Valiant Force 2 เกมแนว SRPG สุดมันส์ที่จะให้เพื่อนๆ ได้ลองจัดทีมจากตัวละครหลายคลาส หลายอาชีพมากมายพร้อมวางแผนการต่อสู้เพื่อหาวิธีที่จะผ่านด่านในแต่ละด่านไปให้ได้ ซึ่งตัวแนวเกมสำหรับหลายคนอาจจะถือเป็นแนวเกมแบบใหม่ หรืออาจจะเป็นแฟนเกมในภาคแรกกันมาก่อนแล้วต้องการมาเล่นเกมนี้ แต่ก่อนจะเริ่มเล่นมาดูเรื่องที่ควรรู้ก่อนจะเริ่มเล่นจริงกันเถอะ!
1. แนวเกมของ Valiant Force 2
ตัวเกมเป็นแนว Tactics RPG + การวางแผน ที่เพื่อนๆ จะได้บังคับตัวละครทั้งหมด 5 ตัวในการเดินบนช่องตารางของด่านเหล่านั้น ซึ่งการเดิน การโจมตี และอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกนับเป็นจำนวนด้วย “ช่อง” แทน ตัวอย่างเช่น ตัวละครคลาส Guardian สามารถเดินได้สูงสุด 5 ช่อง ต่อ 1 เทิร์น, คลาส Mystic เดินได้สูงสุด 3 ช่อง แต่สามารถโจมตีได้ในระยะ 2 ช่องรอบตัว เป็น
2. คลาสและอาชีพของตัวละคร
ตัวละครภายในภาคนี้จะแบ่งคลาสออกเป็นหลักทั้งหมด 6 คลาสด้วยกัน ซึ่งแต่ละคลาสก็จะความสามารถกับหน้าที่ของตัวละครแตกต่างกัน แต่ทุกคลาสล้วนสำคัญทั้งหมดอยู่ที่เลือกใช้งาน และความเข้ากันได้ของทีม สำหรับ 6 คลาสมีดังนี้
Guardian : แทงก์สายชนของทีม มีพาสซีสสกิลติดตัวสร้างโล่ป้องกันเริ่มเทิร์น และยังสามารถออกไปรับดาเมจให้เพื่อนในระยะแทนได้ด้วย
Champion : เป็นสายดาเมจชนระยะประชิดทำดาเมจเป็นกายภาพ เน้นสกิลโจมตีที่รุนแรง และบัฟเพิ่มพลังโจมตีให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
Shadow : เปรียบเทียบเป็นสายโจร หรือ แอสซาซินก็ไม่เชิง โจมตีเป็นดาเมจเวทที่มีสกิลป่วนค่อนข้างหลากหลาย และสามารถโจมตีศัตรูในระยะได้ติดกันได้ 2 ตัว
Mystic : สายเวททำดาเมจแบบนู๊กเกอร์แรงๆ แต่ระยะช่องเดินค่อนข้างสั้น แต่เรื่องดาเมจไว้ใจคลาสนี้ได้เลย
Healer : สายฮิล และสนับสนุนให้กับทีม มีตัวละครที่สามารถใช้สกิลฮิลได้ กับเป็นสายบัฟให้กับทีม หรือแจกดีบัฟให้กับศัตรู ทุกคนจะมีพาสซีสฮิลหลังจากจบเทิร์นให้กับตัวละครเลือดน้อยสุด หรือเลือดถึงเกณฑ์ที่กำหนด
Ranger : สายธนูยิงระยะไกลได้ถึง 3 ช่อง เน้นยืนแนวหลังของทำดาเมจสนับสนุนทีม แต่มีระยะเดินสั้นเพียง 3 ช่องเท่านั้น แลกกับระยะโจมตี
แต่ละคนในแต่ละคลาสเองก็จะมี “อาชีพ” ที่สามารถปลดล็อกนำมาใช้งานในการต่อสู้ได้ต่างกันแบ่งออกเป็นตั้งแต่ 1 สาย สูงสุด 3 สายอาชีพ โดยตัวละครแต่ละระดับจะมีอาชีพให้เรียนรู้สกิลได้ต่างกัน ระดับ R (1 สายอาชีพ) SR (2 สายอาชีพ) SSR (3 สายอาชีพ) แถมสายอาชีพแต่ละฝั่งจะมีให้ปลด Job ได้ 2 Job ด้วยกัน
เงื่อนไขการอัปเลเวล Job จะต้องผ่านด่านเนื้อเรื่องที่กำหมดเท่านั้นถึงจะสามารถอัปเลเวลได้ และการอัปเลเวล 1 ครั้งจะทำให้เลเวลของตัวละครเพิ่มขึ้น 10 เลเวลอีกด้วย นอกจากเลเวลของสกิลจะสูงขึ้นแล้ว สเตตัสจากการได้อัปเลเวลให้สูงขึ้นเองก็เช่นกัน
สำหรับตัวละครที่มีสายอาชีพ 2 สายขึ้นไป หลังผ่านด่าน 7-9 แล้วจะสามารถเรียน Job ที่สองของสายอาชีพที่เลือกได้จะทำให้พาสซีพสกิลติดตัวเปลี่ยนไปตาม Job ใหม่ และยังสามารถอัปสายอาชีพฝั่งอื่นเพิ่มเพื่อปรับเปลี่ยนใช้ได้ด้วยเช่นกัน แต่หากต้องการเปลี่ยนกลับจะต้องเสีย 50,000 ทอง ในการสลับเปลี่ยนสายอาชีพนะ
3. ระบบจัดทีม
การจัดทีมของเกมนี้นอกจากจะต้องเลือกตัวละครในทีมที่ต้องจะนำมาลงทีมแล้วยังต้องวคำนึงถึง การเชื่อมลิ้งก์กันกับตัวละครแต่ละคนให้สัมพันธ์กันด้วย นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “Aura” มันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ต่อมาคือการเชนสามารถของแต่ละคนที่เชื่อมต่อกันแล้วทำให้ Aura ของแต่ละคนเกิดผลมันคือการ “ Trigger” นั่นเอง
การจัดทีมนั้นจึงสำคัญมากๆ จะต้องคำนึงถึงสีของสัญลักษณ์ของสกิลออร่า และสีลูกศรกับทิศทางศรออร่า พยายามให้เชื่อมกันเข้าหากันให้ได้เยอะที่สุด เพราะมันจะมีผลกับการ Trigger ของสกิลเหล่านี้ด้วย แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือรายละเอียดสกิลออร่าของคนที่ทำการเชื่อมลิ้งก์ด้วย
หากผลลัพธ์ของสกิลไม่ตรงกับการใช้งานของทีมเลยก็อาจจะทำให้การลิ้งก์นั้นไร้ประโยชน์ไปในทันที ยกตัวอย่างเช่น Trigger ของสกิลออร่านี้จะทำงานก็ต่อเมื่อตัวละครนั้นได้รับการฮิลจึงจะได้รับบัฟสร้างเกราะ 1 เทิร์น เป็นต้น ถ้าตัวที่ลิ้งก์อยู่ไม่ได้รับสกิลฮิลผลของออร่านี้ก็จะไม่ทำงานนั่นเอง
4. การอัปเกรดอาวุธ
สำหรับอาวุธในเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ R, SR, SSR อาวุธระดับ R จะสามารถหาได้ตั้งแต่เริ่มเล่นแรกๆ และจะได้ระดับสูงขึ้นในเนื้อเรื่องด่านช่วงหลังๆ กับมีเรื่องของเซ็ตอุปกรณ์ทั้งหมด 3 เซ็ตด้วยกัน เซ็ตเพิ่ม ATK, เซ็ตเพิ่ม PDEF และ เซ็ตเพิ่ม HP เมื่อใส่ครบ 2 / 4 ชิ้นจะได้สเตตัสที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวละครจะใส่ได้ทั้งหมด 6 ชิ้น หัว / เกราะ / อาวุธ 2 มือ / รองเท้า / ผ้าคลุม
แต่สิ่งที่ต่างจากเกมอื่นคือการอัปเกรดไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ในการอัปเลเวลเหมือนกับเลเวลตัวละคร การอัปจะใช้เพียงทองภายในเกมในการอัปล้วนๆ เลย เริ่มต้นอาวุธจะมีเลเวล 10 เท่านั้น จะต้องมีอุปกรณ์ชนิดเดิมอีกชิ้นกับหินแต่ละระดับในการอัปเพิ่มเลเวลอุปกรณ์ทำให้สามารถอัปเลเวลได้สูงขึ้น
5. Auron Card
การ์ดออรอนจะเป็นสกิลเสริมที่สามารถใส่ลงทีมได้สูงสุดเพียง 3 ใบ เท่านั้น ตัวการ์ดจะมีความสามารถต่างกันไปอย่างเช่นสำหรับการฮิลตัวละครที่อยู่ในรัศมี ถ้ามีตัวละครธาตุไฟจะฮิลเพิ่มขึ้นเป็นต้น, สกิลสร้างโล่ป้องกันดาเมจ, บัฟ, สร้างดาเมจใส่ศัตรู
ระดับของการ์ดจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ R, SR, SSR การจะใช้งานได้จะต้องได้รับเกจถึงจำนวนที่กำหนดก่อน และจะมีระยะเวลาคูลดาวน์ต้องรอจนครบเวลาจึงจะสามารถใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง ซึ่งการจะได้เกจมาใช้สกิลของพวกการ์ดก็ขึ้นอยู่จำนวนการใช้งานสกิล Trigger ของตัวละครในทีมนั้นเอง
6. ยานเหาะ
ในเกมนี้จะมีฐานทัพหลักเป็นยานเหาะที่จะค่อยๆ ปลดห้องต่างๆ เมื่อผ่านเนื้อเรื่องได้รับ EXP เพิ่มเลเวลของเรือ จะมีห้องที่ให้นำตัวละครออกไปสำรวจหาไอเทม, ห้องนอนเพิ่มค่าหัวใจของตัวละคร, ห้องปลูกผักทำสวนสำหรับเก็บเกี่ยวผลผลิตเช่น ทอง, พลังงาน เป็นต้น และยังมีร้านค้าให้ซื้อของมาตกแต่งยานเพิ่มขึ้น
ในส่วนของชั้นบนของยานจะมีให้สามารถแต่งยานเพื่อต่อสู้กับศัตรูในบริเวณนี้ด้วย โดยในกลางของยานเหาะจะเป็นคริสตัลหากถูกตีจนแตกจะถือว่าพ่ายแก้ในทันที แต่ก็มีอุปกรณ์เสริมใช้ในการโจมตีโต้กลับด้วยเช่นกันอย่างเช่น ปืนใหญ่, หน้าไม้, เสาฮิล, ฯลฯ ของเหล่านี้สามารถใช้เหรียญของเรือในการอัปเลเวลให้สูงขึ้นได้ เพื่อความได้เปรียบในการสู้ (ได้นำไปใช้จริงในด่านเนื้อเรื่องด้วย)
7. ระบบคอสตูม
ในเกมนี้จะมีเรื่องของระบบคอสตูมสองส่วนด้วยกันคือ คอสตูมสำหรับภาพ อาร์ต 2D สวยๆ กับเปลี่ยนสุดของโมเดล 3D ไปด้วย และคอสตูมของเฉพาะตัวละครแบบ 3D เท่านั้นที่จะมีให้ใส่เพิ่มได้เป็น ส่วนหน้า, อาวุธสองมือ, ปีก ซึ่งของที่ในเกมมีนั้นเยอะมากๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งแจกฟรี, ให้ซื้อ, แลกเปลี่ยนในร้านค้า ใครเป็นสายแฟชั่นไม่ควรพลาด!
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! หากอยากอ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับเกม Valiant Force 2 สามารถอ่านได้ที่ลิงก์ >>Link<< ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่