ใน League of Legend: Wild Rift บางครั้งหลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมเราถึงแพ้ทั้ง ๆ ที่แชมเปี้ยนทีมก็ดูดีกว่า ของเยอะกว่า หรือแม้แต่บัฟต่าง ๆ ที่มีมากกว่าอีกฝ่ายแต่กลับแพ้เกมซะอย่างงั้น วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยในเรื่องนี้กับทีมไฟต์การต่อสู้พร้อมกัน 5 vs 5 ซึ่งเป็นตัววัดหลัก ๆ อีกตัวในการได้รับชัยชนะของเกม ผมจะกล่าวเป็นข้อ ๆ ไปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
เลือกแชมเปี้ยนที่มีประโยชน์หลายด้าน
หัวข้อนี้เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากมีแชมเปี้ยนที่ค่อนข้างเก่งหรือตามเมต้า (ตัวละครที่ค่อนข้างเก่งหรือโกงในช่วงนั้นซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่นิยมหยิบมาใช้งาน) จะชนะเลนง่ายซึ่งมีโอกาสทำให้เกมได้เปรียบจนแทบไม่ต้องเข้าทีมไฟต์เนื่องจากชนะตั้งแต่ในเลนก็จะมีสูง แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็มีโอกาสทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเองซึ่งหากเปลี่ยนวิธีการเลือกแชมเปี้ยนจากตัวที่เก่งภายในเลนมาเป็นตัวที่มีประโยชน์หลากหลายด้านก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เช่น
- Support: Braum สามารถเป็นตัวเปิดทีมไฟต์ ตัวโซนพื้นที่ และตัวป้องกัน Carry ฝ่ายเราได้อย่างดี
- AD Carry: Ezreal ที่มีสกิลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ระยะการโจมตีจากสกิลค่อนข้างไกล อีกทั้งยังเก่งมากในทุกช่วงเวลาของเกมเรียกได้ว่าครอบคุมสุด ๆ
- Top Lane: Malphite หรือ Gragas มีสกิลจัดการกับฝูงมินเนี่ยนทำให้ในเลนไม่ต้องเสี่ยงปะทะกับอีกฝ่ายมากนักและสกิลต่าง ๆ ก็สามารถนำมาใช้ในทีมไฟต์ได้ดี
นอกจากนี้ยังมีแชมเปี้ยนอื่น ๆ อีกมากมายที่ผมไม่ได้หยิบมายกตัวอย่างให้ดูซึ่งเพื่อน ๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามแต่สถานการณ์ของทีมตนเอง
ช่วงเวลาของเกม
ช่วงเวลาในที่พูดถึงในหัวข้อนี้ คือ ช่วงเวลาที่จะแสดงประสิทธิภาพของแชมเปี้ยนตัวนั้น ๆ ได้อย่างดีที่สุดยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ เช่น
- Jungler: Lee Sin และ Xin Zhao ค่อนข้างเก่งมากในช่วงต้นเกมด้วยดาเมจที่มหาศาลบวกกับความคล่องตัว ทำให้เหมาะแก่การต่อสู้ทีมไฟต์ในช่วงต้นเกมเป็นอย่างมาก
- Top Lane: Nasus ที่จะเก่งกาจในช่วงท้ายเกมเป็นอย่างมาก (เรียกว่าพระเจ้าเลทเกมก็ได้) เพราะผ่านการเก็บ Stacks จากสกิล SIPHONING STRIKE มาค่อนข้างเยอะทำให้การต่อสู้เป็นไปได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น
หากสามารถทำความเข้าใจกับตัวละครนั้น ๆ ได้อย่างดีพอก็จะรู้ข้อมูลว่าแชมเปี้ยนตัวนั้นจะอ่อนแอหรือเก่งเป็นพิเศษในช่วงไหนทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจทำอะไรมากขึ้นนั่นเอง
ไอเทม
อันนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ครับ ความต่างของไอเทม อธิบายให้ชัดเจนหน่อยก็คือ ให้เราเปิดเช็กดูไอเทมที่เรามีและไอเทมฝ่ายศัตรูจากนั้้นก็นำมาเปรียบเทียบกันแล้วค่อยตัดสินใจให้เข้ากับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นครับ ถ้าหากฝั่งเราค่อนข้างที่จะเก็บ Objects (ป้อม มอนสเตอร์ในป่า) ได้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม เราจะสามารถตี Baron หรือ Dragon ได้ทันทีเพื่อบีบให้อีกฝ่ายต้องมาสู้ทั้ง ๆ ที่เสียเปรียบ หรือถ้าอีกฝั่งไม่มาสู้เราก็จะได้ Objects นั้นไปฟรี ๆ สร้างความได้เปรียบให้กับทีมมากขึ้นไปอีก ซึ่งการออกไอเทมนั้นยังสามารถออกเพื่อแก้ทางแชมเปี้ยนอีกฝ่ายได้อีกด้วย เช่น หากอีกฝ่ายมีตัวดาเมจเวทย์เยอะก็ออกไอเทมที่มีต้านเวทย์เข้ามาด้วยจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ตัวอย่าง: Ezreal ไปเจออีกฝ่ายมีตัวดาเมจกายภาพเยอะก็เปลี่ยนจากการออก Trinity Force มาเป็น Iceborn Gauntlet ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีไม่แพ้กันและยังให้ได้เกราะอีกด้วย ไอเทมนี้จะช่วยให้มีโอกาสรอดมากขึ้นจากเกราะที่ได้มานั้นเอง หรือการออก Enchant ให้เหมาะแก่การต่อสู้กับแชมเปี้ยนฝ่ายศัตรูก็สามารถทำได้เช่นกัน
ตำแหน่งการยืน
หนึ่งในข้อสำคัญที่จะเป็นกุญแจว่าทีมจะสามารถชนะในการต่อสู้แต่ละไฟต์นั้นได้หรือไม่ก็คือตำแหน่งการยืน แม้ว่าทีมจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ตามแต่ถ้าหากตำแหน่งของแชมเปี้ยนทีมเราดีกว่าเข้ากับสถานการณ์มากกว่าโอกาสชนะก็ย่อมเกิดขึ้นครับ เช่นเดียวกัน หากทีมเราเป็นฝ่ายได้เปรียบและตำแหน่งของแชมเปี้ยนแต่ละตัวอยู่ในที่ ๆ เหมาะสมกว่าก็เรียกได้ว่าปิดประตูตีแมวชนะใส ๆ ไปได้เลย โดยตำแหน่งการยืนที่เป็นพื้นฐานของแต่ละตำแหน่งได้แก่ดังนี้ครับ
- Top Lane หากเป็นแชมเปี้ยนสายถึกก็ควรจะอยู่ด้านหน้าสุดของทีม เพื่อหาจังหวะเปิดทีมไฟต์หรือยืนกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาฆ่าเหล่าตัวดาเมจของทีม ถ้าหากเป็นแชมเปี้ยนสายดาเมจลอบสังหารให้หามุมแอบเพื่อหาจังหวะลอบฆ่าแชมเปี้ยนฝ่ายตรงข้ามแทนครับ
- Jungler เช่นเดียวกับตำแหน่ง Top Lane แต่ตัวของ Jungler นั้นจะหนักไปทางด้านยืนโซนพื้นฐานหรือเปิดไฟต์เป็นหลักมากกว่าการลอบฆ่าแทนครับ (หรือถ้าหากทั้ง Top Lane และ Jungler เป็นตัวลอบฆ่าทั้งคู่ก็อาจจะหามุมเข้าไปจัดการศัตรูพร้อม ๆ ทั้ง 2 ตำแหน่งเลยก็ย่อมได้ครับ)
- Mid Lane ตัวจ่ายดาเมจที่มักจะยืนอยู่แถวกลางหรือหลังเป็นหลักและจะคอยหาจังหวะไล่ทำดาเมจไปเรื่อย ๆ มากกว่าการใส่สุดที่เสี่ยงตายแบบ Top Lane หรือ Jungler ครับ
- AD Carry ตัวดาเมจหลักของทีมที่ควรยืนอยู่หลังสุดของทีมและค่อย ๆ หาจังหวะทำดาเมจหรืออาจจะยืนคู่กับ Mid Lane เพื่อให้อีกฝ่ายสับสนให้การเลือกสังหารก็ได้เช่นเดียวกันครับ
- Support ในส่วนของ Support นั้นจะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ตัวโซนตัวเปิดแผงหน้าร่วมกับ Top Lane และ Jungler หรือ Support ประเภทป้องกันที่คอยยืนกัน AD Carry และ Mid Lane จากการลอบสังหารของฝ่ายตรงข้ามแทนซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีวิธีเล่นจากตัวแชมเปี้ยนที่เลือกมาในเกมนั้น ๆ เป็นหลักเลยครับ
และนี้คือตัวอย่างจุดที่เหมาะแก่การยืนครับ เช่น AD Carry และ Mid Lane ยืนอยู่ข้างหลังสุดโดยมี Support คอยป้องกันอยู่ทำให้รูปแบบการเล่นกลายเป็น 2 คนจ่ายดาเมจ 1 คนป้องกันเรียกได้ว่าการที่อีกฝ่ายจะเข้ามาสังหารได้นั้นยากสุด ๆ และให้ Top Lane กับ Jungler เป็นตัวเปิดทำจังหวะให้ตัวดาเมจของทีมทำดาเมจไล่หลังมาเรื่อย ๆ ครับ
จุดปะทะ
จุดต่อสู้หรือพื้นที่การปะทะก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเช่นกันยกตัวอย่างง่าย ๆ หากการต่อสู้เกิดขึ้นในป่าที่มีพื้นที่แคบตัวแชมเปี้ยนอย่าง Ahri, Lux, Jinx หรือ Miss Fortune ที่มีสกิลพื้นที่ดาเมจหนัก ๆ สามารถบีบมุมการเล่นของฝ่ายตรงข้ามและจ่ายสกิลทำดาเมจได้อย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่ตัวทำจังหวะต่าง ๆ อย่าง Malphite, Nami หรือ Sona เมื่อจ่ายสกิลในจังหวะที่เหมาะสมก็สามารถทำให้ทีมได้รับชัยชนะในไฟต์นั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
บัฟพิเศษ
มาถึงในหัวข้อบัฟกันแล้วโดยบัฟเหล่านี้ผมจะขอยกมาเฉพาะ Baron Buff และ Dragon Buff เท่านั้นนะครับเนื่องจากเป็น Buff ที่มีผลกับทีมมากกว่า Blue หรือ Red Buff ซึ่งบัฟเหล่านี้เป็นที่รู้ดีอยู่แล้วว่าจะให้ค่าพลังแก่ทีมที่ได้มากกว่าปกติ นั่นทำให้การต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัฟเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ถึงแม้ทีมเราอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แต่ถ้าได้รับบัฟเหล่านี้มาการต่อสู้ในทีมไฟต์ก็อาจมีการพลิกโผได้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น บัฟมังกรไฟที่จะเพิ่มค่า AD และ AP ให้เป็นเปอร์เซ็นแก่ทั้งทีมที่สังหารมันลงได้และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนมังกรไฟที่ฆ่าได้ ซึ่งเจ้าตัวบัฟนี่แหละที่เป็นเหมือนไอเทมดาเมจเสริมเข้ามาเพิ่ม ทำให้ทีมเราอาจจะเสียเปรียบในด้านการเงินหรือของแต่ก็ยังสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี
การมองเห็น
Vision หรือวอร์ดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ ถ้าทีมเรามีระยะการมองเห็นที่กว้างกว่าฝ่ายตรงข้ามก็จะทำให้สามารถวางแผนแก้เกมได้ง่ายยิ่งขึ้น กลับกันหากเราเป็นฝ่ายที่ไม่มีพื้นที่การมองเห็นที่มากพอ การจะเล่นในมุมต่าง ๆ นั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะเสี่ยงต่อการโดนลอบสังหารและยังมีโอกาสที่จะเสีย Objects สำคัญ ๆ ไปอีกด้วย ถ้าให้ผมแนะนำผู้เล่นในทีมก็ควรจะช่วยกันปักวอร์ดในจุดสำคัญต่าง ๆ ทุกคนไม่ใช่แค่ Support เนื่องจากตัวของ League of Legend: Wild Rift นั้นไม่ได้เหมือนกับเกมในเวอร์ชั่น PC ที่ Support สามารถออกของซัพที่สามารถปักวอร์ดเพิ่มได้ (ในเวอร์ชั่น Wild Rift นั้นไม่มีไอเทมประเภทนี้แล้ว)
การสื่อสาร
ข้อสุดท้ายแล้วครับกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ คือ การสื่อสารอันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากไปสักนิด เพราะ League of Legend: Wild Rift นั้นไม่ได้เปิดเพียงแค่โซนไทย ทำให้มีผู้เล่นต่างชาติมาร่วมเล่นด้วยค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าได้มีโอกาสเล่นกับผู้เล่นประเทศเดียวกันหรือสามารถสื่อสารกันเข้าใจได้นั้นหมายความว่าการช่วยเหลือกันในด้านต่าง ๆ ย่อมทำได้ง่ายกว่าฝ่ายตรงข้ามแน่นอนครับ และการพิมพ์เพื่อสื่อสารกันนั้นอาจจะทำได้ยากก็อาจจะใช้ระบบการ Ping สัญลักษณ์ต่าง ๆ ทดแทนได้นะครับ ปล.ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องไม่ตีกันเองภายในทีมก่อนละนะ ฮ่า ๆ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ผมคิดมาซึ่งหวังว่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ จัดระบบระเบียบการเล่นได้ดียิ่งขึ้นนะครับมีความคิดเห็นยังไงสามารถพิมพ์เพื่อพูดคุยกันเพิ่มได้ครับ แล้วพบกันใหม่ในไกด์หน้านะครับ