ตื่นเต้นไปด้วยกันกับเพื่อนของคุณ
ฉากที่ลุ้นระทึกไปตลอดทั้งเกม
A Way Out นั้นเป็นเกมแนว Action-Adventure ในมุมมองบุคคลที่ 3 พัฒนาโดย Hazelight Studios และจัดจำหน่ายโดย Electronic Arts ซึ่งเกมนี้ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในด้านของ gameplay ที่ค่อนข้างจะแปลก โดยจะแปลกยังไง และมีอะไรที่น่าประทับใจบ้างในเกมนี้ เชิญพบกับ Review: A Way Out ได้เลยครับ
เนื้อเรื่อง
(ไม่มีสปอยใดๆ ทั้งสิ้น)
Vincent Moretti นักโทษใหม่สดๆ ร้อนๆ กำลังจะเข้าไปในเรือนจำ ในข้อหาฆาตกรรม ซึ่งในขณะอยู่ในเรือนจำนั้น เขาได้พบกับเพื่อนนักโทษที่อยู่ห้องข้างกันชื่อว่า Leo Caruso ซึ่งรายนี้อยู่มาแล้ว 6 เดือน จากการโจรกรรมครั้งใหญ่ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็บอกว่า “ฉันน่ะ ไม่ควรเข้ามาอยู่ในนี้ซะด้วยซ้ำ” และ แน่แหละ นาย Leo ของเราก็ต้องการจะแหกคุก ซึ่งจับพลัดจับผลู ไปๆ มาๆ Vincent ก็ต้องการจะออกไปด้วย
ทีนี้บังเอิ๊ญบังเอิญ มันมีบุคคลคนหนึ่งที่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ทั้งสองต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ นั่นก็คือ Harvey ซึ่ง Vincent เนี่ยแค้นมาก ต้องการจะแหกคุกเพื่อไปฆ่าแกงกันเลยทีเดียว ส่วน Leo นี่ตอนแรกแค่ต้องการจะแหกคุก แล้วก็หนีออกนอกประเทศพร้อมกับครอบครัว แต่ไหนๆ มันก็รู้สึกว่าร่วมหัวจมท้ายกันมาแล้ว อีกทั้งยังแค้น Harvey อยู่ไม่น้อย ก็เอาด้วยเลยแล้วกัน
เอาล่ะ… ทั้งสองจะแหกคุกสำเร็จหรือไม่ จะพบเจออะไรในระหว่างการแหกคุก และทั้งคู่จะไปฆ่า Harvey ได้ยังไง ต้องไปลองเล่นกันเอาเองครับ แต่ขอบอกเลยว่า ลุ้นทุกฉาก ทุกการตัดสินใจของคุณนั้นมีผลต่อการดำเนินเรื่องในขณะนั้นกันเลยทีเดียว
Gameplay
จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น Gameplay ของ A Way Out เป็นที่พูดถึงกันมาก นั่นก็คือการเล่นแบบ Co-Op ไม่สา่มารถเล่นคนเดียวได้นั่นเองครับ ซึ่งคนซื้อเกมนี้มา สามารถกดชวนเพื่อนให้เล่นได้ฟรีๆ อีก 1 คนกันอีกด้วยนะเออ
ระบบการเล่นเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 โดยเรากับเพื่อนของเราอีกคนที่เล่นด้วยกัน จะบังคับ Leo และ Vincent ไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นการประสานงานกันของผู้เล่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ไหนจะต้องแก้ puzzle ต่างๆ ที่ถูกวางเอาไว้ได้อย่างชาญฉลาด แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ไหนจะต้องบู๊ล้างผลาญ ช่วยกันยิงศัตรูที่เข้ามา มีครบทุกรสชาติครับ
นอกจากนั้น ในขณะที่เล่นเกมนี้ หน้าจอของตัวเกมจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง แยกขาดกันไปเลย ซึ่งเปรียบเสมือนเราบังคับเป็นคนคนนั้นจริงๆ และที่ผมชอบมากๆ คือการตัดมุมกล้องในการดำเนินเรื่อง ในบางครั้ง มุมกล้องของอีกฝั่งนึงจะใหญ่กว่าของอีกคน เพราะว่าเนื้อเรื่องตรงนั้นจะเด่นกว่า บางครั้งก็จะแบ่งแบบครึ่งบนล่าง ไม่ใช่ซ้ายขวา ในฉากที่ทำให้เราตื่นเต้น ก็จะมีมุมกล้องที่ทำให้เราต้องอินไปกับเกมครับ
ซึ่งแน่ล่ะ ตัวเกมทำรายละเอียดออกมาได้ดีมาก การคุยกับ NPC ต่างๆ ที่อยู่ในฉากนั้น บทสนทนาจะไม่เหมือนกัน หากใช้ Leo ก็จะแนวห่ามๆ เอะอะต่อยลูกเดียว ส่วน Vincent ก็จะใจเย็น สุขุมมากๆ ดังนั้นคนเล่นจะได้รับประสบการณ์ในระหว่างการเล่นที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิงครับ
เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว จะมีทางเลือกให้เราตัดสินใจว่าจะใช้แผนของใคร ซึ่งเราก็ต้องปรึกษากับเพื่อน (นอกจอ) แล้วล่ะครับ ว่าจะเอายังไงกันดี บางทีอาจจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่ก็นานเหลือเกินกว่าจะฝ่าไปถึง บางทีก็บู๊ล้างผลาญ จนเอาชีวิตแทบจะไม่รอด แต่ก็จบไวมากๆ