ทุกคนยังจำกันได้รึเปล่าว่าเกมๆ แรกที่ทุกคนได้เล่นนั้นมาจากเครื่องอะไร สำหรับเกมเมอร์รุ่นใหม่ในทุกวันนี้ก็อาจจะมีคำตอบให้แตกต่างกันไปทั้ง PlayStation 4, Xbox One, PC และอื่นๆ อีกมากมายเลย แล้วสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่เติบโตมากับยุค 90 ละเครื่องเกมแรกของเพื่อนๆ คือเครื่องอะไรยังจำกันได้อยู่รึเปล่า
ผมมั่นใจว่าคำตอบที่ได้ก็คงจะไม่พ้น NES, Famicom, Super Famicom, Sega Mega Drive ไปจนถึงเครื่องเกมพกพา Gameboy หรือแม้แต่เครื่องสุดคลาสสิคอย่าง PlayStation ที่ได้รับความนิยมสูงจนพัฒนามาอีกหลายต่อหลายรุ่น ล่าสุดก็พึ่งได้มีการเปิดวางขายเครื่องรุ่นใหม่อย่าง PlayStation 5 ไปไม่นานนี้เองด้วย
โดยในบทความนี้เราก็มาเดินทางย้อนกลับไปกันสักหน่อยดีกว่ากับ ย้อนรอย 10 เกมขายดีตลอดกาลของเครื่อง PlayStation มาดูกันว่าจะมีเกมอะไรบ้าง ที่ทำให้เครื่องเกมรุ่นนี้ประสบความสำเร็จจนส่งผลให้มีการพัฒนาและต่อยอดมาจนถึงทุกวันนี้
10. Metal Gear Solid
วางจำหน่าย – กันยายน 1998
ยอดขาย – 6.03 ล้านชุด
หนึ่งในผลงานขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของ Hideo Kojima กับเกมแนวสายลับในสไตล์ 3D โดยหลังจากที่ตัวเกมได้วางจำหน่ายนั้นก็ได้รับการตอบรับอันดีเป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบการเล่นอันแหวกแนวพร้อมพล็อตเนื้อเรื่องซึ่งสามารถเทียบทับระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากทางฮอลลีวูดได้เลยทีเดียว
แต่ก็แน่นอนด้วยความเป็นที่นิยมอย่างมากจึงส่งผลให้ตัวซีรี่ส์ดังกล่าวได้ถูกนำมาสร้างภาคต่ออีกหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงทำให้ชื่อของ Metal Gear และ Snake กลายเป็นที่จดจำของเหล่าแฟนเกมทั่วทั้งโลกไปแล้วในทุกวันนี้
9. Tomb Raider II
วางจำหน่าย – ตุลาคม 1997
ยอดขาย – 6.5 ล้านชุด
ภาคต่อของนักล่าสมบัติสาวสุดเซ็กซี่ Lara Croft กับการเดินทางครั้งใหม่ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ตัวเกมได้มีการเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น อาวุธใหม่ ท่าทางการเคลื่อนที่ใหม่ ยานพาหนะใหม่ ไปจนถึงระบบการเซฟเกมถูกเปลี่ยนให้สามารถทำได้ทุกที่ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาคริสตัลเหมือนกับภาคแรกอีกต่อไป
แน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้ Tomb Raider II นั้นติดอันดับเกมขายดีตลอดกาล คงเป็นเพราะความสำเร็จอย่างล้นหลามจากตัวเกมในภาคแรกได้เคยทำไว้ จึงทำให้เมื่อตัวเกมมีการทำภาคต่อออกมาเหล่าแฟนเกมก็ยังคงให้การสนับสนุนไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
8. Crash Bandicoot
วางจำหน่าย – กันยายน 1996
ยอดขาย – 6.82 ล้านชุด
ผลงานจากทางค่าย Naughty Dog ได้มีการวางจำหน่ายให้กับทาง PlayStation ไปเมื่อปี 1996 ว่าด้วยเรื่องราวของ Crash เจ้าหมาติงต๊องที่ต้องออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือหญิงคนรักของตน Tawna ผู้ซึ่งถูกลักพาตัวไปโดยนักวิทยศาสตร์สติเฟื่องนาม Dr. Neo Cortex และในขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นการหยุดแผนยึดครองโลกของด็อกเตอร์เช่นกัน
จุดเด่นที่ทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมนั้นคือ การนำเอาลูกเล่นกับการใช้มุมกล้องสอดแทรกเข้าไปในแต่ละด่าน ทำให้ภายในเกมนั้นจะมีรูปแบบการเล่นอันหลากหลายขึ้นอยู่กับฉากนั้นๆ แถมยังมีด่านต่างๆ ให้ฝ่าฟันกว่า 33 ด่านเลยอีกด้วย ทั้งหมดนี้จึงทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมอย่างมากและสามารถจำหน่ายได้กว่า 6.82 ล้านชุดเลยทีเดียว
7. Tomb Raider
วางจำหน่าย – ตุลาคม 1996
ยอดขาย – 7.1 ล้านชุด
ผลงานจากทีมผู้พัฒนา Core Design โดยได้มีการลงครั้งแรกให้กับเครื่อง Sega Saturn ก่อนในภายหลังจะค่อยมีการพัฒนาและพอร์ตลงให้กับเครื่องรุ่นอื่นๆ ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยตามล่าสมบัติของ Lara Croft ที่จะพาเหล่าผู้เล่นไปสำรวจตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำนานลึกลับของจากดินแดนอียิปต์ ไปจนถึงมหานครอันล่มสลามแห่งแอตแลนติสก็ตามที
ตัวเกมได้รับความนิยมอย่างมากจากรูปแบบการเล่นสไตล์ แอ็คชั่น – ผจญภัย ทั้งฉากบู๊สุดมันส์ไปจนถึงการแก้พัซเซิลไขปริศนาต่างๆ ซึ่งตัวเกมเองก็ให้อารมณ์คล้ายกับการผจญภัยของ Indiana Jones เลยก็ว่าได้ แถมยังมีตัวเอกเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่สไตล์โพลิก้อนหน้าอกเหลี่ยมอีกด้วย จากเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีการทำภาคต่อออกมาอีกมากมายจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้
6. Harry Potter and the Philosopher’s Stone
วางจำหน่าย – พฤศจิกายน 2001
ยอดขาย – 8 ล้านชุด
จากนิยายพ่อมดชื่อดังผลงานการเขียนของ JK Rowling สู่การหยิบมาทำวีดีโอเกมในสไตล์แอ็คชั่น – ผจญภัย ภายในเกมจะพาเหล่าผู้เล่นได้ไปสวมบทเป็น Harry Potter พ่อมดหนุ่มผู้มีสัญลักษณ์รูปสายฟ้าบนหน้าผากของเขา พร้อมพาออกไปสำรวจและผจญภัยตามสถานที่ต่างๆ ภายในเขตดินแดนโรงเรียนเวทย์มนต์ Hogwarts รวมไปถึงการไขความลับอันดำมืดที่แอบซ่อนอยู่
คงเรียกได้ว่าเหตุผลแรกที่ตัวเกมได้รับความนิยมเพราะเป็นการแปลงมาจากนิยายสุดเลื่องชื่อ แต่พอได้เข้ามาสัมผัสกับตัวเกมจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นมาก ตัวเกมมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะการปรุงยา การแก้ไขพัซเซิลต่างๆ การเรียนเวทย์มนต์คาถา หรือแม้แต่การแข่งขันควิดดิชเองก็ตาม แถมในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้น่าติดตามไม่แพ้ฉบับนิยายต้นตำหรับเลยด้วย ทำให้ตัวเกมเล่นได้ไม่เบื่อเลยล่ะ
5. Tekken 3
วางจำหน่าย – มีนาคม 1998
ยอดขาย – 8.3 ล้านชุด
ผลงานเกมไฟท์ติ้งสุดมันส์ที่เหล่าแฟนเกมต่างพากกันยกย่องกับ Tekken 3 ซึ่งในตอนแรกตัวเกมได้มีการลงให้กับเครื่อง Arcade เมื่อปี 1997 ก่อนจะมีการพอร์ตมาลงให้กับเครื่อง PlayStation ในปีถัดมา โดยในภาคนี้ก็ได้มีการอัพเดทตัวละครใหม่หลายตัวไม่ว่าจะ Ling Xiaoyu, Bryan Fury, Eddy Gordo หรือแม้แต่ตัวแปรสำคัญคนใหม่ประจำแฟรนไชส์นี้อย่าง Jin Kazama ซึ่งทำให้ในภาคนี้มีตัวละครให้ได้เล่นถึง 23 ตัวเลยทีเดียว
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าตัวเกมได้รับความนิยมนั้นเป็นเพราะได้มีการอัพเดทตัวละครใหม่เข้ามาหลายตัว แต่จุดเด่นจริงๆ ที่ทำให้ตัวเกมทำยอดขายได้อย่างถล่มทะลายนั้นเป็นเพราะระบบการเล่นอันถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นต่างหากล่ะ อย่างแรกเลยคือตัวเกมมีการเพิ่มระบบ Sidesteps Dodging เข้ามา (จากในภาคก่อนหน้านี้จะสามารถใช้ได้กับเพียงบางตัวละคร) ต่อมาก็คือการปรับอนิเมชั่นของตัวละครให้ดูลื่นไหลขึ้น ว่องไวขึ้น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์เหล่าแฟนๆ มากทีเดียว จนถึงกับที่ว่า Tekken 3 ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในเกมแนวไฟท์ติ้งดีที่สุดตลอดกาลจากเหล่าแฟนเกมเลยล่ะ
4. Final Fantasy VIII
วางจำหน่าย – กุมภาพันธ์ 1999
ยอดขาย – 8.6 ล้านชุด
ภาคต่อลำดับที่ 8 แห่งแฟรนไชส์ Final Fantasy ผลงานจากทางค่าย Square Soft (Square Enix ในปัจจุบัน) เป็นอีกหนึ่งภาคที่ได้มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก ด้วยจากในภาคก่อนๆ จะมีการเน้นเนื้อหาของตัวเกมให้มีความเป็นแฟนตาซีแบบเต็มพิกัด แต่ในกลับกันในภาค 8 นี้จะพยายามดึงให้ตัวเกมนั้นมีความใกล้เคียงกับชีวิตความเป็นจริง อย่างเช่นการเดินทางด้วนรถยนตร์หรือการข้ามระหว่างเมืองโดยการใช้รถไฟเป็นต้น
แต่สิ่งที่ทำให้ตัวเกมประสบความสำเร็จจริงๆ คงจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่อง ด้วยการนำเอากลุ่มตัวเอกซึ่งเป็นนักเรียนเข้ามาใช้ในการดำเนินเรื่อง โดยไม่เคยมีภาคไหนเคยทำมาก่อนแถมในช่วงนั้นพล็อตเรื่องแบบนี้ก็กำลังเป็นที่ยิมอยู่ บวกกับคุณภาพของตัว CG อันเรียกได้ว่าคงไม่มีเกมใดในยุคนั้นสามารถเทียบได้เลย ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Final Fantasy VIII ถึงได้ประสบความสำเร็จและสามารถทำยอดขายไปได้กว่า 8.6 ล้านชุดนั่นเองครับ
3. Gran Turismo 2
วางจำหน่าย – ธันวาคม 1999
ยอดขาย – 9.37 ล้านชุด
หลังจากที่เคยได้ฝากผลงานมาแล้วในภาคแรก Gran Turismo ก็ได้กลับมาอีกครั้ง โดยการกลับมาครั้งนี้นั้นทางตัวเกมได้มีการเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้ามาให้กับตัวเกม ไม่ว่าจะเป็นการปรับระบบการ เบรค ให้ลื่นไหลขึ้น การเพิ่มรถคันใหม่ๆ เข้ามาซึ่งขนกันมาเป็นกองทัพเลย รวมไปถึงด่านและฉากใหม่ตลอดจนถึงโหมดการเล่นใหม่เช่นเดียวกัน สำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่เคยถูกใจมาแล้วกับตัวเกมในภาคแรก Gran Turismo 2 นี้จะดึงเอาประสบการณ์นั้นกลับมาพร้อมยกระดับไปอีกขั้นก็ว่าได้
ก็เช่นเดียวกันกับเกมภาคต่ออื่นๆ ส่วนมากแล้วจะเป็นอานิสงค์จากภาคก่อนได้ทำไว้ ทำให้เมื่อมีภาคต่อเหล่าแฟนเกมที่ถูกใจก็จะยังคงสนับสนุนเช่นเคย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทีมผู้พัฒนาจะสักแต่เอาชื่อเกมมาขายเพียงเท่านั้น อย่างน้อยกับ Gran Turismo 2 ก็ได้มองเห็นถึงปัญหาหรือจุดด้อยที่ตัวเกมในภาคแรกมี และได้นำมันมาแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมตัวเกมถึงยังคงได้รับความนิยมเฉกเช่นเดียวกับภาคแรกนั่นเอง
2. Final Fantasy VII
วางจำหน่าย – มกราคม 1997
ยอดขาย – 10.02 ล้านชุด
ถ้าหากจะพูดถึงผลงานจากทางค่าย Square Enix แล้ว เราก็คงจะปฏิเสธิไมไ่ด้ว่า Final Fantasy VII นี่ละคือผลงานชิ้นโบว์แดงและเยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งคอนเซ็ปต์จากการนำเอาเวทย์มนต์และเทคโนโลยีมาผสมกันได้อย่าลงตัว ไหนจะเนื้อเรื่องที่มีความเข้นข้นชวนติดตาม ตัวละครมีให้เลือกเล่นมากมายพร้อมภูมิหลังอันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงเหล่าศัตรูรวมทั้งเหล่าสัตว์อสูรอันหลากหลาย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเกมมีเนื้อหาค่อนข้างลึก สามารถตามเล่นกันได้ยันจนจบเกมอย่างไม่เบื่อเลย
ถึงแม้ตัวเกมจะวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 1997 แต่กระแสความนิยมของ Final Fantasy VII ก็ยังไม่เคยลดลงไปเลย จนถึงกับว่าทางค่ายต้องทำภาคเสริมออกมาเพื่อเอาใจเหล่าแฟนๆ ไม่ว่าจะทั้งตัวเกม Crisis Core ว่าถึงเรื่องราวก่อนเหตุการณ์ในภาค 7 หรือภาค Dirge of Cerberus เนื้อหาเกี่ยวกับตัวของ Vincent ไปจนถึงตัวอนิเมชั่น Advent Children พูดถึงเหตุการณ์หลังจบเนื้อหาหลักไปแล้วก็ตามที แถมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็พึ่งถูกหยิบมาทำ Remake และวางจำหน่ายไปหมาดๆ นี้เอง เท่านี้เราก็คงบอกได้แล้วล่ะว่าตัวเกมได้รับความนิยมขนาดไหนล่ะนะ
1. Gran Turismo
วางจำหน่าย – ตุลาคม 1997
ยอดขาย – 10.85 ล้านชุด
Gran Turismo คือเกมแนวแข่งรถซึ่งถูกออกแบบโดยคุณ Kazunori Yamauchi และพัฒนาโดยทีมงาน Polys Entertainment รูปแบบการเล่นของตัวเกมจะเป็นการให้ผู้เล่นนั้นได้ขับรถแข่งกับเหล่า AI ตามแผนที่ต่างๆ ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 โหมดคือ Arcade Mode เปิดตัวเลือกให้อย่างอิสระทั้งการเลือกรถแข่งไปจนถึงสนามต่างๆ ได้ตามต้องการ และส่วนอีกโหมดคือ Simulation Mode ที่จะเริ่มด้วยรถแข่งธรรมดา ให้เหล่าผู้เล่นทำการลงแข่งขัน สะสมแต้มรวมถึงเงิน เพื่อยกระดับใบขับขี่ของตนและใช้ในการซื้อรถคันใหม่ๆ ให้อารมณ์คล้ายกับเกมแนวเก็บเลเวลในปัจจุบันก็ว่าได้
จุดเด่นที่ทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมนั้นส่วนนึงมาจากจำนวนรถแข่งภายในเกมอันมีให้เลือกมากกว่า 140 คัน รวมไปถึงสนามแข่งเองก็มีให้เลือกเล่นมากกว่า 11 ฉากเลยทีเดียว ซึ่งในยุคสมัยนั้นเกมแนวแข่งรถที่จะมีตัวเลือกให้เยอะขนาดนี้นั้นแทบไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ Gran Turismo ยังถือว่าเป็นเกมแข่งรถที่มีกราฟฟิคและระบบการเล่นดีที่สุดในยุคสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับเกมในรุ่นเดียวกันแล้วไมม่ีเกมไหนจะทัดเทียมได้จริงๆ ทั้งหมดนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเกมๆ นี้จะสามารถทำยอดขาดได้อย่างถล่มทะลายกว่า 10.85 ล้านชุดและขึ้นแท่นเป็นเกมขายดีอันดับหนึ่งตลอดกาลของเครื่อง PlayStation นั่นเองครับ
https://youtu.be/EtdGLTzmnN4
ก็ถือว่าเป็นการจบบทความ ย้อนรอย 10 เกมขายดีตลอดกาลของ PS1 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็มั่นใจว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะมีความคิดเห็นทั้งตรงและก็แตกต่างกับลิสต์ทั้ง 10 เกมนี้ก็เป็นได้ ถ้าเกิดยังไงเพื่อนๆ ก็สามารถลองแนะนำชื่อเกมนน่าสนใจที่เคยเล่นกันในสมัยนั้น หรือคอมเมนต์ติชมเพิ่มเติมได้ทางด้านล่างนี้เลยนะครับ ไว้ถ้าเกิดโอกาศหน้ามีอะไรๆ น่าสนใจเราก็คงได้มาพบกันใหม่อย่างแน่นอนเลย