*บทความนี้เขียนอ้างอิงจากทาง server inter หากมีการเข้า server ไทยอาจจะมีการเปลีย่นแปลงเนื้อหาหรือระยะเวลาให้เหมาะสมกับทาง server ไทย*
อย่างที่หลายๆ คนทราบนี้น พื้นที่ต่างๆ ภายในเกมส่วนมากนั้นจะถูกควบคุมโดย Nodes และ Node War ก็คือการต่อสู้กันระหว่างกิลเพื่อการถือสิทธิ์ยึดครอง Nodes เหล่านั้น เมื่อมีการยึดครอง Nodes ขึ้น กิลที่ได้เป็นเจ้าของจะถือสิทธิ์นั้นเป็นระยะเวลาขั้นต่ำ 1 อาทิตย์พร้อมกับได้รับภาษีจากการใช้งานพื้นที่นั้น
ในขณะที่ Node War นั้นเกิดขึ้นในแต่ละวันและเป็นการตีกันระหว่าง Node แต่ละจุด Conquest War นั้นก็เหมือนการละเลงเลือดที่กินเวลาเป็นอาทิตย์เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ระดับพื้นที่ โดยพื้นที่นี้ก็คืออาณาเขตจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งซึ่งมี Nodes อยู่ในอาณาเขตนั้นหลายต่อหลาย Nodes ทีเดียว การที่กิลใดได้ยึดครองและชนะใน Conquest War นั้นก็จะได้สิทธิ์ในการดูแลรวมถึงทรัพยากรต่างๆ มากมายเลยทีเดียว
1. การสร้าง Node Fort
การจะสร้างตัวปราการนั้น ต้องเข้าใจถึงระบบย่อยสองอย่างก่อน อย่างหนึ่งคือระบบวันและระบบ Node Level
- ระบบวัน หมายถึงวันในแต่ละสัปดาห์ที่จะสามารถทำการเริ่ม Node War ของ Node แต่ละจุดได้ เช่น ถ้ามี Node A, B, C อยู่ ในวันจันทร์จะเป็นวันของ Node A, วันพุธเป็นของ Node B, วันอาทิตย์เป็นของ Node C เป็นต้น ซึ่งจริงๆ แล้วแต่ละ Node จะมีวันที่ล๊อคเอาไว้ตายตัวอยู่ว่าวันไหนเป็นของที่ไหนบ้างดังนั้นการเลือก Node ที่มีช่วง Node War ตรงกับเวลาที่คนส่วนมากที่สู้ได้ในกิลพร้อมเป็นอะไรที่สำคัญมาก
- ระบบ Node Level นั้นสามารถอธิบายได้ด้วยการที่ Node แต่ละจุดจะมีการแบ่งเลเวลเป็น 1 ถึง 3 และยิ่งมีเลเวลสูงยิ่งหมายถึงการที่ผู้ครอบครองสามารถตั้งภาษีได้สูงตามไป ซึ่งก็ทำให้อัตราการแย่งชิงสูงกันตามไปด้วย การที่มีกิลไม่พร้อมแต่ไปทำสงครามแย่งชิง Node เลเวลสูงนั้นอาจจะพ่ายแพ้กลับมาและเสียทรัพยากรในการต่อสู้มากกว่าที่ควรจะได้หรือขาดทุนย่อยยับกลับมาเพราะไม่ได้อะไรเลยก็เป็นได้
การจะยึดครอง Node ไหนจึงต้องดูล่วงหน้าให้ดีว่าเหมาะสมกับกำลังของกิลหรือไม่ และมี Node ใดบ้างอยู่ข้างเคียงในกลุ่มเดียวกัน
*พื้นฐานต่างๆ ของ Node และ Conquest War*
1. Node Wars จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ ตามแต่ตัว Node
2. Fort ของกิลจะต้องเสร็จ 100% ก่อน Node War เริ่มจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมได้
3. การจะสร้าง Fort ได้จะต้องมีสมาชิกในกิลขั้นต่ำ 10 คน online พร้อมกัน
4. ในตอนแรก แต่ละกิลสามารถมีได้เพียง Fort เดียวเท่านั้นในหรับ Node ต่างๆ
5. หากชนะใน War จะสามารถสร้าง Fort เพิ่มเติมได้ โดยไม่จำกัดว่าต้องอยู่ในเขตพื้นที่เดียวกันไหม
6. แต่ละกิลจะสามารถครอบครองได้เพียง 2 Nodes เท่านั้น
7. Nodes ที่สองจะต้องมีเลเวลเท่ากันหรือมากกว่า Node แรกเท่านั้น
8. เมื่อ War เริ่มแล้วจะสร้าง ต่อเติมหรือทุบ Fort ไม่ได้
9. สมาชิกในกิลจะมองเห็น Fort ของกิลอื่นต่อเมื่อ War เริ่มแล้วเท่านั้น นอกจากนี้จะมองเห็นสัญลักษณ์บนแผนที่ต่อเมื่อมีการ Scout ไปเจอมาเท่านั้นอีกด้วย
10. กิลจะชนะต่อเมื่อทำลาย Fort ของกิลอื่นได้หมดโดยที่ Fort ของตัวเองยังไม่แตก
11. ถ้ามี Fort ของกิลต่างๆ เหลือเกิน 1 Fort จะทำให้จบด้วยการไม่มีใครยึดครองได้สำเร็จ
12. Fort และ Annexes ทั้งหมดจะถูกทำลายหากยึดครองไม่สำเร็จ
13. Fort ทั้งหมดยกเว้นของกิลที่ชนะจะถูกทำลายเมื่อจบ War (Annexes ทั้งหมดจะถูกทำลายโดยไม่สนการแพ้ชนะ)
14. เมื่อ War จบ การสร้าง Fort ใหม่ต้องทำก่อนที่ War ของ Node นั้นจะเริ่ม แต่หากเป็น Conquest War จะต้องรอจนจบเสียก่อน
Conquest War
1. หากกิลสามารถยึด Node เลเวล 2-3 ได้ในวันศุกร์ จะสามารถเข้าร่วม Conquest War ได้ในวันเสาร์
2. เงื่อนไขการเข้าร่วม Conquest War นั้นก็เพียงสร้าง Fort ในเขตนั้นๆ ให้สำเร็จ 100% ก่อนเริ่ม
3. เงื่อนไขหลักๆ จะเหมือนกับ Node War เช่น ตัดสินการชนะจาก Fort สุดท้ายที่เหลืออยู่
4. ถ้าไม่มีกิลไหนชนะ พื้นที่นั้นก็จะไม่มีคนยึดครองได้สำเร็จ
5. ถ้ากิลของผู้เล่นชนะ Conquest War และมี Node อยู่ในพื้นที่นั้น Node นั้นจะกลายเป็นไม่ถูกยึดครอง แต่หากแพ้ จะคงสภาพเดิมทุกประการ
6. หากกิลผู้เล่นชนะและ Ruling อยู่ก่อนแล้ว จะสามารถเข้าร่วมในพื้นที่อื่นได้เช่นกัน หากยังไม่ได้ Ruling จะไม่สามารถร่วมได้
นอกจากนี้แล้วเมื่อใดก็ตามที่ Fort ของกิลถูกทำลายลงหรือชนะใน War ก็จะถือว่ายุติการ War ของกิลลงในทันที รวมถึงระบบต่างๆ ขอ Guild War / PvP จะถูกปิดลงในช่วง Node, Conquest War พร้อมกับไม่มีโทษจากการตายใดๆ
*Node ที่ไม่ถูกยึดครองจะยังสะสมภาษีต่างๆ เอาไว้ตามปกติ เมื่อมีกิลมายึดครองได้ ก็จะได้รับภาษีที่สะสมมาไป*
การสร้าง Fort สำหรับ War นั้นจะสามารถสร้างได้โดยหัวหน้ากิลหรือ Officer เท่านั้น โดยตัวไอเทมสำหรับการสร้างจะสามารถหาซื้อได้จาก NPC Guild Manager ตามเมืองต่างๆ และก็มีหลายรูปแบบให้เลือกตามกำลังของกิลนั้นๆ เมื่อได้ไอเทมแล้ว ให้คลิ๊กขวาที่ไอเทมเพื่อเข้าระบบการก่อสร้าง จากนั้นก็เลือกพื้นที่ที่ต้องการ
หลังจากติดตั้งแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง ซึ่งในขั้นตอนนี้นั้นสมาชิกในกิลจะต้องทำการช่วยกันสร้าง โดยใช้คนงานที่ตัวเองมี การสั่งคนงานนั้นทำได้โดยการเปิดแผนที่ขึ้นมาและเลือกที่ Fort ของกิลที่พึ่งตั้งขึ้นมาและสั่งคนงานไปยังพื้นที่นั้น ในจุดนี้สมาชิกในกิลจะต้องคนจัดหาวัตถุดิบที่คนงานต้องการมาด้วย หาก Fort สร้างขึ้นไม่ทันก่อน War เริ่มก็จะหมดสิทธิ์ในการร่วมทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Fort จะเสร็จพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่การขาดส่วนช่วยเหลือ (Annexes) ไปนั้นก็อาจจะทำให้เรื่องที่ไม่ง่ายกลายเป็นยากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ต่อไปจึงเป็นการเตรียมการป้องกันเพิ่มเติมกัน
2. การสร้าง Annexes มาช่วยป้องกัน
Annexes (วุ้ย เขียนยากจัง ต่อไปนี้จะเรียกว่าส่วนเสริมเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นด้วยเลย แฮ่) จะเป็นอุปกรณ์เสริมหลังจากการสร้าง Fort โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยในการป้องกันที่ง่ายขึ้น ประกอบกับการที่ Fort และส่วนเสริมต่างๆ จะถูกซ่อนไว้ไม่ให้คนนอกกิลเห็นจนกว่าจะถึงเวลา War ทำให้มีการเตรียมการรับมือและบุกได้ดีขึ้น
ส่วนเสริมนั้นก็จะมีทั้งแบบติดตั้งและกดใช้งาน ซึ่งสามารถหาซื้อได้จาก NPC Guild Manager เช่นกัน
► ส่วนเสริมต่างๆ
1. Recovery Center (ขนาด 1 หน่วย)
เต้นท์นี้จะช่วยในการทำให้สมาชิกในกิลที่ตายลงฟื้นกลับมาด้วยพลังชีวิต 25/50/75/100% ตามจำนวนเต้นท์ที่มี โดยหากไม่มีเต้นท์นี้อยู่ สมาชิกที่ฟื้นกลับมาจะมีค่า HP 1% เท่านั้น
2. Cannon Observatory (ขนาด 3 หน่วย)
อาคารนี้จะทำให้ผู้เล่นสามารถสั่งสร้างปืนใหญ่(เสียเงินในคลังกิลส่วนหนึ่ง)มาใช้งานได้ โดยเสียเวลาสร้าง 5 นาที ตัวปืนใหญ่นั้นใช้งานได้ 4 ชั่วโมงและต้องใช้กระสุนปืนใหญ่ในการยิง นอกจากนี้แต่ละปืนใหญ่จะใช้งานได้ 1 กระบอกต่อ 1 อาคารเท่านั้น หากต้องการใช้เพิ่มเติมต้องสร้างอาคารนี้เพิ่ม
แม้จะฟังดูยุ่งยาก แต่ปืนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ที่ดีมากในการทำลาย Siege Weapon ของคู่ต่อสู้ พยายามใช้มันให้คล่องเข้าไว้
3. Elephant Nursery (ขนาด 5 หน่วย)
ส่วนเสริมนี้จะทำให้สามารถนำช้างออกจาก Guild Stable มาใช้งานได้ทุกๆ 12 นาที โดยส่วนเสริมนี้จะสร้างได้ตามจำนวนช้างที่มีของแต่ละกิล
เมื่อเริ่มช่วง War ช้างทั้งหมดจะถูกบังคับเก็บเข้า Guild Stable ทันที และในระหว่าง War หากส่วนเสริมนี้ถูกทำลาย ช้างที่ถูกเรียกออกมาแล้วจะยังคงใช้งานต่อได้ เพียงแต่จะไม่สามารถเรียกออกมาเพิ่มได้อีกหากครบตามจำนวนที่มีแล้ว
4. Flame Tower & Hwacha (ขนาด 3 หน่วย)
ส่วนเสริมทั้งสองอย่างนี้จะทำหน้าที่คล้ายกับบังเกอร์ในการช่วยป้องกันและเป็นอาวุธในตัว แต่จะต้องมีสมาชิกในกิลคอยดูแลทำงานอยู่
ตัว Flame Tower นั้นจะต้องใช้ Flame Tower Fuel ในการใช้งานและมีพลังโจมตีต่อศัตรูระยะใกล้ที่สูงมาก มีระยะเวลา Cooldown ที่สั้นเพียง 3 วินาที
Hwacha นั้นใช้ Shingijeon เป็นกระสุนและมี Cooldown ที่นานกว่าถึง 10 วินาที แต่ก็เหมาะกับการใช้โจมตีศัตรูที่อยู่ในระยะไกลกว่าเป็นอย่างมาก
สมาชิกกิลที่ใช้งานส่วนเสริมทั้งสองนี้จะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จนกว่าส่วนเสริมนี้จะถูกทำลาย
5. Supply Depot (ขนาด 5 หน่วย)
ส่วนเสริมนี้จะคอยให้บริการจิปาถะกับสมาชิกในกิล โดยหลักๆ นั้นจะเป็นบริการซ่อมแซมอาวุธและเช่าม้าสำหรับตะลุยงานศึก
นอกจากนี้ส่วนเสริมนี้ยังใช้เป็นร้านค้าของกิลได้อีกด้วย เพียงแต่ว่าจะบังคับว่าต้องมียศในกิลเป็น Officer หรือสูงกว่าเท่านั้นจึงจะใช้ร้านค้าของกิลได้
6. Other Annexes (ขนาดแล้วแต่ชนิด)
นอกเหนือไปจากส่วนเสริมที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีส่วนเสริมอื่นๆอีกมากมายในการนำมาใช้ป้องกันข้าศึกไม่ให้เข้าถึงตัว Fort หรือช่วยโจมตีได้ เช่นกับดักที่สามารถสร้างความเสียาหยกับศัตรู หรือสิ่งกีดขวาง รวมถึงหอคอยป้องกันแบบไม่ต้องใช้แรงคนที่จะคอยโจมตีอย่างอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังคือจำนวนส่วนเสริมที่มีอยู่ พยายามจัดหาส่วนเสริมหลักที่ต้องการให้ครบก่อนจึงอุดช่องว่างที่เหลือ จะทำให้สามารถใช้งานส่วนเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
3-4. วางแผนและแอบย่องดูตำแหน่งอีกฝ่าย
รู้เขารู้เรารบร้อยชนะร้อย ก็ดูจะเป็นเช่นนั้นในหลายๆ กรณี อย่างแรกเลยนั่นคือการรู้เรา หัวหน้ากิลควรจะเช็คดูความพร้อมของสมาชิกในกิลและดูจำนวนของสมาชิกที่สามารถเข้าร่วมใน War ได้ ซึ่งจุดนี้จะทำให้สามารถกะความสามารถคร่าวๆ ได้ว่ากิลของผู้เล่นพร้อมแค่ไหนในการต่อสู้ สามารถช่วงชิง Node เลเวลไหนได้
จากนั้นจะต้องมีการค้นหาตำแหน่งคร่าวๆของ Fort ศัตรูทั้งหมดใน Node ที่เราต้องการแย่งชิงเพื่อประเมิณจำนวนศัตรูและหาทางวางแผนรับมืออีกครั้งหนึ่ง การสำรวจตำแหน่งคร่าวๆ นั้นจะทำให้สมาชิกทั้งหมดในกิลสามารถมองเห็นที่ตั้งของศัตรูได้ และทำให้การรับมือนั้นง่ายขึ้น แน่นอนว่าการสอดแนมเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก อาชีพที่มีความคล่องตัวสูงอย่าง Musa หรือ Maehwa นั้นจัดว่าเป็นอาชีพในการสอดแนมที่ดีเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้ตำแหน่งและจำนวนกิลศัตรูที่ต้องสู้ อย่างน้อยสุดแม้เราจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวางแผนเช่นไร แต่เราก็จะสามารถประเมิณกำลังคร่าวๆ ได้ว่าสามารถสู้ได้หรือไม่ และจะวางแผนการสู้รบอย่างไร รอบุกโจมตี ทุ่มกำลัง หรือถ่วงเวลา เมื่อเป็นการต่อสู้ระหว่างกิลหลายกิลนั้น บางครั้งอะไรๆ ก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไปนัก
5. การโจมตีและการป้องกัน
ก่อนจะทำการโจมตีและป้องกัน สิ่งหนึ่งที่ควรรู้เลยคือหลักการแพ้ชนะทางของการต่อสู้ใน War เนื่องจากอุปกรณ์และกำลังพลแต่ละรูปแบบก็จะมีการแพ้ชนะทางต่างกัน
ดังตัวอย่างเช่น ช้างนั้นจะชนะทางคนและสิ่งกีดขวาง ในขณะที่คนจะชนะทางป้อมและส่วนเสริมทั่วไป กับระเบิดช้างจะสังหารช้างได้อย่างง่ายดาย และปืนใหญ่จะสามารถทำลายป้อมปืนไฟหรือเครื่องยิงลูกธนูได้อย่างรวดเร็ว
การรู้หลักเหล่านี้จะทำให้เราสามารถใช้มันในการต่อกรกับศัตรูหรือแก้ทางได้อย่างรวดเร็วและเกิดความเสียหายกับฝ่ายตัวเองได้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับ Fort คือ แม้ว่าทุกอย่างจะสร้างความเสียหายได้ แต่เมื่อ Fort มีค่า HP 50% หรือต่ำกว่าเมื่อไหร่ จะมีเพียงกำลังคนเท่านั้นที่สามารถโจมตีให้เกิดความเสียหายต่อได้
นอกจากนี้ส่วนของ Guild Skill ก็ช่วยได้มากในสงครามนี้ เช่น “Flag of Determination” ที่ทำให้สามารถสร้าง Outpost ได้ ช่วยย่นเวลาเดินทางของสมาชิกกิลที่ตายและเกิดใหม่จาก Font ได้ด้วย
*เกี่ยวกับการต่อสู้*
- กิลที่อยู่ใน War จะสามารถต่อสู้กับสมาชิกกิลอื่นที่แข่งกันใน Node นั้นได้ทุกที่ของ Node War ที่เปิดให้ต่อสู้อยู่แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ชิงกันอยู่ก็ตาม
- กิลที่ไม่ได้แข่งใน Node ที่กำหนดไว้จะไม่สามารถโจมตีโต้ตอบกลับได้ แต่ยังสามารถถูกโจมตีได้จากกิลที่ลงแข่งในพื้นที่นั้นตามปกติ
- กิลที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข 1-2 จะไม่สามารถต่อสู้กันได้แม้จะอยู่บน Node War ไม่ว่าจะร่วม Node War ในจุดที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ร่วมก็ตาม
- สัตว์ขี่ที่ไม่มีคนขี่จะโดนโจมตีทีเดียวตายเสมอ
- ปุ่ม PvP จะถูกปิดการใช่งานชั่วคราว
- Guild War ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแค่จะถูกปิดกั้นไว้ชั่วคราวใน Node War Channel จนกว่าจะจบ War รวมถึงการประกาศสงครามได้ตามปกติเมื่ออยู่ใน Channel อื่น
- หากช่วงเวลา Guild War ชนกับ Node War โดยกิลฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ตาม จะถูกระงับไว้ชั่วคราวจนกว่า War จะจบ
- ค่า Collision จะถูกตั้งเป็น ON เสมอกับทุกคนๆ ใน Node War Channel
- ผู้เข้าร่วม War จะสามารถตีกับใครก็ได้ทุกพื้นที่ ยกเว้นตามข้อ 1-3 และพื้นที่ปลอดภัย
- การตายใน War จากผลของการต่อสู้ไม่มีการลงโทษใดๆ
- แต่หากตายโดยวิธีการอื่น เช่นถูกมอนสเตอร์ฆ่า ยังนับตามปกติ
- สัตว์ขี่ก็เช่นกัน
นอกจากนี้แล้ว การซ่อมแซม Fort นั้นสามารถทำได้โดยสมาชิกในกิลแบบไม่เกี่ยงเลเวล แต่จำเป็นจะต้องมีไอเทม Polished Stone หรือ Blackstone Powder (ขึ้นกับชนิดของ Font) ทำให้ไม่ว่าจะเลเวลมากหรือน้อย ต่างก็มีส่วนร่วมกับ War ได้เช่นกัน
*ข้อควรระวัง เมื่อตัวละครถูกโจมตีด้วย debuff เช่น Stun จะทำให้การซ่อมแซมหยุดลง*
6. ทำลายศัตรูให้สิ้นเพื่อยึด Node
อย่าลืมว่าการยึดครอง Node นั้นจะต้องทำลาย Fort ศัตรูทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่นั้น แน่นอนว่าอาจจะมีบางกิลที่หลบซ่อนตัวและรอจังหวะที่หลังอยู่ด้วยเช่นกัน จึงต้องมีการเตรียมการให้ดีเพื่อรับมือกับศัตรูทั้งหมดเท่าที่ทำได้
เมื่อยึดครอง Node ได้นั้น จะมีการแสดงรูปสัญลักาณ์ของกิลไว้ที่ชื่อของ Node ให้ทุกคนได้เห็นว่าใครได้ยึดครองไป พร้อมกับเริ่มได้รับส่วนภาษีของ Node นั้นทันที ซึ่ง Node ที่ไม่เคยถูกยึดครองนั้นจะมีการสะสมภาษีเอาไว้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน หากมีใครยึดคอรงได้ ก็จะได้รับส่วนตรงนั้นไป ซึ่งตัวภาษีนี้จะเข้ามายังกองกลางของกิลให้ทุกคนได้นำมาจับจ่ายใช้สอยกัน
สำหรับส่วนของ Conquest War นั้นจะมีโบนัสสำหรับผู้ชนะคือไอเทมมงกุฎที่จะทำให้ผู้สวมใส่สามารถใช้ Channel Chat หรือ World Chat ได้ฟรีกันเลยทีเดียวโดยมงกุฎนี้จะถูกส่งเข้าคลังของหัวหน้ากิลเพื่อมอบให้กับคนที่เหมาะสมอีกทีหนึ่ง
อย่าลืมว่า War นี้เป็นสงครามระหวา่งกิล การเข้าร่วมด้วยสมาชิกเท่าที่มีนั้นจะหมายถึงการรวมกำลังกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันสมคำว่ากิลเป็นอย่างยิ่ง ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนประสบชัยชนะในการทำ War จ๊ะ