Roguelikes อีกหนึ่งแนวเกมซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในทุกวันนี้ สังเกตจากเกมต่างๆ มากมายที่นำสไตล์ดังกล่าวมาใช้กันอย่างกว้างขวางมากขึ้น แต่รู้รึเปล่าว่าเกมแนวนี้ที่เราเรียกกันน่ะจริงๆ แล้วมีการแบ่งเป็น Roguelike กับ Roguelite อยู่ด้วยนะ แล้วถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้ไงว่าเกมไหนเป็น Like หรือ Lite กันล่ะ?
ในบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเกมแนว Roguelike กันมากขึ้น พร้อมจะมาแนะนำว่า Like และ Lite ต่างกันอะไรยังไงบ้าง
เกมแนว Roguelike เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เกมแนวนี้ถือกำเนิดครั้งแรกในช่วงปี 1980 มาจากเกมที่มีชื่อว่า Rogue (Rogue : Exploring the Dungeon of Doom) เป็นเกมแนวตลุยดันเจี้ยนซึ่งเป็นผลงานการสร้างของ Michael Toy และ Glenn Wichman เป็นผู้ริเริ่มโปรเจ็คดังกล่าว ก่อนในภายหลังจะได้ทาง Ken Arnold เข้ามาร่วมเสริมอีกทีนึง
โดยเนื้อเรื่องของเกมจะให้เราควบคุมตัวละครในการตลุยดันเจี้ยนเพื่อตามหา สร้อยแห่ง Yendor ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างสุดของสถานที่แห่งนี้ ตลอดการเดินทางผู้เล่นต้องคอยฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล่ามอนสเตอร์หรือกับดักต่างๆ พร้อมรวบรวมไอเทมทั้งหลายที่พบเจอเพื่อใช้เปิดเส้นทางไปต่อ
รูปแบบการเล่นจะมาในลักษณะของเกมแนว Turn – Based เราจำเป็นต้องวางแผนก่อนทำอะไรเสมอ เพราะถ้าหากเกิดผิดพลาดแล้วทำให้ตัวละครของเราตาย ข้อมูลทั้งหมดจะหายไปทันทีและผู้เล่นต้องกลับไปเริ่มต้นเล่นเกมใหม่จาก New Start เลย ในทุกครั้งที่เราเริ่มใหม่ตัวเกมจะมีการสุ่มด่านใหม่ทั้งหมดทำให้การละเล่นในแต่ละครั้งแทบไม่มีความเหมือนกันเลยนั่นเอง
นิยามของเกมแนว Roguelike
เนื่องจากตัวเกม Rogue นั้นมีสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์อันน่าสนใจ จึงทำให้เกมในรุ่นต่อมาพยายามนำเอาระบบดังกล่าวมาใช้ และได้มีการเรียกเกมแนวนี้ว่าเป็นแนว Roguelike หรือ เกมแบบโรก นั่นเอง
โดยนิยามของเกมแนว Roguelike จริงๆ แล้วนั้นต้องประกอบไปด้วย 1. ระบบการเล่นแบบผลัดกัน (Turn-Based), 2. กราฟฟิกหรือการเดินแบบตาราง (Tile-Based), 3. ตายแล้วตายเลย (Permanent-Death) และ 4. ด่านจะต้องถูกสุ่มสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ (Procedurally Generated) ถ้าหากมีครบทั้งสี่ข้อนี้จึงจะนำเป็น Roguelike ที่แท้จริงนั่นเอง
ตัวอย่างเกมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแนว Roguelike จริงๆ ก็เช่น Nethack, Rogue Empire, Caves of Qud เป็นต้น โดยส่วนมากแล้วเกมแนวนี้จะเจอได้น้อยมากในเกมทุกวันนี้
แล้วเกมแนว Roguelite คืออะไรกันล่ะ?
เกมแนว Roguelike เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนับแต่ได้มีการเปิดตัวเกม Binding of Isaac และ Spelunky ออกมา ซึ่งเกมทั้งสองได้มีการใช้ระบบของเกม Rogue จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับมีการเปลี่ยนลูกเล่นอะไรหลายๆ อย่างให้ดูง่ายขึ้นทันสมัยขึ้น ส่งผลให้ในเวลาแฟนเกมต่างพาเรียกเกมแนวนี้ว่าเป็น มรดกตกทอดจาก Rogue และเรียกขานว่าเป็นเกมแนว Roguelite (โรกที่เบาบางกว่า)
สำหรับประเภท Lite นั้นยังคงคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมไว้สองอย่างคือ ตายแล้วตายเลย กับ การสุ่มด่านขึ้นมาใหม่ แต่ในส่วนของระบบเกมเพลย์จะมีการเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเราสามารถเห็นได้ทั้งรูปแบบเกมชูตติ้ง แอ็คชั่นผจญภัย ไปจนถึง Hack&Slash และอื่นๆ ตามแต่ผู้พัฒนาต้องการจะสร้าง รวมไปถึงในบางเกมหลังจากที่ตัวละครเราตายไปแล้วเริ่มใหม่ยังมีการถ่ายโอนทักษะสกิลหรือการอัปเกรดตามมาด้วย
ด้วยระบบหลายๆ อย่างที่ปรับปรุงให้ดูหลากหลายและเล่นง่ายขึ้นมาก ทำให้หลายคนพอได้มาสัมผัสกับเกมแนว Lite กลับรู้สึกถูกใจกว่า พอมองกลับไปยังแนว Like แล้วแนวนั้นดันให้ความรู้สึกเหมือนบทลงโทษเสียมากกว่า จึงทำให้ในทุกวันนี้แนว Lite สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมากกว่า
ตัวอย่างเกมแนว Roguelite ที่เห็นกันในทุกวันนี้ก็เช่น Hades, Hero Siege, Risk of Rain เป็นต้นล่ะนะ
ช่วยท้ายเกมแตกต่างกัน
อีกหนึ่งความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเภทคือช่วงท้ายเกม สำหรับเกมแนว Roguelike ดั้งเดิมนั้นจะมีจุดมุ่งหมายให้ ผู้เล่นวนเวียนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายคือให้แฟนเกมท้าทายความสามารถตนเองว่าจะไปได้ไกลสักแค่ไหนกัน
แต่กับ Roguelite นั้นจะมี ฉากจบที่แน่นอน อาจมาเป็นแบบฉากจบเนื้อเรื่องต่างๆ แล้วค่อยให้ผู้เล่นไปเริ่มเล่นใหม่อีกรอบเพื่อปลดล็อคฉากหรือเนื้อหาเพิ่มเติมอะไรยังงี้ เหมือนอย่าง Binding of Isaac ที่มีฉากจบหลายแบบ ทุกครั้งหลังจบเกมแบบปกติตัวเกมจะมีการปลดล็อคฉากจบแบบใหม่มาให้เสมอ โดยผู้เล่นต้องผู้เล่นต้องไปไล่ฆ่าบอสตามเงื่อนไขถึงจะเห็นฉากจบแบบใหม่นั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นบางครั้งช่วงท้ายของเกมจะเอามาตัดสินซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะปัจจุบันเองก็มีเกมแนว Lite บางเกมที่ไม่มีฉากจบอยู่เหมือนกันล่ะนะ
แบบไหนสนุกกว่า?
ผมว่าน่าจะมีหลายคนทีเดียวเกิดเป็นคำถามในใจแล้วล่ะว่า แบบไหนสนุกกว่ากัน? ถ้าเพื่อนๆ เป็นสายฮาร์ดคอร์ ชอบเกมยากๆ โหดๆ ผมแนะนำว่าให้ลองไปเล่นเกมตระกูล Roguelike ต้นตำหรับ หรือที่ต่างประเทศจะเรียกว่า True Roguelike หรือไม่ก็ Traditional Roguelike เพราะเกมแนวนี้จะยังคงคอนเซปต์ Turn-Based ไว้ดั้งเดิม แถมถ้าตายก็โน่นไปเริ่มใหม่จาก 0 ไม่มีการดึงเอาพลังพิเศษจากชาติก่อนมาใช้แต่อย่างใด การเล่นของเกมแนวนี้จึงท้าทายแบบสุดๆ วางแผนพลาดครั้งเดียวคือจบ
แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ชอบความสดใหม่หรือแนวอะไรแปลกๆ Roguelite น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า เพราะแนวนี้ไม่มีการจำกัดเพียงแต่ Turn-Based อย่างเดียว แถมบางเกมเวลาตายแล้วคือไม่ตายลับสามารถเอาค่าอัปเกรดอะไรไปต่อยอดได้ด้วยล่ะนะ เกมประเภทนี้เลยค่อนข้างจะเนื้อหาเบากว่านั่นเอง
เอาจริงๆ เราคงนิยามไม่ได้หรอกว่าเกมประเภทไหนสนุกกว่ากัน เพราะสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบของตัวผู้เล่นเองนั่นละนะ
ทำไมเกมในยุคหลังถึงถูกเรียกเป็น Roguelike หมดเลยล่ะ?
ถ้าในเมื่อมีการแบ่งเป็น Like กับ Lite แล้ว ทำไมในปัจจุบันเกมที่ออกมาใหม่จึงถูกนับเป็น RogueLike ทั้งหมด? เหตุผลนั้นเรียบง่ายมากเลยครับ เพราะเนื่องจากทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น จึงทำใหัทั้งค่ายเกมและแฟนเกมขี้เกียจมานั่งแยกแยะ จึงเรียกเหมารวมเป็น Like ไปเลยเพื่อความง่ายนั่นเอง ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องจริงนะแหล่งข้อมูลหลายๆ ที่มีการลงไว้เหมือนกันหมดคือเพราะ มันสะดวกยังไงล่ะ!!
ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการเรียกเหมารวมเป็นแนวเดียวกันไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้เล่นบางกลุ่มยังจริงจังกับการแบ่งระหว่าง Like และ Lite อยู่บ้าง แถมพวกเขายังบอกด้วยว่าเพียงแค่พวกเขาดูตัวอย่างเกมก็รู้ได้ทันทีเลยว่านี่เป็นแบบไหนกัน
เอาเป็นว่านั่นล่ะครับจะเรียกเหมารวมเป็น Roguelike ในปัจจุบันก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด เพราะมันได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาในทุกวันนี้ไปแล้วล่ะนะ ถ้าเราอยากแยกก็ให้สังเกตความแตกต่างเฉพาะเกมเพลย์ก็พอ
เรียกว่าเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมนำมาเสนอให้แล้วกันนะ เพราะผมมั่นใจเลยว่ะน้อยคนนักจะรู้ว่าลึกๆ แล้วเกมแนวนี้จะมีการแบ่งแยกออกไปอีกนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้หมายความว่าให้เพื่อนๆ ไปนั่งแยกไปนั่งจำแต่อย่างใดนะ ขืนไปเพ่งตรงจุดนั้นมากเกินไปจะทำให้ปวดหัวแทนเปล่าๆ เอาเป็นว่าถ้าใครมีข้อมูลหรือเกร็ดน่ารู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Roguelike ก็สามารถคอมเมนต์แนะนำเพิ่มเติมได้เช่นเคยน้า