กริ๊งงงงงง เสียงสุดแสนปวดร้าวของแฟนๆเม่นสีฟ้ายามพลาดท่า จนแหวนกระจายเต็มหน้าจอคงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของหลายๆคน ในการขุดกรูเกมเก่าออกมาครั้งนี้ หมาก็อยากจะวนอยู่กับเจ้าเครื่อง genesis ของ Sega อยู่อีกซักหน่อย เพราะตอนหมกที่บ้านญาตินี่ ถล่มกันแต่เครื่องนี้เลย เห่อมาก (ฮา) เพราะงั้นในคราวนี้ก็จะขอยกตำนานเม่นสีฟ้า Sonic the Hedgehog มาซักหน่อย
Sonic the Hedgehog AKA เจ้าเม่นสายฟ้า
โอเค เพื่อไม่ให้เป็น wiki หมาจะขอข้ามเกี่ยวกับรายละเอียดของ Sonic Team ต้นกำเนิดบลาๆไปละกัน พูดถึงจุดเด่นของเจ้าเม่นสีฟ้านี่แล้ว ก็จะต่างกับเกมแนว platform สมัยนั้นตรงที่เกมจะเน้นความเร็วของตัวละครมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตัวเกมมีความเรียบง่าย ดึงดูดสายตา
การวิ่งไปตามฉากผ่านวงล้อหรือท่อแคบๆ จนเหมือนเราวิ่งชมวิวในฉากเป็นระยะๆ สลับกับการโดดไปมาตามแท่นต่างระดับ ข้ามเหวหรือปราบศัตรู กลายเป็นจุดขายของ Sonic ที่ตราตรึงผู้เล่นเป็นอย่างมาก
แต่ถ้าจะว่ากันด้านเนื้อเรื่องแล้ว Sonic ตอนแรกไม่มีเนื้อเรื่องอะไรที่ชัดเจนเช่นเดียวกับคุณปู่อย่าง Mario เรียกว่าเป็นมาตราฐานของเกมในสมัยก่อนคือเน้นขายอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย (ด้วยความที่เนื้อที่นั้นมีจำกัดทำให้เกมสมัยก่อนนิยมพุ่งเป้าหมายของเกมให้ชัดเจนไปเพียงอย่างสองอย่าง)
ผู้เล่นจะเข้าใจได้จากสิ่งที่เห็นคือ Sonic ของเราตะลุยไปตามฉากเพื่อปล่อยพวกสัตว์จากการถูกกักขังในตู้ทดลอง หรือเมื่อกำจัดศัตรูในฉากได้ก็จะปรากฎสัตว์ตัวเล็กๆ ออกมาให้เราเดาว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกของ Sonic ได้คร่าวๆ ไปจนถึงการไล่ตื๊บบอสตัวอ้วน Dr. Robotnik ในฉากสุดท้ายของแต่ละพื้นที่ ไล่ไปกระทั่งถึงฐานที่มั่นและขับไล่ตาอ้วนนี่ไปได้สำเร็จ
เพราะงั้นความสนุกของปู่เม่นเราเลยอยู่ที่การวิ่งชมวิวตามฉาก ฟังเพลงเพราะๆ ไล่เก็บแหวน กลิ้งไปกลิ้งมา โดดข้ามเหว โยกหลบหนาม เหยียบหัวมอน เบรคให้ทันก่อนซวย นั่นทางลับนี่หว่า เอ้ยยยยไอ้ตัวนี้เหยียบไม่ได้ ว๊ากกกก อากาศๆๆๆๆ
นั่นล่ะหงิง… คือมันเป็นเกม action platform โดดไปโดดมามากกว่าไล่บู๊กับศัตรูตามฉาก และ Sonic ก็ได้ใส่มาครบและทำมาให้เข้าถึงได้ง่าย คนเล่นสามารถเข้าใจได้ว่าพื้นที่แต่ละจุดเป็นอย่างไร ศัตรูตัวไหนตัวจัดการยังไง ฉากมีจุดที่บังคับหรืออิสระอย่างไร ต้องไปต่อยังไงทางไหน
ด้านตัวฉากของ Sonic ก็ทำมาสวยงามและหลากหลาย มีความเป็นการ์ตูนและเกมแบบที่เข้าถึงได้ทุกวัย มีการเล่นลูกเล่นซ้อนฉากหลังด้วย layer หลายๆชั้นเพื่อสร้างมิติของภาพอย่างง่ายๆ แต่ดูแล้วมีความสบายตา ไม่รู้สึกว่ารกจนเกินไป ไม่ได้ใช้สีหรือบรรยากาศที่มันดูซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละฉาก ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ากำลังเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆจริงๆ
ส่วนของเพลงประกอบที่เป็นอีกหนึ่งในตัวแปรสำคัญของเกมแนวนี้ Sega ก็ทำออกมาได้ตราตรึงติดหูติดใจผู้เล่นแต่ละคนไม่น้อยเลยทีเดียว ในแต่ละฉากก็จะมีเพลงแตกต่างกันไปตามแต่สภาพของฉากนั้นๆ
พูดถึงความยากของตัวเกมนั้น หมาก็ยกให้อยู่ที่อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้โหดเหี้ยมหรือง่ายจนเกินไป เกมจะค่อยๆเพิ่มความยากและซับซ้อนของฉากมากขึ้นไปเรื่อยๆในแต่ละฉาก มีลูกเล่นหรือทริคที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบ้าง หรือสามารถเข้าใจได้ในทันทีแต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมจึงจะผ่านได้ ทั้งหมดรวมออกมาเป็น Sonic ที่อยู่ในใจของผู้เล่นหลายๆคน
จาก Sonic สู่ Sonic 2 และ 3
ด้วยความนิยม ทำให้ปู่เม่นของเราได้มีภาคต่อตามกันออกมาให้ชาวประชาได้เฮฮากันต่อ จริงๆก็มีหลายคนงงว่าในแต่ละภาคนั้นต่างกันยังไง เนื่องจากตัวเกมออกมาในเครื่อง gen เดิมทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแบบเห็นได้ชัดเจนนั้นยากพอสมควร (โดยเฉพาะเมื่อรวมกับเทคโนโลยีสมัยนั้นที่ยังโตไม่เร็วมากนัก) ในมุมมองของหมานั้น ในภาคต่อมาของ Sonic ก็มีการเติบโตของเกมที่เห็นได้พอสมควรอยู่ไม่น้อยนัก
Sonic 2 นั้นเริ่มที่การเปิดตัวละครใหม่เป็นจิ้งจอกสองหาง Miles “Tails” Prower พร้อมกับความสามารถในการใช้หางปั่นบินเยี่ยงเฮลิคอปเตอร์ มาเป็นผู้เล่นจอยสอง สามารถเล่นไปพร้อมๆกับ Sonic ได้ในรูปแบบกึ่ง co-op ช่วยโจมตีศัตรูหรือเก็บของได้
แต่เกมจะตาม Sonic เป็นหลักทำให้น้องจิ้งจอกของเราตกขอบ ตกเหวตายชั่วคราวเอาดื้อๆได้ (หรือสร้างความบรรลัยตอนเล่น bonus stage แทน เพราะ Tails ที่ไม่มีคนเล่นอีกคนช่วยคุมจะเคลื่อนไหวเลียนแบบ Sonic แต่ช้ากว่าทำให้หลบระเบิดไม่ค่อยจะทัน) ถึงกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปซักแป๊บ น้อง Tails ของเราก็จะบินกลับมาวิ่งตามพี่เม่นของเราต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ฮา)
ตัวด่านเองยังเปลี่ยนการซอยด่านย่อยจาก 3 ด่านเป็น 2 ด่านและเพิ่มจำนวน Zone (ฉากใหญ่)เข้าไปแทน ทำให้มีความหลากหลายของตัวด่านมากกว่า แต่ในจุดนี้ก็ทำให้ผู้เล่นหลายๆคนรู้สึกไม่ชอบเช่นกัน อันเนื่องจากแต่ละด่านย่อยนั้นใช้เวลาไม่นานในการผ่าน การเหลือเพียง 2 ด่านย่อยจึงรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไวเกินไป
นอกจากนี้เมื่อ Tails เข้ามาร่วมก๊วนแล้ว เกมก็ได้ทำการใส่ mode competitive สำหรับแข่งกันในด่านต่างๆระหว่าง Sonic กับ Tails ในแบบ split screen เพิ่มเติมเข้ามาด้วย
เมื่อมาเป็น Sonic 3 นั้นทางทีมงานก็งัดลูกเล่นมาเพิ่มเข้าไปอีก โดยการใส่ระบบ save เข้าไปในตลับเกม การตั้งค่าให้ผู้เล่นเลือกได้ว่าจะเล่นแค่ Sonic, Tails หรือทั้งสองตัวละครแบบในภาค 2 ในแต่ละ save
ตัวด่านก็ปรับมาเป็น 3 ด่านย่อยเหมือนกับภาคแรก แต่ใส่ลูกเล่นในฉากให้มากขึ้น และอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างบาเรียที่มีหลายชนิดให้เกิดความหลากหลายตอนเล่น (ในภาคนี้ Tails จะช่วยแบก Sonic บินไปไหนมาไหนได้ด้วย)
ทั้ง Sonic และ Tails ก็เริ่มมีความแตกต่างกันมากขึ้น โดยปู่เม่นจะสามารถใช้ท่าโจมตีด้วยการสร้างคลื่นพลังออกมาชั่วพริบตาเมื่อกระโดดอยู่กลางอากาศ ทำให้โจมตีได้กว้างขึ้นเล็กน้อย ส่วน Tails ก็จะคล่องตัวกว่าในแง่ของการบินและว่ายน้ำได้ค่อนข้างอิสระ
การเปิดตัวละครใหม่อย่าง Knuckle ก็มาเพิ่มมิติในด้านเนื้อเรื่องของตัวเกมเข้าไปอีก เรียกว่าโดยรวมๆแล้วผู้เล่นส่วนมากชอบ Sonic 3 มากที่สุดเพราะลูกเล่นที่เรียกว่าทำให้ตัวเกมมีการพัฒนาไปมากจริงๆ ไม่ใช่แค่เพิ่มตัวละครกับเปลี่ยนนู่นนี่เล็กน้อยเหมือนอย่างภาค 2 (แอบน้อยใจ หมานิมชอบภาค 2 ที่สุด ฮา)
จริงๆถ้าจะให้ครบชุด 1-3 หมาควรจะรวมของภาค Sonic & Knuckle ไว้ด้วย ซึ่งเป็นภาคที่หมาไม่ได้เล่นจึงไม่อยากปล่อยไก่อะไรมากนัก แต่ทีเด็ดจริงๆก็อยู่ที่ภาคนี้ เพราะตัวตลับสามารถเสียบต่อกันได้ และส่งผลให้เกมที่เชื่อมต่อกันมีการเปลี่ยนไป เช่น หากต่อกับภาค 3 จะทำให้เราสามารถเล่นเป็น Knuckle ได้และเข้าเล่นในพื้นที่ต่างๆที่ทั้ง Sonic กับ Tails ไม่สามารถเข้าถึงได้
หลังจากที่ Sonic ดังเปรี้ยงอยู่ในเครื่อง genesis อยู่หลายปี ก็เริ่มกระจายไปยังเครื่องอื่นๆบ้างในหลายๆชื่อย่อย แต่ยังคงธีมเดิมครบถ้วนกับการเก็บเหรียญและวิ่งชมวิวตามฉากไปพลางโดดข้ามเหวไปพลาง ก็มีทั้งเกมที่รุ่งบ้างร่วงบ้างคละๆกันไป
จนถึงปัจจุบันก็ยังคงการันตีอยู่ว่าปู่เม่น Sonic ของเรานั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าปู่ช่าง Mario ถึงขนาดเป็นไม้ขีดไฟกับดวงจันทร์อะไรแบบนั้น
หมาเองก็ยังมีกลับมาหา Sonic มากกว่า Mario ด้วยซ้ำไป เพราะความที่เพลงกับฉากมันประทับใจกว่านี่แหละนะ ถ้ามีโอกาสหมาอาจจะลองพูดถึง Mario ดูบ้าง แต่ปัญหาคือ… หมาเล่นไม่เคยจบเลยแฮะ ขอเอาอุ้งเท้ากุมกบาลตัวเองแป๊บ
ขอขอบคุณทาง : http://www.captainwilliams.co.uk/sonic/index.html สำหรับรูปภาพประกอบอย่างสูงมา ณ ที่นี้