Sprite Fantasia อาชีพ ในเกมมือถือตัวใหม่ล่าสุดจากทาง X-Legend ที่พึ่งเปิดมีเยอะพอสมควร ซึ่งผมก็มั่นใจว่าหลายคนยังไม่รู้จะเล่นอาชีพไหนคลาสไหนดีใช่รึเปล่าล่ะ ในบทความนี้ผมเลยจะมาพูดถึงการ “แนะนำอาชีพต่างๆ ภายในเกม” โดยเรามาดูกันดีกว่าว่ามีกี่คลาสกี่อาชีพ แล้วแต่ละคลาสมีจุดเด่นยังไงกันบ้าง
Sprite Fantasia อาชีพ ภายในเกมมีทั้งหมดกี่อาชีพ?
ในแพทซ์ปัจจุบันของตัวเกมนั้น Sprite Fantasia จะมีอาชีพเริ่มต้นอยู่ทั้งหมด 4 คลาสด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย Warrior – นักรบ / Mage – จอมเวท / Archer – นักธนู และ Priest – นักบวช โดยเราสามารถเลือกคลาสเหล่านี้ได้ทันทีตั้งแต่ตอนสร้างตัวนั่นเองและต้องทำการเก็บเลเวลไปสักพักเพื่อทำการ “เลื่อนขั้น” เพื่อปลดล็อคคลาสต่อไปอีกทีนึง
โดยแต่ละคลาสจะมีตัวเลือกให้เลื่อนขั้นทั้งหมด 2 เส้นทางด้วยกัน Warrior เป็น Paladin / Berserk, Mage เป็น Wizard / Necromancer, Archer เป็น Ranger / Assassin และ Priest เป็น Cleric / Sage ส่งผลให้ในท้ายที่สุดตัวเกมจะมีทั้งหมด 8 อาชีพด้วยกันนั่นเองครับ
เป็นการแนะนำคร่าวๆ ไปแล้วทีนี้เรามาไล่ดูแต่ละ อาชีพ กันดีกว่าว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอะไรกันบ้าง
อาชีพ Warrior
จุดเด่นของคลาส : เป็นตัวบู๊แนวหน้า ตัวแทงค์ของเกม ซึ่งมีจุดเด่นคือพลังชีวิตและพลังป้องกัน
ตามแบบพื้นฐานของสายอาชีพนักรบเลยครับ คลาส Warrior นี้จะมีจุดเด่นคือการเข้าทำดาเมจระยะประชิด ด้วยว่าพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงกว่าคลาสอื่นๆ จึงทำให้คลาสนี้มักรับบทบาทในการเป็นตัวแทงค์ประจำทีมนั่นเอง ซึ้งความถึกทนจึงทำให้คลาสนี้เอาตัวรอดค่อนข้างง่าย รวมทั้งยังเป็นคลาสที่เล่นค่อนข้างง่ายด้วยเช่นกัน
แต่ก็ด้วยพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงนี้เอง จึงทำให้คลาสนี้ต้องแลกมากับค่าพลังโจมตีที่อยู่ค่อนข้างออกไปทางกลางๆ ไม่หวือหวามากนัก ทำให้ใครที่อยากสัมผัสดาเมจหนักๆ จ๋าๆ อาจต้องย้ายไปเล่นคลาสอื่นแทน แต่ถ้าใครชอบแนวชนกับมอนประชันหน้าเลยก็แนะนำ Warrior นี้เลยครับ แถมยังสามารถเลือกขั้นไปเป็น Paladin หรือ Berserk ได้อีกด้วย
Paladin
สำหรับคลาสนี้จะโฟกัสไปที่การเป็นตัวชนแบบเต็มตัวเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นสกิลดึงมอนเข้าตีเรา หรือแม้แต่การบัฟเพิ่มความถึกให้ตัวเองตลอดจนสกิลอื่นที่ทำให้เอาตัวรอดได้นานขึ้นนั่นเอง ใครมองหาตู้เย็นเดินได้ตัวแทงค์จ๋าๆ ก็ต้องคลาสนี้เลย
Berserk
คลาสนี้จะเน้นทางด้านการทำดาเมจเป็นหลักเลยก็ว่าได้ ทั้งสกิลที่เพิ่มดาเมจให้กับตัวเองไปจนถึงบัฟช่วยลดคูลดาวน์เองก็ตามที จึงทำให้คลาสนี้สามารถทำดาเมจได้หนักหน่วงพอตัวเลย แต่ต้องระวังด้วยว่าการแลกซึ่งพลังโจมตีที่สูงจึงทำให้คลาสนี้ค่อนข้างเปราะบางกว่าเมื่อเทียบกับ Paladin นั่นเอง
อาชีพ Mage
จุดเด่นของคลาส : สายทำดาเมจระยะไกลที่ผสมผสานกับการทำ CC ติดสถานะใส่ศัตรู
จุดเด่นของนักเวทหรือ Mage นั้นคือการทำดาเมจจากระยะไกลค่อนข้างหนักหน่วงทีเดียวครับ แถมยังมาพร้อมการทำดาเมจแบบวงกว้าง AOE ผสมกับการทำให้ศัตรูติดสถานะต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแช่แข็งหรือเผาไหม้เป็นต้น เป็นหนึ่งในสองคลาสที่ทำดาเมจได้หนักสุดภายในเกมแล้ว แถมนี่ยังเป็นคลาสที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกหยิบมาเล่นกัน
เฉกเช่นเดียวกับเกมแนว RPG ทั่วไปครับสำหรับสายเวท ถึงแม้จะทำดาเมจได้หนักหน่วงหรือรุนแรงขนาดไหน แต่คลาสนี้เองก็ต้องแลกมาด้วยพลังชีวิตและพลังป้องกันที่ตํ่ามากๆ ซึ่งถ้าหากต่อสู้อยู่แล้วศัตรูสามารถเข้าถึงตัวพวกเขาก็อาจตายได้ด้วยการโจมตีไม่เพียงกี่ครั้งเท่านั้นเอง ทำให้ใครที่คิดจะเล่นคลาสนี้อาจต้องใช้ความระมัดระวังในระดับนึงเลยทีเดียว
Wizard
เรียกว่าเป็นคลาสต่อยอดโดยตรงจาก Mage ก็ว่าได้ ซึ่งจุดเด่นของคลาสนี้ก็ยังคงเป็นการทำดาเมจอันหนักหน่วง เพียงแต่พอเลื่อนขั้นมาเป็น Wizard แล้วสกิลหลายอันจะมีการส่งผลให้ติดสถานะต่างๆ เยอะขึ้นกว่าเดิมมากเลย ใครที่มองหาสายดาเมจหนักๆ AOE ตูมตามคลาสนี้น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดแล้วล่ะ
Necromancer
ยังคงเป็นสายดาเมจอยู่เช่นเคย เพียงแต่เปลี่ยนจากการทำดาเมจจากสกิลตรงๆ มาเป็นการอัญเชิญผีหรือปีศาจมาช่วยต่อสู้แทน พร้อมด้วยการทำดาเมจจากการติดสถานะอื่นๆ เช่นพวกคำสาปหรือโรคระบาดเป็นต้น เป็นคลาสที่มีวิธีการเล่นค่อนข้างซับซ้อนสักหน่อย แต่ถ้าเล่นเป็นแล้วก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งคลาสสายดาเมจที่สนุกใช่ย่อยเลยล่ะ
อาชีพ Archer
จุดเด่นของคลาส : สายโจมตีระยะไกลที่ทำดาเมจได้สูงมากอีกคลาสนึงก็ว่าได้ ซึ่งจะเน้นไปทางการทำดาเมจใส่ศัตรูโดยตรง
สำหรับสายนักธนูหรือ Archer นั้นมีจุดเด่นคือการทำดาเมจสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกิลจำพวกเป้าหมายแบบเดี่ยวที่ยิงโดนทีมีกรีดร้องกันบ้างแล่ะ ในขณะเดียวกันสกิลแบบหมู่หรือ AOE ก็ยังมีให้ใช้อยู่ด้วยเช่นกัน ส่งผลทำให้คลาสนี้ทำดาเมจได้ค่อนข้างหลากหลายและเหมาะกับหลายสถานการณ์มากเลยทีเดียว หากใครที่เน้นการรีดดาเมจแบบจัดหนักจัดเต็มก็ต้องคลาสนี้เลย
และก็แน่นอนว่าเมื่อมีดาเมจที่สูง พลังป้องกันและพลังชีวิตก็ย่อมต้องตํ่าเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่คลาสนักธนูนี้ยังมีดีอยู่บ้างคือพวกเขาจะมีสกิลจำพวก “หลบหลีก” ค่อนข้างเยอะ ทำให้มีความคล่องตัวค่อนข้างสูงและใช้หนีศัตรูได้ง่าย จึงทำให้คลาสนี้ค่อนข้างเอาตัวรอดได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับคลาส Mage ก่อนหน้านี้ ใครชอบคลาสออกแนวคล่องตัวแล้วทำดาเมจได้ต้อง Archer เลยครับ
Ranger
เป็นคลาสที่ยังคงโฟกัสเรื่องการทำดาเมจระยะไกลเป็นหลักอยู่ แต่จะมีการใช้ตัวช่วยอย่าง “พิษ” เข้ามาเสริมในการทำดาเมจเองด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีลูกเล่นหลายๆ อย่างที่เอามาใช้ปั่นปวนศัตรูได้ดีทีเดียว โดยรวมแล้วสไตล์การเล่นก็ยังคงเหมือนกับ Archer นั่นล่ะครับ เพียงแต่สกิลจะมีความหลากหลายกว่าแค่นั้นเอง
Assassin
เรียกว่าเปลี่ยนรูปแบบสไตล์การเล่นไปเลยก็ว่าได้ เพราะคลาสนี้จะโฟกัสไปที่การทำดาเมจระยะประชิดแทน พร้อมด้วยรูปแบบสกิลหลายๆ อย่างออกไปทาง “ซุ่มโจมตี” ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าคลาสนี้เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่รีดดาเมจได้หนักหน่วงมากเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เทคนิคการเล่นพอตัวเลยเพราะถ้าหากเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปเผลอๆ จะตายเองก่อนได้ทำดาเมจล่ะนะ
อาชีพ Priest
จุดเด่นของคลาส : คลาสสายซัพพอร์ตเพียงหนึ่งเดียวในเกม เหมาะสำหรับอยู่แนวหลังคอยช่วยเหลือเพื่อน
สำหรับอาชีพสายนักบวชหรือ Priest นั้นเป็นสายซัพพอร์ตหรือสนับสนุนเพียงหนึ่งเดียวภายในเกมนี้นั่นเองครับ ซึ่งสกิลหลักๆ ก็จะวนเวียนอยู่กับพวก Heal รักษาเพื่อน บัฟต่างๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นเพิ่มพลังโจมตี, เพิ่มพลังป้องกัน หรือ เพิ่มพลังชีวิต พื้นฐานเดียวกับสายซัพพอร์ตในเกมอื่นนั่นเองครับ และแน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในคลาสที่คนต้องการอย่างมากเวลาต้องลุยบอสหรือลงดันเจี้ยนนั่นเอง
แต่ก็นั่นแล่ะครับขึ้นชื่อว่าเป็นสายซัพพอร์ต คลาส Priest นี้แทบจะไม่มีดาเมจเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ในช่วงหลังการทำภารกิจที่ยากๆ อาจจำเป็นต้องหาปาร์ตี้ไปช่วยแทนเพราะตัวเองตีมอนไม่ตาย และถึงแม้จะมีสกิลพวกรักษาอยู่ก็จริงแต่คลาสนี้ก้เปราะบางพอตัวเลยถ้าไม่ระวังตายได้ง่ายๆ เลยนะ แต่ถ้าใครที่เล่นเป็นรู้ว่าควรยืนจุดไหนตรงไหน ควรใช้สกิลอะไรตอนไหน คลาสนี้ก็นับว่าเล่นสบายในระดับนึงเหมือนกันเลยนะ แถมยังมีประโยชน์กับเพื่อนแบบสุดๆ เลย
Cleric
คลาสขั้นต่อมาที่โฟกัสเรื่องการซัพพอร์ตเป็นหลัก โดยพื้นฐานรูปแบบการเล่นไม่ต่างกับ Priest มากนัก แต่จะมีสกิลหลายอย่างถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อใช้ซัพพอร์ตเพื่อนร่วมทีมได้ดีขึ้นครับผม เป็นคลาสที่ต้องการสูงสุดสำหรับการลงดันเจี้ยนแล้ว อย่างน้อยในปาร์ตี้นึงก็จำเป็นต้องมี Cleric อย่างน้อยสักคนล่ะนะ
Sage
คลาสขั้นต่อมาของ Priest ที่จะมีการเพิ่มสกิลจำพวกโจมตีและก่อกวนเข้ามา จึงทำให้คลาสนี้ยังพอต่อสู้ขึ้นมาบ้างในระดับนึง เรียกว่าเป็นสายซัพพอร์ตที่พอช่วยสู้ได้คงไม่ผิดนักหรอก แต่ถึงอย่างนั้นบทบาทหลักก็ยังคงเป็นตัวซัพพอร์ตอยู่ดี จึงทำให้ดาเมจที่ทำมาอาจเทียบกับคลาสอื่นไม่ได้แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยนั่นเอง