หลังจากการรอคอยอย่างยาวนานของหลายๆ คน ตัวเกมแม่มดน้อยในป่าใหญ่ Little Witch in the Woods ก็ได้ออกวางจำหน่ายเสียที ซึ่งตัวเกมนี้ก็ได้พัฒนาโดยทีมงาน SUNNY SIDE UP โดยแม้ว่าตัวเกมจะเป็น Early Access แต่ก็ได้ใจเหล่าเพื่อนๆ ที่กำลังรอคอยกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้ก็เลยอยากหยิบตัวเกมนี้มีเล่าสู่กันฟังเสียหน่อย กับ รีวิว Little Witch in the Woods การเดินทางของแม่มดน้อยในป่าใหญ่ จ้า
▲ ข้อดี
- งานภาพที่น่ารัก งานเพลงที่เบาสบาย ใจนุ่มฟู
- เกม RPG แบบสโลว์ไลฟ์ ฮีลลิ่ง ไม่ต้องนั่งเครียดอะไรแล้วชิวกันไป
- มีการปรุงยาแบบง่ายๆ ให้สมกับเป็นแม่มดบ๊องๆ
- ตัวละครน่ารัก ดูมีเสน่ห์ของตัวเอง
▼ ข้อเสีย
- Early Access ที่ยังไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรเท่าไหร่นัก
- ความสโลว์ไลฟ์เกินไป เช่นช่องเก็บของที่น้อยมาก หรือระบบ Stamina ที่อาจจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นักกับแนวทางของเกม
- ระบบการควบคุมที่เป็น keyboard อย่างเดียวทำให้เหมือนกับจะเหมาะกับการเล่นด้วย controller เสียมากกว่า
รีวิว Little Witch in the Woods
ก่อนอื่นเลยสิ่งแรกที่ต้องบอกเพื่อนๆ ที่สนใจเกมนี้ นั่นคือตัวเกมไม่ใช่เกมแนวทำฟาร์มจีบชาวบ้าน แต่เป็นเกม RPG ที่เน้นการเล่าเรื่องราวของตัวละครและใช้ระบบการเล่นที่เกี่ยวข้องกับการคราฟของมาเป็นจุดขาย ทำให้แม้จะมีเรื่องของการสร้างน้ำยาอะไรต่างๆ แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของตัวเกมเหมือนกับเกมแนวฟาร์มอื่นๆ ที่เราจะปั้มยาไปขาย ทำนู่นนี่มากมายแต่อย่างใด ถ้าเทียบกันจะเหมือนกับเกม RPG ที่เปลี่ยนจากการฟาร์มเลเวลจากมอนสเตอร์เพื่อให้เดินทางต่อไปยังจุดต่อไปได้ เป็นการหาวัตถุดิบปรุงยาเพื่อไปต่อเสียมากกว่า
ดังนั้นแล้วการเล่นตัวเกมเราจะได้เจอกับบทพูดมากมายมหาศาลเป็นหลัก แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าต้องภาษาแข็งมากไหม เพราะภาษาที่ใช้ในเกมนั้นเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องเชี่ยวชาญภาษาก็สามารถเล่นได้ แถมปริศนาเองก็ยังมาพร้อมกับคำใบ้ให้เราดำเนินเรื่องต่อไปได้อีกด้วย
ตัวเกมเลยจะเหมาะกับคนที่อยากหาเกม RPG น่ารักๆ เบาๆ เล่นเพลินๆ มีระบบคราฟของเล็กน้อยมาเปลี่ยนสีสรรบ้าง ไม่ต้องรีบทำนู่นนี่จัดๆ ในแต่ละวันของเกม ออกไปทางฮีลลิ่งสโลวไลฟ์พักผ่อนหย่อนใจกันนี่ล่ะ
เกมเพลย์ที่เรื่อยๆ เหมาะกับการจิบชายามบ่าย
ตัวเกม Little Witch in the Woods นั้นจะเป็นลักษณะเกมที่เป็น RPG จ๋า เน้นการเล่าเรื่องราวของตัวเกมผ่านตัวละครหลัก Ellie พร้อมกับหมวกประจำตัวของเธอ เพียงแต่จุดที่ต่างออกไปนั้นคือมันไม่ได้เป็นเกมที่เราต้องต่อสู้เก็บเวลจากมอนสเตอร์ให้เก่งพอจะลุยต่อได้ หรือเป็นลักษณะคุยแหลกแหกโค้ง เป็น rich-story driven ขนาดนั้น แต่เป็นลูกผสมตรงกลาง ที่ให้เราได้เล่นกับระบบการปรุงยา (potion) เพื่อใช้ในการไขปริศนา รวมกับการคุยกับ NPC ต่างๆ ด้วยหัวข้อที่ระบุไว้เพื่อหาข้อมูลว่าเราควรจะต้องทำอะไรต่อไป (เพราะถึงแม้เราจะเดาปริศนาได้ว่าต้องทำไง แต่ด้วยความที่มันเป็นโลกของแม่มด ก็น่าจะต้องมีวิธีการเฉพาะของพวกเขา)
ในการปรุงยานั้นก็จะต้องใช้วัตถุดิบต่างๆ ที่หาได้จากในป่าที่เราอยู่ เมื่อเราปรุงยาไปไขปริศนาได้แล้ว เรื่องราวในเกมก็จะดำเนินต่อไป เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีการกำหนดตายตัวว่า เราจะต้องรีบทำเท่าไหร่ เดินชมนกชมไม้เล่น ปล่อยเวลาผ่านไปซักวันก็ยังได้เช่นกัน ทำให้ตัวเกมนั้นมีความชิวในการเล่นมากมาย
จุดขายหลักอีกอย่างหนึ่งของตัวเกมนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องของงานภาพในเกมที่มีความน่ารักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือการสภาพพื้นที่ในสไตล์ pixel-art โทนสบายตา ดูแล้วรู้สึกนุ่มฟูไปตลอดระยะเวลาที่เล่น การออกแบบตัวละครแต่ละตัวก็มีความน่ารักตามสไตล์ของเกม เพลงประกอบก็เป็นเพลงเบาๆ เข้ากับความสโลว์ไลฟ์สุดๆ (อาจจะขัดกับความขี้เบื่อของตัวนางเอก Ellie ของเราไม่น้อย)
แม่มดฝึกหัดมาแล้ว
ตัวเกมนั้นได้นำเสนอน้อง Ellis เป็นแม่มดที่กำลังฝึกหัดอยู่ และถ่ายทอดมาผ่านนิสัยของน้องที่ออกไปทางบ๊องๆ ยังไม่เชี่ยวชาญและคิดอะไรไม่ค่อยจะเหมือนแม่มดปกติเขา ต้องมีพี่เลี้ยงคุณหมวกคอยดูแล ทำให้เราจะได้เห็นการพยายามคิดหรือการตีความแบบแปลกๆ ในขณะเดียวกันก็มองเห็นความสามารถของน้องในเวลาเดียวกันหากน้องตั้งใจทำขึ้นมา
ความเป็นแม่มดฝึกหัดเองก็มาในส่วนของเกมเพลย์ด้วยเช่นกันที่ตัวเราจะมีสมุดบันทึกข้อมูลต่างๆ อยู่ สามารถจดบันทึกถึงต้นไม้, สัตว์ต่างๆ เพื่อดูเป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่ามีที่อยู่ตรงไหน หาได้จากไหน รวมถึงสูตรน้ำยาต่างๆ ที่เราไม่รู้จนกว่าจะได้สูตรปรุงยาที่จัดเจนมา ทำให้เราเองก็เหมือนได้เติบโต รู้อะไรในเกมมากขึ้นไปพร้อมกับน้อง Ellie ไปพร้อมกัน แถมการที่มีบอกว่ามีอะไรรางๆ อยู่ในสมุดบ้างก็ทำให้เราอยากจะรวบรวมข้อมูลให้ครบไปในตัวอีกต่างหาก
การเดินเรื่องที่เป็นเส้นตรง
ตัวเนื้อเรื่องเองก็ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา เส้นทางต่างๆ ในเกมนั้นจะปิดกั้นไว้อย่างชัดเจน ไม่สามารถไปต่อได้จนกว่าจะเคลียร์เนื้อเรื่องแต่ละส่วนไปได้ (ถ้าเทียบก็อาจจะเทียบได้กับ Undertales ที่บังคับทางไม่ให้เราออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป) ในจุดนี้ต้องขอบอกเพื่อนๆ ก่อนว่ามันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ในแง่ข้อดีคือมันช่วยให้เพื่อนๆ โฟกัสกับการดำเนินเรื่องตามเป้าหมายของเกมได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันขาดความอิสระอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเกมที่เน้นการดำเนินเรื่องราว ทำให้การสำรวจโลกกว้าง หานู่นนี่เยี่ยงเกม RPG Openworld ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่นัก จะเอาไปเทียบกันก็คงไม่ได้
นอกจากนี้แล้ว ทุกครั้งที่เจอปริศนาอะไรต่างๆ ตัวเกมจะมีการบอกใบ้ รวมถึงระบบ Keyword ที่ให้เราใช้มันในการคุยกับ NPC ต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันและนำไปสู่การที่น้อง Ellie ของเราพยายามสรุปวิธีการแก้ปัญหานั้นออกมาว่าต้องใช้วิธีไหน ให้อารมณ์เหมือนกับเรากำลังอ่านนิทานหรือนิยายเบาๆ ซักเรื่องแต่พยายามอุ้มน้องแกไปหาข้อมูลเพื่อให้ได้คำตอบสำหรับหน้าต่อไปออกมา ด้วยอุปนิสัยบ๊องๆ ของตัวน้องก็ทำให้เราอดอมยิ้มหรือรู้สึกว่าน่าหยิกซักทีให้ได้
จากนั้นแล้วก็เป็นการที่เราจะต้องพาน้องเดินดุ้งๆ ไปเก็บวัตถุดิบมาปรุงยาและใช้ยานั้นในการแก้ปัญหาอย่างที่สรุปไว้ และเดินทางไปเจอสิ่งอื่นต่อวนไปเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเท่าไหร่ว่าเล่นแล้วจะติดปริศนาชวนหน้ามุ่ยอะไร เพราะเกมเป็นแนวเรื่อยๆ ชิวๆ จริงๆ
ปรุงยาและการค้าขาย
ด้านของการปรุงยาที่เป็นส่วนของการไขปริศนาหลักในเกม (ควบคู่ไปกับการรวบรวมข้อมูลจาก NPC ต่างๆ) ก็มาพร้อมกับหม้อปรุงยาขนาดใหญ่ ระบบรวบรวมวัตถุดิบด้วยวิธีการต่างๆ และขั้นตอนการปรุงยาที่ค่อนข้างเรียบง่าย เป็นสูตรที่ให้เราใส่วัตถุดิบให้ถูกต้อง ปรับความแรงไฟให้ตรง เลือกว่าต้องคนหม้อยังไง ก็เป็นอันเรียบร้อย ชิวได้อีก! แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคิดว่าอยากให้มันมีความเป็นมินิเกมมากกว่านี้ หรือมีความลึกในการปรุงยามากกว่านี้ซักหน่อยเพราะไหนๆ ก็เป็นแม่มด อันนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าตัวเกมเขาเน้นขายความฮีลลิ่งและสโลว์ไลฟ์สุดๆ ทำให้การปรุงยาตรงนี้ออกมาแบบชิวๆ ง่ายๆ ตามไปด้วยกัน
วัตถุดิบในการปรุงยาก็แน่นอนว่าต้องวิ่งด้องๆ หาเอาในป่านี่ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ตามพื้น ดอกไม้ตามหน้าผา บีบแก้มกระต่ายรีดขน รอกลางคืนแล้วไปเก็บละอองเกษร ใช่แล้ว ในจุดนี้ตัวเกมเองก็ได้ใส่ส่วนของระบบเวลากลางวัน-กลางคืนมาด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศรวมถึงทำให้เกิดการกำหนดว่าวัตถุดิบชนิดไหนจะหาได้ในช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษเพิ่มเติมมา แล้วก็เอาเจ้าของพวกนี้ไปทำเป็นยาออกมาอีกที ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้เราจะได้สำรวจพื้นที่และได้จำว่ามีอะไรอยู่ตำแหน่งบ้าง ได้สำรวจโลกสวยๆ งามๆ ไปในตัว
ในส่วนของการค้าขาย หาเงินในเกม ก็จะปลดล็อคออกมาหลังจากได้เจอกับแม่ค้าในเกม ซึ่งเพื่อนๆ จะได้เอายาที่ปรุงมาอย่างยากลำบาก(?)ไปขายเป็นเงินไว้ซื้อของหรืออัปเกรดอุปกรณ์ให้ปรุงยาได้ดีขึ้นนั่นเอง โดยถ้าจะพูดถึงมีอะไรที่ต้องรีบในเกมไหม ก็น่าจะมีแค่การทำเควส Special Order (รายการสั่งยาด่วนพิเศษ) เท่านั้นที่ต้องส่งภายในระยะเวลา 2 วันในเกมหลังรับมา กับตัวแม่ค้าที่จะอยู่ถึงแค่ตอนเย็นเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้รีบเท่าไหร่ และถ้าไม่ได้เจอขอตัวยาที่ต้องหาวัตถุดิบเฉพาะช่วงเวลาอย่างกลางคืนแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เรียกว่ายุ่งยากเท่าไหร่นัก
ข้อเสียคือความสโลววววววววว์ไลฟ์!?
ถ้าว่ากันในแง่ข้อเสียของเกมบ้างล่ะ? นอกเหนือจากความนุ่มฟูน่ารักไปหมดแล้ว ก็คงอยู่ที่ในเกมนั้นมีเรื่องของระบบ Stamina มาที่จะใช้เมื่อวิ่งหรือเก็บของต่างๆ ทำให้แต่ละวันน้องจะทำนู่นนี่ได้จำกัดพอสมควร และตัวละครน้องก็เดินได้ค่อนข้างช้าเอาการเลยด้วย จะวิ่งก็เสียดายค่า Stamina ไม้กวาดเองก็ไม่ค่อยจะช่วยให้เราเร็วขึ้นเท่าไหร่ถ้าว่ากันจริงๆ ทำให้อาจจะรู้สึกขัดใจตอนเล่นได้อยู่เลยล่ะ
อีกจุดหนึ่งก็คงไม่พ้นการที่ตัวเกมมีช่องเก็บของที่ค่อนข้างน้อยมาก รวมไปถึงในกล่องเก็บของด้วย ซึ่งแม้ว่าจะขยายออกมาตามเนื้อเรื่องที่ได้เล่น แต่ก็ยังน้อยไปอยู่ดี เพราะของแต่ละชนิดก็จำกัดจำนวนที่เก็บได้ต่อช่องอีก! เรียกว่าเป็นเกมที่เราได้ปรุงยาหรือหาของเฉพาะยามที่ต้องการมากกว่าการที่เราไปสำรองไว้ล่วงหน้าหรือทำทิ้งไว้ ถึงเวลาโอเคได้ใช้ งัดมาใช้ ตรงนี้จัดว่าตัวเกมก็ให้น้องสโลว์ไลฟ์เกินไปหน่อย เป็นข้อเสียมากกว่าจุดขายแน่ๆ ละ (จำกัดวิธีการเล่นจนเกินไปซักนิดในเกมที่มีระบบปรุงยาให้เราใช้แบบนี้) นี่ยังไม่นับว่าวัตถุดิบที่ได้มาส่วนมากจะใช้ตรงๆ ไม่ได้ต้องไปสกัดเป็นน้ำก่อน เอ้าเปลืองไปอีกช่องจ้า
Early Access ที่แท้ทรู
ตัวเกมในตอนนี้นั้นเป็น Early Access ที่ยังมีเนื้อหาให้เล่นค่อนข้างน้อยมาก โดยอยู่ที่ราวๆ 4-6 ชั่วโมงถ้าเล่นแบบเอาไวเข้าว่าเป็นหลัก เป็นเนื้อเรื่องช่วงแรกของตัวเกมเท่านั้น โดยทางทีมงานเองก็ได้ระบุส่วนของ Road map (แผนการพัฒนาตัวเกม) ไว้ว่าตัวเกมเต็มนั้นจะมีกำหนดอัปเดทเป็นเกมเวอร์ชั่นตัวเต็มประมาณช่วงปีหน้า (2023) ซึ่งจะมีระยะเวลาเนื้อหาในการเล่นอยู่ที่ประมาณ 20 ชั่วโมง เป็นเนื้อเรื่องหลังจากนี้ของน้อง Ellie รวมถึงมีพื้นที่ต่างๆ, มีระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นรวมถึงการท้าทายอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย
แน่นอนว่าการอัปเดทจากตัว Early Access ไปเป็นตัวเกมเต็มนั้นก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะงั้นถ้าใครสนใจตัวเองอยากลองสัมผัสตัวเกมเลยก็สามารถซื้อมาเล่นรอตัวเกมเต็มได้เช่นเดียวกัน หรือจะรอดูท่าทีการอัปเดทตัวเกมก่อนแล้วค่อยซื้อตัวเกมเวอร์ชั่นเต็มก็ได้เหมือนกันจ้า
สรุป รีวิว Little Witch in the Woods
โดยรวมแล้วนั้น Little Witch in the Woods จัดว่าเป็นเกมที่ต้องมีการแก้ไขปรับแต่งเพิ่มเติมกันหน่อยสำหรับจุดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการควบคุม (ทีมงานรับทราบเรื่องจากผู้เล่นแล้ว) หรือการปรับเกี่ยวกับระบบการเล่นซักหน่อย เมื่อเนื้อเรื่องตัวเต็มออกมาก็น่าจะเป็นเกม RPG แนวสโลว์ไลพ์ที่มีระบบปรุงยาเข้ามาเป็นตัวช่วยในการเล่นที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่อยากหาเกมแนว RPG ที่ได้ดูเรื่องราวของตัวละครค่อยๆ ดำเนินไปแบบชิวๆ ฮีลลิ่งจากความน่ารักของตัวเกมและเพลงเบาๆ จิบชายามบ่ายเล่นไปพลางๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากได้เกมเนื้อหาแน่นๆ หรือมีระบบที่ลึกแล้ว แม่มดน้อยในป่าใหญ่ของเราก็อาจจะไม่ค่อยตอบโจทย์ซักเท่าไหร่จ้า เอาเป็นว่าสำหรับใครที่สนใจ ตัวเกมนั้นก็วางขายเป็น Early Access อยู่บน Steam โดยสนนราคาอยู่ที่ [ 249 บาท ] ในช่วงนี้ก็ลด 10% อยู่ที่ 224 บาท ลองไปสอยกันมาได้น้า