เราคงปฏิเสธิไม่ได้ล่ะว่าสำหรับวงการเกมในทุกวันนี้การ Mods นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปกันแล้ว ไม่ว่าจะเกมประเภทไหนแนวใดเราก็สามารถเห็นได้ทุกที่เลย แน่นอนว่ามันได้ช่วยเพิ่มสีสันอันแปลกใหม่ให้กับเกมเหล่านี้ ตลอดจนการเปิดทางสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเหล่าผู้เล่น รวมทั้งยังเป็นต้นกำเนิดให้เกมฟอร์มยักษ์หลายๆ เกมในทุกวันนี้อีกด้วยล่ะนะ
ในเมื่อการ Mods เป็นเพียงฟังค์ชั่นส่วนเสริมของวีดีโอเกม แล้วทำไมพวกมันถึงได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้กันล่ะ? ในบทความนี้ผมจะมาพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า Mods เหล่านี้ ทั้งประวัติความเป็นมาเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่อะไรยังไง ไปจนถึงเหตุผลที่ทำให้ประสบความสำเร็จอีกด้วย ถ้าพร้อมกันแล้วก็มาเริ่มกันเลย
การ Mods คืออะไร?
คำว่า Mods นั้นย่อมาจากคำว่า Modifications ที่มีความหมายว่า “การปรับเปลี่ยน” โดยเป็นการนำเอาโค๊ดจากโปรแกรมภายในเกมมาเปลี่ยนแปลงและดัดแปลงใหม่จากตัวต้นตำหรับ ก่อนจะค่อยปล่อยออกมาให้ได้ใช้กันในภายหลัง ซึ่งเรามีการเรียกผู้สร้างม็อดว่าเหล่า Modder
การ Mods นั้นสามารถพบได้ในเกมทุกประเภท แต่แนวเกมที่นิยมสูงสุดนั้นจะเป็นเกม FPS (First Person Shooting), RPG (Role Playing Game) และ RTS (Real Time Strategy) โดยสามารถมาในลักษณะส่วนเสริมภายในเกมเช่น ไอเทมใหม่ อาวุธม็อด ตัวละคร ศัตรู โมเดล ฉาก พื้นผิว เป็นต้น ตลอดจนถึงม็อดประเภทใหญ่ๆ สามารถสร้างออกมาเป็นเกมแยกหรือ Standalone ได้เลยทีเดียว
ซึ่งม็อดประเภทที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาภายในเกมมักถูกเรียกว่า Partial Conversions สำหรับม็อดที่ทำให้เกิดเป็นเกมใหม่แยกไปเลยเรียกว่า Total Conversions และม็อดไว้สำหรับแก้ปัญหาหรือแก้บัคต่างๆ นั้นมีการเรียกว่า Patches หรือ แพทซ์เกม นั่นเอง
โดยม็อดเหล่านี้จะมีทั้งมาจากทางค่ายเกมเป็นผู้พัฒนาและปล่อยออกมาเอง หรืออีกประเภทนึงคือกลุ่มผู้เล่นทั่วไปเป็นคนสร้างเพื่อความบันเทิง ซึ่งส่วนมากแล้วม็อดเหล่านี้สามารถทำได้โดยที่ทางค่ายเกมไม่เข้ามายุ่งแต่อย่างใด ยกเว้นเพียงกรณีที่ผิดกฏของตัวเกม สร้างออกมาเพื่อหากำไร หรือมีเนื้อหาผิดศีลธรรม และกรณีพิเศษซึ่งนานๆ ถึงมีมาให้เห็นกันสักครั้ง
ประวัติความเป็นมาของ Mods
จุดเริ่มต้นความเป็นมาของม็อดนั้นถูกระบุไว้ว่าได้มีการเริ่มครั้งแรกในช่วงปี 1980 จากเกม Castle Wolfenstein เกมแนวแอ็คชั่น-ผจญภัย ซึ่งถูกพัฒนาโดยค่าย Muse Software และได้ลงให้กับเครื่อง Apple II สำหรับการม็อดครั้งแรกนี้ถูกนำมาใช้โดยการเปลี่ยนเหล่าทหารนาซีภายในเกม ให้กลายมาเป็นเหล่าเสมิร์ฟตัวสีฟ้าและได้มีการล้อเลียนเปลี่ยนชื่อเกมเป็น Castle Smurfenstein รวมทั้งยังเป็นจุดกำเนิดให้เกิดการม็อดในเกมอื่นๆ นับแต่นั้นมาเลย
การ Mods นั้นได้กลับมาเริ่มเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งในช่วงปี 1993 กับเกมยอดนิยมอย่าง Doom (ผลงานจาก id Software) โดยหลังจากการวางจำหน่ายตัวเกมทางผู้ก่อตั้งสตูดิโออย่างคุณ Tom Hall และ John Carmack ก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับผลงานก่อนหน้าของทางค่ายอย่าง Wolfenstein 3D และ Duke Nukem พร้อมเผยว่าพวกเขารู้ดีว่าแฟนเกมชอบม็อดเกมของพวกเขามากขนาดไหน
ส่งผลให้เวลาต่อมาไม่นานทางค่ายได้ทำการปล่อยไฟล์ WAD (Where’s All the Data?) ออกมา ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลภายในเกมไม่ว่าจะแผนที่ พื้นผิวฉาก ไปจนถึงเหล่าศัตรูและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้เหล่าแฟนเกมสามารถนำไฟล์ดังกล่าวไปใช้สำหรับสร้างแผนที่ของตัวเองได้
แน่นอนว่าการปล่อยไฟล์ดังกล่าวนั้นประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้ในช่วงปีต่อมาหรีอปี 1994 ทางค่ายจึงทำการปล่อย Doom Level Designer ตัวแรกตามมา เพื่อช่วยให้เหล่าแฟนเกมสามารถสร้างแผนที่และใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้มีการม็อดตามมาใน Doom ภาคหลังๆ รวมทั้งยังเป็นการจุดประกายให้มีการม็อดอย่างกว้างขวางมาจนถึงเกมทั้งหลายในทุกวันนี้อีกด้วย
ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของเกม Mods
หนึ่งในเกมสร้างจาก Mods ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงเป็นอันดับแรกๆ เลยที่แฟนเกมต่างรู้จักกันนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เป็นผลงานจากทาง Valve Software นั่นเอง รวมทั้งยังเป็นเกมดัดแปลงมาจาก Half Life อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าหลายๆ คนพอจะเดากันออกแล้วล่ะว่าเป็นเกมอะไร
ภายในปี 1998 ทางค่าย Valve ได้มีการเปิดตัวเกมแนว FPS Shooter ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการเกมอย่าง Half-Life หลังจากนั้นสองปีให้หลังต่อมา ทางค่ายจึงได้นำเกมดังกล่าวมาผ่านการม็อด โดยมีการปรับเปลี่ยนระบบมาใช้เป็นเกมแบบแมตซ์ พร้อมการแบ่งฝ่ายระหว่างตำรวจและผู้ก่อการร้ายให้เลือกเข้าไปเล่นกัน ใช่แล้วล่ะเกมที่ว่านั่นก็คือ Counter-Strike นั่นเอง
เอาจริงๆ หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า Counter-Strike ที่เราเล่นๆ กันเนี่ย ดั้งเดิมมันเป็นเพียง Mods จากเกม Half-Life ที่ทางค่ายทดลองสร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ ตัวเกมดันกลับได้รับความนิยมสูงลิ่ว เลยส่งผลให้ทางค่ายตัดสินใจจะเลือกนำม็อดตัวนี้มาพัฒนาต่อยอดจนสุดท้ายกลายมาเป็นเกมแยกของตัวเอง รวมทั้งยังได้ส่งผลให้มีการสร้างภาคต่อตามมาในภายหลังอีกด้วย แน่นอนว่า Counter-Strike : Global Offensive (CSGO) ก็คือหนึ่งในความสำเร็จครั้งนี้นี่เอง
Mods ยอดนิยมอื่นๆ
ใช่ว่าจะมีแต่ Counter-Strike เท่านั้นที่เป็นที่รู้จัก เพราะในปัจจุบันเองก็ยังมีอีกหลายเกมเลยทีเดียวซึ่งต่อยอดมาจาก Mods เอาเป็นว่าผมจะยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าวๆ แล้วกัน
DotA / DotA 2
หนึ่งในเกมยอดนิยมซึ่งรู้จักกันทั่วโลก แถมล่าสุดเองก็พึ่งจะมีการหยิบไปสร้างเป็นอนิเมะลงบน Netflix อีกด้วย เท่านี้คงพอยํ้าเตือนความดังของเกมนี้ได้แล้วล่ะนะ
แต่รู้รึเปล่าว่า DotA เนี่ยจริงๆ แล้วแรกเริ่มถือกำเนิดมาจาก Mods เท่านั้นเองนะ โดยเป็นผลงานของ Modder นามว่า Eul ที่ได้นำเอาตัวเกม Warcraft III มาดัดแปลงใหม่ในแผนที่ขนาดผู้เล่น 10 คน โดยแบ่งเป็นสองทีม พร้อมผสมความเป็น RPG มีการเก็บเลเวล เรียนสกิล ซื้ออาวุธ ซื้อของ และได้เรียกแนวเกมประเภทใหม่นี้ว่า MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) นั่นเอง
แน่นอนว่าตัวเกมประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ต่อมาแผนที่ดังกล่าวได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดและกลายเป็นเกมแยกเดี่ยวออกมาในชื่อ Dota 2 นั่นเอง แถมนี่ยังเป็นต้นแบบของเกม MOBA ทั้งหลายอีกมากมายในปัจจุบันด้วย
Team Fortress / Team Fortress 2
อีกหนึ่งผลงานจากค่าย Valve กับเกมที่ถูกต่อยอดจาก Mods เช่นเดียวกัน โดยตัวเกม Team Fortress ในภาคแรกนั้นได้ถูกดัดแปลงมาจากเกม Quake / QuakeWorld อีกทีนึง
ตัวเกมได้ถูกดัดแปลงออกมาให้มีความหลากหลายมากขึ้นทั้งระบบคลาสกว่า 10 แบบ โหมดการเล่นหลากหลายกว่าเดิมไม่ว่าจะ Capture the Flag, Control Points หรือ Escort เองก็ตามที ซึ่งในครั้งแรกที่ตัวเกมเปิดให้เล่นนั้นเป็นเพียงม็อดเสริมของตัวเกม Half-Life เท่านั้น แบบเดียวกับการเปิดตัวครั้งแรกของ Counter-Strike เลย
และเช่นเดียวกันเลยตัวเกมได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีการผลักดันออกมาสร้างเป็นเกมแยกของตน และได้มีการสร้างภาคต่อกับ Team Fortress 2 ในปี 2007 นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่แถมยังมียอดผู้เล่นสูงไม่ลดลงเลยด้วย
GTA V
เกมขโมยรถภาคต่อในลำดับที่ 5 จากทาง Rockstar Games สำหรับเกม GTA V นี้อาจจะไม่ใช่เกมสร้างมาจาก MOD แต่อย่างใด แต่ต้องบอกเลยว่านี่คือเกมที่ม็อดมีอิทธิพลและส่งผลต่อตัวเกมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
เราสามารถพบม็อดได้มากมายจากภายในเกมนี้ ซึ่งมีมาหลายรูปแบบเกินจะนับไหว ทั้งม็อดสวยงามเช่น สกินปืน ชุดเสื้อผ้า ม็อดเกมเพลย์เช่น โหมดการเล่นแปลกๆ รวมถึงมินิเกมอีกมากมาย ไปจนถึงม็อดที่สามารถยกระดับกราฟฟิคชนิดที่แทบเป็นคนละเกมเลยก็มี ทั้งหมดนี้จึงทำให้ GTA V เป็นสังคมยักษ์ใหญ่ของเหล่าม็อดเลยล่ะ
หรืออีกหนึ่งม็อดที่มีชื่อเสียงโด่งดังแถบบ้านเราเลยก็ Five M โหมดการเล่นเซิร์ฟเวอร์แยกเฉพาะออกมาอีกทีนึง ซึ่งมีทั้งเซิร์ฟเวอร์แบบ Role Play ทำงานหาเงินจำลองการใ้ชชีวิต เซิร์ฟเวอร์แนว Gang War ยกพวกตีกัน ไปจนถึงอีกสารพัดสารเพที่คนจะเปิดนึกออกมาได้ล่ะนะ เพียงเท่านี้ก็ช่วยยืนยันให้เราได้แล้วล่ะว่าม็อดนี้มีความสำคัญขนาดไหนกับเกมขโมยรถในภาคนี้
อนาคตที่สดใสแห่งวงการ Mods
สำหรับวีดีโอเกมในทุกวันนี้การม็อดเกมถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งของ PC ถ้าเกมไหนดังๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย มีให้เห็นเป็นขบวนเลยล่ะ เกมไหนไม่มีสิถึงจะแปลก
และแน่นอนว่าการมีม็อดเหล่านี้เข้ามามันได้ช่วยเพิ่มสีสันขึ้นไปขั้นนึงให้กับตัวเกม เพราะเหล่า Modder สามารถถ่ายทอดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาลงไปในงานเหล่านี้ได้ ชนิดว่าเคยมีบางเกมผู้พัฒนามาขอซื้อไอเดียต่อเพื่อไปสร้างเลยก็มีมาแล้ว ซึ่งนี่แสดงให้เราเห็นแล้วว่าการม็อดเกมในทุกวันนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้รับความนิยมสูงมากเลยนั่นเอง
นอกจากนี้เรายังสังเกตได้ว่ามีการสนับสนุนการใช้ม็อดมากขึ้นในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะแหล่ง Workshop ภายใน Steam เองก็ตาม หรือแม้แต่เว็บไซต์ดังๆ อย่าง ModDB หรือ NexusMods ซึ่งช่วยทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าอนาคตของเส้นทางนี้จะต้องไปได้ไกลและสดใสอย่างแน่นอน
แต่ต้องระวังไว้ด้วยนะเพราะใช่ว่า Mods ทุกตัวจะดีเสมอไป บางครั้งก้มีผู้ไม่หวังดีทำการแฝงโปรแกรมแปลกปลอมมาในรูปม็อดพวกนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ คิดจะโหลดม็อดตัวไหนมาใช้แล้วล่ะก็ ควรเช็คให้ดีก่อนทุกครั้ง และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น ไม่งั้นโหลดมาใช้แล้วเจอของแถมแปลกๆ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือนนะ