กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเจ้าพ่อวงการเกมหนึ่งที่ชื่อว่า Value กับ Platform ระดับยักษ์ที่เรียกว่า Steam เจ้าพ่อคนนั้นได้พยายามพลักดันให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตขึ้นในหลายๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นการขยายการเข้าถึง การเพิ่มเกม การจัดลดราคา หนึ่งในนั้นคือเครื่องเล่นเกมของตัวเองที่เรียกกันว่า Steam Machine แต่ทว่า บางครั้ง ของบางอย่างมันก็ไปไม่รอด จนไม่นานมานี้ แม้แต่หน้า Steam เองก็ทำการพับเก็บการเข้าถึงส่วนของ Steam Machine อย่างเป็นทางการ ตอกตะปูปิดฝาโลงตัวสุดท้ายกันไปเรียบร้อย
Steam Machine : The End
ไอเดียของ Steam Machine นั้นก็เรียบง่าย มันเกิดขึ้นมาเพื่อจะต่อสู้กับทางยักษ์ใหญ่ด้าน IT อื่นๆ เพื่อสร้างเครื่องเกมของตัวเอง เพื่อให้สามารถผลิตได้ทั้งเกมและเครื่องเล่นไปพร้อมกัน… เฮลโหลปู่นิน เราจะทำตามปู่นะ ซึ่งในทางทฤษฎีนั้น หากทำสำเร็จจะเป็นการก้าวกระโดดอย่างมาก ตัวบริษัทจะสามารถทำได้ทั้งการพัฒนาเกมและเครื่องเล่นให้เข้าคู่กันได้โดยไม่ต้องอิงคนอื่น เปิดให้สามารถสร้างลูกเล่นให้กับทั้งสองอย่างได้อย่างสุดๆ
แต่ความจริงนั้นมักจะโหดร้ายเสมอ ตัว Steam Machine นั้นไม่เคยที่จะแจ้งเกิดได้สำเร็จ ไม่เคยที่จะมีช่วงเวลาที่เจิดจ้าเหมือนกับไอดอล มีแค่ข่าวการเปิดตัวที่เป็นที่ฮือฮาอยู่พักใหญ่เท่านั้น ตัวเครื่องนั้นถูกตั้งเป้าให้ว่าจะพลักดันให้มาแทนที่เครื่องเล่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น PlayStation, XBox หรือแม้แต่ตัว PC เองก็ตามที แต่ด้วยราคาที่สูง การรองรับที่น้อย ความวุ่นวายและ SteamOS เฉพาะทางนั้น ทำให้เครื่องเล่นสุด Modern ดีไซน์สวยหรูนี้ค่อยๆ กลายสภาพเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงหูฉีกไปอย่างช้าๆ
“ในวันที่เครื่องเล่นเปิดตัว มันก็ตามหลังคนอื่นไปเป็นปีแสงแล้ว”
อาจจะฟังดูเกินเลย แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในอุตสาหกรรม IT และเกมที่เดินหน้าแทบทุกวินาทีนั้น การเปิดตัวของ Steam Machine ในช่วงปี 2013 ที่ประกาศข่าวครั้งแรกนั้นมันยังพอเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่กว่าการจะได้ออกมาสู่โลกภายนอกครั้งแรกในอีก 2 ปีให้หลังนั้นก็เหมือนจะช้าเกินไปสำหรับทุกๆ สิ่ง รวมถึงการเปิดตัว Window 10 ในปี 2014 ที่เมื่อทดสอบกันแล้ว หลายต่อหลายเกมสามารถแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าเมื่อเทียบระหว่าง Steam Machine กับ Window 10 ก็ยิ่งตอกย้ำการตามหลังเข้าไปอีก จนกระทั่งปี 2016 นั้น ตัวเครื่องก็สามารถขายได้เพียง 500,000 เครื่องเท่านั้น
GG
ซ้ำร้ายยังไม่พอ ในขณะที่ตัว Steam Machine ถูกพัฒนาอยู่นั้น ทาง Steam เองก็มุ่งพัฒนา Steam Link ขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง โดยในขณะที่ตัว Steam Machine เป็นเครื่องเล่นของตัวเอง ตัว Steam Link ก็ทำหน้าที่เกือบจะชนกัน ด้วยการเป็นเครื่องที่ใช้เล่นเกมออกผ่านจอ TV ได้ หรือเป็นตัว Steaming นั่นเอง และราคามันก็ถูกกว่าตัวเครื่อง Steam Machine อยู่มากโขเลยทีเดียว
นอกจากการที่ฉีกไปพัฒนาส่วนของ Steam VR เข้าไปอีก ทำให้ ตัว Steam Machine นั้นเริ่มจะเหมือนลูกเป็ดที่โดนทิ้ง แต่อาจจะโหดร้ายกว่าตรงที่จากกระแสตอบรับและสิ่งที่ผ่านมา มันคงไม่สามารถกลายเป็นหงส์ได้ แม้ว่าทางผู้พัฒนาจะคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ตัวเครื่องนั้นมาตรงกลางระหว่าง Console และ PC ได้ เสมือนว่า ก็อยากเล่นทั้ง PC ทั้ง Console ทำไมต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง? ประมาณนั้น แต่ปัญหามันก็ง่ายๆ ตรงที่ว่า … ตัวเครื่องมันก็ใช่ว่าจะรองรับเกมส่วนมากของทั้งสองด้านได้ และราคามันก็พอกับซื้อเครื่องใดเครื่องหนึ่งเพิ่มหากมีอยู่แล้ว
ด้วยการตอบรับที่เงียบเหงา ทำให้การพัฒนานั้นยิ่งเหงาตามลงไป จนนำมาซึ่งการถอดถอนออกจากแม้ในหน้า Steam ของตัวเองในที่สุด เป็นการบอกลากลายๆ ถึง Steam Machine หนึ่งในตำนานที่ถ้าประกาศแล้วออกเปิดตัวมาอย่างอลังการในช่วงนั้นก็น่าจะมีอณาคตที่แตกต่างไปจากนี้ ….. หรือไม่ก็อาจจะเจอ Microsoft ขยี้เหมือนเดิมด้วยพลังของ Window 10 ก็เป็นได้ แต่เอาเป็นว่า เราคงไม่ได้เห็น Steam Machine แจ้งเกิดอีกแล้วล่ะจ้า