หากจะพูดถึงวงการ ESport น่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนวาดฝันว่าอยากจะไปให้ถึง แต่แน่นอนว่าเราอาจจะไม่เคยสัมผัสกับชีวิตของพวกเค้าเหล่านั้นว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ภายในหนังสารคดีเรื่อง Living The Game จะพาเราไปเปิดโลกที่เราอาจจะไม่มีโอกาสได้รู้และจะทำให้เราได้เห็นในอีกแง่มุมนึงของเหล่าเกมเมอร์มือโปรที่บางครั้งก็อาจจะไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
https://www.facebook.com/DocumentaryClubTH/videos/1575274559250364/
เนื้อเรื่องคล่าวๆ
ตัวหนังจะเล่าถึงเรื่องราวของเหล่าโปรเกมเมอร์ชื่อดัง ซึ่งจะโฟกัสไปที่ชีวิตของโปรเกมเมอร์ Street Fighter ซึ่งเป็นเกมต่อสู้ที่มีผู้เล่นอยู่ทั่วโลก สำหรับหนังเรื่องนี้จะเล่าผ่านมุมมองของโปรเกมเมอร์หลายคนด้วยกัน โดยจะชูโรงเด่นไปที่นักแข่ง 5 คนดังนี้
1.ไดโกะ อุเมฮาร่า : ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการแข่งขันเกม Street Fighter จนเรื่องราวของเค้าถูกทำไปเป็นหนังสือการ์ตูนและหนังสือพ็อกเก็ตบุค เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียวแม้ว่าอายุของเค้าจะมากกว่า 30 ปีแล้ว
2.โมมิจิ : นักแข่งเกม Street Fighter อีกคนที่เป็นชาวญี่ปุ่น เค้าได้มีโอกาสประมือกับไดโกะและนักแข่งมืออาชีพคนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง
3.เกมเมอร์บี : นักแข่งชาวไต้หวันที่เคยเอาชนะไดโกะมาได้ และได้ลงแข่งขันอยู่เรื่อยๆ
4.ลุฟฟี่ : นักแข่งชาวฝรั่งเศษ ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการตั้งรับและสวนกลับ เป็นผู้เล่นที่พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าคนที่ใช้จอยก็สู้คนที่ใช้จอยสติ๊กของอาเขต
5.จัสติน หว่อง : นักแข่งเกมขวัญใจมหาชน เป็นนักแข่งเกมที่อยู่ในวงการมานานมากๆ แม้ว่าจะเคยตกอันดับไปแต่เค้าก็หวนคืนกลับมาได้เรื่อยๆ จนมีแฟนๆ ที่ติดตามมากมาย
ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือเราจะได้เห็นถึงแง่มุมในด้านที่ไม่เคยเห็นของเหล่านักแข่งกีฬาว่าพวกเค้าจะต้องได้รับความกดดันอะไรบ้าง เจออะไรมาบ้าง หรือแนวคิดของพวกเค้า ถึงแม้ว่าตัวหนังนั้นจะมุ่งเน้นไปที่นักแข่งเกม Street Fighter แต่เท่าที่กบได้ลองชมดูนั้นตัวหนังเล่าเรื่องออกมาได้ดีมาก มีการวางลำดับของเรื่องและการเล่าที่น่าสนใจ และมีการเปลี่ยนมุมมองไปเล่าถึงคู่แข่งหรือนักแข่งแต่ละคนอย่างพอดิบพอดี ทำให้ไม่น่าเบื่อเลยครับ
แต่ถ้าหากถามความรู้สึกผมในส่วนของข้อเสียก็มีอยู่หลายจุดเหมือนกัน เช่นภายในเรื่องนั้นจะเน้นไปที่นักแข่งเอเชียซะส่วนใหญ่ และนักกีฬาบางคนก็มีบทภายในหนังค่อนข้างน้อย อย่างเช่นลุฟฟี่ที่เราอาจจะเห็นเค้าได้ไม่ค่อยบ่อยภายในเรื่อง แต่ตรงนี้ผมเข้าใจว่าเจ้าตัวน่าจะค่อนข้างยุ่งและแกอยู่ค่อนข้างไกลถ้าเทียบกับคนอื่น แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูแล้วมีกำลังใจและได้แง่คิดมากทีเดียวครับ สำหรับรายละเอียดในเชิงลึกอยากให้เพื่อนๆ ลองไปหาดูกันส่วนบทความนี้คงต้องจบเอาไว้ก่อนเอาไว้เจอกันใหม่บทความหน้าจ้า