ภายในเกม Honkai Impact 3 จะมีตัวละครสาวๆ ให้เพื่อนๆ ได้เล่นกันโดนภายในเกมจะเรียกพวกเธอว่า “วาลคิเรีย” นักรบสาวที่มีความสามารถหลากหลายทั้งเป็นสายโจมตีระยะไกลระยะใกล้ ตัวดาเมจของทีมหรือสายซัพพอร์ต แถมยังมีธาตุและประเภทแตกต่างออกไปอีกในแต่ละคน สำหรับผู้เล่นใหม่หรือผู้เล่นเก่ากลับมาเล่นใหม่หลังจากหายไปนาน ก็อาจจะมีความสับสนอยู่พอตัวว่าวาลคิเรียคนนี้เป็นสายไหน คนนี้ทำอะไรได้แล้วเล่นทางไหนดี วันนี้จะพาไปดูวิธีการแยกวาลคิเรียแต่ละแบบกัน!
วาลคิเรียแต่ละคน
สำหรับวาลคิเรียในเกมหากแยกเป็นคนจะมีทั้งหมดในตอนนี้ 13 คน ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนจะมีร่างที่เรียกว่า “ชุดสูท” จะมีแยกแตกต่างกันออกไป แม้จะนับว่าเป็นคนเดียวกันแต่ก็สามารถจัดลงทีมพร้อมกันได้ (ในบางเกมตัวเดียวกันมีร่างไม่เหมือนกันแต่สามารถใส่ลงได้แค่ 1 ร่างเท่านั้น)
ตัวอย่างเช่น Kiana เริ่มต้นจะได้มาในร่างชุดสูท White Comet เมื่อเปลี่ยนชุดสูทเป็น Divine Prayer 1 ในชุดสูทของ Kiana จะนับเป็นอีกร่างทันที ทุกร่างของแต่ละคนจะมีความสามารถแตกต่างกันออกไปทั้งประเภทและสาย บางคนร่างแรกอาจจะเป็นสาย DPS โจมตีได้รุนแรง แต่พอใช้อีกร่างก็อาจจะกลายเป็นซัพพอร์ตช่วยทีมไม่เน้นการทำดาเมจแต่เน้นใช้สกิลเสริ่มพลังให้เพื่อนในทีมแทนก็มีเช่นกัน
วาลคิเรียทั้งหมดในปัจจุบัน
สำหรับวาลคิเรียทั้ง 13 คน ในปัจจุบันจะมี Kiana Kaslana | Raiden Mei | Bronya Zaychik | Theresa Apocalypse | Murata Himeko | Fu Hua | Yae Sakura | Kallen Kaslana | Rita Rossweisse | Durandal | Seele Vollerei | Liliya Olenyeva | Rozaliya Olenyeva | และตัวละครโคลาโบ Eva Asuka
ร่างต่างๆ ในเกม
วาลคิเรียจะแบ่งเป็นร่างธรรมดาจะมีตั้งแต่แรงค์ B แรงค์ A และแรงค์ S สามารถอัปขึ้นได้ถึงแรงค์ SSS และจะมีอีกสามแบบคือ
ร่างปลุกพลัง
ร่างปลุกพลังเป็นร่างที่ใช้ร่วมกันของวาลคิเรียสองชุดสูท คนไหนมีร่างปลุกพลังได้จะขึ้นเป็นไอคอนหน้าตัวละครอีกคน และคนที่เป็นร่างปลุกพลังของอีกคนจะมีข้อความขึ้นอยู่บนกรอบชื่อของตัวละครว่า “ปลุกพลัง”
ซึ่งตัวละครที่มีร่างปลุกพลังจะใช้เลเวลกับบางสกิลร่วมกันทำให้ตัวปลุกพลังไม่ต้องอัปหลายๆ อย่างใหม่ทั้งหมด โดยตัวของสกิลที่ใช้ร่วมกันจะมีสกิลหัวหน้าทีมหากตัวต้นมีแรงค์มากกว่าอย่างร่างต้นมีแรงค์ SS แต่ร่างปลุกพลังแค่แรงค์ S ความสามารถของสกิลหัวหน้าทีมจะได้มาเป็นแรงค์ SS ด้วยทันทีแม้ว่าตัวปลุกพลังจะแค่แรงค์ S ก็ตาม
ส่วนสกิลอื่นๆ หากมีใช้ร่วมกันตรงหน้าสกิลรวมจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปโซ่และไอคอนสกิลเป็นสีม่วงแยกออกมาอย่างชัดเจน แม้ว่าสกิลจะใช้ร่วมกันแต่ความสามารถนั้นก็จะแบ่งแยกออกไปเป็นของใครของมันอยู่ดีนะ
ร่างปลดคอร์เสริมพลัง
ร่างปลดคอร์เป็นการอัปเกรดเสริมของร่างเดิมให้เก่งขึ้นทำให้สกิลต่างๆ เปลี่ยนรูปแบบไปด้วย หากคนไหนสามารถปลดคอร์ได้จะมีรูปคิ้วบ์สีเหลืองปรากฏอยู่ข้างไอคอนคอสตูม สามารถเปิดปิดการใช้งานได้
(เมื่อปลดระดับคอร์ถึงเลเวล 4 จะได้คอสตูมร่างปลดคอร์มาใส่ด้วยนะ!) แต่การจะปลดคอร์จะมีเงื่อนไขเรื่องของเลเวล แรงค์ตัวละคร และต้องใช้ไอเทมคอร์ของตัวละครคนนั้นพร้อมกับไอเทมแกนหลอมเหลวในการอัปเลเวลคอร์ด้วย
ร่าง SP
ร่าง SP (ย่อมาจาก SPecial ที่ต้องสะกดตัว SP เป็นตัวใหญ่เท่านั้น) เป็นร่างอีกจักรวาลที่ไม่เกี่ยวข้องกันกับในส่วนของเนื้อเรื่องหรือโลกหลัก แม้ว่าจะใช่ชื่อเหมือนกันแต่ก็เป็นคนละคนกัน ตัวละครคนไหนเป็นร่าง SP จะมีแปะตัวอักษรในกรอบสีฟ้าเอาไว้ตรงรูปโปรของตัวละคร
สำหรับร่าง SP นอกจากจะมีสกิลให้อัปได้ตามปกติแล้วจะมีสกิลพิเศษเป็นเหมือน DNA ให้อัปเพื่อเพิ่มความสามารถต่างๆ ให้กับตัวละครอีกขั้น สามารถกดดูได้ที่รูปไอคอน SP (วงกลมสีฟ้า) จะอยู่ข้างๆ ไอคอนคอสตูม
ประเภทของวาลคิเรีย
สำหรับวาลคิเรียจะมีแบ่งประเภทออกเป็น 4 อย่างก็คือ ชีวภาพ (สีส้ม) พลังจิต (สีชมพู) จักรกล (สีฟ้า) ควอนตัม (สีม่วง) ซึ่งใน 3 ประเภทแรกนั้นจะมีรูปแบบการแพ้ทางกันเองเหมือนการเป่ายิงฉุบ [ชีวภาพชนะพลังจิต | พลังจิตชนะจักรกล | จักรกลชนะชีวภาพ] แต่ประเภทควอนตัม นั้นจะพิเศษกว่ารูปแบบอื่นคือแพ้และชนะทางกันเองแต่จะไม่แพ้หรือชนะทาง 3 ประเภทแรก
วิธีการสังเกตว่าใครเป็นตัวละครประเภทไหน ให้กดดูที่หน้าตัวละครทางซ้ายในกรอบจะบอกชื่อตัวละครและชุดสูทพร้อมบอกว่าเป็นประเภทไหน หรือดูจากกรอบพื้นหลังของตัวละครจะมีสีแบ่งอยู่ชัดเจนด้วย สีส้ม, สีชมพู, สีฟ้า และสีม่วง
สำหรับฝั่งศัตรูก็สามารถแยกออกได้ไม่ยาก พวกศัตรูประเภทซอมบี้จะมีลักษณะเหมือนวาลคิเรียสาวที่ตายไปแล้วกลายร่างเป็นซอมบี้ หรือง่ายๆ หากเจอศัตรูประเภท “คน” นั่นคือประเภทชีวภาพ | ศัตรูพวกหุ่นจักรกลทั้งหลายไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่หากเห็น “เหล็กหรือเครื่องจักร” นั่นคือประเภทจักรกล
ส่วนพวกปีศาจรูปร่างคล้ายสัตว์ต่างๆ จะมีลักษณ์ “ตัวสีขาวมีส่วนประกอบบนร่างเป็นสีชมพู” เรียกว่าปีศาจฮงไก นั่นคือประเภทพลังจิต | สุดท้ายศัตรูพวกนี้จะคล้ายปีศาจฮงไกแต่พวกมันจะมีลักษณะ “ตัวเป็นสีน้ำเงินม่วง” เพราะพวกมันหลุดออกมาจากมิติอื่นที่เรียกว่าควอนตัม หรือที่เรียกกันว่าปีศาจควอนตัม เป็นประเภทควอนตัมตามชื่อของมันเลย
ธาตุ
ภายในเกมจะมีธาตุที่ใช้ในการต่อสู้อยู่ 3 ธาตุคือ น้ำแข็ง, ไฟ, ไฟฟ้า ธาตุเหล่านี้จะสามารถโจมตีเข้าตัวศัตรูได้โดยตรงไม่สนเกราะป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะไม่มีการผสมธาตุแบบเกม Genshin Impact นะ วิธีการดูว่าวาลคิเรียคนไหนโจมตีเป็นกายภาพหรือธาตุ สามารถกดดูได้ที่หน้าตัวละครใต้ชื่อตรงช่องบอกแรงค์กับเลเวลจะมีสัญลักษณ์ปรากฏอยู่
หากวาลคิเรียคนนั้นตีเป็นธาตุน้ำแข็งก็จะมีสัญลักษณ์รูปน้ำแข็งอยู่ในช่องนั้นให้เห็นทันที หรือกดดูที่สกิลโจมตีปกติของตัวละครจะมีบอกทำดาเมจกายภาพ + ธาตุนั้นๆ (แบบบอกแค่โจมตีธาตุอย่างเดียวก็มีนะ) เอาไว้ ส่วนสายกายภาพจะแสดงเป็นไอค่อยรูปดาบสีส้มแทน ในหน้าสกิลโจมตีปกติจะมีบอกแค่ดาเมจกายภาพเท่านั้น
สำหรับฝั่งศัตรูเองก็มีตัวที่มีธาตุเหมือนกันนะ แต่ศัตรูกับบอสหากมีธาตุกำกับบอกเอาไว้ว่าเป็นธาตุอะไร ให้หยิบธาตุที่อื่นไปตีแทน เพราะศัตรูธาตุจะลดดาเมจลง 50% ถ้าเอาธาตุเดียวกันไปสู้ และต่อให้ประเภทแพ้ทางเช่น
เจอศัตรูประเภทจักรกลแต่หยิบวาลคเรียประเภทชีวภาพไปสู้หากตัวละครเป็นสายดาเมจธาตุก็สามารถสู้ได้ไม่ยาก เพราะธาตุจะโจมตีเข้าโดยตรงไม่สนเกราหรือการแพ้ทางใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นดาเมจกายภาพจะโดนลดให้เบาลง (ถ้าตีตัวแพ้ทางจะสังเกตได้จากตัวเลขดาเมจกายภาพจะเป็นเลขสีเทาแทน ปกติจะเป็นสีขาว)
วิธีดูสายของวาลคิเรีย
สำหรับผู้เล่นใหม่อาจจะมีสับสนอยู่พอสมควรว่าจะรู้ได้ยังไงว่าตัวละครไหนเป็นสายดาเมจหรือสายซัพ วิธีสังเกตง่ายๆ สำหรับในแต่ละสาย
การดูตัวละครสายดาเมจ
สำหรับสายดาเมจน่าจะดูง่ายที่สุดแล้ว ให้กดที่ชื่อของตัวละครจะเด้งมาเป็นหน้าโปรไฟล์แสดงกราฟต่างๆ อุปกรณ์แนะนำและการจัดที ตัวสายดาเมจหรือ DPS จะมีกราฟของฝั่งดาเมจที่สูงมากๆ แล้วค่อยไปดูอีกทีว่าตัวละครเป็นสายกายภาพหรือสายธาตุอีกที
การทำของสายกายภาพจะทำได้ค่อนข้างง่ายกว่าสายธาตุมากๆ เพราะสายกายภาพในกรณีหาอาวุธและสติกมาประจำตัวไม่ได้ก็หาชิ้นที่เพิ่มดาเมจเลขขาวก็พอ ส่วนสายธาตุยิ่งวาลคิเรียตัวใหม่ๆ จำเป็นต้องมีของจำตัวของแต่ละคนช่วยเสริมพลังเพื่อรีดดาเมจให้ได้สูงสุด แต่ก็ยังสามารถหาอาวุธหรือสติกมาอื่นมาทดแทนได้แต่อาจจะไม่ได้แรงเท่าหรือบางชิ้นอาจจะดีกว่าแตกต่างกันไป
อย่างเช่น Bronya : Herrscher of Reason จะมีสติกมาประจำตัวคือ Welt Yang แต่ในปัจจุบันจะมีสติกมา Ana Schariac ที่ผลเซ็ตรวมแรงกว่ามาก ทำให้เพื่อนๆ หลายคนเปลี่ยนมาใช้อันนี้แทนกันเพราะเงื่อนไขการทำดาเมจได้สูงแถมต่อเนื่องกว่านั่นเอง
การดูตัวละครสายซัพ
สำหรับสายซัพให้กดดูที่โปรไฟล์เหมือนเดิมหากตัวละครคนนั้นมีหลอดค่าช่วยเหลือสูงคนนั้นเป็นซัพอย่างแน่นอน แต่หลังจากรู้ว่าเป็นซัพแล้วสิ่งต่อไปที่จะต้องดูต่อคือส่วนของสกิลเช่น สกิลหัวหน้าทีมเมื่อตัวละครในทีมใช้ท่าชาร์จโจมตีโดนศัตรูค่าคริจะเพิ่มขึ้น, ทั้งทีมมีประเภทต่างกันดาเมจทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น, ทำคอมโบ 30 ฮิตขึ้นไปโอกาสคริทั้งทีมเพิ่มขึ้น เป็นต้น ซึ่งตัวดาเมจบางคนเองก็มีสกิลหัวทีมที่ได้ผลทั้งทีมด้วยเช่นกันทำให้อาจจะสับสน แนะนำให้ดูจากโปรไฟล์เป็นหลักก่อน
ต่อไปมาดุส่วนของสกิลติดตัวส่วนใหญ่ตัวสายซัพจะมีสกิลช่วยเหลือเพื่อนในทีมเช่น มีเกราะป้องกันดาเมจให้เพื่อนทั้งทีม, หากมีเกจถึง XXX หน่วยจะทำให้ทั้งทีมทำดาเมจธาตุแรงขึ้น, ปล่อยโดรนออกมาช่วยโจมตีตอนไม่ได้อยู่บนสนาม, เมื่อตัวละครอยู่นอกสนามจะสุ่มโจมตีด้วยฟ้าผ่าใส่ศัตรูลดพลังป้องกัน เป็นต้น
และยังมีสกิลส่วนอื่นอีกที่เกี่ยวกับการลดพลังป้องกันศัตรูหรือเพิ่มดาเมจให้กับตัวละครในทีมอีกที อย่างเช่น Fu Hua : Azure Empyrea เมื่อใช้สกิลหยินสามครั้งจะทำให้ศัตรูโดนดาเมจธาตุเพิ่มขึ้น, หลังใช้ท่าไม้ตายทั้งทีมจะทำดาเมจธาตุทั้งหมดแรงขึ้น
วิธีการดูว่าใครเป็นสายซัพกายหรือธาตุให้ดูจากผลของสกิล สกิลส่วนใหญ่หลังกดใช้จะมีบอกตามมาว่าทำให้ศัตรู “โดนดาเมจจากกายภาพหรือธาตุใดๆ แรงขึ้น” หรือ “โดนลดพลังป้องกันหรือพลังโจมตีของศัตรู” โดยสายซัพกายภาพในเกมตอนนี้จะมี Yamabuki Armor, Celestial Hymn, Starlit Astrologos, Divine Prayer เป็นต้น
และฝั่งสายซัพธาตุ Phoenix,Azure Empyrea, Wolf’s Dawn, Haxxor Bunny, Fallen Rosemar เป็นต้น
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้วหวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่ Honkai Impact 3 TH [-กลุ่มคนไทย-]