การตีลูกในแต่ละสนามของเกม Birdie Crush มีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป ยิ่งตรงหลุมกรีกของแต่ละสนามก็ต่างกัน มีทั้งเรียบๆ ตีได้ง่าย จนไปถึงแบบมีเนินสูงชัน พื้นเอียงจนลูกกลิ้ง แถมยังมีตารางเส้นวิ่งไปมา แน่นอนว่าสำหรับเพื่อนๆ มาเล่นใหม่เจอครั้งแรกต้องรู้สึกสับสนอย่างแน่นอน ว่ามันคืออะไรแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องตีแบบไหนถึงจะลงหลุมได้ วันนี้จะมาอธิบายการดูไลน์บนกรีนกัน!
กรีนคืออะไร?
กรีนคือพื้นที่สำหรับการพัตต์ลูกเป็นแนวราบให้ลงหลุมกอร์ฟ ไม่มีการตีลูกโดดใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตัวกรีนแต่ละหลุมจะมีความชัน ความเอียง และความเรียบแตกต่างกันออกไป ภายในกรีนจะมีจุดเป็นตารางเป็นสีต่างๆ ยิ่งสีเข้มจะยิ่งแสดงถึงความชันของพื้นกรีน
สีของเส้น
เมื่อตีขึ้นมาบนกรีนจะเห็นไลน์เป็นเส้นตีเป็นตารางชัดเจนในบริเวณลูกตกไปจนถึงปากหลุม โดยเส้นจะมีสีบอกกำกับเอาไว้ถึงความเรียบหรือชั้นสูงแค่ไหน ซึ่งสีในเส้นจะแบ่งเป็นดังนี้
สีฟ้า – สีเขียว : พื้นเรียบ
สีเหลือง : เริ่มชัน
สีส้ม – สีแดง : เนินสูง
จุดวิ่งบนเส้น
นอกจากตัวของตารางจะบอกเส้นสีความเรียบชันของพื้นกรีนแล้ว ยังมีจุดสีขาววิ่งในเส้นเป็นแนวนอนกับแนวตั้งด้วย
เส้นแนวนอน : เส้นแนวนอนจะมีวิ่งไปทางซ้ายหรือทางขวา ซึ่งเส้นวิ่งนี้จะบอกถึงความเอียงของพื้นกรีน หากจุดวิ่งไปทางซ้ายจะต้องเอียงลูกไปทางขวาพื้นให้วิ่งไหลลงหลุมได้ โดยตัวจุดวิ่งจะมีเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความเอียงของหลุมด้วย ถ้าจุดวิ่งเร็วแสดงว่าเอียงมากๆ ต้องกะให้ห่างขึ้น
เส้นแนวตั้ง : บอกถึงความสูงต่ำของพื้นกรีน หากจุดวิ่งลงมาข้างล่างแสดงว่าพื้นค่อนข้างชั้นสูงจะต้องเพิ่มความแรงตอนพัตต์ลูกให้มากขึ้น และถ้าจุดวิ่งขึ้นข้างบนแสดงถึงพื้นที่ค่อนข้างเตี้ยต้องกะความเร็วลูกให้เบาลงไม่งั้นลูกอาจจะไหลเกินไปไกล
เส้นวิ่งชนกัน : นอกจากเส้นจะบอกความสูงขึ้นเอียงซ้ายหรือขวาแล้ว ยังมีจุดที่จะวิ่งชนกันด้วย โดยตัวจุดที่วิ่งชนกันนี้จะแสดงถึงพื้นที่เป็นแอ่งเล็กๆ มักจะสามารถตีแบบตรงกลางได้เลย แต่ต้องดูไลน์ของส่วนอื่นด้วยนะก่อนจะตีอออกไป
เมื่อดูหลายสิ่งรวมๆ กันแล้วก็เหลือการลองกะคาดคะเนความเป็นไปได้ดูว่าน่าจะต้องกะประมาณไหน เพื่อให้ลูกไหลลงหลุมให้ได้ แต่ในบางหลุมอาจจะต้องปวดหัวกันพอตัวถ้าฝึกบ่อยๆ ไลน์หลุมก็จะไม่เป็นปัญหา!
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้วหวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่