Naraka Bladepoint อาวุธระยะไกล เองก็มีเทคนิคไม่ต่างจากตอนแนะนำในส่วนของ “อาวุธประชิด” ครั้งที่แล้ว คราวนี้ผมก็กลับมาแนะนำกันต่อในส่วนของ “เทคนิคการเล่นอาวุธระยะไกล” เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ข้อดีข้อเสียของอาวุธแต่ละชนิด เอาเป็นว่ามาเริ่มกันดีกว่า
Naraka Bladepoint อาวุธระยะไกล มีทั้งหมดกี่ชนิด
นับตามเวลาในปัจจุบันช่วง Final Beta Test นั้นอาวุธระยะไกลจะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชนิดคือ หน้าไม้กล (Reapeating Crossbow), ปืนศิลา (Musket), ปืนใหญ่ (Canon), ปืนพก (Pistol), ธนู (Bow), ปืนกลไก (Swarm) และ ปืนไฟ (Flamebringer)
ซึ่งถ้านับเรื่องจำนวนแล้วอาวุธระยะไกลจะมีจำนวนมากกว่าเกือบเท่านึงของอาวุธประชิดเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ความแตกต่างอีกอย่างคือตัว ปืนกลไก (Swarm) และ ปืนไฟ (Flamebringer) นั้นจะหาไม่ได้จากวิธีทั่วไปเหมือนอาวุธอื่นๆ แต่ต้องคอยรอกล่องทองหรือ Airdrop ที่โผล่ออกมาเท่านั้นเอง แถมสองปืนนี้ยังไม่มี Souljade ให้ใส่อีกด้วย
เอาล่ะทีนี้เรามาดูกันดีกว่าแต่ละอาวุธมีดีอะไรกันยังไงบ้าง
หน้าไม้กล (Reapeating Crossbow)
ข้อดี – เป็นอาวุธระยะไกลที่มีความรวดเร็วสูงสุดในเกมแล้ว จึงทำให้อาวุธนี้เล่นค่อนข้างง่าย ยิงโดนง่ายกว่าอาวุธอื่นๆ แถมยังสามารถทำดาเมจได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย เป็นอาวุธระยะไกลที่ค่อนข้างแนะนำสำหรับใครยังไม่ชำนาญเท่าไหร่นัก
ข้อเสีย – สิ่งที่ขาดไปสำหรับอาวุธนี้คือพลังโจมตีนั่นเอง ซึ่งค่อนข้างเบาอย่างมากเมื่อเทียบกับชิ้นอื่นๆ ที่ถ้าหากยิงเข้าหัวหรือยิงโดนไม่กี่ทีก็อาจฆ่าอีกฝ่ายได้แล้ว แต่กับอาวุธชิ้นนี้ถ้าจะฆ่าใครสักคนต้องใช้เวลานานพอควรเลยล่ะ
Souljade ที่แนะนำ
Healing Bolts
หากใส่หยกชิ้นนี้ไว้ จะสามารถทำให้เราสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของเพื่อนร่วมทีมได้โดยการยิงใส่พวกเขา
Volley
ลดดาเมจที่ทำได้ต่อนัดและเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีมาเป็นยิงครั้งละ 4 นัดแทน ทำให้รูปแบบการโจมตีจะเปลี่ยนมาเป็นแนว Semi-Auto ซึ่งสามารถทำดาเมจเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก
Venom Tip
ลดดาเมจที่ทำได้ต่อนัดและการยิงใส่ศัตรูจะทำให้พวกเขาติดพิษ ซึ่งช่วยทำดาเมจเพิ่มเติมในระยะเวลาหนึ่ง
แนวทางการเล่น
เป็นอาวุธระยะไกลที่ไม่เหมาะสำหรับการดวลแบบ 1 ต่อ 1 เลยแม้แต่น้อยสำหรับหน้าไม้กลอันนี้ เนื่องด้วยจากดาเมจที่ตํ่ามากการจะฆ่าใครสักคนต้องใช้เวลานานสุดๆ นั่นจึงทำให้หน้าไม้กลไม่เหมาะกับการดวลอย่างยิ่ง
อาวุธชิ้นนี้เหมาะสำหรับการใช้สนับสนุนมากกว่าเวลาเพื่อนเข้าไปบวกกับอีกฝ่าย เราสามารถหยิบอาวุธชิ้นนี้เข้ามาช่วยกระหนํ่าซํ้าจากระยะไกลเข้าไปแทน ยิ่งถ้าใส่หยก Healing Bolts ด้วยแล้ว ไม่ว่าจะยิงเพื่อนได้ฮีลหรือยิงใส่ศัตรูทำดาเมจเรียกว่าได้ประโยชน์จากทั้งสองทางเลยล่ะ สรุปคือเป็นอาวุธที่เน้นใช้เวลาทีมไฟท์ครับ อย่าเอาไปลุยเดี่ยวเชียวล่ะตายเองแน่นอนเลยแบบนั้น
ปืนศิลา (Musket)
ข้อดี – เป็นอาวุธระยะไกลที่มีพลังทำลายสูงมาก แถมระยะยังไกลอีกต่างหาก นอกจากนี้เรายังสามารถกดคลิกขวาเพื่อใช้ซูมได้ด้วย ให้อารมณ์เหมือนปืนจำพวกสไนเปอร์ก็ไม่ผิดนักหรอก
ข้อเสีย – ระยะเวลาในการรีโหลดแต่ละนัดค่อนข้างนาน แถมความเร็วของตัวกระสุนค่อนข้างช้าทำให้การจะยิงใครสักคนต้องมีการกะเผื่อไว้เสมอ ทำให้อาวุธชิ้นนี้เล่นยากพอประมาณเลย
Souljade ที่แนะนำ
Armor Pierce
ตัว Musket จะลดดาเมจที่ทำได้ต่อนัด แต่ดาเมจความเสียหายทั้งหมดจะเข้าหลอดเลือดโดยตรง ไม่สนเกราะของฝ่ายตรงข้ามหรือเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ “กระสุนเจาะเกราะ” นั่นเอง
Sunwing Shot
เพิ่มความเร็วอย่างมากให้กับตัวกระสุนเมื่อออกจากปากกระบอกปืน ทำให้ถึงตัวเป้าหมายได้ไวขึ้น และยิงง่ายขึ้นอย่างมาก
แนวทางการเล่น
สำหรับการเล่นตัวปืนศิลานั้นค่อนข้างแนะนำให้เล่นเป็นสาย “สไนเปอร์” ครับ เน้นทำดาเมจจากระยะไกลที่อีกฝ่ายเข้าไม่ถึงหรือมองไม่เห็นจะดีกว่า เพราะถึงแม้ดาเมจจะแรงจริง แต่การยิงต่อนัดค่อนข้างช้า รีโหลดช้า แถมกระสุนยังดันช้าอีก ทำให้เราต้องคอยยิงดักเผื่อเสมอ การเข้าไปยืนยิงใกล้ๆ มันทำให้ยิงง่ายขึ้นจริงแต่มันก็มีความเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะเข้าเอาดาบมาตีเราตายก่อนได้รีโหลดด้วยซํ้าไป
ถึงแม้อาจเล่นยากอยู่สักหน่อยสำหรับอาวุธนี้แต่ถ้าหากฝึกจนชินแล้วบอกเลยโกงมาก ยิ่งถ้าหากได้ปืนระดับสูงสุด (พวกพื้นหลังสีทอง) ใส่คู่กับหยก Armor Pierce ถ้ายิงเข้าหัวจังๆ นัดเดียวตายได้เลยนะ
ปืนใหญ่ (Canon)
ข้อดี – เป็นอาวุธอีกชิ้นที่พลังทำลายสูงมาก แถมถ้าหากกระสุนโดนเป้าหมายยังทำดาเมจแบบวงกว้าง AOE อีก สามารถทำดาเมจใส่ศัตรูหลายคนได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ข้อเสีย – ระยะของอาวุธค่อนข้างใกล้อยู่สักหน่อย การจะยิงแต่ละทีต้องเสี่ยงเข้าไปหาศัตรูพอสมควรเลยล่ะ แถมตัวกระสุนปืนใหญ่เองเวลายิงออกไปแล้วยังย้อยลงพื้นด้วย ทำให้เราต้องคอยมีการกะเผื่อตำแหน่งลงของกระสุนเสมอ
Souljade ที่แนะนำ
Meteor
เพิ่มความเร็วของวิถีกระสุน ทำให้กระสุนถึงเป้าหมายได้ไวขึ้นในขณะเดียวกันรูปแบบการยิงก็เปลี่ยนมาเป็นเส้นตรงไม่ย้อยอีกต่อไป ส่งผลให้เราสามารถยิงใส่เป้าหมายได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
Twinshot
ลดดาเมจที่สามารถทำได้ต่อนัด แต่ทำให้การยิงแต่ละครั้งมีกระสุนออกจากกระบอก 2 ลูกเสมอ ตามหลักแล้วจึงทำให้ดาเมจที่ออกมานั้นสูงกว่าการยิงแบบปกตินั่นเอง
Burn
การโจมตีใส่ศัตรูด้วยกระสุนปืนใหญ่จะทำให้พวกเขาติดสถานะ “เผาไหม้” ซึ่งช่วยเพิ่มความเสียหายที่ทำได้อยู่อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
แนวทางการเล่น
เป็นอีกอาวุธที่ไม่แนะนำให้ใช้ดวล 1 ต่อ 1 ครับ เพราะระยะของอาวุธนี้ค่อนข้างใกล้ แถมกระสุนก็ช้าอีก และถึงแม้กระสุนจะระเบิดเป็นวงกว้างแต่มันก็ต้องยิงลงพื้นเพื่อให้ระเบิดหรือไม่ก็ยิงโดนตัวคนเท่านั้น ถ้าเจอคนที่เขารู้วิธีแก้ทางคือเขาจะโดดให้พ้นจากพื้นทันที ทำให้การเราจะยิงโดนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วถ้านั้นควรใช้ตอนไหน? ควรใช้ตอนเพื่อนเข้าไปสู้ครับ เราสามารถยิงอัดใส่ได้แบบเต็มที่เลยซึ่งดาเมจแรงมากเป็นกำลังเสริมชั้นยอดทีเดียว หรือจะเลือกใช้ตอนไปแจมปาร์ตี้ชาวบ้านเขาอย่างกรณีเราเดินไปเจอทีมอื่นเขาสู้กันนัวๆ อยู่ เราก็ยิงอัดเข้าไปกลางวงเลย เผลอๆ ได้ฆ่าที 2 – 3 คนด้วยซํ้าไป
ปืนพก (Pistol)
ข้อดี – พลังโจมตีค่อนข้างสูงอาจไม่เท่าตัวปืนศิลาหรือปืนใหญ่แต่ก็ถือว่าแรงในระดับนึงเลย แถมยังสามารถชาร์จเพื่อยิงพร้อมกันทีเดียว 5 นัดได้อีกต่างหาก พลังทำลายจึงสูงมากๆ ทีเดียว
ข้อเสีย – ระยะค่อนข้างใกล้ – กลาง ทำให้การจะยิงแต่ละครั้งจึงมีความเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะพุ่งมาโจมตีได้ตลอด รวมถึงท่าชาร์จยิงต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อยในจังหวะนั้นเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยเป็นเหมือนเป้าเคลื่อนที่นิ่งๆ นั่นเอง
Souljade ที่แนะนำ
Detonating Rounds
ลดดาเมจความเสียหายที่ทำได้ต่อนัด แต่หลังจากกระสุนโดนเป้าหมายแล้ว 2 วินาทีให้หลังจะมีระเบิดตามมา ซึ่งสร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้อีกครั้งนึง
Quick Charge
ลดความเสียหายจากการโจมตีแบบชาร์จลดระดับหนึ่ง แต่ทำให้การชาร์จแต่ละครั้งจะบรรจุกระสุนทีละ 2 นัด ซึ่งสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จได้กว่าครึ่งนึงจากการชาร์จแบบปกตินั่นเอง
Cluster Shell
การโจมตีแบบชาร์จนั้นจะทำให้กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกได้ไวขึ้น รวมทั้งยังลดการกระจายลงทำให้กระสุนจะเข้าเป้าได้แม่นขึ้น
แนวทางการเล่น
เป็นอาวุธที่หวังผลจากการชาร์จโจมตีล้วนๆ เลยครับ เพราะถ้าเกิดยิงโดนจังๆ ชุดเดียวสามารถทำให้เกราะของอีกฝั่งหายได้เลย เมื่อชาร์จครบแล้วยิงออกไปจะให้ความรู้สึกเหมือนพวกปืนจำพวก “ลูกซอง” เสียมากกว่า ซึ่งการยิงแบบทีละนัดนั้นเราแทบไม่เห็นใครใช้เลยก็ว่าได้
แต่ต้องระวังไว้ด้วยว่าถ้าเราไม่ได้ใส่ Quick Charge การชาร์จแต่ละรอบจะต้องใช้เวลานานอยู่ ถ้าไม่ระวังตัวอีกฝ่ายสามารถเข้ามากระทืบเราให้ตายได้เลยนะ ดังนั้นควรทิ้งระยะห่างก่อนหรือเดินแอบหลังของต่างๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแล้วค่อยชาร์จไปยิงจะดีกว่า อย่าไปยืนชาร์จโต้งๆ ล่ะตัวแตกแน่นอน
ธนู (Bow)
ข้อดี – การยิ่งค่อนข้างแม่นยำแถมยังสามารถชาร์จยิงได้ด้วย รวมถึงระยะยังค่อนข้างไกลระดับนึงเลย เหมาะสำหรับการซุ่มยิงจากระยะไกลหรือแอบยิงลงมาจากบนต้นไม้ก็ตามที
ข้อเสีย – การยิงแต่ละนัดค่อนข้างช้า แถมถ้ายิงธรรมดาแบบไม่ชาร์จดาเมจแทบไม่มีเลยด้วย รวมไปถึงถ้ายิงจากระยะไกลสักหน่อยตัวลูกธนูจะเริ่มค่อยๆ ย้อยลง ทำให้การยิงจากระยะไกลต้องเล็งเผื่ย้อยเสมอ
Souljade ที่แนะนำ
Burst Arrow
ลดดาเมจจากการชาร์จโจมตีในขั้นที่สองลง แต่เปลี่ยนการโจมตีมาเป็นรูปแบบของการระเบิดแทน
Scattershot
ลดความเสียหายที่ทำได้จากการใช้ธนู แต่เปลี่ยนมาเป็นการยิงคริงธนูครั้งละ 3 ดอกเสมอ ยิ่งชาร์จนานยิ่งทำให้การกระจายลดลงส่งผลให้ยิงเข้าเป้าแม่นขึ้น
Fire Arrows
ลดดาเมจจากการชาร์จโจมตีในขั้นที่สองลง แต่เมื่อลูกธนูไปถึงเป้าหมายจะทำให้ศัตรูและบริเวณโดยรอบเกินเปลวไฟขึ้นพร้อมติดสถานะเผาไหม้
แนวทางการเล่น
สำหรับแนวทางการเล่นของธนูนั้นจะเหมือนกับทางด้านของปืนศิลา (Musket) เลยครับ คือเน้นไปทางด้านการโจมตีระยะไกล หวังผลจากการยิงเข้าหัวหรือ HeadShot เป็นหลัก ซึ่งตัวของธนูถ้าชาร์จเต็มแล้วยิงเข้าหัวได้แบบจังๆ บางครั้งสามารถฆ่าศัตรูที่เลือดและเกราะเต็มได้เลยนะ
โดยข้อเสียก็ยังคงเหมือนปืนศิลาอยู่ดีคือเรื่องความเร็วนั่นเอง อย่างตัวปืนจะช้าทางด้านการรีโหลดและยิงต่อนัด แต่ธนูจะเสียเวลาตรงต้องมานั่งชาร์จยิงแทน ซึ่งยังดีหน่อยตรงที่ว่าระยะค่อนข้างไกลกว่าเลยยังพอถูไถกันไปได้บ้าง เป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ต้องฝึกให้ชินระดับนึงเลยล่ะ แต่ถ้าเล่นคล่องแล้วบอกเลยหนึ่งลูกดอกหนึ่งศพได้เลยนะ
ปืนกลไก (Swarm)
ข้อดี – มีการยิงกระสุนที่รัวมาก ความรู้สึกเดียวกับการใช้ปืนกลในเกมยุคใหม่เลยก็ว่าได้ แถมตัวกระสุนยังเป็นรูปแบบของระเบิด ทำให้พวกสกิลต่างๆ ที่ป้องกันการโจมตีระยะไกลจะใช้ไม่ได้กับอาวุธชิ้นนี้
ข้อเสีย – ถ้าต้องการยิงกระสุนให้ต่อเนื่องจำเป็นต้องชาร์จจนเต็มซึ่งกินเวลานานพอสมควรเลยทีเดียว ในจังหวะนี้เราสามารถโดนอีกฝ่ายเข้ามาตีให้ตายได้เลย รวมไปถึงอาวุธนี้หาค่อนข้างยากเปิดได้จากกล่องสีทองสุ่มเกิดเท่านั้น
ตัวปืนกลไก (Swarm) ไม่มี Souljade ให้ใส่แต่อย่างใด
แนวทางการเล่น
ถึงแม้ว่า Swarm จะเป็นอาวุธที่สามารถยิงได้รัวๆ เหมือนปืนกล แต่การยิงนั้นต้องใช้เวลาชาร์จตลอดยิ่งนานยิ่งยิงรัวเท่านั้น การที่เราจะใช้อาวุธนี้ให้ได้แบบ 100% เต็มเราจึงจำเป็นต้องใช้เวลาชาร์จสักหน่อย ซึ่งมันนานกว่าของปืนพกหรือธนูคนละเรื่องกันเลย
ดังนั้นทางที่ดีคือเราควรเห็นตำแหน่งของศัตรูก่อน และหนีไปชาร์จแต่ไม่ต้องไปไกลมากหรือไม่ก็แอบอยู่หลังต้นไม้หลังหินอย่าให้เขาเห็น พอเต็มปุปก็โผล่ออกมาแล้วปล่อยยิงได้เลย ห่ากระสุนจำนวนมากจะพุ่งออกจากปากกระบอกปืนไปถล่มศัตรูของเรา ทีนี้เราแค่ต้องประครองอย่าให้เป้ามันเลี้ยวมั่วแค่นั้นพอแล้ว
แต่ต้องระวังด้วยนะเพราะระหว่างที่ยิงอยุ่เราไม่สามารถสลับเป็นอาวุธอื่นเพื่อป้องกันตัวได้ ถ้าอีกฝ่ายพุ่งมาเราอาจต้องจำใจยกเลิกปืนนี้ทิ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นอาวุธประชิดเพื่อป้องกันตัวแทน ยังไงก็ดูจังหวะใช้กันให้ดีๆ ล่ะ
ปืนไฟ (Flamebringer)
ข้อดี – สามารถสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนกว่ากระสุนจะหมด แถมพลังโจมตีของอาวุธนี้ก็ไม่ตํ่าหรือสูงจนเกินไป อยู่ในระดับกลางๆ ที่สามารถทำดาเมจได้ดีพอสมควร
ข้อเสีย – ถึงแม้จะมีการโจมตีที่ต่อเนื่องสร้างดาเมจได้แบบรัวๆ แต่ระยะการโจมตีของอาวุธนี้สั้นมากๆ เรียกว่าแทบจะกลายเป็นอาวุธประชิดอีกชิ้นไปแล้วก็ว่าได้ รวมถึงเราสามารถหาปืนไฟนี้ได้เฉพาะจากกล่องทองเท่านั้นเอง
ตัวปืนไฟ (Flamebringer) ไม่มี Souljade ให้ใส่แต่อย่างใด
แนวทางการเล่น
เป็นอาวุธที่การเล่นไม่ค่อยมีอะไรเลยครับปิดสมองเล่นยังได้เลย หยิบปืนมาเดินไปจ่อแล้วก็ยิงมันระยะเผาขนนั่นล่ะครับ ตัวปืนจะทำดาเมจขึ้นมารัวๆ ตราบเท่าที่กระสุนยังอยู่และเราไม่ปล่อยเมาส์
ข้อแนะนำมีเพียงระวังโดนอีกฝ่ายเขาเข้ามาตี เพราะปืนไฟมันเป็นอาวุธระยะสั้นมากๆ เราต้องเข้าไปแทบประชิดอีกฝ่ายเลย ซึ่งเขาสามารถหยิบอาวุธเข้าไปตีเราให้ตายแทนได้ระวังแค่ตรงนี้ก็พอ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับเผาได้ตามใจชอบเลย
ดาวน์โหลดเกม Naraka : Bladepoint ได้ที่นี่