[vc_row full_width=”stretch_row_content”][vc_column][vc_message color=”info”]หากถูกใจสามารถเข้าไปกด Like ที่เพจของนักเขียนได้ที่นี่ >>Click<<[/vc_message][vc_column_text]สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Blade & Soul ทุกท่านครับ สำหรับหลายๆ คนที่กำลังที่จะตัดสินใจ และกำลังคิดอยู่ว่าจะมาเล่นสายอาชีพ Force Master(FM) ดีหรือเปล่า ในไกด์ฉบับกบจะมาวิเคราะห์และแนะนำแนวทางการเล่นในเบื้องต้นและสกิลจำเป็นต่างๆ ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันครับซึ่งจะเป็นยังไงบ้างเราไปชมกันเลย
*ในบทความนี้เป็นแนวทางการเล่นและบทวิเคราะห์ส่วนบุคคล หากคิดว่าตรงไหนไม่ดีสามารถแจ้งได้เลยจ้า
ข้อดีและข้อเสียของ Force Master
ก่อนที่จะไปถึงหัวข้ออื่น ผมอยากจะมาแนะนำข้อดีและข้อเสียของสายอาชีพนี้ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันเสียหน่อย ซึ่งคิดว่าน่าจะทำให้เพื่อนๆ ได้ทราบถึงข้อจำกัดของอาชีพนี้มากขึ้นครับ
►ข้อดี | ►ข้อเสีย |
พลังโจมตีสูงมาก สามารถทำดาเมจได้สูง | สกิลการเอาตัวรอดและท่าหนีค่อนข้างน้อย |
มีสกิลสร้างสถานะผิดปกติหลายรูปแบบ | สกิล CC หนักๆ ไว้ขัดบอสอย่างน็อคดาวน์ หรือสตั๊นมีน้อย |
มีท่าที่สตั๊นและน็อคดาวน์เป้าหมายได้ในทีเดียว | ท่าบล็อคใช้งานได้ยาก และข้อจำกัดเยอะ |
มีสกิลป้องกันตัวอยู่พอสมควรเช่นแช่ตัวเอง ฯลฯ | ด้วยความที่สกิลมีเยอะและหลากหลายทำให้เลือกใช้ยาก และต้องใช้เวลาเรียนรู้ |
มีสกิลหลากหลาย |
CC ย่อมาจาก crowd control หรือสกิลที่เอาไว้ขัดขวางหรือทำให้ศัตรูมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นล้ม,สตั๊น ฯลฯ
ศาสตร์การต่อสู้ไฟและน้ำแข็ง
สำหรับผู้ที่เล่นอาชีพ Force Master สิ่งที่จะต้องรู้ก่อนเลยก็คือความสามารถต่างๆ และข้อดีข้อเสียของศาสตร์ที่เราจะใช้นั่นเองครับ ซึ่งในช่วงแรกเราจะใช้ได้เพียงแค่ศาสตร์แห่งไฟ และเมื่อเราทำเควสเนื้อเรื่องไปได้สักพักนึงแล้วจึงจะสามารถที่จะเปลี่ยนไปใช้ธาตุน้ำแข็งได้ ซึ่งเจ้าสองธาตุนี้ก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป รวมถึงรายละเอียดการใช้งานของสกิลบางตัวก็จะต่างกันไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสกิลส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายครับแค่จะต่างกันที่สกิลหลักบางสกิลและคอมโบเล็กน้อยจ้า
การใช้สกิลธาตุต่างๆ : จริงอยู่ว่า FM นั้นมีอยู่สองศาสตร์ด้วยกันครับ คือไฟกับน้ำแข็ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้สกิลของอีกสายนึงไม่ได้ เพียงแค่จะใช้ท่าบางท่าไม่ได้เท่านั้นเอง ซึ่งสายของสกิลที่เราจะใช้ได้นั้นจะอยู่กับการโจมตีของเราว่าเราใช้สายไหนก่อนหน้า เช่นหากผมโจมตีด้วยฝ่ามือพลังไฟ(คลิกซ้่าย) สกิลอื่นๆ ที่ไม่ใช้สกิลพื้นฐานจะถูกเปลี่ยนเป็นสกิลสายไฟทั้งหมดครับ แต่หากผมใช้สกิลน้ำแข็งอย่างฝ่ามือน้ำแข็ง(คลิกขวา) สกิลอื่นๆ นอกจากสกิลพื้นฐานของผมก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสกิลสายน้ำแข็งครับ
*Note เราอาจจะใช้สกิลก้าวเผาผลาญและก้าวน้ำแข็งในการเปลี่ยนสายสกิลอย่างฉับไวได้ อีกทั้งยังป้องกันการโจมตีของเป้าหมายได้ด้วย
สายไฟ : สายนี้จะมีสกิลที่เน้นการเผาไหม้เพื่อสร้างดาเมจกับเป้าหมายเพิ่มเติม โดยสกิลการโจมตีหลักคือลำแสงเพลิง ที่เอาไว้ใช้จัดการกับมอนเสตอร์ได้ดีมากๆ โดยส่วนตัวกบว่าสายนี้ค่อนข้างที่จะเหมาะกับการเล่นไปเรื่อยๆ เดินไปตามทางแล้วเก็บเควสตีมอนครับเพราะเราไม่ต้องพึ่งสกิลต่อเนื่องเยอะมากทำให้เดินเก็บมอนสเตอร์ได้ เอะอะเจอหน้ามอนก็ยิงลำแสงเพลิง(กด 2) แล้วตีซ้ำอีกหน่อย ผิดกับน้ำแข็ง ที่หากจะให้ดาเมจสูงล่ะก็จะต้องใช้สกิลต่อเนื่องที่มีคูลดาวน์ค่อนข้างนานครับ แต่หลักๆ คือสายไฟจะเก็บมอนตามทางได้ไวมากๆ แต่การ PVP โดยส่วนตัวแล้วผมว่าไฟไม่เหมาะเท่าไหร่(ผมเขียนสาเหตุที่ทำให้สายนี้ไม่เหมาะกับการ PVP เอาไว้ในหัวข้อ PVP ครับ)
สกิลเด่นๆ ที่มีเฉพาะสายไฟ
ภาพ | ชื่อ | คำอธิบาย |
ลำแสงเพลิง(2) | ท่าหากินหลักในการไล่เก็บมอนสเตอร์ตามด่าน สามารถใช้คู่กับคลื่นกระแทก(คอมโบ) ได้ | |
คลื่นกระแทก(1) (คอมโบ) | สกิลต่อเนื่องที่จะทำให้ศัตรูที่ติดสแตคไฟติดสถานะไฟไหม้ ทำให้โดนดาเมจเพิ่มเติม | |
เพลิงสแตค(4) | ท่าที่จะต้องใช้หลุมดำเปิดก่อนแล้วจึงจะใช้ได้ เหมาะกับการฟาร์มมอเป็นจำนวนมากสุดๆ แต่กว่าจะได้มาก็ปาไปเลเวล 45 ทำให้แรกๆ ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ครับ |
*วงเล็บด้านหลังคือปุ่มกด
สายน้ำแข็ง : สายน้ำแข็งนั้นก็จะมีสกิลที่แตกต่างไปกับสายไฟนิดหน่อย โดยหลักๆ แล้วจะมีคอมโบที่เพิ่มขึ้นมาคือการใช้ ลูกเห็นหนาวเหน้บ+ลำแสงเกล็ดแข็ง ทำให้เก็บศัตรูเป็นจำนวนมากได้ดี และยังมีท่าโจมตีที่มีดาเมจค่อนข้างสูงและไม่ใช้ค่าโฟกัสอย่างหิมะคลั่งอยู่ด้วย ทำให้สายลุยได้ทั้ง PVP และ PVE เลยครับ เพียงแต่อาจต้องปรับสกิลให้เหมาะกับวัตถุประสงค์นิดหน่อย
สกิลเด่นๆ ที่มีเฉพาะสายน้ำแข็ง
ภาพ | ชื่อ | คำอธิบาย |
หิมะคลั่ง (คลิกขวา) | สกิลที่เปลี่ยนการโจมตีด้วยน้ำแข็งบ้านๆ เป็นการยิงศรน้ำแข็งออกไป 3 ดอก สร้างความเสียหายได้ดีมากๆ ครับถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้ศัตรูติดสถานะอะไรก็ตาม | |
ลำแสงเกล็ดแข็ง(2) | สกิลหากินของสายน้ำแข็งเลยทีเดียว ด้วยระยะที่ค่อนข้างไกลและยังโจมตีศัตรูเป็นหมู่ได้ด้วย ซึ่งหลักๆ แล้วเราจะใช้คอมโบกับลูกเห็บเหน็บหนาวครับ | |
กระสุนมังกรน้ำแข็ง(2) | สกิลที่เหมาะกับการเอาไว้ PVP ในบางสาย ท่านี้เอาไว้ขัดความสุขของศัตรูได้ดีมาก เพราะมีผลทำให้ล้มด้วย เพียงแต่มันอาจจะใช้ยากไปนิดนึงและค่อนข้างเปลืองโฟกัสครับ (ผลล้มจะมีระยะเวลานึงก่อนจะทำให้ล้มได้อีกครั้ง) | |
ลูกเห็บเหน็บหนาว(2) | สกิลหากินอีกสกิลนึงของสายน้ำแข็ง ที่เมื่อเราใช้แล้วจะคอมโบกับลำแสงเกล็ดแข็งได้ดีมาก เพราะจำทำให้สกิลนั้นไม่มีคูลดาวน์และร่ายได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยฟื้นโฟกัสให้เราเรื่อยๆ ด้วยผลของสกิลนี้ ทำให้ยิงได้รัวๆ เลยจ้า | |
บอลมหาเวทย์(4) | ท่วงท่าสุดอลังการราวกับโงกุลชาร์มบอลเก็งกิ แต่ไม่ค่อยน่าใช้จริงเท่าไหร่ ด้วยการชาร์ทที่นานเกินไป เทียบกับดาเมจที่ได้ ดังนั้นเก็บมันเอาไว้ในกรุจะดีที่สุดครับ |
*วงเล็บด้านหลังคือปุ่มกด
รู้จักกับสถานะผิดปกติ : ในการโจมตีด้วยสกิลไฟส่วนใหญ่จะสร้างสถานะผิดปกติที่ชื่อว่าดวงไฟ ซึ่งถ้าหากสะสมครบ 5 และเราใช้คลื่นกระแทกไปซ้ำจะทำให้ติดสถานะเผาไหม้ทำให้โดนสกิลต่างๆ ในสายไฟแรงขึ้น ส่วนการโจมตีด้วยสกิลน้ำแข็งหลายๆ ท่าก็จะทำให้เป้าหมายติดสถานะเยือกแข้ง ทำให้ความเร็วการเคลื่อนที่ลดลง และหากติดเยือกแข็ง 3 ครั้งจะกลายเป็นฟรีซซึ่งจะทำให้เดินไม่ได้และไม่สามารถใช้หลายๆ สิกลได้ครับ
การเล่นเบื้องต้น
ในการเล่น FM นั้นทางที่ดีเราควรจะพยายามมสลับสกิลสายต่างๆ ให้ชินครับไม่ว่าจะเล่นธาตุไหนก็ตาม โดยให้ใช้สกิลต่างๆ สลับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งมันจะง่ายกว่าในการบริหารโซล เพราะว่ามีอยู่หลายท่าเลยทีเดียวที่เมื่อเราใช้แล้วจะได้โซลกลับคืนมาครับ ซึ่งผมจะอธิบายแนวทางการเล่นคร่าวๆ ในสายต่างๆ ดังนี้
กรณีที่เล่นสายไฟ : โดยพื้นฐานแล้วผมคิดว่ามันเหมาะมากๆ เวลาทำเควสที่ให้ล่ามอนสเตอร์ต่างๆ ตามทางโดยสกิลที่ขาดไม่ได้เลยคือลำแสงเพลิง(2) เพราะมันสามารถเก็บมอนตามทางได้ค่อนข้างไวกว่าในแบบเป้าหมายเดียว หากเทียบกับสายน้ำแข็ง และเงื่อนไขการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากมากด้วยครับ
ในกรณีที่เราเริ่มเจอมอนสเตอร์ที่อึดเราอาจจะเพิ่มคอมโบที่ซับซ้อนขึ้น(กรณีเล่นไฟ) นั่นก็คือการใช้ลำแสงเพลิง(2) คู่กับคลื่นกระแทก(3)(คอมโบ) เพราะเมื่อเราเก็บเชื้อไฟได้ครบ 5 แล้วใช้คลื่นกระแทกต่อ จะทำให้ศัตรูติดสถานะไฟไหม้ ทำให้เราใช้สกิลเพลิงอเวจี(ร่ายเพิ่มเติม)(x) ได้เลยโดยไม่ต้องร่าย ทั้งยังทำให้สกิลอื่นๆ โดยเฉพาะลำแสงเพลิงแรงขึ้นด้วย ที่สำคัญหากเจอตัวหนาๆ อย่าลืมใช้จุดระเบิด(C)คู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มโซลเรื่อยๆ ครับ
ในช่วงท้ายเกมหรือ 45 เราจะได้สกิล เพลิงสแคต(4)มาเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้คู่กับท่าหลุมดำ(4) โดยมันจะเหมาะกับกาที่เราลากมอนมาเยอะๆ แล้วจัดการทีเดียวครับ เพราะมันแรงน่าดูเลย ถึงแม้จะใช้ยากไปหน่อยก็ตามครับ
กรณีที่เล่นสายน้ำแข็ง : ส่วนตัวแล้วผมว่าน้ำแข็งเหมาะมากๆ กับการลงดันเจี้ยนครับ โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนเราช่วยลากหรือรวบให้เรา แล้วใช้สกิลลำแสงเกล็ดแข็ง(2) เพื่อโจมตีศัตรูเป็นวงกว้าง หรือจะใช้คอมโบสุดโหดอย่างลูกเห็บเหน็บหนาว แล้วต่อด้วยลำแสงเกล็ดแข็ง(2) ก็ได้ครับ
ในส่วนของการเล่นนอกดัน สายน้ำแข็งไม่ใช่ว่าจะไม่ดีครับ เพราะสายนี้ยังมีสกิลอย่างหิมะคลั่ง(คลิกขวา) เอาไว้ช่วยทำดาเมจได้ค่อนข้างสูงพอสมควร โดยคอมโบที่เหมาะมากๆ เลยคือคลิกซ้ายสลับกับขวาครับ และหากมอนไม่ตายก็ซ้ำด้วย คลื่นกระแทก(1)(สกิลพื้นฐาน)
การใช้สกิลเอาตัวรอดในดงมอนสเตอร์ : ในการต่อสู้สิ่งสำคัญเลยคือการเอาตัวรอดให้ได้ครับ ซึ่ง FM นั้นสกิลหนีหรือเอาตัวรอดของเราถึงแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมากมายแต่ก็ไม่ได้น้อยเท่าไหร่ ซึ่งสายของเรานั้นจะมีสกิลหนีที่เอาไว้หากิน นอกจากสกิล SS ที่มีทุกสายอาชีพแล้วเรายังมี สกิล E และ Q ที่แทบจะป้องกันท่าต่างๆ ได้ระหว่างใช้ด้วย
ข้อควรทราบ :
- ไม่ว่าคุณจะเล่นสายไฟหรือน้ำแข็งก็ตาม อย่าลืมว่าเรายังมีสกิลเพลิงมังกร(F) และหิมะมังกร(F) อยู่ด้วย ซึ่งจะใช้ได้เมื่อทำการเปลี่ยนธาตุตอนโจมตี โดยมันแรงน่าดูชมเลยล่ะครับ อีกทั้งยังได้โฟกัสคืนตอนใช้ด้วย ถึงแม้จะมีคูลดาวน์อยู่บ้างก็ตาม และท่าที่แรงมากๆ อย่างมังกรคู่(F)เองที่เราได้มาช่วงหลังๆ หากมีโอกาสก็ใช้บ่อยๆ เพราะมันดาเมจแรงมากกกกก
- สกิลมังกรคู่(F) จะสามารถกดได้เมื่อเราเปลี่ยนธาตุในการโจมตีไปมา โดยเราจะได้รับมาเมื่อเลเวล 32 โดยการโจมตีของสกิลนี้จะเป็นเส้นตรงและเล็งไม่ค่อยได้ ดังนั้นหันหน้าไปทางที่ต้องการก่อนยิงด้วยนะ
- สถานะฟริซจะติดโดยอัตโนมัติเมื่อเราใช้สกิลที่มีผลเยือกแข็งโดน 3 สแต็ก แต่สถานะไฟไหม้จะต้องใช้สกิลคลื่นกระแทก(1)(สกิลพื้นฐานหรือคอมโบ) ช่วย
คอมโบ PVE (ตีมอนและลงดัน)เบื้องต้น
1.คอมโบมาตรฐานของสายไฟ ที่เราจะใช้สกิลลำแสงเพลิง(2) สลับกับการโจมตีธรรมดา(คลิกซ้าย)จนแสคตของดวงไฟเต็ม 5 ดวงแล้วทำดาเมจด้วยคลื่นกระแทก(1)(สกิลพื้นฐาน/คอมโบ) ครับ และถ้าหากเราใช้คอมโบ เราจะสามารถยิงสกิลเพลิงอเวจีต่อได้เลยด้วย(X)(ร่ายเพิ่มเติม) อีกทั้งเมื่อเป้าหมายติดสถานะไฟไหม้แล้วจะทำให้เราใช้สกิลไฟ หลายๆ ท่าแรงขึ้นด้วย โดยเฉพาะลำแสงเพลิงที่จะแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
2.คอมโบช่วงเลทเกมของสายไฟที่จะใช้ได้เมื่อเลเวล 45 แล้ว โดยเราจะสามารถลากมอนมารวมๆ กันได้ด้วยสกิล หลุมดำ(4) จากนั้นก็ต่อด้วยเพลิงสแตค(4) ที่เป็นท่าต่อเนื่องครับ ซึ่งมันใช้เก็บพวกลูกกะจ็อกในดันได้ดีมากๆ
3.คอมโบพื้นฐานที่ใช้ได้ทั้งสายไฟและน้ำแข็ง แต่สกิลที่ใช้อาจจะต้องเปลี่ยนเล็กน้อยตามสาย โดยจากในภาพผมจะใช้การโจมตีธรรมดา(คลิกซ้าย) สลับกับยิงสกิลน้ำแข็ง(คลิกขวา) สับกันไปเรื่อยๆ แล้วยิงด้วยไฟต่ออีกหน่อย เพื่อสะสมสแตคไฟให้ครบ 5 ดวง แล้วปิดด้วย คลื่นกระแทกครับ แต่จริงๆ เราไม่ต้องใส่ใจกับการโจมตีให้สแตคเต็มมากก็ได้ ในภาพผมเพีงยกตัวอย่างเฉยๆ จริงๆ แค่ใช้สับกันก็แรงแล้วนะ
4.คอมระดับสูงขึ้นมาอีกหน่อย นั่นคือการใช้สกิล F เพิ่มเข้ามาในคอมโบด้วย โดยเมื่อเราโจมตีปกติในธาตุไฟหรือน้ำแข้งจนติดสถานะฝ่ามือน้ำแข็งหรือวงแหวนไฟ(บางทีก็แล้วแต่ดวง) จะทำให้กด F ได้ครับ และถ้าติดทั้งสองสถานะแล้วจะใช้มังกรคู่ได้ ซึ่งบอกเลยว่ามันแรงมากๆ
5.คอมโบสามัญของสายน้ำแข็ง ที่มีพลังทำลายสูงและรัวมากๆ โดยการใช้ลูกเห็บเหน็บหนาว(z)เปิดใส่ศัตรูและตามด้วยการรัวสกิลลำแสงเกล็ดแข็งใส่เป้าหมาย(2) ที่ระยะเวลาคูลดาวน์หลังการใช้จะกลายเป็น 0 หากใช้คู่กับลูกเห็บเหน็บหนาว ทำให้เราแทบจะยิงรัวเป็นปืนกลเลยล่ะครับ
เล่นยังไงให้มีประโยชน์กับปาร์ตี้
การเล่น Force Master ให้เป็นประโยชน์กับปาร์ตี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เนื่องจากตัว FM นั้นมีสกิล CC ที่เอาไว้ก่อนกวนบอสได้ ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็มีข้อดีคือใช้ทีเดียวแล้วติดเลย อีกทั้งยังมีสกิลบาเรียหรือโล่ที่เอาไว้ใช้กับเพื่อนได้ด้วยครับ
การ CC บอส : การใช้ CC ใส่บอสหรือหยุดไม่ให้บอสโจมตีหรือใช้สกิลนั้นเราจะมีสกิลที่ใช้ได้หลักๆ ด้วยกัน 2 สกิลครับคือคลื่นความร้อน(z) ที่จะต้องเลือกเป็นน็อคดาวน์ และระเบิดพลัง(3) ที่เมื่อใช้แล้วเราจะสตั๊นเป้าหมายได้เลย (ถ้าแถบใต้เลือดบอสไม่เป็นสีเทานะ)
สกิลที่มีประโยชน์กับปาร์ตี้
สกิลโล่น้ำแข็ง(V) สามารถช่วยปกป้องเพื่อนจากสกิลของบอสได้ดีมากๆ อีกทั้งยังใช้ถ่วงเวลาในสถานการณ์ต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นหากเล่นเป็นแบบปาร์ตี้ แนะนำว่าให้พกท่านี้มาด้วยจะดีมากๆ ครับโดยเฉพาะในดันใหญ่ๆ รับรองว่ามีประโยชน์มากๆ แน่นอน โดยเฉพาะการใช้หลบท่าใหญ่ของบอสอย่างเช่นดันลิงไฟ(36) หรือโพฮวารัน(45) ครับ
สกิลป้องกันตัวเอง(C) หรือที่เราเรียกกันบาเรียนั้นสามารถกันการโจมตีของมอนสเตอร์และบอสได้หลายท่า โดยเฉพาะท่าที่เป็นการโจมตีระยะไกล แน่นอนว่าเราสามารถใช้มันชวยป้องกันให้กับเพื่อนได้ครับ ถึงแม้จะไม่ทุกสกิลแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะนะ และที่สำคัญสกิลนี้ยังฟื้นเลือดให้เราเรื่อยๆ ด้วยถึงแม้จะไม่ค่อยเยอะก็ตามครับ
สกิลพายุเพลิง(Tap) สกิลนี้จัดว่าเป็นสกิลปัดป้อง ทำให้เราสมารถใช้สวนและหยุดสกิลของบอสบางตัวอย่างเช่นบัลบาล่าในดันเจี้ยนมิกุ( ดัน 45) ได้ครับในขณะที่มันพุ่งมา
สกิลหลุมดำ(4) ท่านี้จะช่วยให้เราสามารถรวบมอนสเตอร์มาไว้เป็นกองได้ ทำให้เพื่อนสามารถจัดการกับมอนเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นมากๆ อีกทั้งตัวเรายังมีสกิลที่ใช้ต่อจากการรวบได้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์ในดันที่มีมอนเยอะๆ ครับ
พลังดึงดูด (4) สกิลนี้ส่วนใหญ่เราอาจจะไม่ได้ใช้เท่าไหร่ แต่ในบางดันเราอาจจะให้เพื่อนเปลี่ยนเป็นชุดฝ่ายต่างๆ เช่นโจรสลัดกับหมู่บ้านไม่ไผ่ แล้วใช้สกิลนี้ยกเพื่อนขึ้นมาในตำแหน่งที่ต้องการได้ครับ (เช่นดันปู่กรณีที่เพื่อนไม่มีไต่กำแพง)
ทำไมไฟถึงไม่ค่อยเหมาะกับการ PVP
ก่อนที่จะไปยังหัวข้อถัดไปเกี่ยวกับ PVP แบบเต็มรูปแบบผมจะมาขอบอกถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่าศาสตร์สายไฟไม่ค่อยเหมาะกับการ PVP โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
- สกิลของสายไฟนั้นดาเมจหลักๆ เลยจะมาจากลำแสงเพลิง แต่ในการ PVP เราอาจจะต้องการท่า CC เพิ่มอย่างเช่นท่าล้มของเพลิงเผาพลาญในปุ่มดียวกัน ทำให้ต้องเลือกว่าจะเอาอันไหน ซึ่งหากเราใช้ท่าล้มก็จะทำให้ดาเมจของเราหายไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากเทียบกับสายน้ำแข็งที่มีท่าโจมตีที่ต่อเนื่องอยู่แล้วอย่างหิมะคลั่ง(คลิกขวา) ต่อให้เราไม่ได้ใช้ท่าดาเมจยอดนิยมอย่างลำแสงเกล็ดแข็ง(2)ก็ยังมีดาเมจที่สูงอยู่ครับ
- การ PVP แบบทีมเราต้องการทำความเสียหายในเวลาที่สั้นที่สุด ซึ่งสกิลของสายน้ำแข็งส่วนตัวแล้วผมมองว่าค่อนข้างจะตอบโจมย์กว่าสายไฟ ซึ่งการจะแสดงผลให้เต็มประสิทธิภาพจะต้องพึ่งแสตคและเวลา ทำให้เวลาอันมีค่าในการลงไปช่วยเพื่อนสู้ 5 วินั้นไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่
*ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจ้าอาจจะมีเพื่อนๆ เห็นต่างสามารถมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ครับ
แนวทางการเล่น PVP เบื้องต้น
สำหรับการเล่น Force Master นั้นจะมีแนวทางการเล่นอยู่หลายแนวด้วยกันครับ ซึ่งกบจะขอทำการแนะนำการอัพสกิลและสายแบบที่กบเล่นเป็นประจำให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันนะครับ รวมไปถึงวิธีการรับมือกับอาชีพอื่นๆ แบบคร่าวๆ ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบอกเอาไว้ก่อนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของกบนะครับ อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด โดยกบเองก็ไม่ได้เก่งระดับเทพอะไรมากมาย เอาไว้ให้เพื่อนๆ เป็นแนวทางคร่าวๆ แล้วกันครับ แต่ก่อนอื่นผมจะขอบอกว่าทำไมผมถึงคิดว่าสายไฟไม่ค่อยเหมาะกับการเอาไปใช้ PVP ดังหัวข้อด้านล่างครับ
สายที่ 1 เน้นทำดาเมจให้ไวที่สุด
คอมโบของสกิลสายนี้คือ ลูกเห็บเหน็บหนาว(Z)และลำแสงเกล็ดแข็ง(2) ข้อดีของสายนี้ข้อดีคือดาเมจของเราจะสูงมากๆ เพียงแต่ว่าจะแลกมาด้วยความคล่องตัวที่ลดน้อยและถดถอยลง อีกทั้งคูลดาวน์ยังนานมากอีกต่างหาก ถ้าพลาดขึ้นมาล่ะก็กู้สถานการณ์ยากพอดูเลย สายนี้เหมาะกับการเล่นแบบทีม 3VS3 มาก เพราะเราสามารถกดออกมาโจมตีด้วยท่าใหญ่ได้และถ้าโดนใช้เวลาเพียงไม่นานก็ฆ่าเป้าหมายได้แล้ว โดยเฉพาะหากว่าเพื่อนมีพวกท่าจับ แต่การเล่นแบบ 1VS1 ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ไม่ควรจะเอาไปใช้กับพวกที่มีท่าเข้าประชิดเยอะๆ หรือท่าหนีมากๆ เพราะจะทำให้คอมโบของเราเป็นหมันเอาได้ง่ายๆ ครับ
อีกนิดนึงคือสายนี้แบบ 1VS1 จะเหมาะกับการเอามาใช้สู้กับนักเวทย์ด้วยกันเอง และซัมมอนเนอร์มากเป็นพิเศษ แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับพวกตัวเคลื่อนที่ไปมาได้ไวๆ อย่างนินจาครับ เพราะท่าเปลี่ยนที่ของแอสซาซินและท่าหายตัวทำให้เราเล่นลำบากสุดๆ เลยครับ อีกนิดคือหากเราเจอซัมมอนเนอร์อาจจะไม่ใช้ฝ่ามือน้ำแข็งแต่เปลี่ยนเป็นท่าหิมะคลั่งแทนก็ได้ครับ(คลิกซ้าย) แล้วก็ท่าคลื่นกระแทกหากเจอ 1vs1กับพวกประชิดแนะนำว่าเปลี่ยนเป็นสกิลพื้นฐานจะดีกว่าจ้า
สายที่ 2 เน้นความคล่องตัว
ในสายนี้เราจะเอาสกิลดาเมจหลักอย่างลูกเห็บเหน็บหนาว(z) และเกล็ดน้ำแข็ง(2) ออก แต่จะเอาสกิลที่ใช้งานได้ง่ายและคล่องตัวกว่ามาใช้แทน โดยดาเมจหลักของเราจะกลายมาเป็นท่าหิมะคลั่ง(คลิกขวา) ส่วนกระสุนมังกรน้ำแข็ง(2) จะเอาไว้ใช้ขัดคอมโบของศัตรูและทำให้ล้มครับ (แต่หากเราไม่ชอบจะใช้เป็นเกล็ดน้ำแข็งเหมือนเดิมก็ได้นะ ระยะมันไกลกว่า) และในส่วนของมังกรหนาวเหน็บเราจะเอาไว้ใช้ในการโจมตีลงพื้นจากระยะไกลซึ่งแทบจะไม่มีทางกันได้ครับ เอาไว้ใช้ก่อกวนได้ดีมากๆ
สกิลต่างๆ ที่จำเป็นในการ PVP
เพลิงมังกร/หิมะมังกร/มังกรคู่ (F)
จะว่าเป็นสกิลหากินของ Force Master ก็ไม่ผิดนักครับ การจะใช้สกิล 3 ท่านี้ได้เราจะต้องเปลี่ยนศาสตร์ไปมา ซึ่งดาเมจของท่าพวกนี้ก็ไม่น้อยเลยล่ะครับ โดยการใช้ท่า 3 ท่านี้จะฟื้นโซลให้เราทุกท่า ดังนั้นควรหาจังหวะใช้ให้ดีๆ ครับ โดยท่าที่แรงที่สุดจะเป็นมังกรคู่ เพียงแต่ก็ใช้ยากที่สุดด้วยเช่นกันเพราะว่ามันจะไม่เล็งเป้าอัตโนมัติแบบอีกสองท่าครับ และเราอาจจะต้องเปลี่ยนแผงสกิลไปมาระหว่างไฟกับน้ำแข็งจึงจะสามารถใช้มันได้ ด้วยทำให้แอบใช้ยากนิดหน่อย แต่ก็คุ้มกับความแรงนะ
คลื่นกระแทก (1) สกิลคลื่นกระแทกนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยความสามารถได้ถึง 3 แบบด้วยกัน โดยในสกิลแต่ละสายจะมีความแตกต่างกันนิดหน่อย โดยของสายไฟท่าคลื่นกระแทกจะเป็นคอมโบและสกิลพื้นฐาน ที่ทำให้เราสามารถทำให้เป้าหมายติดสถานะเผาไหม้ได้ ส่วนของสายน้ำแข็งจะเป็นลดการใช้ใหม่ ซึ่งทำให้คูลดาวน์ของ บอลหิมะหรือพายุน้ำแข็งลดลง
การใช้งานคลื่นกระแทกนั้นอาจจะปรับไปมาระหว่างบล็อคหรือสกิลพื้นฐานตามสถานการณ์ครับ โดยหากเราเจอพวกสายโจมตีระยะไกลอาจจะเอาบล็อคมาไว้ใช้ แต่หากเจอพวก Melee และคิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้ก็ให้เอาสกิลพื้นฐานมาแทนครับ (แต่อาจจะพกบล็อคมากันบางสกิลได้นะ แต่ส่วนตัวแล้วกบว่าใช้ค่อนข้างลำบาก)
ฝ่ามือน้ำแข็ง/หิมะคลั่ง (คลิกขวา)
สองสกิลนี้มีประโยชน์แตกต่างกันออกไปครับ โดบฝ่ามือน้ำแข็งจะทำให้เราสร้างสถานะผิดปกติกับเป้าหมายได้ด้วยการเยือกแข็งเป็นเวลาถึง 10 วินาที แต่ข้อเสียของมันคือการจะยิงเราต้องใช้โซลด้วยครับ กลับกันหิมะคลั่งจะได้เปรียบในเรื่องนี้มากๆ เพราะไม่ใช้โซลแถมยังทำดาเมจได้ดีกว่าด้วย ซึ่งเราก็ต้องเลือกเอาล่ะครับว่าต้องการผลของอะไร
ในการใช้งาน โดยส่วนตัวผมแล้ว หากผมทำการเลือกสกิล กระสุนมังกรน้ำแข็งมาแทนที่ลำแสงเกล็ดแข็ง(2) ผมจะเลือกเอาหิมะคลั่งมาด้วยเสมอ เพราะดาเมจของผมจะหายไปค่อนข้างเยอะ และต้องพึ่งดาเมจจากท่าพายุคลั่งแทน แต่หากว่าผมมีท่าลำแสงเกล็ดแข็งอยู่แล้ว(2) ผมมักจะไม่ค่อยเอาพายุคลั่งไปครับ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ความถนัดเราแหล่ะนะ)
ระเบิดพลัง(3)
สุดยอดสกิลที่จำเป็นมากๆ ของจอมเวทอย่างเราๆ เพราะสกิลนี้จะทำให้เป้าหมายที่โดนติดสถานะสตั๊นทันที ซึ่งหากเราใช้ถูกจังหวะจะหยุดคอมโบของอีกฝ่ายนึงได้ชะงัดมากๆ ครับ เพียงแต่ระยะคูลดาวน์นานมาก หากจะใช้ล่ะก็คิดให้ดีๆ ก่อนนะ
พลังดึงดูด(4)
สกิลนี้เป็นท่าที่ค่อนข้างจะจำเป็นมากๆ ครับเวลาที่เราเจอกับพวกสายเวทย์ด้วยกัน เพราะส่วนใหญ่ในการต่อสู้ด้วยกันระหว่าง Force Master มักจะมีการกางบาเรีย(C) กันเอาไว้เสมอ ดังนั้นสกิลนี้จึงจำเป็นมากในการลากคอ FM ของอีกฝั่งนึงออกมานอกบาเรียครับ และนอกจากการใช้ลากคอเป้าหมาอยอกมาจากบาเรียได้แล้ว เรายังใช้ท่านี้ในการยื้อเวลาไม่ให้เป้าหมายใช้สกิลได้สะดวกได้อีกด้วย
หลังจากที่เราดึงเป้าหมายขึ้นมาแล้ว จะทำให้มีสกิลที่ใช้ได้ตอนเป้าหมายอยู่กลางอากาศด้วยครับ ซึ่งหลักๆ แล้วสกิลที่ผมมักจะใช้คือท่าเวทย์ผลักไส(2) เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของศัตรูและซื้อเวลาให้เราเพิ่มขึ้นครับ หรือสกิลดูดมานา(4) ครับ
พายุน้ำแข็ง (x)
สกิลหากินที่เอาไว้ใช้เพิ่มโซลและยกเลิกการป้องกันของศัตรู ถึงแม้ว่าจะเจาะท่าบล็อกของหลายตัวไม่ได้ แต่ก็เป็นท่าที่ดีในการก่อกวนเลยล่ะครับ อย่างน้อยๆ แค่เอาไว้ฟื้นโซลสัก 3 ก็ค่อนข้างจะคุ้มแล้ว
คลื่นความร้อน(z)
สกิลที่เอาไว้ใช้งานในการต่อสู้แบบทีมได้ดีมาก โดยเฉพาะตอนเพื่อนเรากำลังเสียเปรียบ เพราะสกิลนี้จะทำให้ช่วยยื้อเวลาได้มาอีกหน่อย โดยศัตรูที่โดนจะทำการติดสถานะน็อคดาวน์ และด้วยการที่เป็นสกิลลงพื้นทำให้แทบจะไม่มีทางป้องกันได้เลยครับ
หนี(ss)
สำหรับท่าหนีนี้ผมอยากจะแนะนำให้ใช้เป็นต้านทาน 1 หรือต้านทาน 2 จะดีกว่าครับ ซึ่งแล้วแต่เราจะถนัดว่าจะใช้อันไหน เพราะความต่างของมันก็คือระยะในการหนีครับ ส่วนหนีที่เป็นอันที่ 3 นั้นผมไม่แนะนำเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่มันไม่ดีนะ มันดีมากเลยครับ เพราะในตอนที่เราหนีศัตรูรอบๆ จะติดสถานะฟรีซด้วย แต่ว่าหากเราใช้พลาดขึ้นมาการเลือกความสามารถหนีจะต้องรอคูลดาวน์ถึง 36 วินาทีเลยทีเดียว ทำให้มีโอกาสพลาดเยอะ หากจะใช้ก็ควรจะมั่นใจว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้แน่ๆ ครับ ผมเลยไม่แนะนำเท่าไหร่
ฟรอสโนวา/โล่น้ำแข็ง (V)
สำหรับปุ่ม V ผมขอแนะนำแค่ 2 สกิลนี้ครับ คือโล่น้ำแข็งซึ่งจุดประสงค์หลักแล้วคือไม่ได้เอาไว้ใช้คุ้มครองปาร์ตี้ครับ แต่เราจะเอาไว้ใช้ในการถ่วงเวลาซะมากกว่า ส่วนฟรอสโนวานั้นเอาไว้ใช้ต่อกับสกิลที่ทำให้เป้าหมายติดฟรีชไปเรียบร้อยแล้ว จะได้ผลชงัดดีมาก
เกราะน้ำแข็ง(Tab)
งท่านี้เราจะเอาไว้ใช้ในการถ่วงเวลาเพื่อรอสกิล และฟื้นฟูโซลเป็นส่วนใหญ่ โดยขอบอกไว้เลยว่ามีประโยชน์มากๆ อย่างเช่นหากเราเห็น Blade Master กำลังใช้สกิลปล่อยดาบออกมา(ที่มีดาบรอบตัว) เราอาจจะทำการใช้ท่านี้เพื่อถ่วงเวลารอท่าหมด หรือเมื่อเจอกับสกิลพายุเหน็บหนาวของ FM ด้วยกันก็เอาไว้ถ่วงเวลาจนกว่าผลของสกิลจะหมด เป็นต้น
สำหรับเกราะน้ำแข็งผมแนะนำว่าที่ให้เลือกอยู่ 2 แบบคือดูดพลังชีวิต หรือฟรีซ อย่่างหนึ่ง ส่วนฟื้นฟูพลังชีวิตผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่เพราะ CD มันนานมากกกกกกกกก โอกาศได้ใช้เกิน 1 รอบแทบไม่มีเลยครับ โดยฟื้นฟูพลังชีวิตหากอีกฝ่ายเผลอมาโจมตีระหว่างที่เราใช้สกิลเราจะได้เลือดเพิ่มด้วย ส่วนฟรีซเมื่อยกเลิกสกิลแล้วเราจะถอยหลังพร้อมเยือกแข็งเป้าหมาย 6 วิครับ โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบฟรีซมากกว่า โดยเฉพาะเวลาเจอกับพวกสายระยะใกล้อย่างแอสหรือพวกกังฟู
ก้าวเผาผลาญ(Q)/ก้าวเยือกแข็ง(E)
สกิลเอาตัวรอดสำคัญของ FM ซึ่งเจ้าสองสกิลนี้หากเราใช้ถูกจังหวะจะสามารถป้องกันการโจมตีของศัตรูได้ อีกทั้งขณะที่เราโดนล็อคด้วยท่าต่างๆ อยู่ก็สามารถสกัดให้หลุดได้ด้วยสองสกิลนี้เช่นกัน อีกทั้งธาตุในการโจมตีของเรายังเปลี่ยนไปตามสกิลที่กดด้วยครับ ดังนั้นจึงเปรียบได้เลยว่าเจ้าสองสกิลนี้เป็นอาวุธลับที่ต้องใช้งานให้ดีๆ ครับ ที่สำคัญหากเราใช้พุ่งใส่เป้าหมายเราจะสามารถแดชไปข้างหลังศัตรูได้ด้วย ทำให้มีประโยชนืมากเวลาเจอพวกที่ชอบบล็อกสกิลด้านหน้าอย่างเช่น Blade Master และ Kungfu Master ครับ
คำแนะนำในการสู้กับอาชีพต่างๆ แบบคร่าวๆ
Summonner(Sm) : ถ้าเจอกับสายอาชีพนี้น่าจะเป็นสายที่เราสู้ได้ค่อนข้างง่ายที่สุด เว้นแต่อีกฝ่ายจะค่อนข้างเก่งโปร จุดสำคัญของการปะทะกับ Summonner คือกางใช้สกิล C เพื่อป้องกันการโจมตีของพวกเค้า จะทำให้เราซื้อเวลาได้พอสมควร จะทำให้เรามีเวลาเลือกได้ว่าจะจัดการตัวซัมมอนเนอร์หรือตัวแมวของครับ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้สกิลป้องกันแมวเอาไว้ เราอาจจะทำการฆ่าแมวทิ้งก่อนเลยก็ได้
จุดสำคัญคือให้ระวังท่าที่ SM กำลังกางฝุ่นสีใสๆ รอบๆ ตัวเพราะเมื่อเราตีไปเค้าจะได้เลือดฟื้นคืนมาด้วย นอกจากนี้ ให้เราระวังท่าหายตัวของอาชีพนี้ให้ดี ถ้าหากอีกฝ่ายยกมือขึ้นแล้วถือดอกไม้ แล้วเราโจมตีไประหว่างนั้น SM จะสามารถหายตัวได้ครับ
Force Master(FM) : กรณีที่เจอกับอาชีพเดียวกัน อาจจะต้องอาศัยการชิงไหวชิงพริบกันพอสมควรครับ โดยใครที่ใช้สกิลหนีหมดก่อน ส่วนมากจะเป็นฝ่ายแพ้ไป ซึ่งการต่อสู้นั่นเราควรจะต้องบริหารการใช้สกิลและโฟกัสให้ดีๆ ครับ โดยเฉพาะสกิล ป้องกันตัวเอง(C) นั้นสำคัญมาก เพราะหากกะจังหวะใช้ดีๆ ให้ศัตรูตีมาช่วงที่ใช้เท่ากับเราจะได้เลือดฟรีจำนวนมากเลยล่ะครับ
ถ้าหากเราเห็นอีกฝ่ายกำลังใช้ C อยู่วิธีการแก้จะมีอยู่ 2 อย่างคือรอให้โล่หมด และใช้สกิลลงพื้นตอดๆ ไปก่อนเช่น มังกรหนาวเหน็บ(x) หรือคลื่นความร้อน(z) เป็นต้น อีกทางนึงคือดึงมันออกมาด้วยสกิลพลังดึงดูด (4) และหากจะให้ดีใช้ท่าดูดซับซ้ำเพื่อเพิ่มโซลให้ตัวเองด้วยครับ
Assassin (AS): โดยส่วนตัวแล้วอาชีพนี้ผมไม่ค่อยอยากจะเจอเท่าไหร่ ด้วยสกิลหายตัวที่ค่อนข้างนาน และท่าต้านทานอีกสารพัด ทำให้การรับมือกับ AS เป็นไปได้ค่อนข้างยาก ถ้าหากเราเจอกับ AS ล่ะก็คำแนะนำของผมคือเราต้องใจเย็นๆ ครับอย่ารีบใช้ท่าหนีจนหมด และหากมีเวลาพักช่วงหายใจ เราอาจจะใช้ท่าป้องกันตัวเอง(C) เพื่อฟื้นเลือด เท่าที่พอจะทำได้ และหากคิดว่าจะโดนคอมโบหนักๆ ให้เราใช้ท่าเกราะน้ำแข็ง(Tab) เพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้ครับ หรืออาจจะใช้ตอนโดนท่าระเบิดแสงก็ได้เพราะอย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้ในช่วงนั้น (แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงการใช้ดีกว่า เพราะมันจะฟื้นฟูโซลให้เราได้ด้วย เก็บไว้ใช้ตอนที่ลำบากจริงๆ )
หากมีโอกาสล่ะก็พยายามมใช้สกิลดึงใส่ As ให้ได้และดูดโซลด้วยท่าดูดซับ(4) เพราะการที่ลูกแก้วของเค้าไม่ค่อยมีจะทำให้สกิลที่เราจะโดนน้อยลงไปเยอะครับ และในการต่อสู้แบบ PVP การที่เรามีโซลเยอะกว่าก็ทำให้ออกสกิลได้ง่ายกว่าด้วย
Blade Dance (BD) : อีกสายอาชีพนึงที่สู้ด้วยค่อนข้างยาก เพราะมันบล็อกสกิลเราได้ หากเจอให้ระวังอย่ายิงสกิลส่งเดช และคอยนับโฟกัสของอีกฝ่ายเอาไว้ เพราะว่าหากอีกฝ่ายหมุนพลาดและบล็อคสกิลอะไรไม่ได้เลย จะเสียโฟกัสไปฟรีๆ 2 และเป็นคราวของเราครับ และคอยรักษาระยะห่างเอาไว้ เพราะในระยะประชิดสายอาชีพนี้ค่อนข้างน่ากลัวมากเลยทีเดียว
Blade Master(BM) : สำหรับการเจอกับ BM นั้นเป็นงานที่ค่อนข้างยากเช่นกัน เพราะอาชีพนี้มีสกิลบล็อกที่ถี่มากๆทำให้เราเจาะเข้าไปยาก ซึ่งเราอาจจะต้องหาทางเข้าข้างหลังให้ได้ หรือคอยโจมตีสวนขณะที่พวกเค้าโจมตีพลาดครับ ซึ่งสกิลที่ช่วยแช่แข็งจะช่วยทำให้เราสู้กับพวกเค้าได้ง่ายขึ้นมาก เพราะหากเค้านิ่งอยู่กับที่จะทำให้เรามีเวลาอ้อมไปโจมตีจากด้านหลัง และพวกเค้าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยครับ
ระวังท่าที่ BM เรียกดาบขึ้นมเอาไว้ให้ดีๆ เพราะดาเมจของพวกเค้าจะสูงขึ้นมาก หากเห็นว่าพวกเค้าใช้ท่านี้ล่ะก็ ผมแนะนำว่าเราควรจะแช่แข็งตัวเองเอาไว้ด้วยสกิล เกราะน้ำแข็ง(Tab) ก่อนแล้วค่อยออกมาสู้ทีหลังจะดีกว่าครับ
Destroyer(DT) : สายอาชีพที่น่ารำคาญมากๆ และไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร เพราะคนที่เล่นสายนี้เก่งๆ สำหรับอาชีพเราแล้วน่ากลัวมากครับ โดยหลักๆ แล้วหากเจอสายนี้สิ่งที่เราควรทำคือการทิ้งระยะ และคอยโจมตีอยู่ห่างๆ
โดยพยายามใช้ท่าฟรีซเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ทำอะไรตามใจชอบ และสโลว์เอาไว้จะช่วยเราได้ค่อนข้างมากครับ แน่นอนว่าหากเจอกับสายนี้การหวังสกิลอย่างลูกเห็บเหน็บหนาว(z) จะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ผมเลยแนะนำว่าให้เอาสกิลที่ใช้แล้วเห็นผลทันทีอย่างมังกรหนาวเหน็บ(z) มาจะช่วยได้เยอะกว่าครับ
Kung Fu Master (KF) : สายอาชีพที่มีท่าเข้าเยอะมากๆ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของสายอาชีพ Force Master ตัวบางๆ อย่างเรามากเลยทีเดียวล่ะครับ ซึ่งหากเราเจอกับสายอาชีพนี้ให้ระวังท่าเข้าสารพัดท่าของพวกเค้าเอาไว้ให้ดีๆ ซึ่งการใช้งานสกิลป้องกันตัวและฟรีซตัวเองจะช่วยคุณได้เยอะมากๆ และถ้าหากว่าอีกฝ่ายกดบล็อครัวๆ ล่ะก็ลองเอาระเบิดลงพื้นยัดให้ติดน็อค หรือพยามหาจังหวะโจมตีจากด้านหลัง จะช่วยทำให้เราสร้างความเสียหายให้กับพวกเค้าได้เยอะครับ และข้อสำคัญอีกอย่างคือพยามหลีกเลี่ยงการสู้ระยะประชิดกับสายอาชีพนี้ให้มากที่สุดครับ เพราะเราอาจจะโดนคอมโบรัวๆ และตายเอาแบบยังไม่ได้กดอะไรเลย ดังนั้นท่าหนีอย่างการกด Tap จึงสำคัญมากๆ อย่าใช้พร่ำเพรื่อเด็ดขาด
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]