ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับ Phantasy Star Online 2 หรือ PSO2 ค่อนข้างเยอะมาก ทั้งดีทั้งไม่ดี ซึ่งหมาเองก็คงไม่อยากไปย้ำหัวตะปูอะไรเท่าไหร่ แต่พอได้ข่าวมากๆมันก็ชวนให้หมานึกถึงเกมสมัยเก่าๆที่หมาโตมาพร้อมกับมัน ได้นั่งดูญาติๆเล่นในชื่อเดียวกัน อ่า หมาหมายถึง Phantasy Star 2 นี่แหละ …. แต่ไม่ใช่หมายถึงใน version PSP หรอกนะ แต่หมาหมายถึง Phantasy Star 2 ดั้งเดิมเลยจริงๆ ไม่ใช่ Generation ที่ทำใหม่ด้วยเอ้า
มันเป็นเกม RPG ที่เล่นกับเครื่อง Genesis Megadrive …. หมาคิดว่าหลายคนไม่น่ารู้จักเจ้าเครื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันอยู่ในรุ่นเดียวกับ Super Famicom และดังไม่เท่าของปู่นิน แต่ถ้าหมาพูดถึงเกมดังๆที่เกิดในเครื่องรุ่นนี้อย่าง Sonic, Shinobi หรือ Shinning Force หลายคนน่าจะพอร้องอ๋ออยู่ ใช่แล้ว แก่ง่อมแบบนี้นี่แหละคือเกมเก่าที่จะมาเล่าสู่กันฟัง 555
อันที่จริงแล้ว Phantasy Star 4 ที่อยู่ในเครื่องเดียวกันนี้เป็นที่นิยมมากกว่าด้วยการพัฒณาที่เจ๋งกว่า แต่ในเมื่อช่วงนี้มีข่าว PSO2 หมาจึงจะขอเก็บ PS4 ลงกรุไปก่อน ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะจ๊ะพ่อซุปตาร์
Phantasy Star 2 เป็นเกม RPG ที่เก่าและทรงพลังในตัวของมันเอง การเล่นที่ไม่ต้องไขปริศนาอะไรมากมายเหมือนกับเกม RPG ในรุ่นราวคราวเดียวกัน มีความเป็นเส้นตรง เล่นกับความล้ำสมัยที่เป็นอะไรที่นิยมในยุคนั้น เนื้อเรื่องเรียบง่ายตรงไปตรงมา ไม่ยัดปมให้กับเนื้อเรื่องจนผู้เล่นงงในช่วงแรกๆ และกล้าตบหน้าผู้เล่นสมัยนั้นด้วยพล๊อตแบบว่า เล่นงี้เลยเหรอฟระ?
เฉกเช่นซีรี่ย์ Final Fantasy ที่มักจะอิงบางสิ่งบางอย่างจากเกมภาคแรกๆกันมา เช่น item, summon มา ในซีรี่ย์ Phantasy Star เองก็เช่นเดียวกัน ในซีรี่ย์นี้เราจะได้เห็นชื่อดาว หน่วยเงิน และชื่อทักษะเวทย์มนตร์ต่างๆคล้ายๆครือๆกัน ทำให้คนที่เคยเล่นภาคที่ใหม่กว่าอย่าง Online หรือใน PSP ร้องอ๋อ แต่บอกตรงๆว่า ….. ตอนหมาเล่นครั้งแรกนี่อยากจะตะโกน ไอ้นี่มันท่าอะไรโว้ยยยยยยยย อะไรคือ Res อะไรคือ Deban ฟระ แล้วไอ้ Telepipe นี่มันทำบ้าอะไรได้!!! คือเล่นไอ้พวก Final หรือ Dragon Quest ยังพอเดาได้ แต่ไอ้นี่ถึงกับไปไม่เป็น (เอาจริง Dragon Quest ก็เดาไม่ถูกนั่นแหละ 555)
เนื้อเรื่อง
หมาละบางส่วนไว้นะเอ้อ จริงๆก็อยากย่อกว่านี้ แต่ก็นะ เกม RPG …. จะย่อเหลือห้าบรรทัดก็เกรงใจผู้ผลิตอย่างแรง
Rolf (ตัวเอก) นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสภาพโดยรวมของดาว Mota (อันที่จริงเขาไม่ได้บอกอะไรเลย เรียกแค่ Agent กับหัวหน้าเป็น Commander ทำให้เดาได้ว่ามียศประมาณหัวแถวเลยเมื่อดูจากหน่วยที่มีแค่หน่วยเดียวทั้งดาว) เขามักจะฝันร้ายอยู่เสมอๆถึงการต่อสู้ระหว่างหญิงสาวกับปีศาจร้าย แต่เขาก็โตพอที่จะแยกแยะฝันร้ายไม่ให้มารบกวนชีวิตของเขา ได้รับคำสั่งให้ไปนำบันทึกข้อมูลที่ศูนย์ดูแลระบบนิเวศของดาวว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมช่วงที่ผ่านมาสัตว์ประหลาดถึงเยอะกว่าปกติเป็นอย่างมากก่อนที่มันจะสายเกินไป หลังจากได้บันทึกมาก็พบว่าจากช่วงที่ผ่านมานั้นมีพลังงานจำนวนหนึ่งล้นออกมาจากระบบควบคุมสภาพอากาศของดาว พลังงานที่ล้นออกมานี้กลับเข้าไปอยู่ในศูนย์ดูแลระบบนิเวศทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดขยายตัวกลายพันธุ์กันแสนสุขี นักวิจัยเองได้สันนิจฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของใครมาป่วนระบบ ให้ทีมของ Rolf ไปตรวจสอบหน่อย หลังจากที่หาทางเข้าไปยังศูนย์ควบคุมสภาพอากาศที่อยู่ใต้น้ำได้ Rolf ได้พบว่ามีคนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับระบบจริงๆ ด้วยการแทรกแซงระบบและใช้ DNA ของสัตว์ประหลาดที่ขโมยมาเพิ่มจำนวนพวกมันขึ้นอย่างมหาศาล อีกไม่นานทั้งดาวคงล่มสลาย
หลังจากที่สามารถจัดการกับตัวการที่ก่อเรื่องได้สำเร็จ แต่การที่ขาดคนดูแลไป ทำให้ศูนย์ควบคุมสภาพอากาศรวนและขัดข้องจนเริ่มทำลายตัวเอง ทีมของ Rolf ได้รีบเผ่นออกมาก่อนที่จะสายไป เมื่อกลับมารายงานหัวหน้าของเขาก็พบว่าเกิดเหตุผิดปกติอย่างรุนแรงขึ้น น้ำจำนวนมหาศาลถูกปั้มสู่ทะเลสาปแห้งๆใจกลางดาวไม่มีหยุด ถ้าทิ้งไว้ทั้งดาวจะจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน ยกเว้นจะมีคนไปเปิดเขื่อนระบายน้ำทั้งหมดก่อนจะสายเกินไป แต่ด้วยความที่ศูนย์ควบคุมพังไปแล้ว การเปิดจึงต้องทำด้วยมือเท่านั้น Rolf อาสาจะไปเปิดเขื่อนเองแต่ทว่าหัวหน้าของเขาได้ปรามไว้ เพราะถึงพวกสัตว์ประหลาดจะหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ทีมของ Rolf ถูกหมายหัวจากหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเพราะเป็นต้นเหตุทำให้ศูนย์ควบคุมสภาพอากาศพังพินาศซะงั้น Rolf เองก็ยังคงยืนกรานที่จะไป หัวหน้าของเขาจึงได้แต่อวยพรให้เขาโชคดี Rolf และพรรคพวกได้ทำการเปิดเขื่อนทั้ง 4 แห่งจนสำเร็จได้ด้วยดี แต่ทว่าหุ่นยนต์ของหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ดักรอเขาอยู่ที่เขื่อนสุดท้ายอยู่แล้วและจับตัวพวกเขาได้สำเร็จในที่สุด
Rolf และพรรคพวกถูกนำมาปล่อยไว้บนดาวเทียมกลางอวกาศเพื่อรับโทษที่ทำให้ Mother Brain – ระบบที่คอยดูแลระบบสุริยะ Algo นี้เสียหาย แม้ว่า Rolf จะอธิบายยังไงก็ไม่ได้รับการตอบรับทำให้พวกเขาตัดสินใจหนีออกจากดาวเทียมดวงนี้ เมื่อไปถึงห้องควบคุมพวกเขากลับพบว่าดาวเทียมนี้ถูกตั้งให้พุ่งเข้าชนดาว Palm อย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ Rolf จะทำอะไรได้นั้นก็สายเกินไปแล้ว ทุกอย่างสว่างวาบก่อนเขาจะหมดสติไป
Rolf รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งและได้พบกับสลัดอวกาศที่บังเอิญอยู่ใกล้ๆตอนที่เกิดเหตุ เลยเข้ามาช่วยทีมของเขาไว้ได้ทัน สลัดอวกาศ Tyler ตกลงที่จะพาทีมของ Rolf กลับดาวตัวเองและทิ้งท้ายถึงชายชื่อ Lutz บนดาว Dezo สามารถทำเรื่องที่ Mother Brain ไม่สามารถทำได้อยู่ก่อนจะลาจากไป Rolf ตัดสินใจที่จะไปยังดาว Dezo และอาศัยข้อมูลจากชาวบ้านบนดาวจนสามารถเจอกับ Lutz จนได้ ชายคนนี้ได้อธิบายถึงฝันร้ายที่คอยรบกวน Rolf ตลอดเวลานั้นเป็นผลมาจากการที่เขาเป็นผู้สืบทอดของวีรสตรีในอดีตในการหยุดยั้งภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งครั้งนี้มาในรูปของ Mother Brain เขายังได้อธิบายถึงอดีตของ Rolf และด้วยหลักฐานอะไรต่างๆ ทำให้ Rolf เลือกที่จะเชื่อชายผู้นี้ Lutz เองนั้นได้มอบหมายความท้าทายอย่างหนึ่งให้ Rolf ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้กอบกู้จริงไหม โดยการไปรวบรวมศาตราวุธในตำนานที่ซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่างๆบนดาวนี้ให้ครบ ซึ่ง Rolf ก็รับคำและพยายามรวบรวมจนครบทุกชิ้นตามที่ Lutz ต้องการ
เมื่อทีมของ Rolf รวบรวมศาตราวุธได้ตามคำขอ Lutz ได้อธิบายถึงการมาของ Mother Brain ที่ไม่รู้ว่าใครสร้างเธอขึ้นมาและมอบเธอให้กับพวกเขาทำไม แต่ Mother Brain นั้นได้มอบสิ่งต่างๆให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในระบบสุริยะ Algo เป็นอย่างมาก มากจนเกินความจำเป็น ทั้งการอำนวยความสะดวกอะไรที่เกินเลย จน Lutz สงสัยว่า Mother Brain น่าจะเป็นกับดักบางอย่างที่ทำให้ชาว Algo อ่อนแอลงจนอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเธอไป Lutz มั่นใจว่าเธอคือปัญหาที่ต้องรีบหาทางกำจัดก่อนที่จะสายเกินไป หลังจากที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังแล้ว Lutz ได้ชี้หีบใบหนึ่งที่เก็บศาตราวุธชิ้นสุดท้ายไว้ ก่อนจะมอบให้ Rolf และถามว่า พวกเขาพร้อมหรือยังที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวต่างๆนี้? Rolf ตอบรับอย่างแน่วแน่ก่อนที่ Lutz จะส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ห่างไกลอีกครั้ง… ในอวกาศ
Rolf และพรรคพวกของเขาได้ถูกส่งมายังสถานีอวกาศลึกลับที่ชื่อว่า Noah พวกเขาพยายามบุกฝ่าไปจนกระทั่งเจอกับหีบใบหนึ่งที่ขวางทางพวกเขาอยู่ ไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดมัน Rolf ได้ทำการเปิดหีบนั้นก่อนจะพบว่ามีความชั่วร้ายจำนวนมากหลั่งไหลออกมา มันคือ Dark Force อสูรแห่งความชั่วร้ายในตำนาน ทีมของ Rolf ปะทะกับปีศาจร้ายตัวนี้อย่างยากลำบากก่อนจะฝ่ามาได้และมุ่งสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของสถานีแห่งนี้ เบื้องหน้าของพวกเขาคือ Mother Brain ที่เพียงแค่เห็นก็ทำให้ Rolf และพรรคพวกไม่กล้าที่จะต่อสู้ด้วยเหมือนกับเด็กที่เห็นแม่ของตัวเอง แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะสู้กับเธอ แม้จะรู้ดีว่าหากเธอเป็นอะไรไป ชาว Algo จะต้องพบกับความเดือนร้อนมหาศาลเพราะพึ่งพาเธอมากเกินไปแล้วก็ตาม Rolf ได้หยุดการทำงานของเธอลงสำเร็จจนได้ พร้อมกับเหล่าเครื่องจักรและระบบทุกอย่างในระบบ Algo ที่หยุดไปพร้อมกัน แม้ความยากลำบากจะรออยู่ แต่ชาว Algo ก็จะได้ดำเนินชีวิตไปโดยไม่มีใครมาชักจูงอีกต่อไป…
(Epilogue ยังมีต่อนะจ๊ะ แต่ขอละไว้ เพราะมันพอๆกับหนังเรื่อง The mist เลยในแง่ของ plot)
สำหรับภาพในเกม เอาจริงๆหมาก็กล้าบอกว่ามันไม่ได้แย่เลยนะ ออกจะทันสมัยและโคตรเก๋าในยุคนั้น มันดูไฮเทคและน่าหลงไหลสำหรับคนที่ชอบอะไรทันสมัยหน่อยๆเลยทีเดียวล่ะ…. อ่าขอโทษ พอดีเมืองที่หมาเอามาเป็นตัวอย่างมันโดนถล่มเลยดูง่อยไปนิด
จากที่จำความได้เนี่ยในสมัยก่อนนั้น เกม RPG มักจะจุ้มปุ๊กกับเวทย์มนตร์และโลกยุคโบราณ ทำให้แนวทันสมัยของ PS2 ค่อนข้างฉีกออกมาได้พอสมควร หมานิมกับญาติๆก็เลยโดนเข้าไปเต็มๆ (ในขณะที่ PS1 นั้นยังจุ้มปุ๊กกับเวทย์มนตร์เป็นหลักเช่นกัน)
ท่อ ท่อเต็มไปหมดเลย!
แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ไม่แน่ใจว่าทีมงานอยากลองของหรือเวลาไม่พอ ตัว PS2 นั้นกลับมีการ reuse ฉากแบบโคตรซ้ำซากชนิดว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของมังกรย้อมสีในซีรี่ย Monster H*nter ก็เป็นได้ โดยฉากต่อสู้จะเป็นแบบเดิมตลอดกาล (แม้ว่าคุณจะกำลังตบกับบอสใหญ่ของเกมนี้ …. แต่มันขลังว่ะ ขลังเพราะตัวบอสนะ 555) รวมถึงดันเจี้ยนในเกมที่มีพื้นกับผนังหน้าตาเหมือนกันหมด มีท่อเกะกะทางและทางขึ้นลงแบบเดียวกันแต่เปลี่ยนสีเฉยๆ โวะ!!! (ยังดีว่าพี่แกยังแยกฉากในอาคาร ธรรมชาติ กับโบราณสถานออกจากกัน ไม่งั้นคงโดนด่าไม่ได้ผุดได้เกิด)
จะด้วยความที่มันเป็นเกม RPG แบบ classic old-school ยิ่งนักหรือไม่ก็ไม่ทราบ ….. ขอบอกเลยว่าจุดน่าเบื่อโคตรๆของเกมนี้อยู่ที่การปั้ม level กั๊บ คือให้สรุปสั้นๆก็ประมาณว่า ไม่ปั้มไม่ต้องหวังจะผ่านได้อ่ะคุณขา นอกจากจะปั่นเงินซื้อของดีๆแล้ว ยังต้องปั้มเลเวลให้มีท่าดีๆหรือมีเลือดมากพอจะรับเท้ามอนที่โผล่มาไม่หยุดได้อีกด้วย ทำเป็นเดินเก๋าเหมือนคนเล่นเกม RPG เดี๋ยวนี้ที่คิดว่าถ้ารู้ทางไปแล้ว ชิวๆ เก็บของ ซื้อของแค่เท่าที่จำเป็นนี่ วิ่งไม่ถึงครึ่งทางได้โหลดเซฟแน่นอน
นอกจากนั้น ความโหดเหี้ยมอีกอย่างหนึ่งของ PS2 คือดันเจี้ยน!!! โอ้ย… หมาไม่อยากจะบอกว่า ในก๊วนเกม classic เนี่ยซีรี่ย์ Phantasy Star น่าจะโดนด่าเรื่องนี้มากที่สุดแล้วมั้ง แถมใน PS2 ที่มีการใช้งานฉากแบบเดิมๆแต่เปลี่ยนสีเฉยๆ มันยิ่งเฮฮาเข้าไปใหญ่ ผู้เล่นจะพบว่า มันไม่มีปริศนาให้ไขเลย มันเป็นเขาวงกต เขาวงกต และเขาวงกต ที่ต้องวิ่งให้ถูกทางเท่านั้นถึงจะไปต่อได้ …. โอเค สำหรับดันเจี้ยนเล็กๆ วิ่งซักพักก็จำทางได้ แต่ขอโทษ มันจะชิบห-ยทันทีเมื่อคุณพบว่ามันมี 5-6 ชั้น แถมบางทีไม่ใช่มีแค่ทางขึ้น-ลง แต่ต้องกระโดดลงเหวให้ถูกจุด!!! รวมกับไอ้การที่มองเห็นได้โคตรจำกัด ….. นรกดีๆนี่เองพี่จ๋า หัวร้อนกันไปตามๆกันเมื่อคุณวนมาเจอที่เดิน 5 รอบรวดในขณะที่ item ที่แบกได้จำกัดก็หมดลงเรื่อยๆ ค่าทักษะใช้เวทย์ก็โบ๋เอาๆ
แน่นอนว่ามันก็ไม่จำเป็นต้องมีดันเจี้ยนหลายๆชั้น บางทีแค่ 2 ชั้นก็ทำผู้เล่นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งได้เหมือนกันนะ… จิตใจทีมงานทำด้วยอะไร สองรูปนี้เมื่อซ้อนทับทางขึ้นลงจะเชื่อมกัน อาจจะพอเข้าใจความเลวร้ายของการเดินในดันเจี้ยนเกมนี้…
จุดเริ่มต้นอยู่ที่ตรงกลางของรูปบน เริ่มจากการเดินขึ้นทางวาร์ปด้านล่าง จะปรากฎในรูปล่างที่เป็นชั้นสอง ตรงกลางที่มีสระน้ำเยอะๆ เป้าหมายคือเดินไปไอ้ตรงขวานิดๆของรูปล่างที่มีเหมือนแผงวงจรเล็กๆนั่นล่ะ
เอาจริงหมาก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนะ ว่าทำไม PS2 มันถึงดึงดูดให้เล่นต่อได้อย่างน่าแปลกใจ ทั้งๆที่ถ้าดูจากภายนอกแทบไม่มีอะไร อาจจะเพราะดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย การเล่นที่ตรงไปตรงมาแบบว่า เฮ้ย เล่นต่อมันต้องผ่านได้น่า เนื้อเรื่องที่กล้าจะหักมุมหรือเล่นกันแผลงๆไม่มีกั๊ก ศัตรูที่มีการขยับท่าทางหรือท่าโจมตีแถมออกแบบได้สวยมากในยุคนั้น หลายๆอย่างมันประกอบกันขึ้นมาให้ผู้เล่นติดตามต่อ แม้ว่าใครที่ไม่ชอบจะยี้ไปเลย แต่ถ้าใครโดนเข้าก็คงลากยาวกันพอสมควรเลยล่ะ… ถ้าไม่เบื่อตายเพราะต้องปั้ม level นะ :v