากจะมีท่าการโจมตีเพิ่มเข้ามาอีก 1 ท่าคือ ท่าพ่นน้ำแข็งเป็นทางยาวโดยเราจะมีอยู่ 2 ทางเลือกได้แก่การวิ่งออกด้านข้างให้หลุดระยะ หรืออยู่ในโดมแสงสีทองเพื่อป้องกันดาเมจ แนะนำให้วิ่งออกด้านข้างจะชัวร์กว่าว่ารอดตายแน่นอน
เฟส 3
ตอนเลือดบอสเหลือ 4 หลอด บอสจะเข้าสู่เฟส 3 พร้อมกับแมคคานิคเหมือนเฟสก่อนหน้า แต่ว่ารอบนี้จะเป็นต้องฆ่ากิ้งก่า 3 ตัวที่ถึกมาก ซึ่งแนะนำว่าให้ปล่อยเวลาจนหมดแล้วค่อยฟื้นคืนชีพขึ้นมาหลังจากโดนบังคับตายดีกว่า หรือใช้บัฟอมตะของอาชีพ Mercenary เพื่อทำให้รอดตายจากท่าการโจมตีนี้
หลังจากที่บอสบินลงมาให้เราโจมตีได้แล้ว ตัวพื้นที่รอบๆ จะมีกำแพงน้ำเกิดขึ้นมา โดยเจ้ากำแพงน้ำนี้จะบีบวงแคบลงมาเรื่อยๆ หากเดินเข้าไปโดนก็จะได้รับดาเมจด้วย ซึ่งระหว่างที่เรายืนทำดาเมจก็ต้องคอยสังเกตกำแพงน้ำไปด้วยเช่นกัน และยังมีเรื่องของค่าความโกรธบอสที่ยิ่งสู้นานบอสก็ยิ่งทำดาเมจใส่เราได้แรงมากขึ้น
สำหรับกำแพงน้ำจะมีแค่ในระดับยากเท่านั้น หากเล่นในระดับง่ายจะไม่มีกำแพงน้ำกับค่าความโกรธ ทำให้สามารถยืนทำดาเมจได้สบายๆ เลย
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!
สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand