ถ้าหากจะให้พูดถึงเกมจากสัญชาติญี่ปุ่นเพื่อนๆ ก็คงสามารถนึกออกมาได้เป็นสิบเป็นร้อยเกมเลยใช่ไหมล่ะ แล้วถ้าเกิดลองบีบวงแคบลงเป็นเกมสยองขวัญแทนล่ะ เกมที่นึกออกจะมีเกมอะไรบ้าง Fatal Frame, Resident Evil, Silent Hill หรือแม้แต่ซีรี่ส์ของ The Evil Within ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะแต่ละเกมนั้นก็ได้สร้างผลงานและนับเป็นปรากฏการณ์ในวงการเกมกันมาแล้ว
โดยในบทความนี้ก็จะมาแนะนำอีกหนึ่งเกมสยองขวัญสัญาชาติญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นกระแสโด่งดังเมื่อช่วงหลายปีก่อนจนเป็นต้นกำเนิดมีมสุดฮาอย่าง “อาเบะม่วง” หรือ “เบะสีม่วง” กับเกมที่มีชื่อว่า Ao Oni ตำนานสยองแห่งยักษ์สีฟ้า ถ้ายังงั้นเราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
เกมนี้คืออะไร
Ao Oni (青鬼) ถ้าแปลตามความหมายตรงตัวก็จะแปลได้ว่า “ปีศาจสีฟ้า” หรือ “ยักษ์สีฟ้า” นั่นเอง เป็นเกมแนวไขปริศนาผสมกับสไตล์เกม RPG ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยโปรแกรมสร้างเกมยอดนิยมอย่าง RPG Maker XP และได้มีการปล่อยให้ดาวน์โหลดเล่นกันได้ฟรีเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2007 นั่นเอง
ตัวเกมได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีทีเดียว เหตุผลนึงเป็นเพราะด้วยว่าตัวเกมสร้างจาก RPG Maker ออกมาในรูปเกมแนว 8 bit ทำให้คอมไม่จำเป็นต้องสเป็คสูงก็สามารถเล่นกันได้ ในส่วนต่อมาก็คงเป็นการดีไซน์ของเจ้ายักษ์สีฟ้า (แต่ดูยังไงมันก็สีม่วงชัดๆ ) ที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับคนทั่วไปแต่มีหัวโตผิดปกติพร้อมด้วยลูกตาอันดูบ้องแบ๊ว ทำให้มันดูไม่ค่อยมีพิษมีภัย แต่เมื่อเทียบกับการกระทำของมันอันสุดแสนจะน่ากลัวขัดกับรูปลักษณ์ภายนอก เลยทำให้กลายเป็นที่จดจำของเหล่าแฟนเกมได้โดยง่ายนั่นเอง
เนื้อเรื่องย่อ
ว่าด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจจะไปพิสูจน์ความกล้ากันภายในแมนชั่นร้างอันว่ากันว่ามีผีสิงอยู่ด้านใน โดยว่าถึงตัวเอกของเรื่องอย่าง Hiroshi พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนประกอบไปด้วย Takuro, Takeshi, Mika, Kazuya และ Ryota รวมกันทั้งสิ้น 6 คน แต่เมื่อทั้งกลุ่มได้ทำการเข้าไปด้านในประตูทางเข้าก็เกิดล็อคขึ้นมาและไม่สามารถเปิดออกได้ พวกเขาเหล่านั้นจึงจำเป็นจะต้องทำการสำรวจเพื่อหาทางออกอื่น
โดยในระหว่างการสำรวจนั้นกลุ่มของทั้งหกคนก็ได้ไปพบเข้ากับสิ่งมีชิวตรูปร่างคล้ายมนุษย์ตัวสีฟ้าแต่มีตัวขนาดใหญ่ผิดปกติ ซึ่งภายในเกมจะเรียกเจ้าพวกนี้ว่า Oni ก่อนมันจะวิ่งพุ่งเข้ามาใส่อย่างน่ากลัว ทำให้ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกับหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง และนั่นจึงทำให้ตัวของ Hiroshi ตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย จึงได้ทำการออกตามหาเพื่อนๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่พร้อมช่วยกันหาทางออกจากแมนชั่นแห่งนี้
ระบบเกมเพลย์
สไตล์การเล่นจะเหมือนแนวสยองขวัญ-เอาตัวรอดเกมอื่นๆ ทั่วไป คือการหนี แก้ไขปริศนา และหาทางออก โดยภายในเกมจะให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจห้องต่างๆ ในแมนชั่นเพื่อรวบรวมไอเทมทั้งหลายมาใช้แก้ไขปริศนา พร้อมทั้งยังต้องคอยวิ่งหนีเอาตัวรอดจากเจ้าอาเบะม่วงที่มันคิดจะโผล่จากตรงไหนมันก็โผล่ออกมาได้เสมอ จึงทำให้เราต้องระแวงแทบจะตลอดเวลายันจบเกมเลย
แอบเสียใจอย่างนึงคือตลอดทั้งเกมเราจะเจอแค่เจ้าอาเบะม่วงตัวนี้ตัวเดียว จะไม่มีโอกาศได้เจอศัตรูหน้าใหม่ๆ ตรงนี้เลยเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากจริงๆ แต่ถ้าเกิดว่าใครเคยได้เล่นในเวอร์ชั่นต้นตำหรับ พอช่วงท้ายเกมจะมีโอกาศได้เข้าไปสำรวจในห้องขังที่เรียกว่า Oni Room ซึ่งภายในนั้นจะเต็มไปด้วยเจ้าตัวพวกนี้เต็มไปหมด แต่จะมีรูปร่างแตกต่างกันไป บางตัวก็มีรูปร่างบิดเบี้ยวแปลกประหลาด บางตัวดูเผินๆ เหมือนจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตด้วยซํ้า อาจเป็นเพราะเจ้าพวกนี้มันดูน่ากลัวเกินไปรึเปล่า เลยทำให้ตัวเกมตัดสินใจใช้เต้าตัวหัวโตตาแบ๊วเป็นศัตรูเพียงตัวเดียวตลอดทั้งเกมเลยก็เป็นได้
ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของ Oni
ตัวเกมแทบไม่ได้มีการอธิบายอะไรไว้เลยเกี่ยวกับเจ้าตัวพวกนี้ว่ามันคือตัวอะไร มาจากไหน แล้วทำไมถึงมาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ได้มีการสันนิษฐานกันว่าเจ้าตัวพวกนี้อาจจะเป็นผู้อาศัยเก่าของแมนชั่น เหตุผลนึงเพราะถ้าในระหว่างการเล่นเกมแล้วเพื่อนในกลุ่มของเราคนใดคนหนึ่งเกิดถูกจับตัวได้และโดนฆ่า คนเหล่านี้จะกลายร่างเป็น Oni ตัวถัดไปซึ่งสังเกตได้จากลักษณะทรงผมของพวกมันนั่นเอง มันเลยให้อารมณ์คล้ายกับพวกซอมบี้ระดับนึงเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ยังมีเจ้าพวกนี้อีกตัวที่ชื่อว่า Blockman ซึ่งจะมีรูปร่างคล้ายกับ Domo-Kun ตัวการ์ตูนและมาสค็อตยอดนิยมประจำประเทศญี่ปุ่น โดยเพื่อนๆ สามารถทำการเรียกมันมาไล่ฆ่าเพื่อนๆ ได้โดยการใส่ชื่อของมันในตอนเริ่มเกมใหม่นั่นเอง มันจะทำให้เพื่อนๆ ได้วิ่งหนีเบะม่วงถึงสองตัวในเวลาเดียวกันเลยล่ะ
กระแสตอบรับของตัวเกม
ด้วยเหตุผลเพราะเจ้าตัวอาเบะม่วงมันโดดเด่นเป็นเหมือนกับมาสค็อตประจำเกมเลยทำให้กลายเป็นที่รู้จักได้ด้วยเวลาเพียงไม่นาน ขนาดหลายๆ คนไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็ยังรู้จักเจ้าตัวนี้เลย และก็ด้วยความโด่งดังนี้มันเลยได้ทำให้มีการถูกหยิบไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ อย่างมากมายทีเดียว
อย่างแรกเลยกับเหล่าตัวเกม Fanmade ในเวอร์ชั่นหลากหลายทั้งแบบ 3D VR และอื่นๆ อีกเพียบ นอกจากนี้ยังเคยถูกหยิบไปสร้างเป็นอนิเมะซีรี่ส์ความยาว 13 ตอน พร้อมด้วยมูฟวี่อีกหนึ่งซึ่งกำกับโดยคุณ Toshiro Hamamura รวมไปถึงในส่วนของนิยายไลท์โนเวลและมังงะโดยอาจารย์ Kenji Kuroda ด้วยเช่นกัน
แต่ความน่าสนใจจริงๆ คือมีการถูกหยิบไปสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงินเวอร์ชั่นคนแสดงหรือ Live Action มาแล้วถึงสองภาค โดยในภาคแรกนั้นจะมีการใช้ชื่อเดียวกับตัวเกมเลยเข้าฉายเมื่อปี 2014 ซึ่งจะมีเนื้อหาดัดแปลงค่อนข้างจะหนักพอสมควร มีการอ้างอิงจากตัวเกมก็เพียงชื่อกับเจ้ายักษ์สีฟ้าเพียงเท่านั้น และอีกภาคก็ได้แก่ Ao Oni Ver. 2.0 ในปี 2015 ได้มีการนำมาสร้างใหม่พร้อมอิงเนื้อเรื่องใกล้เคียงกับตัวเกมมากขึ้น เผื่อเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็ลองไปไล่หาดูกันได้นะ จากรายการทั้งหมดนี้เพื่อนๆ ก็คงพอจะคาดเดากันได้แล้วล่ะนะว่าตัวเกมได้รับความนิยมขนาดไหน
ทั้งนี้ทั้งนั้นตั้งแต่ตัวเกมได้มีการเปิดตัวก็เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว สำหรับเกมเมอร์รุ่นหลังๆ อาจจะไม่รู้จักเจ้าตัวนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นัก อาจจะมีเคยได้ยินชื่อหรือได้เห็นมาผ่านๆ บ้างก็เท่านั้นเอง ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายๆ คนได้รู้จักกับแฟรนไชส์นี้กันมากขึ้นนะครับ กับบทความ ย้อนรอยตำนานสยองแห่งยักษ์สีฟ้ากับ Ao Oni และก็ถ้าเกิดเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะลองเล่นก็สามารถไปไล่หาดาวน์โหลดมาลองกันได้นะ เพราะตัวเกมเป็นแบบ Freeware ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด รับรองเพื่อนๆ จะได้วิ่งหนีเจ้าอาเบะม่วงนี้จนขาชาเลยล่ะ