ในช่วงนี้เกมที่มีชื่อมากที่สุดก็คงไม่พ้นเกม Among Us ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เพื่อนๆจะสังเกตุเห็นได้ว่าจะมีเกมแนวนี้ที่คนฮิตเล่นกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง Were Wolf และ Deceit แล้วเพื่อนๆเคยสงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมเกมแนวนี้ถึงขายดี วันนี้เราจะมาลองหาคำตอบกันครับ
ก่อนอื่นเลยทั้ง 3 เกมนี้จะเป็นเกมคนละแนวกันเลยถ้าเราตัดจุดที่เหมือนกันออกไป Among Us เองก็เป็นเกมแนวอินดี้ Deceit ก็เป็นเกมแนว FPS + Action ส่วย Were Wolf เองก็เป็นบอร์ดเกมทั่วไป ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันของ 3 เกมนี้คือการที่ผู้เล่นจะต้องหาคนร้ายตัวจริงและทำการโหวตออกให้ได้ ส่วนฝ่ายร้ายเองก็ต้องทำไงก็ได้ให้ตัวเองอยู่เพื่อจัดการกับคนดีทั้งหมด
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาถ้าถอดการที่เราต้องโรลเพลย์ออกไปตัวเกมเองก็จะดูเหมือนไม่มีอะไรเลยเช่นกัน ผมจะลองยกตัวอย่างง่ายๆถ้าสมมุว่าเพื่อนเล่นเกมที่ต้องมีการคอลเอ้าท์กันเพื่อนๆก็อาจจะพูดแต่ว่า มันอยู่ข้างหน้าท้างซ้ายหรือพูดเป็นทิศทางไปใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเพื่อนๆลองสมมุติบทบาทเป็นตัวละครนั้นๆดูล่ะครับ จะเป็นอย่างไรอย่างเช่น
“นี่บราโว่นี่อัลฟ่าได้ยินแล้วตอบด้วย เราจะเข้าทำในอีก 30 วิ ” อะไรประมาณนี้ การเล่นเกมของเพื่อนๆจะมีความแตกต่างขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ยครับ
ถ้าเพื่อนๆนึกไม่ออกลองไปดูในช่องของลุงไนท์ Gssspotted ในซีรี่ย์ > GTA V หรือ > Escape from Tarkov เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าตัวเกมจะดูมีคอนเท้นต์และดูสนุกมากยิ่งจึงทำให้คนเลือกที่จะซื้อได้ง่ายขึ้นเพราะคนดูเห็นว่าตัวเกมมีความน่าสนใจมากกว่าการที่จะเล่นแบบทั่วไป
อีกอย่างที่เป็นจุดขายของเกมแนวนี้คือการบลัฟและการตีเนียนเพื่อให้เพื่อนๆ เชื่อใจเราทั้งๆที่ความเป็นจริงเราเป็นคนร้าย เช่นในเกม Deceit นั้นเพื่อนๆต้องเปิดไมค์คุยตลอดแล้วตอนเพื่อนๆต้องการจะจัดการคนอื่นเราเองก็ยังจำเป็นต้องพูดต่อเช่น ในสถานนะการที่เราวิ่งไล่เพื่อนอยู่แล้วเราก็แกล้งพูดว่า “อย่าฆ่ากู” หรือถ้าเป็นในเกม
Among Us เราต้องเล่าในเหตุการณ์ที่ชี้ชัดได้ว่าเพื่อนเป็นคนร้ายมากที่สุดและหาพยานหลักฐานเพื่อยืนยันให้ตัวเราบริสุธิ์
นอกจากนั้นด้วยความที่เป็นเกมแนวที่แล่นแล้วจบในตาไม่ต้องมีเนื้อเรื่องหรืออะไรต่อมากมายเล่นแล้วจบไปรวมถึงด้วยระบบของเกมเพลย์ที่ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไปเข้าใจได้ภายใน 10 นาที อีกส่วนนึงที่ทำให้เกมเหล่านี้ขายได้ก็คงไม่พ้นเหล่าคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ที่นำเกมเหล่านี้มาเล่นและสร้างเป็นวิดีโอรวมถึงการไลฟ์สตรีมต่างๆจนเป็นกระแสยิ่งทำให้มีความน่าสนใจขึ้นไปอีก
โดยสรุปแล้วทั้ง 3 เกมที่กล่าวมามีจุดเด่นของเกมที่เหมือนกันคือการที่เราต้องแสดงออกมาในลักษณะของบทบาทสมมุติที่ตัวเกมให้และการที่เราคอยบลัฟหรือคอยทำให้เหล่าเพื่อนๆของเราสับสนและให้โหวตกันเองซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้เราไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตจริง เพียงแต่ตัวเกมนั้นให้เราได้ลองอะไรที่ไม่เคยได้ทำเป็นความแปลกใหม่ที่หลายๆคนตามหา ถึงอย่างนั้นเองการเล่นเกมก็ควรเล่นแต่พอดีอย่าอินกันมาเกินไปจนนำมาใช้ในชีวิตจริง
ก็จบกันไปแล้วนะครับถ้าเพื่อนๆคนไหนมีความคิดยังไงก็สามารถคอมเม้นต์ไว้ที่ข้างล่างนี้ได้เลยและใครที่ต้องการอ่านบทความข่าวสารรวมถึงไกด์เกมต่างๆก็สามารถติตามได้ที่ >> Playpost <<