Lost Ark แนะนำระบบเก็บเกี่ยว Trade Skill หนึ่งในระบบที่ผู้เล่นจะได้เจอตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ไม่ค่อยได้สนใจกับระบบดังกล่าวกันนักและสนแต่การเก็บเลเวลเป็นหลัก ดังนั้นในวันนี้ผมเลยจะมาแนะนำระบบดังกล่าวให้รู้จักกันมากขึ้น เรามาดูดีกว่าระบบนี้คืออะไร ทำงานยังไง แล้วแต่ละสายมีข้อดียังไงกันบ้าง
Trade Skill คืออะไร?
Trade Skill ถ้าหากให้แปลเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ “สกิลสายเก็บเกี่ยว” ที่ให้ผู้เล่นสามารถรวบรวมทรัยพากรตามแผนที่ต่างๆ แล้วนำไปใช้ในภายหลังได้นั่นเอง ซึ่งระบบดังกล่าวนั้นผู้เล่นแต่ละคนจะสามารถปลดล็อคได้เมื่อทำเควสเนื้อเรื่องมาสักพักจนมาถึงหมู่บ้าน Lakebar Village โดยหลังจากเคลียร์เนื้อเรื่องในแถบนี้จนเรียบร้อยแล้วทางตัวเกมก็จะมีการส่ง Guide Quest (เควสม่วง) ส่งมาให้เราไปเรียนรู้ระบบดังกล่าวนั่นเอง
โดยระบบ Trade Skill นี้จะมีการแบ่งแยกย่อยออกไปอีก 6 สายด้วยกันคือ Foraging (เก็บสมุนไพร), Logging (ตัดต้นไม้), Mining (ขุดแร่), Fishing (ตกปลา), Hunting (ล่าสัตว์) และอย่างสุดท้ายคือ Excavating (ขุดซากโบราณ) ซึ่งแต่ละสายก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
นอกจากนี้ตัว Trade Skill นั้นจะมีระบบ “เลเวล” เข้ามาเกี่ยวด้วย ยิ่งเลเวลอัพขึ้นไปมากเท่าไหร่มันก็จะช่วยให้เราเก็บวัตถุดิบที่ยากขึ้นไปได้ แถมในขณะเดียวกันก็จะมีการปลดฟังค์ชั่นบางอย่างเพิ่มเข้ามาให้การเก็บเกี่ยวง่ายขึ้นด้วยเช่นกันครับ
Trade Skill แต่ละสายมีจุดเด่นยังไงบ้าง?
Forging (เก็บสมุนไพร)
สำหรับสายเก็บสมุนไพรนี้นับว่าเป็นหนึ่งในสายยอดนิยมสุดแล้วก็ว่าได้ เพราะสายนี้จะทำให้เราเก็บจำพวก “ดอกไม้” และ “เห็ด” ได้ ซึ่งของเหล่านี้จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการคราฟ HP Potion นั่นเองครับ และด้วยประโยชน์จากการที่นำมาคราฟยาได้จึงทำให้ของในสายนี้เป็นที่ต้องการในตลาดสูงมาก มันจึงทำให้เราสามารถนำไปวางขายไว้ในตลาดและขายออกง่ายมาก
Logging (ตัดต้นไม้)
จุดเด่นของสายนี้ก็คือการ “ตัดไม้” นั่นล่ะครับ ซึ่งตัวของไม้ที่ตัดมาอาจไม่ได้มีราคาสูงอะไรมากนัก แต่มันก็กลับเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างมากในการวิจัยต่างๆ ภายใน Stronghold นั่นเองครับ แถมไม้เหล่านี้ยังเป็นอีกส่วนประกอบสำคัญในการสร้างหรืออัปเกรดเรือในตอนหลังด้วยนั่นเอง
Mining (ขุดแร่)
คล้ายกันกับสายต้ดไม้เลยครับ “แร่เหล็ก” มีบทบาทสำคัญคือใช้ในการวิจัยหรือการอัปเกรดภายใน Stronghold ของเราซะเป็นหลัก แต่ถึงอย่างนั้นแร่หายากอย่าง Strong Iron Ore นั้นก็เป็นหนึ่งในของที่เราต้องใช้สำหรับการคราฟอุปกรณ์ของ Trade Skill ในภายหลังเองด้วย
Fishing (ตกปลา)
ไอเทมที่ได้จากการตกปลานั้นจะมีบทบาทสำคัญในการคราฟพวกหิน Fusion ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการอัปเกรดอุปกรณ์ระดับ Tier 2 – Tier 3 นั่นเองครับ ดังนั้นถ้าเกิดใครคิดอยากเล่นไปไกลๆ แล้วอยากประหยัดหน่อยก็ให้เล่นสายตกปลาไปก็ได้ เพราะในภายหลังได้ใช้อย่างแน่นอนเลย
Hunting (ล่าสัตว์)
เป็นอีกหนึ่งสายที่สามารถนำวัตถุดิบมาใช้ในการคราฟหิน Fusion ได้เช่นกันครับ แต่จะมีข้อดีอยู่กว่าคือไอเทมที่ได้จากการล่าสัตว์นั้นเราสามารถนำมา “คราฟอาหาร” ที่กดใช้เพื่อเพิ่มบัฟสเตตัสให้กับเราได้
Excavating (ขุดซากโบราณ)
คล้ายกันกับสองสายก่อนหน้านี้เลยครับที่เน้นไว้ใช้สำหรับการคราฟพวกหิน Fusion แต่จะมีจุดเด่นกว่าคือเราสามารถนำไปใช้คราฟพวก Secret Map ต่ออีกทางนึง แถมในระหว่างการขุดอยู่ยังมีโอกาสได้ Tool Craft Kits มาไว้คราฟอุปกรณ์เก็บเกี่ยวได้อีกต่างหากหรือจะนำไปขายในตลาดก็ได้เช่นกัน
ของที่ได้จาก Trade Skill เอาไปใช้ที่ไหน?
พอเราได้พวกวัตถุดิบต่างๆ มาแล้วทีนี้เราเอาไปใช้ที่ไหนได้กันล่ะ? หลังจากที่เราได้ของเหล่านั้นมาแล้วไม่ว่าจะ ตกปลา, ขุดแร่, ตัดไม้ หรืออะไรก็แล้วแต่ให้เราทำการกลับมาบ้านของเราหรือ Stronghold ครับผม เพราะเราจะได้ใช้ของเหล่านั้นภายในที่แห่งนี้นั่นเอง
อย่างแรกเลยก็คือเราจำเป็นต้องปลดล็อค “สูตรการสร้างของ” ต่างๆ ก่อนโดยเรียนรู้ได้จากในหัวข้อ Lab ซึ่งจะใช้เป็น ไม้+แร่ ซะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากปลดสูตรอะไรเรียบร้อยก็ให้เราไปที่หน้า Workshop ต่อทีนี้ก็ดูรายการของว่ามีอะไรคราฟได้บ้าง ซึ่งของที่ต้องใช้ก็เป็นของจาก Trade Skill ทั้งนั้นแล่ะครับ
การเก็บเกี่ยว Trade Skills ต้องใช้อะไรบ้าง?
สำหรับการเก็บเกี่ยว Trade Skills นั้นสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้จะประกอบไปด้วย 2 อย่างคือ 1.Trade Tools (อุปกรณ์เก็บเกี่ยว) และ 2.Work Energy นั่นเองครับ ซึ่งถ้าขาดอย่างใดอย่างนึงไปจะทำให้เราไม่สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้นั่นเอง
Trade Tools หรือ “อุปกรณ์เก็บเกี่ยว” นั้นคืออุปกรณ์ที่เราต้องใช้ในการเก็บเกี่ยว ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะมีการแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ เหมือนอุปกรณ์สายต่อสู้ของเราเลย ยิ่งระดับที่สูงขึ้นยิ่งให้การเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันของพวกนี้ก็จะมีค่า Durability หรือ “ความคงทน” อยู่ทำให้เราต้องคอยซ่อมอยู่เสมอๆ นั่นเอง
Work Energy ถ้าให้แปลตรงตัวง่ายๆ เลยก็คือ “ค่าสเตมิน่า” นั่นล่ะครับ เป็นค่าพลังงานที่เราต้องใช้ในการเก็บเกี่ยว โดยค่าดังกล่าวจะสามารถสะสมได้สูงสุดที่ 10,000 แต้ม และจะค่อยๆ ทยอยฟื้นขึ้นมาทีละนิดทุกวันวันละ 4,000 – 6,000 แต้ม ดังนั้นถ้าไม่อยากให้แต้มดังกล่าวล้นและเสียเปล่าฟรีๆ ก็ให้เราใช้แต้มขั้นตํ่าที่บอกไว้ในทุกวันครับผม
Trade Tools อันใหม่หาจากไหน?
ถ้าอย่างนั้นเราจะหา Trade Tools อันใหม่ที่ดีกว่าได้จากไหนกันล่ะ? เราสามารถหาอุปกรณ์เก็บเกี่ยวที่ดีกว่าโดยการ Crafting หรือ “คราฟ” นั่นล่ะครับ โดยของที่เราจำเป็นต้องใช้จะประกอบไปด้วย 3 อย่างคือ
Crafting Recipes – สูตรการสร้างอุปกรณ์
Kits – เครื่องมือสำหรับการสร้าง
Trade Materials – วัตถุดิบจากการเก็บเกี่ยว
สำหรับตัว Recipes นั้นเราสามารถใช้พวก Seal ไปแลกกับ NPC ได้ใน Stronghold เลยครับ ส่วนอีกสองอันก็หาได้จากการทำพวก Trade Skills นี่ล่ะหรือถ้าใครรีบจริงๆ ก็สามารถไปซื้อจากตลาดได้เลย แต่ต้องระวังด้วยว่าตัว Kits เนี่ยยิ่งระดับสูงราคายิ่งน่ากลัวนะซื้อทีถึงกับหมดตัวได้เลย
พอเราได้ทั้งสามอย่างมาครบเราก็กดเรียนสูตร Recipes แล้วให้เข้าไปหน้า Workshops จากนั้นดูหมวด Tools แล้วคราฟได้เลยครับ ทีนี้เราก็มีอุปกรณ์อันใหม่มาใช้กันแล้ว
Platinum Field คืออะไร?
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีการเกี่ยวข้องกับสายเก็บเกี่ยวโดยตรงเลยก็คือ Platinum Fields ครับ ซึ่งมีลักษณะเป็นดันเจี้ยนพิเศษที่ต้องใช้ “ตั๋ว” หรือ Ticket ในการเข้าแบบเดียวกันการลงในส่วนของ Cubes หรือ Bossrush นั่นเอง
โดยเจ้า Platinum Fields นี้จะเป็นดันเจี้ยนให้เราเข้าไปเก็บเกี่ยววัตถุดิบ Trade Skills ได้อย่างมากภายในเวลาจำกัด แถมยังมีโอกาศได้ไอเทมหายากบางอย่างกลับมาเพื่อไปปลดล็อคสูตรพิเศษใน Stronghold ได้อีกต่างหาก และเนื่องด้วยจากตั๋วเข้า Platinum Fields เนี่ยเป็นอะไรที่ดรอปยากแบบสุดๆ เลย จึงทำให้การลงแต่ละครั้งค่อนข้างสำคัญพอตัวเลยล่ะ ส่วนตั๋วนี้ก็ดรอปได้จากการทำ Trade Skills เนี่ยล่ะครับทำไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสดรอปมาให้เองน่ะแล่ะ
ถือว่าเป็นการจบบทความ Lost Ark แนะนำระบบเก็บเกี่ยว Trade Skill ไปก็แล้วกันนะครับ ซึ่งระบบนี้เป็นอีกหนึ่งระบบที่ค่อนข้างสำคัญมากเลยโดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ อย่าง Tier 2 หรือ Tier 3 เองด้วย แต่หลายคนก็ไม่ค่อยได้สนใจกันเท่าไหร่และมักมองข้ามกันไป หลังจากที่ได้อ่านกันจนจบผมก็หวังว่าเพื่อนๆ หลายคนจะเข้าใจระบบนี้กันมากขึ้นไม่มากก็น้อยล่ะนะ