จ้าวยลจันทรา (Dan Heng IL) ตัวละคร Path ทำลายล้าง ธาตุ จินตภาพ ภายในเกม Honkai: Star Rail ที่สามารถใช้แต้มสกิลต่อสู้เพื่อเสริมพลังการโจมตีปกติให้รุนแรงขึ้นได้อย่างมาก จนสามารถฆ่าศัตรูได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการปั้นกันว่าควรจะปั้นยังไงให้ออกมาใช้ได้ดีที่สุด หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย!
Table of contents
ข้อมูลสกิลตัวละคร
ชื่อ | ความสามารถ |
---|---|
Beneficent Lotus – โจมตีปกติ | Beneficent Lotus ปล่อยการโจมตี 2 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 130% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว Transcendence ปล่อยการโจมตี 3 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 338% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว Divine Spear เมื่อปล่อยการโจมตี 5 ครั้งจะสร้าง DMG จินตภาพ 494% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว โดยตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะสร้าง DMG จินตภาพ 78% ของ ATK แก่เป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงด้วย Fulgurant Leap เมื่อปล่อยการโจมตี 7 ครั้งจะสร้าง DMG จินตภาพ 650% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว โดยตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะสร้าง DMG จินตภาพ 234% ของ ATK แก่เป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงด้วย |
Dracore Libre – สกิลต่อสู้ | ทำให้การโจมตีปกติ ได้รับการเสริมพลัง โดยสามารถเสริมพลังต่อเนื่องได้สูงสุด 3 ครั้ง การปล่อยสกิลนี้จะไม่ใช้แต้มสกิลต่อสู้ และไม่ถือเป็นการใช้สกิลต่อสู้ เสริมพลัง 1 ครั้ง “Beneficent Lotus” จะเปลี่ยนเป็น “Transcendence” เสริมพลัง 2 ครั้ง “Beneficent Lotus” จะเปลี่ยนเป็น “Divine Spear” เสริมพลัง 3 ครั้ง “Beneficent Lotus” จะเปลี่ยนเป็น “Fulgurant Leap” เมื่อปล่อย “Divine Spear” หรือ “Fulgurant Leap” ตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะได้รับ “Outroar” 1 ชั้นก่อนการโจมตีในแต่ละครั้ง ทำให้ DMG คริติคอล เพิ่มขึ้น 15.0% โดยเอฟเฟกต์นี้ สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ชั้น และจะคงอยู่จนกว่าเทิร์นของตัวเองสิ้นสุด |
Azure’s Aqua Ablutes All – ท่าไม้ตาย | ปล่อยการโจมตี 3 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 360% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว พร้อมทั้งสร้าง DMG จินตภาพ 168% ของ ATK แก่ศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย และทำให้ตัวเองได้รับ “Squama Sacrosancta” 2 อัน สามารถมี “Squama Sacrosancta” ได้มากสุด 3 อัน และใช้เพื่อหักลบ แทนการใช้แต้มสกิลต่อสู้ได้ ทั้งนี้การใช้ “Squama Sacrosancta” จะถือเป็นการใช้แต้มสกิลต่อสู้ |
Righteous Heart – พรสวรรค์ | หลังจากปล่อยการโจมตีในแต่ละครั้ง จะได้รับ “Righteous Heart” 1 ชั้น ซึ่งจะทำให้ตัวเองสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12.5% เอฟเฟกต์นี้สามารถซ้อนทับได้ 6 ชั้น และคงอยู่จนกว่าเทิร์นของตัวเองสิ้นสุด |
Heaven-Quelling Prismadrakon – เทคนิค | หลังจากใช้เทคนิคแล้ว จะเข้าสู่สถานะ “Leaping Dragon” เป็นเวลา 20 วินาที หากใช้การโจมตีขณะอยู่ภายใต้สถานะ “Leaping Dragon” จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในระยะหนึ่ง และโจมตีศัตรูทั้งหมดที่สัมผัส ในระหว่างการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนี้ ยังต้านทานการโจมตีทั้งหมดของศัตรูได้อีกด้วย เมื่ออยู่ภายใต้สถานะ “Leaping Dragon” และเข้าสู่การต่อสู้โดยเป็นฝ่ายโจมตีศัตรูก่อน จะสร้าง DMG จินตภาพ 120% ของ ATK แก่ศัตรูทั้งหมด และทำให้ตัวเองได้รับ “Squama Sacrosancta” 1 อัน |
Light Cone แนะนำ
ชื่อ | ความสามารถ |
---|---|
Brighter Than the Sun (แนะนำมาก) | ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18%/21%/24%/27%/30% เมื่อผู้สวมใส่ใช้การโจมตีปกติ จะได้รับ “Dragon’s Call” 1 ชั้น เป็นเวลา 2 เทิร์น ซึ่ง “Dragon’s Call” แต่ละชั้น จะทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18%/21%/24%/27%/30% และอัตราการฟื้นฟูพลังงานเพิ่มขึ้น 6.0%/7.0%/8.0%/9.0%/10.0% โดย “Dragon’s Call” สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 2 ชั้น |
On the Fall of an Aeon | เมื่อผู้สวมใส่ทำการโจมตี จะทำให้ ATK ในการต่อสู้ครั้งนี้ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8%/10%/12%/14%/16% โดยสามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ชั้น หลังจากผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายแล้ว จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12%/15%/18%/21%/24% เป็นเวลา 2 เทิร์น |
Under the Blue Sky | ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16%/20%/24%/28%/32% หลังจากที่ผู้สวมใส่กำจัดศัตรูแล้ว อัตราคริติคอลเพิ่มขึ้น 12%/15%/18%/21%/24% เป็นเวลา 3 เทิร์น |
Collapsing Sky | ทำให้การโจมตีปกติและสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่ สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 20%/25%/30%/35%/40% |
Brighter Than the Sun | On the Fall of an Aeon | Under the Blue Sky | Collapsing Sky |
เซ็ต Relic แนะนำ
สำหรับเซ็ต Relic น่าใช้ตัวเซ็ตหลักเราจะใช้เป็นเซ็ต Musketeer of Wild Wheat 4 ชิ้น เพื่อทำให้ ATK เพิ่มขึ้น 12%, ความเร็วเพิ่มขึ้น 6% และ DMG จากการโจมตีปกติเพิ่มขึ้น 10% หรือภายในทีมมี Welt ก็จะสามารถใช้เซ็ต Wastelander of Banditry Desert 4 ชิ้น เพื่อทำให้ DMG จินตภาพเพิ่มขึ้น 10%, สร้าง DMG แก่ศัตรูที่ติดเอฟเฟกต์ Debuff อัตราคริติคอลจะเพิ่มขึ้น 10% และเมื่อสร้าง DMG แก่ศัตรูติดสถานะกักขัง DMG คริติคอลจะเพิ่มขึ้น 20%
ส่วนเซ็ตรองอีก 2 ชิ้นจะสามารถใช้ได้ 2 เซ็ตคือ
- Rutilant Arena – ทำให้อัตราคริติคอลเพิ่มขึ้น 8%, เมื่ออัตราคริติคอลปัจจุบันมากกว่าหรือเท่ากับ 70% DMG จากการโจมตีปกติและสกิลต่อสู้จะเพิ่มขึ้น 20%
- Space Sealing Station – ทำให้ ATK เพิ่มขึ้น 12%, เมื่อความเร็วเท่ากับหรือมากกว่า 120 ATK จะเพิ่มขึ้นอีก 12%
ในส่วนออฟหลักแนะนำสำหรับทีมดาเมจต่อเนื่องจะเป็น
เสื้อ – อัตราคริติคอล/ดาเมจคริติคอล
รองเท้า – ความเร็ว
เชือก – ATK%
ลูกแก้ว – เพิ่มดาเมจจินตภาพ
ออฟรองที่น่าหาอยู่ในตัว Relic คือ อัตราคริติคอล/ดาเมจคริติคอล, ความเร็ว, ATK%, เอฟเฟกต์ทำลายล้าง
Musketeer of Wild Wheat | Wastelander of Banditry Desert | Rutilant Arena | Space Sealing Station |
Eidolon ไหนคุ้มสุด
ตัวของจ้าวยลจันทรานั้นสามารถนำไปเล่นได้แบบสบายตั้งแต่ E0 แล้ว หากสามารถทำ Eidolon เขาไปถึง E2 ได้ก็จะทำให้เขาได้รับเทิร์นเพิ่มเติมหลังจากใช้ท่าไม้ตาย ซึ่งทำให้สามารถสร้างดาเมจเพิ่มเติมต่อได้เลยทันที
ส่วนเรื่องของความสามารถตอน Eidolon ได้ถึง E6 ก็จะสามารถทำดาเมจได้แรงเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการเพิ่มค่าการตีทะลุความต้านทาน เมื่อเพื่อนร่วมทีมใช้สกิลท่าไม้ตาย
ทีมแนะนำ
ทีมจัดได้ง่ายๆ ที่จ้าวยลจันทราสามารถทำดาเมจได้แรงมาก จากการได้บัฟเพิ่ม ATK ของ Tingyun และการแปะดีบัฟลดเกราะใส่ศัตรูของ Pela อีกทั้งยังสามารถใช้ท่าไม้ตายได้เร็วขึ้นด้วยผลท่าไม้ตายของ Tingyun
ทีมจินตภาพล้วนที่สามารถเอาไปเล่นด่านที่ศัตรูมีจุดอ่อนจินตภาพได้ดีมาก โดยตัวดาเมจหลักของทีมจะเป็นจ้าวยลจันทรา ซึ่งเขาจะสามารถทำดาเมจได้อย่างรุนแรงมาก จากการได้บัฟเพิ่ม ATK, เพิ่มอัตราคริติคอล และเพิ่มดาเมจคริติคอลของ Yukong ส่วน Welt จะเป็นตัวดาเมจรองคอยช่วยเรื่องการกักขังศัตรูกับช่วยสร้างดาเมจเสริมใส่ศัตรู
เป็นทีมจินตภาพล้วนคล้ายกับทีมบน แต่ว่าจะใช้ Silver Wolf แทน Welt เพื่อทำให้สามารถนำทีมไปเล่นด่านที่ศัตรูไม่มีจุดอ่อนจินตภาพ ด้วยการใช้เธอเป็นตัวแปะจุดอ่อนจินตภาพใส่ศัตรู
สรุปการ Build – จ้าวยลจันทรา (Dan Heng IL)
สำหรับการ Build จ้าวยลจันทรา แบบสรุปคือ ตัว Relic เซ็ตหลักหากในทีมไม่ได้ใช้ Welt จะใช้เป็นเซ็ต Musketeer of Wild Wheat 4 ชิ้น เพราะว่าผลเซ็ตแบบ 4 ชิ้น ของเซ็ต Wastelander of Banditry Desert จำเป็นต้องให้ศัตรูโดนกักขังก่อนถึงสามารถทำดาเมจได้แรงขึ้น ซึ่งมีเพียงแค่ Welt เท่านั้นที่สามารถกักขังศัตรูได้เลยทันที ไม่ต้องรอจุดอ่อนของศัตรูถูกทำลายด้วยตัวละครธาตุจินตภาพ
ส่วนเรื่องความสามารถของเขาก็ถือว่าเป็นตัวละครที่สามารถสร้างดาเมจเดี่ยวได้แรงมากสุด ณ ตอนนี้แล้ว แต่ว่าต้องแลกมาด้วยการใช้แต้มสกิลต่อสู้แบบมหาศาลในการทำดาเมจครั้งนึง จึงทำให้เวลาจัดทีมแล้วเล่นแบบ Auto ต้องระวังเรื่องของตัวละครที่ใช้แต้มสกิลต่อสู้แบบพร่ำเพรื่อด้วย
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่