Rockstar Games ค่ายเกมชื่อดังระดับโลกผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ชื่อดังมากมายไม่ว่าจะ Grand Theft Auto, Red Dead Redemption, Manhunt หรือ Bully เป็นต้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางค่ายก็ยังคงมีการปล่อยเกมใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะไม่ขาดสาย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังมีอยู่หนึ่งเกมซึ่งแฟนๆ ต่างกล่าวขานพูดถึงกันอยู่ไม่ห่างหายไปเลยซึ่งเกมที่ว่าก็คือ GTA V นั่นเอง
โดยในบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปดูพร้อมสืบเสาะหาเหตุผลกันว่า ทำไม Grand Theft Auto V จึงถูกยกให้เป็นที่สุดในค่าย และทำไมยังคงมียอดผู้เล่นสูงอยู่ตลอดไม่เคยลดลงเลย เอาเป็นว่ามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
การเล่าเรื่องอันเข้มข้นและเข้าถึงอารมณ์
ภาคที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัยของ GTA ก็คงจะไม่พ้นตัวเกมในภาค 4 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าภาคก่อนๆ ทั้งระบบการเล่นอันซับซ้อน ภาพดูคมขึ้นสวยขึ้น ตัวละครมีเอกลักษณ์มากกว่าเดิม ไปจนถึงด้าน “เนื้อเรื่อง” อันถูกยกให้ว่านี้มีเนื้อหาดีที่สุดในแฟรนไชส์เลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าทางค่ายก็มองถึงข้อดีตรงนี้และได้นำมันมาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นภายใน GTA V หรือภาค 5 นี้ จากเดิมในภาคก่อนจะมีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเพียงตัวเดียว ในภาคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยถ่ายทอดออกมาผ่านมุมมองจากหลายตัวละครแทน แถมแต่ละตัวยังมีเรื่องราวเป็นของตนเองทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ส่งผลให้แนวทางการเล่าเรื่องในภาคนี้มีความกว้างขึ้นอย่างมาก ซึ่งเอาตรงๆ มันกลับมีสเน่ห์ชวนติดตาม ให้เรามานั่งลุ้นว่าแต่ละคนจะลงเอยไปในทิศทางไหน เหมือนกับเวลาติดซีรี่ส์หรือละครบางเรื่องก็ไม่ปานเลยทีเดียว
นำเอาความสนุกจากการขับรถกลับมาอีกครั้งนึง
ถึงแม้ในภาค 4 จะขึ้นชื่อว่าเป็นจุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัย กับระบบหลายๆ อย่างทำออกมาให้ดีขึ้น แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แฟนเกมมองว่าทำออกมาได้ยํ่าแย่กว่าภาคก่อนๆ เลยคือ “ระบบการขับรถ” ซึ่งทำออกมาให้สมจริงจนเกินไป ส่งผลให้การขับรถในภาคนี้ค่อนข้างยากและช่าง “ไม่มีความสนุก” เอาซะเลย
เฉกเช่นเดียวกันเมื่อรู้ถึงข้อดีก็ต้องย่อมรู้ถึงข้อเสีย ทางค่ายจึงทำการปรับเปลี่ยนระบบการขับรถให้ง่ายขึ้นอย่างมาก ทั้งการบังคับง่ายขึ้น ทำให้รถถึกทนขึ้นไม่ระเบิดง่าย การออกแบบรถอันสวยงาม ไปจนถึงการเพิ่มระบบแต่งรถเข้ามาซึ่งถูกใจขาซิ่งไปเต็มเปาเลย ทั้งหมดนี้ได้นำเอาความสนุกจากการขับรถซึ่งห่างหายไปในภาค 4 กลับมาอีกครั้งนึง เป็นอีกสเน่ห์ประจำ GTA ซึ่งจะขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
นำข้อดีและข้อเสียจาก San Andreas มาต่อยอด
GTA San Andreas อีกหนึ่งภาคที่ถูกกล่าวขานว่ามีความสนุกเป็นอันดับต้นๆ ในแฟรนไชส์เลย โดยจุดเด่นในภาคนี้คือ “ความอิสระ” และ “ความตลก” อันสอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แถมยังเป็นภาคต้นกำเนิด MOD อันพิลึกพิลั่นเต็มไปหมดเลยด้วย เป็นภาคที่หลายคนให้การยอมรับอย่างดีเยี่ยมเลย
โดยจุดเด่นทั้งสองอย่างนี้ทาง GTA V ก็ได้เลือกหยิบมาใช้ภายในเกมด้วยเช่นกัน ทั้งการมุ่งเน้นไปทางด้านความอิสระ ส่งผลให้ในภาคนี้มีความกว้างขวางเป็นอย่างมาก เราสามารถไปทุกแห่งหนบนแผนที่ได้โดยไม่มีข้อกีดกันใดๆ และสามารถใช้เวลาเป็นวันๆ กับการไล่สำรวจสถานที่เหล่านี้เลยทีเดียว
ทางด้านความตลกสามารถสังเกตได้จากเหล่าตัวละครบ้าๆ บอๆ ที่โผล่มาตลอดทั้งเรื่อง ไปจนถึงมุขฝืดฮาเต็มไปหมด ซึ่งความเฮฮาเหล่านี้ช่วยทำให้เนื้อเรื่องดูไม่หนักหนาหรือกดดันจนเกินไป ทำให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อเรื่องได้อย่างเต็มที่และไม่ปวดสมองตามมาล่ะนะ
แน่นอนว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่ขาดหายไปในภาค 4 ทำให้ในภาคดังกล่าวถึงแม้จะมีเนื้อเรื่องดีขนาดไหน แต่บางจุดกลับหนักหนาและดูดาร์คจนเกินไป จึงทำให้ทางค่ายตัดสินใจนำเอาข้อดีของ San Andreas เข้ามาเพื่อลดความมืดหม่นลงนั่นเองครับ
ระบบการต่อสู้ทำออกมาได้ดูดีมาก
ไม่ว่าคุณจะสามารถบอกข้อดีจากเกม GTA ได้กี่ข้อก็ตาม แต่สิ่งที่เราต้องยอมรับความจริงเลยคือ “ระบบการต่อสู้” ในแฟรนไชส์นี้มันช่าง “ห่วยแตก” เกินจะรับไหว
แต่ทุกอย่างก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเมื่อทางค่ายตัดสินใจนำผลงานก่อนหน้านี้ของตนอย่าง Max Payne 3 ที่สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอนว่าเมื่อประสบความสำเร็จขนาดนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจจะนำระบบการต่อสู้ภายในเกมดังกล่าวมาใช้เป็นแบบอย่างการพัฒนา GTA นี้ด้วยนั่นเอง
ทำให้ภายในภาค 5 นี้ เราจะเห็นระบบการต่อสู้อันแตกต่างจากภาคก่อนๆ ทั้งการวิ่งเข้าที่กำบัง การกลิ้งม้วนตัวหลบกระสุน การหลบหมัดคู่ต่อสู้พร้อมเคาน์เตอร์สวนกลับไป หลายๆ อย่างถูกทำให้ดีขึ้นมากเลยล่ะ และทำให้ระบบการต่อสู้ไม่ใช่จุดบอดของแฟรนไชส์นี้อีกต่อไป
โหมดออนไลน์สุดยิ่งใหญ่
พูดถึง GTA V แล้วถ้าจะไม่ให้พูดถึงโหมด “ออนไลน์” หรือ “Multiplayer” คงไม่ได้ล่ะจริงไหม เพราะทุกวันนี้ยอดผู้เล่นที่ยังคงสูงไม่ลดลงเลยนั้น กว่า 80 – 90% ล้วนมาจากเหล่าผู้เล่นในโหมดนี้ทั้งสิ้นเลย
ความน่าสนใจในโหมดนี้คือการเป็นเสมือนเกมแยก Standalone ไปเลย ไม่เหมือนกับเกมอื่นๆ ที่ทำออกมาเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น แต่ GTA V Online จะมีระบบเป็นของตัวเองแยกจากตัวเกมหลัก ทั้งการทำงานหาเงิน การซื้อบ้านที่อยู่อาศัย ธุรกิจมากมายให้ได้เลือกทำ ระบบภารกิจอันหลากหลายทั้ง Mission, Heist ไปจนถึงมินิเกมอื่นๆ อีกเพียบเลยทีเดียว
คงปฏิเสธิไม่ได้ว่าสังคมออนไลน์ใน GTA V นั้นจัดว่าเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ยังไม่เคยได้ลองเข้าไปสัมผัสมาก่อน ผมก็ขอแนะนำให้เข้าไปลองเล่นดูสักครั้ง รับรองจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ภารกิจสุดตื่นเต้นมากมายภายในเกม
ถึงแม้ว่าแฟรนไชส์ของ GTA จะมีชื่อเสียงด้าน Open World อันอิสระ แต่ระบบจริงๆ ของตัวเกมจะเน้นไปทางด้านการทำภารกิจต่างๆ ทั้งภารกิจหลัก ไปจนถึงไซด์เควสต่างๆ มากมายตลอดทั้งเกม แน่นอนว่าใน GTA V นี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมไว้อยู่ แถมยังทำให้ดูน่าตื้นเต้นมากขึ้นไปอีกขั้นเลยด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภารกิจ Heist ในโหมดออนไลน์ ที่แฟนๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “สนุกมาก” มีอะไรให้ทำมากมายแทบไม่ซํ้ากันเลย ตั้งแต่ภารกิจขโมยรถ ขนส่งยาเสพติด ไปจนถึงการบุกปล้นธนาคารกลางเมืองแถมต้องต่อสูกับตำรวจทั้งเมืองอีก ถึงแม้อาจจะมีความยากอยู่สักหน่อย แต่ของรางวัลที่ได้กลับมานั้นก็ค่อนข้างจะคุ้มกับความเหนื่อยมากเลยล่ะ แถมถ้าเกิดใครชอบความท้าทายยังสามารถไปลองกับโหมด Hard เพื่อลุ้นของรางวัลที่มากขึ้นได้ด้วย
ตัวละครอันดูมีชีวิตชีวา
สเน่ห์อีกอย่างในภาคนี้ซึ่งโดดเด่นกว่าภาคก่อนๆ คือ “ตัวละครอันดูมีชีวิตชีวา” ซึ่งเราจะไม่สามารถหาได้จากในภาคก่อน และเทียบกันไม่ได้แม้แต่น้อยเลย
ต้องขอบอกเลยว่า Rockstar ให้ความสำคัญกับตัวละครภายในเกมนี้อย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่นการเคลื่อนไหว ลักษณะนิสัยตัวละคร พื้นเพภูมิหลังความเป็นมา หรือแม้แต่เสียงพากย์กับการจ้างเหล่าคนดังเพื่อมารับหน้าที่นี้ ซึ่งมันได้ส่งผลให้แต่ละตัวละครนั้นดูมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครหลักอย่าง Michael, Trevor และ Franklin ที่ทั้งสามแทบจะเหมือนคนจริงๆ เลย และด้วยความเสมือนจริงของเหล่าตัวละครทั้งหลายนี้ มันยิ่งช่วยทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ร่วมกับเนื้อเรื่องของตัวเกมได้อย่างมากเลยล่ะ
มีแผนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแฟรนไชส์
ย้อนกลับไปช่วงหลายปีก่อน ช่วงก่อนที่ตัวเกม GTA V จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทาง Rockstar Games เคยได้ปล่อยตัวอย่างภาพแผนที่ภายในเกมออกมาให้ชมกัน หลังจากทุกคนได้เห็นภาพดังกล่าวก็ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “เฮ้ย! มันไม่เล็กไปหรอภาคนี้อะ เกาะเดียวเองนะ”
แต่คำถามดังกล่าวได้รับการตอบกลับในทันทีหลังตัวเกมวางจำหน่าย เพราะถึงแม้จะมีเพียงเกาะเดียวโดดๆ แต่พื้นที่นั้นกลับกว้างขวางเป็นอย่างมาก กว้างซะจนไม่อยากเชื่อเลยว่ามันคือเกาะเดียวจริงๆ โดยแต่ละโซนจะมีการจัดสรรค์พื้นที่อย่างเป็นระบบ พร้อมทิวทัศน์อันสวยงาม ตลอดไปจนถึงจุดเล้นรับพิศวงมากมายรอให้ไปสำรวจกัน เรียกได้ว่าแผนที่ในภาค 5 นี้นับเป็นจุดขายอีกอย่างประจำเกมไปแล้ว
เป็นเหตุผลหลักๆ ซึ่งแฟนเกมร่วมกันลงความเห็นว่าทำไม GTA V จึงถูกจัดให้เป็นภาคดีที่สุดในแฟรนไชส์ รวมถึงเกมดีที่สุดประจำค่าย Rockstar Games อีกด้วย แล้วเพื่อนๆ ล่ะมีเหตุผลอะไรบ้างกับการยกให้ภาคนี้เป็นที่สุด ลองเสนอแนะเพิ่มเติมเข้ามาได้เช่นเคยนะครับ