กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ร่วมกับอีก 11 รัฐยื่นฟ้อง Google ข้อหาผูกขาดบริการค้นหาและโฆษณาบนระบบค้นหา ซึ่งเป็นการดำเนินคดีเกี่ยวกับการผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองทศวรรษ นับตั้งแต่ Microsoft โดนฟ้องกรณี Netscape ในปี 1998
พฤติกรรมผูกขาดของ Google ที่พูดถึงคือ การเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับบริษัทต่าง ๆ เช่นเว็บบราวเซอร์อย่าง Firefox, Opera โดยจ่ายเงินให้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อให้ตัวเองเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น (default search-engine) และในบางกรณีบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถทำธุรกิจร่วมกับคู่แข่งของ Google ได้ ส่งผลให้ Google ครองส่วนแบ่งตลาดค้นหาข้อมูลในสหรัฐกว่า 80 เปอร์เซ็น
ที่น่าสนใจคือ Mozilla เจ้าของและผู้พัฒนาเว็บบราวเซอร์ Firefox ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่สัญญาเอ็กซ์คลูซีฟดังกล่าว ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านบล็อกของตัวเองว่า
“บริษัทขนาดเล็กอย่าง Mozilla เติบโตได้ด้วยการสร้างนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลง และให้บริการอย่างการสืบค้นแก่ผู้ใช้ ผลลัพธ์ของการฟ้องร้องไม่ควรสร้างความเสียหายข้างเคียงต่อองค์กรต่าง ๆ—เช่น Mozilla—ที่คอยผลักดันให้เกิดการแข่งขันและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์
ขณะเดียวกันรายรับมหาศาลของ Mozilla ก็มาจากการทำสัญญากับ Google ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งต่ออายุให้เสิร์ชเอนจิ้นในช่อง URL ของ Firefox ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น Google ไปจนถึงปี 2023 โดย Mozilla ได้รายรับจากสัญญานี้เป็นเงิน 400-450 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปรียบเทียบคดีนี้กับคดีผูกขาดที่ Microsoft โดนในปี 1998 (กรณี Netscape) ซึ่งครั้งนั้น Microsoft เป็นฝ่ายยอมความ ส่วนคดี Google นี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ >>Playpost<<