ย้อนกลับไปประมาณ 12 ปีที่แล้วในปี 2008 Steam ได้เปิดตัวเกมๆ หนึ่งขึ้นมาในธีมของเหล่าผู้รอดชีวิตที่ต้องเอาตัวรอดจากเหล่าผู้ติดเชื้อในโลกที่มีโรคประหลาดระบาด คล้ายคลึงกับหนังผี หนังซอมบี้ล้างโลก เกมซึ่งเหล่าผู้ที่ยังรอดชีวิตทั้ง 4 คนต้องเกาะกลุ่มไปด้วยกัน ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง Left 4 Dead หนึ่งในเกม First Person Shooter ธีมยิงซอมบี้ที่อยู่ในใจของหลายๆ คนมานาน ในวันนี้ที่ Left 4 Dead 2 ได้ทำการอัพเดทใหม่หลังจากทิ้งหายไปนาน ก็อยากจะกลับมาดูความสำเร็จของเกมนี้ในอดีตกันบ้าง ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เกมนี้อยู่ในใจของหลายๆ คนและกลับมาเล่นใหม่กันได้เรื่อยๆ ในบทความ Left 4 Dead return ครั้งนี้
การกำเนิดของ Left 4 Dead
ถ้าว่ากันถึงการปรากฎตัวของ Left 4 Dead แล้วนั้น เริ่มต้นจากการที่ทีมงาน Turtle Rock Studios อยากจะสร้างเกมที่มีสัมผัสของภาพยนต์สยองขวัญ ให้ความรู้สึกของบรรยากาศการเล่นเกมที่มีการดำเนินเรื่องเหมือนเกมผู้เล่นคนเดียว แต่เล่นได้หลายคนและสามารถเล่นซ้ำได้บ่อย ประมาณกลุ่มผู้เล่นที่พยายามเอาตัวรอดจาก AI ที่มารุมเป็นสิบๆ ตัว ซึ่งก็เรียกได้ว่าออกมาตรงกับที่ทางทีมงานต้องการอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตัวเกมนั้นก็ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2005 และมีการออกโชว์ในงานต่างๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะถูกรับไปโดยทาง Valve อย่างที่ทุกคนทราบกัน และทาง Valve เองก็ได้ทุ่มเทกับตัวเกมนี้มาในการทำการตลาดโฆษณาต่างๆ เพื่อให้บัง และก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาก แม้ว่าในช่วงนั้นทาง Server ของ Steam เองก็จะยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเคยผ่านช่วงนั้นน่าจะพอนึกออกถึงมหกรรมรุมสกรัมด่า Steam กันอย่างเฮฮาเวลานั้นกันได้ (ฮา)
แน่นอนว่าก่อนจะมีการวางจำหน่าย ก็มีการพัฒนา ทดสอบ ทดลองกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบต่างๆ การปรับปรุงตามเสียงของผู้เล่นทดสอบ เช่นการเอาศัตรูชนิดพิเศษออก การเปลี่ยนจากแผนที่ที่มีความกว้างหลากหลายเส้นทางจนเกินไป ให้มีความกระชับขึ้น หรือการปรับเปลี่ยนการชมเชยเพื่อนร่วมทีม/ทำร้ายเพื่อนร่วมทีมจากระบบอันดับเป็นการแจ้งเล็กน้อยในเกมแทน จนในที่สุดก็ออกมาเป็น Left 4 Dead อย่างที่เราๆ ได้เล่นกันทุกวันนี้
ความลงตัวในฉบับผีๆ
Left 4 Dead นั้นมีอะไรหลายอย่างที่ค่อนข้างลงตัวในฉบับของตัวเองที่ทำให้สามารถชนะใจคนเล่นได้มาก ซึ่งเราอาจจะไล่เป็นหลักๆ ได้ด้วยกันดังนี้
- ทางด้านความยากนั้น ตัวเกมมีความยากให้หลายระดับทั้งแบบง่ายเล่นกันชิวๆ แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ท้าทายอยู่ ไปจนถึงความยากที่เผลอแป๊บเดียวอาจจะลงไปนอนคลุกฝุ่นได้จากศัตรูธรรมดาๆ ที่กลายเป็นตัวโหดแทนที่เจ้าพวกตัวพิเศษไป
- การทำมาเพื่อผลักดันให้ผู้เล่นมีร่วมมือกัน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถ้าถูกเหล่าศัตรูชนิดพิเศษเล่นงาน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขนาดที่ว่าถ้าแยกกันแล้วจะไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน ทำให้สามารถเลือกเล่นแบบเกาะกลุ่มหรือแยกกันในบางครั้งได้
- ระบบ AI Director ที่สร้างมาเพื่อให้ตัวเกมมีความแตกต่างกันทุกครั้งในการเล่น และสร้างความยากรองของเกมที่ปรับเปลี่ยนไปมาได้ ถ้าผู้เล่นเล่นค่อนข้างแย่ ตัว AI จะปรับให้ศัตรูน้อยลง เกิดกระจายกัน แต่ถ้าผู้เล่นเล่นกันดีมาก บางทีก็จะส่งตัวมาหามารัวๆ หรือบางทีก็ขี้เกียจส่งมาให้หรือเจคนาแกล้งกัน รวมไปถึงการสุ่มไอเทมและการเล่นเพลงต่างๆ อีกด้วย
- ตัวฉากที่มีให้เลือกหลายแบบ หลายโหมด การเริ่มเล่นจากเนื้อหาต่างๆ ของแต่ละฉากได้ การส่งผู้เล่นตรงเข้าสู่เนื้อหาของเกมไม่ต้องผ่าน cut scene ไปให้ตัวละครอธิบายกันในระหว่างเล่นเอง ทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเล่นตามที่กำหนด สามารถเลือกเล่นอย่างที่ต้องการได้เลยไม่เสียเวลารอคอยดูอะไรซ้ำไปซ้ำมา
- ระบบที่เข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก ให้โอกาสผิดพลาดได้หลายครั้ง และมีพื้นที่ให้สำหรับการใช้ฝีมือ สกิลในการเล่นได้แสดงฝีมือเต็มที่ในเวลาเดียวกัน รวมถึงตอนจบที่มีการรวบรวมสถิติต่างๆ มาแสดงให้เพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกันทราบ่วาใครทำอะไรลงไปบ้าง ใครยิงตูดเพื่อนแม่นสุด ใครกำจัดศัตรูได้เยอะสุด หรือลงไปนอนดิ้นกี่ครั้ง ก็เป็นอะไรที่เอามาคุยกันต่อได้อีก
- งานภาพที่ยังดูดีแม้จะเป็นอีกหลายสิบปีให้หลัง การนำเสนอเหล่าผู้ติดเชื้อในเกมให้ดูน่าสนใจ ไม่ได้เน้นขายแต่ความอี๋แหวะชวนสยอง หรือเน้นแต่เลือด แม้แต่ผู้ติดเชื้อเองก็ไม่ได้เป็นซากศพเดินได้ แต่เหมือนคนไร้สติ เข้ามาตบๆ กระทืบเรา ให้ได้นั่งคิดตามว่ามันคืออะไร ต่างจากเกมแนวซอมบี้แบบเดิมๆ ในขณะนั้น
ซึ่งเมื่อรวมตรงนี้เข้าด้วยกันแล้ว ทำให้ตัวเกมนั้น แม้ตัวแผนที่จะตายตัวและเป็นเส้นตรง แต่ก็มีความแตกต่างที่ค่อนข้างเห็นได้ในแต่ละครั้งที่เล่น สร้างความรู้สึกที่ทำให้มันไม่จำเจ เมื่อเทียบกับเกมส่วนมากในเวลานั้นที่มีตำแหน่งของไอเทมหรือศัตรูตายตัว หรือมีการสุ่มจากไอเทมเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้สุ่มไปจนถึงเหล่าศัตรูและตัวพิเศษในระดับที่อยากจะเดินไปต่อย AI Director ว่านี่กวนกันใช่ป่ะ?
นอกจากนี้ตัวเกมยังมาในจังหวะที่เหมาะสม การเปิดตัวของ Steam ก่อนหน้านั้นที่รองรับการเล่น multi player ที่ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่ต้องหา server หรือมานั่งแก้ port เพื่อให้เล่นกันได้ การตลาดของตัว Valve และตัวเกมที่เข้าถึงได้ง่าย เล่นจบมีแสดงข้อมูลที่ทำให้รู้สึกว่า เออ เรายังอยากทำนู่นนี่ต่อได้อีกเหมือนดูหนังจบเรื่องหนึ่งก็เป็นบรรยากาสที่ดีเช่นกัน
การย้อนกลับมาเล่นอีกครั้ง
อันที่จริง ไม่มีเกมไหนที่ยืนยงคงกระพัน ไม่ว่าสนุกแค่ไหนก็ต้องมีวันเลิกรา แต่การจะหยิบมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งนั้นก็มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกอยากจะหยิบมันขึ้นมา ซึ่ง Left 4 Dead นั้นก็ยังสามารถทำจุดนี้ได้อยู่(ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้เกลียดเกมแนวนี้) อันด้วยเหตุผลในความลงตัวของมันนั่นแหละ
จะด้วยระยะเวลาการเล่นต่อรอบที่สั้น มีการรองรับ workshop ให้สามารถหาเนื้อหาต่างๆ มาเพิ่มให้กับตัวเองได้เอง ตัวเกมที่เข้าใจง่าย เหมาะแก่การนำไปเสนอให้กับผู้เล่นใหม่ๆ ได้ลองเล่นกัน ความยากที่ยกระดับจนต้องมีสมาธิกับการเล่นหรือเข้าใจกลไกของเกมให้มากขึ้น การมาของภาค 2 และเหล่าศัตรูระดับพิเศษที่สร้างความบรรลัยให้กับคนในตี้ได้ดีขึ้นในแต่สถานการณ์ต่างๆ
ด้วยจุดต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เป็นตัวเกมที่สามารถนานๆ ทีหยิบกลับมาเล่นเป็นพักๆ ได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกว่ามันเลี่ยนเกินไป หรือมันต้องใช้เวลานานเกินไปในการเล่นแต่ละครั้ง
ถ้าว่ากันในจุดอ่อนของตัว Left 4 Dead ก็มีพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นบัคต่างๆ หรือตัว AI Director เองที่บางครั้งก็เหมือนจะเมามาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ที่หนักๆ เลยก็คงไม่พ้นตัว Bot หรือ AI เพื่อนร่วมทีมนี่เอง ที่แม้จะพึ่งพาได้ในการช่วยสู้ (ก็นะ การเล็งให้แม่นไว้ก่อนเป็นพื้นฐานของ Bot ในเกมยิงเลยก็ว่าได้) แต่ในด้านการตัดสินใจ แม้แต่อะไรที่ดูง่ายมากเช่นช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมที่โดนศัตรูพิเศษเล่นงานอยู่นั้น บางครั้งยืนอยู่ติดกันแต่ไม่ช่วยก็มี ซึ่งพอเปลี่ยนมาเป็นผู้เล่นด้วยกันทั้งหมดมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอีก
บางทีก็ต้องยอมรับว่า เกมบางเกมนั้นเมื่อได้เล่นในจังหวะและเวลาที่ถูก ไม่มีคู่แข่งดังๆ มาบดบังเป็นเวลาพักใหญ่ ก็สามารถความตราตรึงให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างมาก ตัว Left 4 Dead เองก็เรียกว่าอยู่ในจุดนั้น อาจจะตอบไม่ได้เต็มปากว่าถ้าเปิดตัวในเวลานี้จะสามารถทำได้อย่างนี้หรือไม่ อาจจะถูกกลบหรือดูถูกว่าเป็นเกมซ้ำไม่มีอะไรมากมายก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี Left 4 Dead นั้นก็ได้สร้างอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมาในเวลานั้นที่ทำให้หลายคนที่ได้สัมผัสมันรู้สึกประทับใจ ตัวราคาของเกมนั้นก็ไม่ได้แพงแถมลดราคาอยู่เสมอ เข้าถึงง่ายทำให้ไม่ต้องเป็นคนเล่น fps หนักๆ ก็ยังเล่นได้ สนับสนุนการเล่นเป็นทีมแต่ไม่บังคับจนเกินไป ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ สนใจจะลองหยิบมาจับซักแป๊บ ไม่ถูกใจกด refund ก็ไม่เสียหาย บางทีเพื่อนๆ อาจจะชอบเจ้าตัว Left 4 Dead ก็ได้ ใครจะรู้ล่ะนะ แต่ถ้าจะหยิบจริงแนะนำ [ Left 4 Dead 2 ] นะ เพราะเล่นได้ทั้งเนื้อหาของภาค 1 และ 2 เลย (จุดต่างกันมีแค่ถ้าเล่นตัวเกมภาค 1 แท้ๆ จะไม่เจอศัตรูของภาค 2 มาป่วน) Happy Survival จ้า