Borderlands หนึ่งในซีรี่ย์ Looter Shooter ชื่อดังของทาง Gearbox Software นั้น ล่าสุดก็ได้ออกภาคใหม่หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ รอเก้อกันมานานหลายปีกันเสียที กับ Borderlands 3 ที่สานต่อเรื่องราวใหม่สดจากภาค 2 กันอย่างเต็มๆ (หลังจากที่ผ่านการย้อนอดีตใน The Pre-Sequel กันไปแล้ว)
ในตัว Borderlands 3 นั้นก็จะดำเนินเรื่องราวต่อจากภาค 2 หลังจากที่เคลียร์เรื่องราวกับ Handsome Jack กันไปแล้ว และพบว่ายังมี Vault อื่นๆ อีกมากมายในจักรวาลแห่งนี้ ในภาคนี้ก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหล่า Vault Hunter จากภาคก่อนๆ ต้องการอย่างครบถ้วน มีการพัฒนาของระบบดั้งเดิม ปืนที่มีลูกเล่นมากขึ้น บอสที่ถูกพัฒนาให้สู้สนุกขึ้น
https://www.youtube.com/watch?v=d9Gu1PspA3Y
Borderlands 3
Borderlands 3 นั้นยังคงความเป็น Looter Shooter เหมือนกับภาคก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่แฟนๆ เกมจากภาคนี้ไม่อยากให้มีการปรับเปลี่ยนอยู่แล้ว โดยในภาคนี้ก็จะมาพร้อมกับการโฆษณาถึงปืนที่มีมากมายกว่าเดิมเป็นอย่างมากให้ได้ตามหามาครอบครองกัน เปลี่ยนจากการตามล่า Vault บนดาวดวงเดียวเป็นหลายๆ ดวง AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้รู้จักล้อมผู้เล่นหรือหาที่กำบัง ศัตรูทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่จะมาถล่มให้เกมป่วนยิ่งกว่าเดิม ตัว Vault Hunter ทีมหน้าใหม่ก็มาพร้อมกับความอิสระในการเล่นที่มากกว่าเดิม พร้อมสกิลกดใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสายที่เล่นอีกด้วย
อย่างไรก็ดีนัก ก็ใช่ว่าตัวเกมจะไม่มีข้อเสียเลย หลายๆ อย่างก็ยังคงเป็นปัญหาให้พบเจอกันได้อยู่ ซึ่งในที่นี้จะไม่กล่าวถึงบัคที่ทีมงานก็มีการแก้ไขอยู่เรื่อยๆ แต่อย่างใด แต่การล๊อคระบบหลายๆ อย่างไว้จนกว่าจะเล่นเนื้อเรื่องถึงก็เป็นอะไรที่เรียกว่าทำให้ความอิสระในการเล่นหายไปเยอะมากเลยทีเดียว
เนื้อเรื่อง
อย่างแรกสุดเลย เมื่อพูดถึงเนื้อเรื่องนั้น ก็ต้องบอกว่าในภาคก่อนนั้น Handsome Jack ถูกออกแบบมาเป็นตัวละครฝ่ายร้ายที่น่าจดจำและโดดเด่น มีเสน่ห์ของตัวเอง เมื่อขาดเขาไปในภาคนี้จะทำให้เกมออกมาเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นข้อกังขาของหลายๆ คนอยู่
ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว เนื้อเรื่องของ Borderlands 3 นั้น เข้าขั้นสอบตกอย่างรุนแรง เป็นพล๊อตที่ดาษๆ และไร้ซึ่งจุดที่ทำให้อยากติดตาม คู่ตัวร้ายถูกออกแบบมาให้เป็นตัวละครสมมุติเทพที่อยากทำอะไรก็ทำได้ อยากได้อะไรก็ได้มา โดยที่ผู้เล่นไม่อาจจะหยุดยั้งหรือขัดขวางได้เลย
ที่แย่ที่สุดของการวางเนื้อเรื่องเกมแนว RPG คือ ตัวละครหลัก (ผู้เล่น) ทำอะไรก็ตามแต่ไม่สามารถส่งผลกระทบกับแผนการของตัวร้ายได้เลย ซึ่งใน Borderlands 3 เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าจะมีบางครั้งที่ผู้เล่นขัดจังหวะแผนของตัวร้ายได้ แต่สิ่งที่เราทำไปเป็นแค่ของเสริมที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก และตัวร้ายก็โต้ตอบแบบที่ผู้เล่นทำอะไรไม่ได้ หรือแม้แต่ช่วงไคลแมกซ์ของเกมที่สุดท้ายตัวร้ายก็มาแบบสมมุติเทพ ขัดจังหวะเราชิวๆ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เนื้อเรื่องของ Borderlands 3 พังพินาศ ผู้เล่นเหมือนกับกำลังเล่นเกมฟาร์มของโดยมีคนอ่านเรื่องราวของอะไรซักอย่างให้ฟัง มากกว่าเข้าไปเล่นเกมที่มีเนื้อเรื่องนั้นๆ ด้วยตัวเอง
ในด้านความน่าจดจำของตัวร้าย ก็ต้องบอกว่าทางผู้พัฒนาพยายามนำบุคคิลตัวร้ายกวน ชอบป่วนประสาทของ Jack มาใช้อีก ซึ่งมันทำให้ตัวร้ายดูซ้ำซากและจำเจ แถมการยัดบุคลิคแบบเดียวกันให้กับตัวละครฝั่งเดียวกันสองตัวที่เด่นด้วยกันทั้งคู่!? ก็ไม่รู้ว่าทางทีมพัฒนาได้ความคิดพิลึกๆ แบบนี้มาจากไหนล่ะนะ แต่ที่แน่ๆ มันค่อนข้างแป๊กมาก และยังกดข้ามไม่ได้อีกต่างหาก! บทพูดของตัวละครระหว่างเควสก็ยังคงกดข้ามไม่ได้เช่นเคย แถมบางทีไอ้ลูกอีช่างพูดแทรกกลางทางก็ยังทับกันอีก ใช่ ไอ้เจ้า ClayTrap ในห้องของมันนั่นล่ะเฟร้ย!!!
ตัวละครจากภาคเก่าๆ รวมถึงการนำเสนอบริษัทเด่นๆ ในเกมก็ทำให้ผู้เล่นอยากที่จะติดตาม หรือเป็นจุดที่ทำให้ผู้เล่นภาคเก่าๆ รู้สึกประทับใจได้อยู่ ถ้าไม่ติดว่า หลายตัวละครถูกเอามาเพื่อให้รู้ว่า เออ นี่คือเรื่องต่อจากภาคเดิมนะ เพราะบทไม่ส่ง แค่เอามาร่วมกล้องเฉยๆ ประมาณนั้น
Gun Gun Gun, Guy got Gun
ตัวปืนในภาคนี้มีความหลากหลายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีทั้งข้อดีข้อเสียเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ อย่างชัดเจน บริษัทผู้ผลิตแต่ละเจ้าจะมีการใส่คุณสมบัติพิเศษ (Passive Skill) ให้กับปืน เช่น Jakob เมื่อยิงติดคริติคอล จะทำให้กระสุนชิ่งไปใส่เป้าหมายอื่นได้ (เหวอ) รวมถึงปืนที่ไม่ใช่ Jakob นั้นก็จะมีการเปลี่ยนโหมดของปืนเพื่อความหลากหลายได้อีกด้วย เช่น Maliwan ที่สลับธาตุ หรือ Dahl ที่สลับ Auto / Semi / Burst ได้
ซึ่งการมาของการปรับโหมดปืน ลูกเล่นตอนใช้งานรวมถึงตัวคุณสมบัติพิเศษนั้นทำให้การเล่นกับปืนมีความสนุกมากขึ้น อย่างปืนของ Tediore ที่เมื่อก่อนทำได้แค่รีโหลดแล้วปาไปเฉยๆ ในตอนนี้จะมีตั้งแต่ปาไปแล้วระเบิดจนถึงกับปาไปแล้ววิ่งไล่ยิงต่อเหมือนกับหุ่นขนาดเล็กก็ยังมี
ตัวปืนแต่ละชนิด ก็จะมีค่าสเตตัสที่แตกต่างกันไปตามผู้ผลิต รวมถึงกลไกการใช้งานที่ต่างกันไปด้วย ซึ่งอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน นั่นคือถ้าผู้เล่นเจอปืนชนิดที่อยากได้ ก็จะหาแต่ปืนชนิดนั้นเพียงอย่างเดียว เพราะปืนอื่นไม่ถูกใจและไม่มีทางที่จะถูกใจได้ เพราะรูปแบบมันตายตัวอยู่แค่นั้น
จุดด้อยของปืนในภาคนี้ก็คงไม่พ้นการที่หลายๆ อย่างปรับไปจนดูแปลก เช่นปืนชนิดสไนเปอร์ที่ยิงเบากว่าปืนพกของ Jakob หรือปืน Maliwan ที่ต้องชาร์จก่อนยิงทำให้บางจังหวะที่ต้องสลับธาตุมาใช้ก็ช้าลงกว่าเดิม ทำให้ระบบปืนนั้นก็มีทั้งดีและแปลกไปพอกัน
ตะลุยผ่านดาว
ในภาคก่อนๆ นั้น เพื่อนๆ จะได้ลุยเนื้อเรื่องของเกมบนดาวดวงใดดวงหนึ่ง เช่น Pandora, Elpis แต่ใน Borderlands 3 นั้น เพื่อนๆ จะได้ตะลุยบนดาวหลายดวง ในแต่ละดวงก็จะมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Eden-6 ที่เต็มไปด้วยป่าไม้ หรือ Pandora บ้านเกิดที่เป็นพื้นที่รกร้าง ทำให้มีความแปลกใหม่ทั้งในแง่ภูมิประเทศและสัตว์ท้องถิ่นที่จะได้เจอ
แต่อย่างไรก็ดี ตัว Borderlands 3 นั้นไม่ใช่เกมที่เป็น Open World 100% ดังนั้น เนื้อเรื่องก็จะเชื่อมโยงไปในแต่ละดาว และแต่ละดาวก็จะมีพื้นที่ แผนที่จำกัดให้ได้วิ่งเล่นจนบางครั้งก็ต้องสงสัยว่า ดาวเดียวแต่มีหลายภูมิประเทศ หรือมีหลายดาว แต่ละดาวมีแค่ภูมิประเทศแบบเดียวอะไรมันดีกว่ากันกันแน่นะ
เพราะในด้านความยาวของเนื้อเรื่องตัวเกม หรือพื้นที่แต่ละดาวแล้ว เมื่อมาดูกันจริงๆ ก็แทบไม่ได้แตกต่างจากในภาคก่อนๆ เท่าไหร่นัก และหากว่ากันตามตรงแล้ว ในภาคเก่าๆ ยังดูมีความกว้างสมเหตุสมผลมากกว่า เหมือนผู้เล่นได้วิ่งไปทั่ว แต่ในภาคสามนี้ เพื่อนๆ จะเหมือนลงไปเพื่อเจาะจงทำภารกิจที่กำหนด และไปยังจุดอื่นต่อเท่านั้น (ซึ่งแม้ภาคอื่นก็จะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อมองจากการนำเสนอจะทำให้ดูมีอิสระต่างกันมาก)
จุดที่เป็นทั้งจุดที่หลายคนชอบและไม่ชอบในเวลาเดียวกันก็จะเป็นภารกิจย่อยๆ ที่เกี่ยวกับการสำรวจให้ทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนหุ่นที่พัง, หอกระจายเสียงที่ต้องบึ้มทิ้ง, เป้าหมายลับ, สัตว์พิศดาร เป็นการกระตุ้นให้ผู้เล่นอยากสำรวจแผนที่ทุกแผนที่ทุกซอกทุกมุม ตรงไหนไปไม่ได้ก็อยากหาทางไปหรือลองทำ side quest เผื่อจะไปได้ แต่ขณะเดียวกัน พื้นที่เหล่านั้นก็ออกไปในทางรกร้าง ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าสนใจมากกว่าเป้าหมายเหล่านั้นเท่าไหร่นัก
Vault Hunter กลุ่มใหม่
หนึ่งในจุดที่หลายๆ คนรอคอยกับ Vault Hunter กลุ่มใหม่ที่มาแทนที่กลุ่มเดิมในภาคก่อน ซึ่งในครั้งนี้พวกเขาก็มาเปิดตัวกันอย่างเป็นทีมที่ดูอลังการมีลูกเล่นแพรวพราว ซึ่งในเกมก็เช่นเดียวกัน (แม้พวกเราจะทำให้เท่แบบนั้นไม่ได้ก็ตาม) แต่ละคนนั้นมากับลูกเล่นมากมายอยู่ไม่น้อยภายในธีมของแต่ละคนอย่างชัดเจน
Vault Hunter รุ่นใหม่นี้สามารถมีสกิลประจำตัวที่ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งให้มีลักษณะที่แตกต่าง หรือมีคุณสมบัติพิเศษให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง เหมาะกับการใช้งานในเฉพาะโอกาสได้ดีขึ้น ควบไปกับ Passive Skill แบบเดิมๆ ที่หลายคนคุ้นเคย และทำให้สกิลเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เลเวลสองก็เป็นอะไรที่ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องรอจนแหงกอีกด้วย
ในแง่ของบาลานซ์ท้ายเกมนั้นก็ยังคงเป็นข้อกังขาอยู่เหมือนกับภาคก่อนๆ ที่จะมีตัวละครตัวใดตัวหนึ่งที่โดดเด่นที่สุด และมีตัวที่เล่นได้ แต่ไม่ได้เก่งเท่าเขาอยู่เช่นเคย ซึ่งก็คงตอบไม่ได้ว่าทางผู้พัฒนาจะพยายามแก้ไขให้ออกมาสมดุลย์ที่สุดไหม เพราะอย่างในเวลานี้ ต้องยอมรับว่าบางตัวที่จัด Build มาเฉพาะกับไอเทมระดับ Legendary แล้วก็เรียกว่า OP เละเทะเลย
ศัตรูใหม่ บอสใหม่ไฉไลกว่าเก่า
จุดแข็งที่สุดของภาคนี้ก็ต้องยกให้ในด้านศัตรูใหม่และบอสจริงๆ ที่มีการออกแบบมาให้สมกับคำว่าบอสหรือพวกเหล่า Badass กันมาก ตั้งแต่ Badass Psycho ที่เปลี่ยนจากการวิ่งมาไล่ตีเราแบบไม่ให้หลบได้แรงๆ ก็กลายเป็นมอนที่มีลีลาการออกท่าบังคับให้เราหลบหลีก แต่สามารถหลบไปพลางยิงไปพลางได้ไม่ต้องวิ่งถอยหลังยิงทั้งวัน หรือพวก AI ของศัตรูที่รู้จักการล้อมกรอบเรา มีการใช้ที่กำบังเป็นระยะๆ ซึ่งอาจจะไม่เท่าเกมสงคราม แต่ก็แตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน
บอสแต่ละตัวก็เปลี่ยนไป จากที่เดิมเป็นแค่ตัวที่เลือดหนาตีแรง วิ่งเข้ามาตีดื้อๆ แรงๆ หรือใช้ท่าทุบวงกว้าง AOE นานๆ ทีให้โดนแน่นอน ไม่ก็ Spam นู่นนี่จนหลบไม่ได้ ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้มีลูกเล่นขึ้นและหลากหลายมากขึ้น บางตัวก็เน้นการ Spam กระสุนเยอะๆ แต่มีจังหวะให้หลบ ตัวที่เข้ามาทุบแรงๆ ดื้อๆ ก็มี และหลายๆ ตัวก็ออกแบบมาให้มีรูปแบบการโจมตีที่ผู้เล่นต้องหาทางหลบไม่งั้นตายได้ง่ายๆ ทำให้บอสแต่ละตัวมีจุดที่น่าจดจำ มีแมคคานิคและความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมาก เรียกได้ว่าเกือบจะเทียบเท่าระดับ Raid Boss ของภาคก่อนๆ เลยก็ว่าได้ (แต่ไม่โหดเท่า) เรียกว่าเป็นจุดที่สามารถชมทีมงานได้อย่างเต็มปากเลยทีเดียว
สรุป Borderlands 3
ตัวเกมภาคสามนี้ พูดได้ยากว่าเป็นเกมที่สดใหม่หรือว้าวหรือเปล่า มีหลายอย่างที่ดีขึ้น และหลายอย่างที่แย่ลงกว่าเดิมอย่างชัดเจน ในภาพรวมนั้น ในแง่ของการเล่น Gameplay ต่างๆ นั้น ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างดี บอสที่สู้สนุกเหมือนกับลง Raid การมีอะไรให้เก็บตก สะสม ไปในตลอดเวลาที่เล่น แต่ในเวลาเดียวกัน ส่วนของเนื้อเรื่องทั้งหมดก็กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยทีเดียว มันไม่น่าจดจำ การลุยดาวที่ขายฝันเกินจริง หรือการนำเสนอเควสก็ดูเหมือนภาพซ้อนของภาคเก่าๆ
จุดที่จะแนะนำตัวภาคสามนี้ก็คงบอกได้ว่า หากเพื่อนๆ เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Borderlands หรือชอบ Gameplay ของซีรี่ย์นี้เป็นทุน ก็สามารถกดได้เลยไม่ต้องคิดมากนัก มันใช่จริงๆ แต่ถ้าเป็นผู้เล่นที่ชอบในด้านเนื้อเรื่อง หรือหวังจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบว้าวไปเลยก็อาจจะต้องผิดหวัง เพราะตัวเกมไม่ได้ตอบโจทย์ในส่วนนั้น
แน่นอนว่าอีกหนึ่งจุดที่เป็นตัวชูโรงของ Borderlands ก็ไม่พ้นเรื่องของ DLC ที่มีทั้งดีและไม่ดีปนกัน และสามารถทำให้มุมมองของเกมเปลี่ยนไปได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Ultimate Vault Hunter ที่พลิก Meta ทั้งหมด หรืออย่างกรณี The Pre-Sequel ที่แป๊กมาก ตัว ClapTrap Voyage ก็กลายเป็นจุดขายที่แข็งที่สุดไปอีก ทำให้อาจจะต้องให้เวลากับตัวภาคนี้ว่าจะมีอะไรมาช่วยได้หรือไม่
▲ จุดเด่น
– ตอบโจทย์แฟนๆ Borderlands ได้อย่างดี อะไรที่ชอบก็มีอยู่และพัฒนาให้ดีขึ้น
– แต่ละบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์จะมีจุดเด่นที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะปืนที่เรียกว่าไม่ได้เด่นแค่สเตตัสแล้ว แต่มันคือลูกเล่นเลย
– บอสและศัตรูมีการพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะบอสที่เรียกว่าจากเมื่อก่อนเราจำแค่บท แต่ตอนนี้มีให้จดจำแม้แต่ตอนสู้
– แผนที่ที่มีอะไรให้สำรวจ ภารกิจย่อยให้ทำเยอะกว่าเดิม
▼ จุดด้อย
– เนื้อเรื่องที่ไม่รู้มีไว้ทำไม
– Side Quest หลายๆ อันก็เป็นการไปจุดนั้น ทำสิ่งนี้ ไปจุดนี้ ทำอย่างโน้น ไม่ค่อยน่าติดตาม
– จุดด้อยเดิมๆ เช่นไอเทมที่หล่นมากว่า 95% จะไม่ได้ใช้ก็ยังคงอยู่
– ตัวละครก็ยังคงไม่สมดุลย์ตามเคย
– การรีรันตัวละครเก่าๆ บางตัวก็แค่เอามาผ่านกล้องให้รู้ว่ามีตัวตนอยู่จนน่าเจ็บใจว่ามาทำไม
– การล๊อคระบบไว้หลังเนื้อเรื่องเหมือนอยากให้ผู้เล่นรีบผ่านๆ เนื้อเรื่องซักรอบแล้วค่อยเสพตัวเกม