อย่างที่เพื่อนๆ หลายคนได้สังเกตุว่า ในช่วงนี้นั้น เริ่มมีร้านหรือค่ายใหญ่ๆ เริ่มที่จะหันมาใช้โปรแกรม Launcher ของตัวเองในการให้บริการเกมของตัวเอง รวมถึงร้านค้า Online ต่างๆ เริ่มมีการดึงดูดค่ายพัฒนารายย่อยหรือค่ายอินดี้ ให้มาลงเกมในเครือข่ายตัวเองโดยมีส่วนต่างกำไรมากกว่าทาง Steam ที่นี่อะไรจะขึ้นบ้างล่ะถ้าร้านค้ามีส่วนต่างให้มากขึ้นกับทางค่ายเกม? เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกันจ้า แต่ในบ้านเราอาจจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวซักนิดนึงในตอนนี้
โปรแกรมเยอะไปแล้ว!
กล่าวถึงฝั่งผู้ใช้กันก่อนละกัน สิ่งแรกที่คนเล่นเกมอย่างเราๆ เห็นก็ไม่พ้นจะเป็นการที่ต้องมีโปรแกรมมากมายลงเพิ่มเติมในเครื่อง มี Password ที่ต้องจำเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะเล่นเกมอะไรที่ต้องเปิดโปรแกรมนู่นบ้าง นัดเพื่อนมาในโปรแกรมนี้บ้าง ยุ่งยากไปหมด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไรในมุมมองของผู้บริโภคอย่างเราๆ จ้า
ยิ่งในบางโปรแกรมหรือในส่วนของการเปิดหลายโปรแกรมทิ้งไว้ ก็แน่นอนว่าย่อมมีการใช้ทรัพยากรในเครื่องเราไปมากขึ้น ในปัจจุบันที่แต่ละโปรแกรมพยายามพัฒนาให้กินเครื่องน้อยลงเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้นเพื่อดึงดูดคนใช้ และลดความยุ่งยากหรือน่ารำคาญลง ก็ทำให้ชีวิตการเล่นของผู้ใช้อย่างเราๆ มีความสุขมากขึ้นกันไป แต่ที่ไม่พ้นความปวดหัวก็จะเป็นส่วนของ Password ที่ต้องมาจำในทุกๆ โปรแกรม จะใช้อันเดียวกันหมดทุกโปรแกรมก็กลัวเรื่องความปลอดภัยเวลาข้อมูลหลุดหรือโดนใครดักไปได้อีก
กำไรมากขึ้น ค่ายเกม Happy มากขึ้น
ในด้านของทางค่ายเกมนั้น การที่ Store ต่างๆ ให้ส่วนต่างกำไรมากขึ้นนั้น ก็หมายถึงการที่เกมของพวกเขาที่ขายได้ จะได้กำไรมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า การทำเกมขาย สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้นอกจากความนิยมของเกมแล้วก็คือยอดขาย ที่จะทำให้พวกเขาหาเลี้ยงตัวเอง มีไฟ กำลังใจและทรัพยากรที่จะพัฒนาเกมต่อๆ ไปได้
การที่พวกเขาทำกำไรได้มากขึ้นนั้น หรือมียอดขายดีขึ้น ก็มีความหมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการนำไปต่อยอดให้กับเกมนั้น หรือไปพัฒนาเกมใหม่ ปรับปรุงตัว Server หรือแม้กระทั่งมีการจัดสมนาคุณ หรือมีการลดราคามากขึ้นตามเทศกาลต่างๆ ก็เป็นผลดีกับผู้เล่นไปในตัวเช่นเดียวกันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี อีกจุดที่ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันก็คือ แม้ว่าจะมีส่วนต่างกำไรสูงขึ้น แต่หาก platform นั้น ร้านค้านั้นไม่เป็นที่นิยม ยอดขายก็อาจจะไม่ได้สูงเพียงพอเท่าไหร่นัก ทำให้เจ้าใหญ่ที่คนนิยมมากอย่าง Steam ยังคงเป็นร้านค้าใหญ่ที่หลายคนอยากจะฝากฝังเกมเอาไว้อยู่
ตัวเลือกที่มากขึ้น
ในขณะที่ Steam เป็นเจ้าใหญ่ประจำตลาดและมีส่วนต่างกำไรมากถึง 30% นั้น ค่ายเกมหลายเจ้าก็ต้องฝากฝังตัวเองไว้เพื่ออาศัยความนิยมของร้านในการขายได้ง่ายๆ แต่ในปัจจุบันนั้น หลายค่ายต่างก็เริ่มที่จะแยกการให้บริการออกมาเป็นการให้บริการด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่านายหน้าให้กับทาง Steam หรือทำเป็น Exclusive เล่นได้เฉพาะในเครือตัวเองกันไปเลย คนเล่นต้องมาง้อกันโดยตรงไปซะเลย
บางเจ้าก็ให้บริการกับค่ายอินดี้อื่นๆ เพิ่มเติมกันไป โดยอย่างสองเจ้าล่าสุดที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้
- ทาง Epic Games Store (ผู้ให้บริการ Fortnite) ที่เก็บเพียงแค่ 12%โดยมีฐานผู้เล่น Fortnite ยอดนิยมทั่วโลกยืนพื้น
- ล่าสุดที่ค่อนข้างเตรียมการมาพักหนึ่งแล้วกับโปรแกรมแชทยอดนิยมอย่าง Discord ที่เรียกเก็บแค่ 10% และมีฐานเป็นคนใช้งานโปรแกรมแสนสะดวกตัวนี้มาช่วยล่อ
ทั้งสองรายก็มีการลดส่วนต่าง มีพื้นฐานคนใช้งานในระดับที่สามารถดึงดูดค่ายพัฒนาอินดี้ให้มาร่วมขายด้วยกัน ซึ่งในมุมมองของทางค่ายเองก็ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้มีทางเลือกมากขึ้น มีพื้นที่ขายมากขึ้น หากขายได้ก็ได้กำไรเยอะขึ้นในตัว ในขณะที่คนเล่นเอง ถ้าใช้โปรแกรมดังกล่าวอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร สามารถเลือกซื้อเฉพาะโปรแกรมที่ต้องการได้เลย
ดังนั้น หากมองในแง่รวมแล้ว การที่มีค่ายเกมอื่นหรือร้านค้าเปิดให้บริการมากขึ้นนั้น ตลาดและผู้ใช้บริการจะเป็นตัวกำหนดว่า โปรแกรมไหน ร้านไหนจะยืนยงทำตลาดได้ และใครจะปรับตัวให้เข้ากับตลาดได้มากขึ้น ร้านไหนที่ยุ่งยาก จุกจิกบริการไม่ดี ตามไม่ทันก็จะค่อยๆ ทยอยปิดตัวไปตามกระแสโลกกันไป
สำหรับบ้านเราบ้างล่ะ? อันนี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่พูดยากซักหน่อย เพราะในบ้านเรานั้น Steam จะยังมีข้อได้เปรียบสูงกว่าเจ้าอื่นที่มีการปรับค่าเงินเข้ากับบ้านเรา ทำให้แต่ละเกมนั้นถูกลงไปได้อีกมากถ้าเทียบกับเรทราคาปกติแล้ว และมีช่วง Sales ลดราคาเรื่อยๆ ทำให้หลายคนยังนิยมชมชอบกัน เรียกได้ว่าเกมไหนที่ไม่ได้เป็น Exclusive เฉพาะเครื่องเฉพาะค่าย ส่วนใหญ่ก็จะเลือกที่ Steam เพราะความสะดวกและประหยัดงบกันที่สุด
ถ้าถามทางฝั่งตัวหมาบ้างว่าคิดไงกับเรื่องนี้… ก็คงตอบได้ว่าก็ดีนะ มีตัวเลือกเพิ่มเยอะหน่อย เผื่อ Steam จะได้ขยับตัวปรับปรุงให้ดีขึ้น คือก็ชอบ Steam แหละ แต่การมีคู่แข่งเยอะๆ จะทำให้พี่แกปรับปรุงเยอะขึ้นยังไงล่ะ มุฮ่า~