เกมมือถือในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าไปกันมากมายหลายสายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นแบบ Full 3D, ภาพสวยสมจริง หรือเกมกีฬา แต่ในครั้งนี้ก็จะมาพูดถึงตัวเกม Soul Gauge ของทาง Godlike Game กันจ้า ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเกมที่คงความคลาสสิคแบบเดิมๆ ของ MMORPG บนคอมที่จับมาลงบนมือถือและปรับปรุงหลายๆ อย่างให้เข้ากับมือถือเลยทีเดียว
Review Soul Gauge
เรื่องราวของ Soul Gauge นั้นค่อนข้างเรียบง่ายตามสไตล์เกม MMORPG เปิดกว้างแบบ Open World ที่เล่าถึงโลกที่แบ่งเป็นสองฝ่ายและการพยายามชิงชัยกันด้วย Soul (จิตวิญญาณ) ซึ่งลักษณะเรื่องราวแบบนี้จะเปิดกว้างให้ตัวเกมใส่รายละเอียดต่างๆ มาทีหลังได้ง่ายเหมือนอย่างเกม MMORPG สมัยก่อนจริงๆ
แต่ในขณะที่ตัวเกมเนื้อเรื่องไม่มีอะไรนั้น กลับมีระบบการเล่นที่ค่อนข้างไปทาง Hardcore Grinding กันเลยทีเดียว เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ตัวเกมก็จะปลดล๊อคเนื้อหาให้ผู้เล่นได้ฟาร์มอะไรกันเยอะ รวมถึงมีระบบ PvP, Arena และ Nation War ที่ฟาดกันหลัก 750 คนกันเลยทีเดียว
Test by Bluestacks
ตัว Review นี้ก็ได้เขียนโดยการใช้โปรแกรม Bluestacks เป็นหลักจ้า ซึ่งจากการทดลองก็เรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่พึงพอใจเลยทีเดียว สามารถปรับแต่งค่าระหว่างการเล่นที่ปกติแล้ว เกมมือถือมาเล่นผ่าน Emulator มักจะมีปัญหาจุกจิกกวนใจ แต่สำหรับ Soul Gauge ที่ควบคุมเดิมง่ายแล้วนั้น ทำให้อะไรๆ ก็ง่ายกว่าเดิมอีกมากเลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่นการตั้งค่าคีย์ลัดของ keyboard สำหรับกดปุ่มบนจอที่ทำให้การเล่นหลายๆ เกมสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างใน Soul Gauge นี้การใส่คีย์ลัดไว้บนปุ่มสกิลและ Auto, Slot นั้นจะช่วยให้เราเล่นได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องลาก Mouse ไปกดทีละตัวให้เสียเวลากันเลยทีเดียวจ้า กดปุ่มทีตั้งไว้เพื่อ combo กันสบายๆ ไปเลยทีเดียว
ดาวน์โหลดโปรแกรม Bluestacks ได้ [ ที่นี่ ]
ดาวน์โหลดตัวเกม Soul Gauge ผ่านโปรแกรม Bluestacks ได้ [ ที่นี่ ]
เล่น Soul Gauge บนมือถือ : [ Android ] / [ iOS ]
ความคลาสสิคแบบมือถือ
ด้วยภาพลักษณะเป็น Pixel, ตัวละครแบบ 2D และฉากที่ดูสบายๆ ทำให้ผู้เล่นที่มีอายุรู้สึกคุ้นเคยกับตัวเกมหรือให้บรรยากาศที่รู้สึกว่าชวนให้คิดถึงได้เป็นอย่างดี ผู้เล่นใหม่ๆ เองก็จะได้ความรู้สึกที่น่ารัก ดูเข้าใจง่าย แน่นอนว่าการที่ลักษณะตัวเกมเป็นภาพแบบนี้ ทำให้การใช้ทรัพยากรเครื่องไม่สูงตามไปด้วย(เมื่อทดสอบด้วยการเล่นผ่านมือถือ) พอมาใช้ Bluestack ก็เรียกได้ว่าลืมไปเลย spec กินเครื่องมันคืออะไร
การควบคุมตัวเกมนั้นก็ง่าย กดที่ไหนตัวละครก็จะเดินไปที่นั่น ไอเทมต่างๆ ก็เป็นการกดเพื่อดูคำอธิบาย แล้วค่อยกดใช้งานต่างๆ กดลากย้ายตำแหน่ง กดค้างเพื่ออัพเลเวลของสกิลต่างๆ ในขณะเดียวกัน ก็มีการทำให้เข้ากับความเป็นมือถือ ด้วยการเสริมส่วนของระบบ Tutorial ต่างๆ, ระบบ login reward, ตัวกาชาที่มีทั้งแบบฟรีและแบบเปย์ หรือจะเป็นระบบ Auto ที่ช่วยให้เล่นเนื้อหาส่วนของการ grinding ให้ง่ายขึ้นก็ตามที
ระบบที่ไม่เหมือนใคร
การทำเกม MMORPG นั้นจุดที่ตกม้าตายก็มักจะเป็นระบบเดิมๆ ซ้ำซากที่ทำให้คนเล่นรู้สึกว่าเหมือนเกมเดิมๆ แค่เปลี่ยนภาพ ซึ่ง Soul Gauge ก็พยายามสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองด้วยการใส่การ Combo สกิลที่ทำให้มีความรุนแรง อลังการขึ้นแม้จะใช้สกิลเดิมๆ มีการเพิ่มระบบมากมายให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้เรื่อยๆ อย่างการคราฟของ ตัวฟาร์มที่ให้เลือกว่าจะสร้างผลผลิตอะไรมาช่วยเหลือในการเล่น
แต่ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์สุดก็คงอยู่ที่ระบบอุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถอัพเลเวล – ต้องอัพเลเวล ได้ รวมถึงสกิลต่างๆ ที่มีการอัพเลเวลได้แบบเดียวกัน โดยสกิลต่างๆ นั้นจะอยู่ที่อุปกรณ์ที่ใส่ ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกอัพเกรดให้อุปกรณ์นั้นดีขึ้นไปเรื่อยๆ ได้และปรับแต่งสกิลให้เข้ากับตัวละครมากขึ้นได้
Grind to the Soul (ฟาร์มยันจิตวิญญาณ)
ในเกมนี้ นอกจากค่าประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับเมื่อกำจัดศัตรูได้แล้วนั้น ศัตรูต่างๆ ยังมีการดรอป Soul ชนิดต่างๆ มาให้เก็บอีกด้วย และไอ้เจ้า Soul นี่แหละ คือจุดขายของเกมนี้อย่างที่เนื้อเรื่องเกมได้บอกเราแต่แรกแล้ว การอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ หรือสกิลนั้น ก็จะอ้างอิงจากแต้ม Soul ที่ผู้เล่นมี โดยแรกๆ ก็จะใช้เล็กน้อย แต่หลักๆ จะใช้เยอะขึ้น เยอะขึ้น เยอะมากยิ่งขึ้น!!!
นอกจากนี้ตัวละครผู้เล่นยังมี Soul ที่เก็บได้จากการล่ามอนจำกัดตามระดับเลเวล ทำให้เป็นการบังคับกลายๆ ว่าผู้เล่นต้องขยันเอา Soul มาอัพเกรดอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ให้แข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง แน่นอนว่าตัว Soul เองก็ไม่ใช่ได้จากการล่ามอนอย่างเดียว ยังได้จากการเอาอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ไปย่อยทิ้ง หรือทำเควส ใช้ไอเทมเพิ่ม Soul ก็ยังได้ (แม้ว่าอันที่จริงหลักๆ จะได้จากการฟาร์มมอนก็เถอะ)
ความแก่นแข็ง (Hardcore) ที่รออยู่ลึกๆ
พูดถึงเกม MMORPG สมัยก่อนๆ แล้วนั้น ก็จะเป็นอะไรที่ดูภายนอกเล่นง่าย ชิวๆ แต่พอถลำลึกลงไปซักครึ่งตัว จะพบว่าสิ่งที่รออยู่คือนรก มีเนื้อหาที่เหมาะกับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์อยู่มากมาย และในเกมนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก ในขณะที่เพื่อนๆ เล่นชิวๆ ในตอนแรก แต่พอเล่นไปซักพักจะรับรู้ถึงบรรยากาศการฟาร์มเพื่อให้ได้ของโหดๆ มาใช้รับมือกับมอน มีเนื้อหาที่ยากรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น Dungeon ที่มีความโหดมากขึ้น ระบบ PvP หรือ Nation ที่พร้อมเชือดผู้เล่นที่ไม่ทันระวังอย่างไม่ไว้หน้า
ระบบสกิลเองที่ตอนแรกก็เหมือนจะมีแค่อย่างสองอย่างกดอัพไปเรื่อยๆ แต่พอลากไปดูหลังๆ จะเห็นว่ามีแยกบนล่างเพิ่มเติมกันไปอีก อาชีพที่มีแค่สองอาชีพตอนสร้างตัวละคร พอมาเล่นถึงจุดเปลี่ยนอาชีพจริงๆ นั่นปะไร มีอาชีพให้เลือกอีกบานเลย ก็เป็นอีกหนึ่งในจุดที่เรียกว่า เอาความชิวมาล่อเหยื่อกันไปจริงๆ
ความเป็น MMORPG
สุดท้ายก็คงเป็นเรื่องของการนำเสนอในด้าน MMORPG บนมือถือกัน ตัวเกมนั้นก็จะคล้ายกับเกมบน PC เลยที่สามารถมองเห็นผู้เล่นคนอื่นในแผนที่ได้เช่นกัน สามารถตีมอนสเตอร์ตัวเดียวกันได้ จับปาร์ตี้กับคนอื่น ช่วยกัน Combo สกิลให้ยาวเป็นหางว่าวก็ได้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ต้องเป็นปาร์ตี้เดียวกันถึงจะเห็นกันได้ ไม่รู้สึกว่าเดินอยู่คนเดียวบนโลกกว้าง open world แบบร้างๆ อะไรทำนองนั้น (ทั้งนี้ขึ้นกับแผนที่ที่คนนิยมไปเล่นกันด้วย) จุดนี้ทำให้ตัวเกมมีีสรรในแบบที่คุ้นเคยกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สรุป Review Soul Gauge
โดยรวมนั้น ตัวเกม Soul Gauge จัดเป็นอีกหนึ่งในเกมแนว MMORPG classic ที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยเล่นเกม MMORPG บนเครื่อง PC อยู่ไม่น้อย และเมื่อเอามาลงมือถือ ก็ได้ปรับปรุงให้เข้ากัน ทำให้เล่นง่ายขึ้น มีระบบอำนวยความสะดวกอย่างระบบ Auto และเอกลักษณ์ของเกมมือถืออย่างกาชามาให้ใช้กัน
ตัวเกมอาจจะไม่เหมาะสำหรับทุกคน แต่ใครที่ชอบในด้านการฟาร์มที่บางครั้งก็โหยหา และอยากจับแนวที่แปลกไปก็ลองได้จ้า ตัวระบบเกมจริงนั้นมีอะไรให้เห็นกว่าภายนอกมาก ไหนจะเรื่องดันเจี้ยนที่มีหลายแบบ เนื้อหาลึกๆ ของตัวเองที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ เรียกว่าใครชอบก็ชอบ ใครไม่ชอบก็ยี้กันได้ง่ายๆ เลยทีเดียวจ้า
▲ จุดเด่น
– ให้บรรยากาศคลาสสิค MMORPG ที่คุ้นเคยกันดี
– มีระบบสกิลที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
– เนื้อหาช่วงแรกเข้าใจ เข้าถึงได้ง่าย
▼ จุดด้อย
– ความฮาร์ดคอร์ที่ซ่อนอยู่ภายในช่างโหดร้าย
– ระบบต่างๆ ที่มีอยู่มากมายนั้นสามารถทำให้ผู้เล่นใหม่งงได้โดยง่ายมาก
– เกลือกาชาช่างเค็ม