หลังจากที่เกม Overwatch ภาคแรกจากค่ายเกมพายุหิมะ Blizzard Entertainment ได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในช่วงที่เกมออกจำหน่ายตั้งแต่ เมื่อ 24 พฤษภาคม 2559 รวมถึงยังได้รับรางวัลเกม Game of the year อีกมากมาย ต่อมาช่วงปลายปี 2562 ทางค่าย Blizzard Entertainment ก็ได้ประกาศเกมใหม่ขึ้นมาอีกเกมหนึ่งนั้นคือ Overwatch 2 โดยจะเป็นในรูปแบบเกมที่กำลังพัฒนาและปรับเปลี่ยนเกมเพลย์ในส่วนต่างๆ อยู่เรื่อยๆ โดยทีมงานแจ้งมาว่า “ยังไม่สามารถบอกวันวางจำหน่ายได้” ซึ่งก็น่าจะต้องปรับอะไรหลายๆ อย่างอีกเยอะพอสมควรอย่างแน่แท้ แต่หลังจากรอกันมานานก็มีการเปิดช่วง Beta ให้ผู้เล่นได้ลองเล่นกันเสียที หลังจากที่ในวันนี้ทีมงานก็ได้ทำการลองเล่นแล้วก็อยากจะมา รีวิว ตัว Overwatch 2 ช่วงทดสอบ Beta ให้เพื่อนๆ กันครับ
Table of contents
รีวิว Overwatch 2 ช่วงทดสอบ (Beta)
โดยในวันนี้ ทางค่าย Blizzard Entertainment ได้ประกาศให้ผู้เล่นทุกคนสามารถเข้าร่วมทดสอบเกม Overwatch 2 ในวันที่ 27 เม.ย. ถึง 18 พ.ค. 65 หลังจากทางทีมงานได้โอกาสเข้าการร่วมทดสอบ ก็ได้เจออะไรที่เปลี่ยนแปลงกันไปพอสมควร เลยอยากจะเล่าประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงจากภาค 1 มาภาค 2 บ้างว่ามีอะไรเด่นๆ บ้าง
1. โหมดภายในเกมและเกมเพลย์
เกมเพลย์เป็นแบบ FPS PVP เหมือนต้นฉบับเหมือนเดิมแต่ละฮีโร่จะมีสกิลที่แตกต่างกันโดยภาคนี้มีให้เลือกเหมือนเดิมตามต้นฉบับ แต่จะสิ่งที่เปลี่ยนมาใหม่คือ เล่นเป็นฝ่ายละ 5vs5 แทน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น Role เป็น 1 Tank 2 Damage 2 support ในห้องธรรมดาเลือกแบบ Quick play หรือจะเลือกเล่นแบบ ไม่เน้น Role ก็ได้ (ตอนนี้เปิดให้เล่นแล้ว อัพเดทวันที่ 6 พ.ค. 65) ซึ่งในตอนนี้เปิดให้เล่นได้แค่ 3 โหมดนั้นคือ Quick play, Custom mode, Training
การเข้าเล่นในตอนนี้ก็เหมือนเดิม คือมีแค่โหมด Quick play และมี Role ให้เลือก 3 อย่างและโดยหมวด Role Support รอห้องแปบเดียวเจอ แต่ส่วนของ Tank และ Damage จะรอห้องอย่างน้อย 4 – 5 นาที ในระหว่างรอเราสามารถเล่นโหมดอื่นๆ รอได้
ด้านเกมเพลย์ข้างในคือคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเกมไว้ทั้งหมดแต่ที่เปลี่ยนแปลงก็มีเพียงสกิล รูปแบบเกมเพลย์ที่ต้องเล่นแบบ 5vs5 และความสนุกที่เหมือนเดิมหมดทุกอย่างคล้ายๆ Overwatch ภาคแรกและสิ่งสุดท้ายคือ ฮีโร่บางตัวนั้นมีสกิลเพิ่มมาใหม่แทนสกิลเดิมหรือเรียกได้ว่า Rework กันยกใหญ่เลย ยกตัวอย่างเช่น
(ฮีโร่ Rework) ORISA หุ่นเขียวนัก Tank ที่ Rework
1. กดคลิกขวา ที่เปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มสกิลปาหอก Javelin
2. กด E ควงหอก Javelin เพื่อปัดป้องกระสุน ผลักศัตรูและทำให้เดินไวขึ้นชั่วคราว
3. กด Q (Ultimate) ควงหอก Javelin บนหัวแล้วดูดศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ มาโดนดาเมจจากการควง แล้วปักหอกลงสร้างดาเมจรุงแรงอีกรอบ
4. คลิกซ้าย (ยิงธรรมดา) มีระบบปืนร้อนและถ้าหากยิงศัตรูใกล้ๆ ตัวเรา จะเพิ่มดาเมจขึ้นไปอีก
และยังมีตัวอื่นๆ ซึ่งสกิลเปลี่ยนไปอย่างเช่น
- Bastion เปลี่ยนสกิลอันติเป็นยิงปืนขึ้นฟ้า รถถังปืนกลแล่นได้ ปืนมีลูกระเบิด
- CASSIDY เปลี่ยนสกิลปาระเบิดสั้นเป็นปาระเบิดแบบปกติและสามารถปักพื้นหรือตัวศัตรูได้
2. ระบบปิง Ping
สิ่งที่เพิ่มมาใหม่คือระบบ Ping คือการมาร์คตำแหน่งตามจุดบนพื้นบอกตำแหน่งหรือสื่อสารอะไรซักอย่างให้เพื่อนรู้ ระบบนี้จะคล้ายๆกับ Apex Legends วิธีใช้จะแบ่งเป็น 2 วิธีคือ
- กดเมาส์กลาง (Middle mouse) – 1 ครั้ง จะเป็นการบอกจุดเฉยๆ หากกดใส่ศัตรูก็จะบอกตำแหน่งของศัตรู
- กดเมาส์กลาง (Middle mouse) – 1 ครั้งค้างไว้แล้วเลือกเมาส์เพื่อเลือกการสื่อสารที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Going in (เราจะไปทางนี้) Need Help (ช่วยหน่อย) หรือ Countdown (นับ วิ 3 2 1 )
ซึ่งถือว่าเป็นระบบดีอย่างนึงที่นำมาปรับใช้ในเกม Overwatch 2 ได้อย่างดี โดยเราไม่ต้องพึ่งการพูดคุยหรือพูดผ่านเสียงเลย
ส่วนของการเปลี่ยนแปลงทั่วไปจะมีเรื่องของหน้าตาของฮีโร่ของแต่ละตัวต้อนรับการมาของภาค 2 โดยแต่ละตัวจะมีหน้าตาที่ดูมีอายุขึ้น มีของแต่งขึ้นและสวยขึ้นนิดหน่อย ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเร็วๆ นี้ก็ได้ตามเนื้อเรื่องของภาค 2 ที่ทีมงานบอกว่าจะเน้นให้มากขึ้นเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้เข้าใจ
(ทำไม 76 จากหนุ่มไปเป็นคนมีหนวดแก่ๆ หว่า)
3. เพิ่มฮีโร่ตัวใหม่ Sojourn แม่สาวปืนกล ตำแหน่ง Damage
ปกติแล้ว Overwatch เวลาจะมีฮีโร่ตัวใหม่มาจะใช้เวลานานมาก แต่ครั้งนี้มีความโชคดีหน่อยคือเราฮีโร่ตัวใหม่ได้เลยจากการเล่นแบบ Beta คาดว่าน่าจะได้เล่นเฉพาะตัวเกมของ Overwatch 2 เท่านั้น รูปแบบการเล่นของ Sojourn จะคล้ายๆ กับ Soldier 76 คือถือปืนยิงอย่างเดียวแบบ Call of duty player แต่สกิลเกมเพลย์จะเป็นหน่วยทะลุทะลวงในแนวหน้าและยังมีสกิลปืนพลังงานเลเซอร์ หากสามารถสะสมเกจพลังงานครบ 100 จะสามารถยิงด้วยดาเมจสูงสุด 130 Damage ถือว่าเป็น DPS ที่ลุยแนวหน้าเพื่อสะสมเกจชาตสำหรับยิงทะลวงแนวหลังของทีม หรือจะเล่นแบบ Soldier 76 ก็ได้เช่นกันคือลุยแนวหน้าอย่างเดียวแล้วยิงรัวๆ แทน ขอเพียงแค่คุณต้องแม่นปืนซักหน่อยเพื่อดึงความสามารถของตัวละครออกมาให้สุด โดยเฉพาะจังหวะที่ชาร์จเต็ม
ทางด้านสกิล Ultimate จะเป็นการเพิ่มอัตราการฟื้นฟูเพจพลังงานอย่างรวดเร็วให้กับปืนเลเซอร์ ทำให้สามารถยิงได้ต่อเนื่องขึ้น หรือสะสมครบ 100 แล้วยิงไปเลยทีเดียวก็ได้ ถือว่าหากคุณยิงแม่นปืนปุ๊บ ทั้งทะลุตัวละคร ทั้งดาเมจแรงอาจจะยิงหมดยกทีมก็ได้
ในด้านการเคลื่อนไหวจะคล้ายๆ Soldier 76 แต่จะมีสกิล Power slide ที่จะสไลด์ไปด้านหน้าหรือข้างก็ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตอนที่ใช้สกิลนี้หากกดปุ่มกระโดดจะทำให้กระโดดสูงขึ้นอีก
4. Setting ต่างๆ ภายในเกม
การมาของ Overwatch 2 นอกจากการเปลี่ยนแปลงของเกมเพลย์แล้ว ในส่วนของ Setting ยังมีเพิ่มขึ้นมาอีกขั้นตอบรับภาคใหม่ เท่าที่เห็นเด่นชัดได้แก่
เพิ่มระบบสีสำหรับคนที่อยากแยกแยะสีหรือเป็นตาบอดสี
ระบบเสียง คือการเพิ่มเสียงแบบ Dolby Atoms, Spatial audio และซับไตเติล
ส่วนอื่นๆ ก็จะมีพวกของการที่ลดความโปร่งใสของข้อความ ตัวเลือกการเปิดปิด การออกเสียงตัวละครเมื่อถูกยิงตาย
ความรู้สึกหลังจากเล่น
เกม Overwatch 2 จะเหมือนกับ Overwatch ภาคแรกเกือบหมดทุกอย่างเพียงแค่เพิ่มในส่วนของการ Rework ของฮีโร่ การเพิ่มระบบ ping ที่เป็นจุดเด่น การขจัดข้อเสียต่างๆ เพื่อให้เล่นได้อย่างสะดวกมากขึ้นและตัวเลือกในการปรับ Setting ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา ช่วยให้ผู้เล่นเล่นเกมได้อย่างเหมาะสมสบายตา ซึ่งเกือบทั้งหมดอาจจะมาจาก Feedback ของทางผู้เล่นด้วยที่ผู้พัฒนาใส่ใจในการแก้ปัญหาจุดต่างๆ ภายในเกม ทำให้เกม Overwatch 2 รู้สึกมีความสมบูรณ์ขึ้นไปอีกขั้นมากกว่าช่วงที่เกมออกแรกๆ รวมถึงตัวเกมที่ Overwatch เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่จะรู้สึกเหงาๆ ไปบ้างจากการเปลี่ยนรูปแบบเกมเพลย์จาก 6 vs 6 เป็น 5 vs 5 ที่ลดผู้เล่นไป 1 คน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกมไม่ดูวุ่นวายจนเกินไปและเสริมสกิลเพลย์ให้ผู้เล่นได้เล่นกันแบบทีมมากขึ้นไปอีก รวมถึงทำให้การวางแผนที่ต้องรัดกุมให้มากขึ้นไปอีก
หากผู้เล่นพร้อมที่จะปรับตัวให้คุ้นชินกับเกมเพลย์และรูปแบบการเล่นใหม่ที่เปลี่ยนไปแล้ว เกม Overwatch 2 อาจมองได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดีขึ้นและยังคงสนุกแบบเดิมอยู่ ทั้งนี้เกม Overwatch 2 ยังคงอยู่ในช่วงการทดสอบ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้ยังคงต้องเฝ้ารอติดตามข่าวการอัปเดทกันก่อน ตัวผมรู้สึกดีใจที่ Overwatch 2 มีความคืบหน้าการพัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรม ทำให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยังให้มีการเปลี่ยนเกมเพลย์รูปแบบใหม่อีกด้วย ในรูปแบบการพัฒนาแบบนี้ ผมมองว่า Blizzard Entertainment ได้ดำเนินแผนพัฒนาเกมได้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว
ถ้า Blizzard Entertainment ในตอนนี้สามารถกู้หน้ากู้ตามาได้ทัน Project ของค่ายคงมีการพัฒนาที่เร็วขึ้นและไม่มีการหยุดชะงั้นหรืออุปสรรคต่างๆ จากข่าวฉาวที่เกิดขึ้นภายในบริษัทจนทำให้หลายๆ Project เริ่มชะลอและพัฒนาได้ช้า รวมถึง Overwatch 2 ด้วยที่ผู้พัฒนาลาออกกันไปหลายคน แต่ในตอนนี้ Microsoft ซื้อทั้งบริษัท Blizzard Entertainment ไปแล้ว คงต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นและหวังว่า Overwatch 2 จะเป็นเกมนึงที่จะพัฒนาได้อย่างราบรื่นและประกาศวันวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะสัมผัสว่า Overwatch 2 เป็นยังไง สามารถไปสมัครเข้าร่วมได้ที่ https://playoverwatch.com/en-gb/beta/ โดยผู้เล่นนั้นต้องมีเกมของภาคแรกก่อนจึงจะสามารถเข้าร่วม Beta ได้ “มัวรอไรอยู่ละ ลองไปสัมผัสเลย โลกต้องการคุณฮีโร่ (World needs the heroes)”