ขึ้นชื่อว่าเป็น “วงการเกม” แล้วมันก็จะมีทั้งช่วงรุ่งเรืองและช่วงตกตํ่าอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ รวมทั้งยังมีจุดอีเวนท์สำคัญที่ส่งผลกระทบวงกว้างอย่าง “จุดเปลี่ยนแห่งวงการ” อยู่ด้วย โดยในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่ว่านั่นไปจนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ชายผู้มีนามว่า “ชิเงรุ มิยาโมโตะ (Shigeru Miyamoto)” เป็นผู้สร้างไว้ เรามาดูกว่าว่าชายผู้นี้คือใคร แล้วเขาได้ส่งผลอะไรบ้างกับวงการเกมไว้นั่นเอง
ประวัติความเป็นมาของชายผู้นี้
ชิเงรุ มิยาโมโตะ (Shigeru Miyamoto / 宮本 茂) เป็นชายชาวญี่ปุ่นซึ่งเกิดในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 1952 ยังเมืองโซโนเบะ (ปัจจุบันคือเมืองนันตัง) จังหวัดเกียวโต โดยในช่วงวัยเด็กของเขานั้นไม่ได้มีเรื่องราวอะไรโดดเด่นมากนัก ตัวของเขาเป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาทั่วไปที่ชื่นชอบในการวาดรูประบายสี และใช้ชีวิตปกติเหมือนเด็กทั่วไปเท่านั้นเอง
จนกระทั่งเมื่อเข้าปี พ.ศ. 1970 ตัวของคุณมิยาโมโตะก็ได้เข้าทำการศึกษาต่อที่ วิทยาลัยศิลปะคานาซาวะ (金沢美術工芸大学) ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอุตสาหกรรม หลังจากที่จบการศึกษาไปเรียบร้อยตัวของคุณมิยาโมโตะเองก็ได้มีโอกาสพบเข้ากับคุณ ฮิโรชิ ยามาอูจิ (Hiroshi Yamauchi) ผู้บริหารของ Nintendo ในช่วงขณะนั้น และตัดสินใจจะรับตัวของเขาเข้ามาฝึกงานในบริษัท เรียกว่านี่คือจุดเริ่มต้นก้าวแรกการเข้าสู่วงการของชายผู้นี้เลยก็ว่าได้นั่นเองครับ
ผลงานสร้างชื่อชิ้นแรก
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 1980 เกมจากเครื่องอาร์เคดที่ชื่อ เรดาร์สโคป (Radar Scope) กำลังได้รับความนิยมสูงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ทาง Nintendo ประจำสหรัฐอเมริกาตัดสินใจจะสั่งเกมดังกล่าวเพื่อไปวางขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามแผนเดิมแล้วมันควรเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แก่บริษัทเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดันไม่ได้เป็นอย่างคิดเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม แต่เมื่อเครื่องเกมได้ถูกส่งไปยังสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความนิยมในเกม Radar Scope กับลดลงอย่างน่าใจหาย ส่งผลให้เครื่องเกมจำนวนมากขายไม่ออกและต้องค้างอยู่ในโกดังอยู่อย่างนั้นเต็มไปหมด จึงทำให้ทางบริษัทต้องติดต่อกลับไปยังสาขาหลักในประเทศญี่ปุ่นเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยเป็นการขอให้ส่งนักออกแบบเกมหาเกมใหม่มาแทนที่เกมเดิมในเครื่องอย่างเร่งด่วน ทางต้นสังกัตจึงได้ส่งคุณ ชิเงรุ มิยาโมโตะ ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเกมใดเลยเข้ามาแก้ปัญหาในครั้งนี้
โดยผลงานที่คุณมิยาโมโตะได้เป็นคนออกแบบนั่นก็คือ Donkey Kong นั่นเอง แถมยังเป็นเกมแรกที่เขาเป็นคนสร้างรวมทั้งยังเป็นผู้แต่งดนตรีประกอบทั้งหมดด้วยตัวเองอีกต่างหาก แน่นอนว่าตัวเกมประสบความสำเร็จสูงอย่างมากจนส่งผลให้ Nintendo ซึ่งเป็นค่ายใหม่ในขณะนั้น สามารถก้าวเข้ามาสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในวงการเกมได้เลยนั่นเอง นับว่านี่เป็นผลงานการแจ้งเกิดของชายผู้นี้เลยก็ว่าได้
จุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแห่งวงการเกม
ถึงแม้ว่า Donkey Kong จะเป็นเกมแจ้งเกิดให้กับคุณมิยาโมโตะก็จริง แต่เกมที่ทำให้ชายผู้นี้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกนั้นมาจากการให้กำเนิด Mario และ Legend of Zelda ต่างหาก รวมทั้งสองเกมนี้ยังกลายมาเป็นเหมือนสัญลักษณ์และตัวแทนประจำค่าย Nintendo ในทุกวันนี้ไปแล้วด้วยเช่นกัน
ในช่วงยุคปี 80 ถึงแม้ว่าเกมอาร์เคตจะได้รับความนิยมสูงขนาดไหนก็ตาม แต่เกมที่ถูกปล่อยออกมาแต่ละเกมก็ล้วนจะออกแนวเดิมๆ ไม่ได้มีความท้าทายหรืออะไรน่าดึงดูดพอให้สนใจได้มากนั้น จนกระทั่งการมาของ Super Mario Bros. กับแนวเกมที่เปลี่ยนมาเป็นการผจญภัยในรูปแบบแพลตฟอร์มด้านข้าง, ความยากและความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ด่าน, การออกแบบแต่ละด่านแทบไม่ซํ้ากันเลย ไปจนถึงดีไซน์ส่วนต่างๆ อีกมากมาย มันคือความแปลกใหม่ในยุคสมัยนั้นและกลายมาเป็นหนึ่งใน “ปรากฏการณ์” แห่งวงการเกมเลย
ในเวลาถัดมาไม่นานตัวของคุณมิยาโมโตะก็ได้ให้กำเนิด Legend of Zelda กับเกมแนวใหม่ในรูปแบบของ JRPG ที่ให้เหล่าผู้เล่นรับบทเป็น Link กับการออกสำรวจแฟนตาซีพร้อมหาทางเพื่อจะปกป้องดินแดนแห่งนี้ แถมนี่ยังเป็นเกมแรกจากเครื่องคอนโซลในยุคนั้นที่มาพร้อมระบบการเซฟเกมได้อีกต่างหาก ทั้งด้วยการดีไซน์อันแปลกใหม่พร้อมระบบอันลํ้าสมัยจึงไม่น่าแปลกใจนักที่เกมนี้จะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังกลายมาเป็นหนึ่งในรากฐานให้กับเกมแนว RPG ในทุกวันนี้ไปแล้วอีกด้วย
โดยไม่ว่าจะเป็น Donkey Kong, Mario หรือ Zelda ก็ตามแต่ ถึงแม้ทั้งสามเกมอาจมีรูปแบบการเล่นแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือการดีไซน์ที่แหวกแนวพร้อมกับระบบการเล่นในแบบเฉพาะของตนเอง ซึ่งนับว่าเป็นจุดขายหลักเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ามันได้ส่งผลให้ทั้งสามเกมนี้ประสบความสำเร็จสูงอย่างมากจนเกิดเป็นภาคต่อตามมาจนถึงในปัจจุบันนี้เลยด้วย
ชายผู้ชุบชีวิต Nintendo ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ตามแต่ Nintendo เองก็มีช่วงที่ตกตํ่าและซบเซาอยู่ด้วยเช่นกันครับ ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2000 ณ ช่วงเวลานั้นวงการเกมกำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการถือกำเนิดของค่ายเกมทั้งหลายแหล่ไปจนถึงการเกิดเกมแนวใหม่ๆ เพื่อออกมาตีตลาดเองก็ตามที เรียกได้ว่ามีการแข่งขันสูงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามระหว่าง Sony และ Microsoft ที่ชิงดีชิงเด่นกันไม่หยุดที่ทำให้ค่ายเกมอื่นๆ ต่างต้องพากันหลีกทางให้เลยทีเดียว
ซึ่งผู้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์อันแสนลำบากนี้ก็ไม่ใช่ใครเลยครับคุณ ชิเงรุ มิยาโมโตะ ของเราคนดีคนเดิมนี้เอง ในเมื่อเขาแข่งกันเรื่องคุณภาพกับเกมเพลย์นักงั้นเราก็สร้างเครื่องเกมใหม่มันขึ้นมาเลยซะสิ และนั่นล่ะครับในเวลาต่อมาทาง Nintendo ก็ได้ทำการเปิดตัวเครื่องเกมรุ่นใหม่กับ Nintendo – Wii ที่มาพร้อมระบบการควบคุมอันแหวกแนวที่สุดในยุคสมัยนั้นและกลายมาเป็นอีกหนึ่งปรากฏกการณ์ของวงการเกมเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าการเปิดตัวในครั้งนี้มันส่งผลให้ยอดขายของเครื่องเกมดังกล่าวพุ่งสูงเป็นอย่างมาก จนพูดอย่างเต็มปากเลยว่า Nintendo สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งจากยอดขายของเครื่อง Wii นี้ คือยอดขายดีซะจนค่ายอย่าง Sony และ Microsoft ที่ตอนแรกเอาแต่ตีกันเองต่างต้องพักยกกันแล้วหันมาสร้างเครื่องเกมเป็นของตนกับเขาบ้างนั่นล่ะ นี่เป็นอีกครั้งที่ชายชื่อ ชิเงรุ มิยาโมโตะ ได้ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนแห่งวงการเกมอีกครั้งนึงนั่นเอง
สู่ความสำเร็จที่ไปได้ไกลมากกว่าแค่เกม
จากความสำเร็จและผลงานที่เคยทำเอาไว้มันส่งผลให้คุณมิยาโมโตะได้ก้าวเข้าสู่อีกระดับนึงซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่คำว่า “เกม” อีกต่อไป เพราะทางค่ายตัดสินใจให้ตัวของเขาเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกแบบและดีไซน์สวนสนุกขนาดยักษ์อย่าง Super Nintendo World อีกด้วย ซึ่งแอบน่าเสียดายมากทีเดียวเนื่องด้วยจากการระบาดของไวรัส COVID-19 จึงทำให้การเปิดของสวนดังกล่าวต้องถูกเลื่อนไปพอสมควรเลย ไม่งั้นป่านนี้เราคงจะได้เข้าไปสัมผัสกับความอลังการจากสวนสนุกแห่งนี้กันแล้วล่ะนะ
นอกเหนือจากเรื่องของสวนสนุกแล้วตัวของคุณมิยาโมโตะยังรับหน้าที่สำคัญอันเกี่ยวข้องกับการสร้าง “ภาพยนตร์” อีกด้วย โดยตัวเขาได้รับหน้าที่ในการเป็นผู้กำกับให้กับการสร้างภาพยนตร์คนแสดงที่ดัดแปลงเนื้อหามาจาก Super Mario – Live Action นั่นเอง เรียกได้ว่าตัวผู้ให้กำเนิดมากำกับเองขนาดนี้เราก็คงคาดหวังได้อย่างเต็มที่จากภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอนเลยล่ะ
นั่นแล่ะครับจากผลงานที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเราจึงค่อนข้างได้มั่นใจอย่างเต็มที่เลย ว่าถ้าหากในอนาคตทาง Nintendo มีโปรเจ็คอะไรใหม่เข้ามาล่ะก็ชายที่ชื่อ ชิเงรุ มิยาโมโตะ คนนี้ก็จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมด้วยอย่างแน่นอน และเราสามารถคาดหวังได้ทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของชายคนนี้เลยนั่นเองครับ
ถือเป็นการจบบทความแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกันนะครับ ซึ่งที่ผมหยิบมาเล่าให้ฟังกันนี่ต้องเรียกได้ว่าเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” เท่านั้นเองนะ ผลงานที่ชายผู้นี้ได้สร้างไว้จริงๆ มียาวเป็นบทความเลยเอามานั่งเล่าให้ฟังทั้งวันก็คงไม่จบ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็สามารถไปตามอ่านตามหาข้อมูลของเข้าเพิ่มเติมกันได้นะ