เป็นแนวคิดดีเลยทีเดียวสำหรับการหยิบเอา อนิเมะ หรือ มังงะ สักเรื่องที่มีฐานแฟนคลับสูงๆ เพื่อมาสร้างเป็นเกมสักเกมหนึ่ง ด้วยฐานลูกค้าเดิมอันแน่นแฟ้นเพียงแค่ประกาศชื่อเกมคนก็จะรู้จักและให้ความสนใจโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซํ้า โดยเรื่องที่เรามักจะพบบ่อยๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Naruto, Onepiece, Bleach แต่เยอะสุดก็คงจะหนีไม่พ้น Dragon Ball นั่นล่ะนะ
แล้วในเมื่อมีฐานแฟนคลับดั้งเดิมสูงอยู่แล้ว ทำไมพอทำมาเป็นวีดีโอเกมถึงไม่ค่อยประสบผลสำเร็จกันนักล่ะ? ดังนั้นวันนี้เราจะมาหาคำตอบกับบทความ “ส่องเหตุผลทำไมเกมสร้างจากอนิเมะถึงไม่ประสบผลสำเร็จนัก” ส่วนจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรบ้างนั้นเราก็มาไล่ดูกันเลยดีกว่า
หวังผลกำไรมากเกินไป
อย่างได้แนะนำไปตอนต้นว่าด้วยการเป็นมังงะหรืออนิเมะที่มีฐานลูกค้าสูงอยู่แล้ว ทำให้เมื่อหยิบมาทำเป็นเกมแฟนๆ ก็ต้องย่อมสนใจเป็นธรรมดา ถ้ามองในฐานะคนขายของนั่นก็หมายความว่าคุณได้ลูกค้าจำนวนมากทันทีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย จึงไม่แปลกใจนักที่ทางผู้พัฒนาจะมองถึงช่องทางการสร้างรายได้จากจุดนี้นั่นเอง
โดยรายได้เหล่านี้ก็จะมาในรูปแบบของไอเทมสวยงาม ชุดแฟชั่น สกินต่างๆ ไปจนถึงกลายปล่อย DLC ออกมาเพื่อล่อเงินในกระเป๋าเรา ด้วยการมองถึงผลกำไรมากจนเกินไปจึงทำให้หลายเกมละเลยในส่วนของระบบการเล่นหรือเกมเพลย์ไปเลย เอาแต่ใส่ระบบห่วยๆ มาให้ยืนดูตัวละครเราตีกัน ซึ่งมันไม่มีความสนุกหรือมไม่มีความน่าสนใจเลย ทำให้ในตอนแรกตัวเกมอาจจะดูดีแต่พอเล่นไปไม่นานนักสุดท้ายก็จะส่งผลให้ผู้เล่นเบื่อและเลิกเล่นไปโดยปริยาย
ความนิยมไม่สอดคล้องกับช่วงเปิดตัว
การจะสร้างเกมขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่ว่าใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองวันก็สามารถทำได้นะ หากทีมผู้พัฒนาหยิบอนิเมะเรื่องนึงมาสร้างเป็นเกม กว่าจะสร้างเสร็จอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือถ้าทำให้ยิ่งใหญ่ก็อาจจะกินเวลาเป็นปีเลยทีเดียว และด้วยปัญหาด้านเวลานี้นี่ล่ะก็เป็นอีกตัวแปรทำให้บางเกมสร้างออกมาแล้วไม่ปังอย่างที่ควร
ด้วยว่ากระแสความนิยมของตัวอนิเมะนั้นจะมีการขึ้นลงตามเนื้อหาในแต่ละช่วง ซึ่งมันก็ส่งผลกับตัวเกมในระดับนึงเลยล่ะ หากตัวเกมมีการวางจำหน่ายในช่วงที่ยอดเรทติ้งสูงคนก็จะให้ความสนใจสูงตาม แต่หากเกิดไปเปิดตัวในช่วงขาลงหรือช่วงออกทะเลคนก็จะไม่ค่อยสนใจตัวเกมนัก ทำให้บางเกมกว่าจะพัฒนาได้เสร็จกระแสอนิเมะเงียบไปแล้วก็มี พอเปิดตัวคนก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจสุดท้ายก็ล้มพังโครมไม่เป็นท่า
ไม่ยอมลงทุนในการสร้าง
เพื่อนๆ เคยบ้างรึเปล่าบางครั้งเจอเกมน่าสนใจ โฆษณาดูดี โปรโมทดีอะไรดี แต่พอเข้าไปเล่นจริงๆ แล้วแบบ . . . มันไม่ใช่อะ!! ผมว่าจะต้องเคยเจอกันบ้างสังเกมสองเกมน่ะแล่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาของเกมสร้างจากอนิเมะด้วยเช่นกัน โดยส่วนมากก็จะมาจากการผู้สร้างต้องการจะลดต้นทุนการสร้างเกมนั่นเอง
โดยวิธีที่เห็นกันบ่อยๆ คือการไปจ้างสตูดิโอค่ายเล็กนอกสายงานมารับผิดชอบในการพัฒนา อย่างเช่นเกม Naruto Shippuden : Dragon Blade Chronicles ก็ได้มีการจ้างสตูดิโอ TOMY มารับผิดชอบการพัฒนา ซึ่งค่ายดังกล่าวเขาไม่ใช่ค่ายเกมน่ะสิแต่เป็นค่ายผลิตของเล่นเป็นหลัก อาจจะเพราะด้วยค่าจ้างไม่แพงหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะครับ ตัวเกมทำออกมาแบบแปลกๆ แถมโดนด่าเละเทะเลย นี่จึงเป็นอีกเหตุผลทำให้หลายเกมไม่ค่อยจะรุ่งนัก
เนื้อหาค่อนข้างจำเจ
ขึ้นชื่อว่าเกมใหม่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากเจอกับอะไรใหม่ๆ ใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะระบบเกมเพลย์ ตัวละครใหม่ หรือฟีเจอร์และคอนเทนต์ต่างๆ ที่คาดหวังกันอยู่ ซึ่งมันเป็นพื้นฐานที่ผู้พัฒนาเกมควรรู้อยู่แก่ใจกันอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นหลายเกมที่ทำออกมาก็มักจะมีเนื้อหาใกล้เคียงกันซะเกือบหมดเลยเนี่ยสิ
ยกตัวอย่างเห็นชัดๆ เลยก็คงจะเป็นซี่รี่ส์ของ Naruto Shippuden : Ultimate Ninja Storm และ Onepiece : Pirate Warrior ซึ่งทั้งคู่ได้ออกเกมมาหลายภาคแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแต่ละภาคก็แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย ลูกเล่นเดิม ระบบฟีเจอร์ของเก่าใช้ซํ้าแล้วซํ้าอีก จะต่างกันก็แค่ตัวละครใหม่บางตัวหรือด่านใหม่บางด่าน แถมบางภาคยิ่งแล้วใหญ่คือการใช้เนื้อเรื่องเดิมกับภาคก่อนเลย เพียงแต่เปลี่ยนมุมมองนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง
ในช่วงแรกมันก็อาจจะน่าสนใจอยู่บ้างแต่พอไปเจอของเดิมซํ้าแล้วซํ้าอีก สุดท้ายแฟนก็เลยมองว่าเหมือนโดนหลอกให้ซื้อเกิมเดิมที่มี DLC แถมมาแค่นัั้น สุดท้ายก็จะเลิกสนับสนุนไปและทำให้เกมพังไม่เป็นท่าล่ะนะ
ตัวเลือกการพัฒนาค่อนข้างจำกัด
ในมังงะหรืออนิเมะแต่ละเรื่องจะมีธีมประจำเรื่องเป็นของตัวเองอยู่ Naruto – นินจา, Onepiece – โจรสลัด หรือ Dragonball – แนวต่อสู้ ทำให้ในการจะพัฒนาเกมให้ดูโดดเด่นตัวเลือกจึงค่อนข้างจำกัดอะไรหลายๆ อย่าง เพราะไม่ว่าจะทำเป็นแนวไหนอะไรออกมาก็ยังต้องคงคอนเซ็ปต์ของเรื่องไว้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเกมที่ทำจากอนิเมะเรื่องเดียวกันจึงมักจะคล้ายกัน
อย่างจะให้มีชุดเกราะเหล็กไฮเท็คไปโผล่ในอนิเมะแนวย้อนยุคก็ใช่เรื่องจริงไหม ทำให้โดยส่วนมากที่เราจะเห็นความแตกต่างได้ระหว่างแต่ละเกมก็คงเป็นของจำพวกชุดคอสตูมหรือของแฟชั่นเสียมากกว่า เพราะของเหล่านี้ไม่ได้มีการจำกัดตายตัวอะไรขนาดนั้น แต่ในส่วนของระบบเกมเพลย์หรือฟีเจอร์นี่ต้องเป๊ะเลย ถ้าหากออกนอกทะเลมากเผลอๆ ก็จะโดนแฟนคลับตามด่าอีก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลทำให้หลายๆ เกมดูคล้ายดูซํ้ากันและส่งผลให้ตัวเกมไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรล่ะนะ
ความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายเหตุผลยิบย่อยอีกมากมายเลยล่ะว่าทำไมเกมสร้างจากอนิเมะถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักน่ะ อย่างบางเรื่องเปิดตัวมาอย่างดีแต่ตอนจบทำขัดใจคนดูสุดท้ายก็เลยทำให้โดนเกลียด พอตัวเกมออกมาก็เลยดวงซวยโดนพาลเกลียดไปด้วยก็มีนะเออ แล้วเพื่อนๆ คิดว่ามีเหตุผลอะไรอีกบ้างล่ะ เอาเป็นว่าลองคอมเม้นต์แนะนำกันไว้ได้เช่นเคยนะ