Tales of Ragnarok ศึกสงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะระอุขึ้นในโลกของเกม NFT อีกหนึ่งเกมใหม่ที่ได้เปิดตัวออกมาพร้อมมีแผนเปิดให้บริการภายในช่วงปี 2022 นี้นั่นเองครับ
ร่วมเป็นสักขียพานแห่งสงครามครั้งสำคัญ
Tales of Ragnarok เกมแนว P2E (NFT) ตัวใหม่กับการนำเอาธีมของเหล่าทวยเทพมาใช้ภายในเกม พร้อมด้วยการเอาตำนานของ “แร็กนาร็อก” หนึ่งในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าทวยเทพมาใช้ภายในเกมอีกด้วยนั่นเองครับ แน่นอนว่าภายในเกมเพื่อนๆ ก็จะได้พบกับเหล่าทวยเทพมากมายหลายองค์ไม่ว่าจะเป็น Zeus, Freya, Medusa ไปจนถึงเทพองค์อื่นๆ อีกกว่า 100 องค์เลยทีเดียว
โดยตัวเกม Tales of Ragnarok นี้แผนเตรียมลงให้กับแพลตฟอร์มของ Binance Smart Chain (BSC) พร้องด้วยการรองรับระบบ GameFi ซึ่งกำหนดการเปิดตัวของตัวเกมนั้นจะอยู่ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 นี้ครับ
ระบบการต่อสู้และเกมเพลย์ภายในเกม
ทางด้านระบบเกมเพลย์ของ Tale of Ragnarok นั้นจะมาในสไตล์ของเกมแนววางแผนผสมผสานกับการ์ดเกม (Strategy + Card Games) ซึ่งได้แรงบันดาลมาจากเกมดังอย่าง Clash Royale และ Axie Infinity นั่นเองครับ โดยจะมีการแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ ได้แก่ :
การวางแผน Strategy
ในทุกครั้งก่อนเริ่มการต่อสู้ทางฝั่งผู้เล่นแต่ละฝ่ายจำเป็นต้องวางตัวละครจำนวนตั้งแต่ 1 – 3 ไว้บนสนามเสียก่อน โดยจะมีเป็นบล็อคต่างๆ ให้ได้เลือกวางไว้ฝ่ายละครึ่งแผนที่ ซึ่งการวางตำแหน่งนี้เราต้องคอยคำนึงถึงประเภทของตัวเทพที่เราจะใช้ลงสนามเองด้วย
โดยเมื่อเริ่มการต่อสู้เหล่าทวยเทพภายในทีมของเราก็จะเดินไปด้านหน้าเพื่อเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดยอัตโนมัติ การวางตำแหน่งยืนจิงมีความสำคัญอย่างมากและเป็นตัววัดผลแพ้ชนะได้ในระดับนึงเลยเช่นกัน
ระบบการต่อสู้ Battle
อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นครับหลังจากที่เกมเริ่มแล้วเทพภายในทีมของเราจะทำการเดิมไปต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามโดยอัตโนมัติ ซึ่งสิ่งที่ผู้เล่นสามารถทำได้มีเพียงงอย่างเดียวคือการเปิดใช้งาน “การ์ดสกิล” เพื่อสั่งให้ตัวละครภายในทีมของเรากดสกิลนั่นเองครับ
แต่ใช่ว่าการ์ดเหล่านี้คิดจะเปิดก็เปิดได้เลยนะ เพราะการ์ดแต่ละใบจะมีการกำหนดไว้อยู่ว่าต้องใช้ค่า “สเตมิน่า” ในการเรียกใช้ โดยค่าดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นการใช้สกิลในแต่ละทีเราจำเป็นต้องวางแผนให้รอบคอบขืนเกิดใช้มั่วๆ ซั่วๆ เวลาจำเป็นต้องใช้สกิลสำคัญจะไม่เหลือไว้ให้ใช้นะ โดยรวมแล้วหลักการเล่นค่อนข้างคล้ายกับเกม Axie Infinity มากเลยทีเดียวครับ ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองใครที่เคยเล่นเกมดังกล่าวมาก่อนก็คงเข้าใจได้ไม่ยากนัก
หรือถ้าใครขี้เกียจจริงๆ ทางตัวเกมก็มีระบบ Auto Battle มาให้ด้วย กดครั้งเดียวตัวเกมก็จะเปิดใช้งานสกิลให้อัตโนมัติ ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่เพราะมันดูเหมือนการฆ่าตัวตายมากกว่าเมื่อเอามาใช้กับเกมแนวนี้น่ะ
เหล่าทวยเทพ God ภายในเกม
ถึงแม้ว่าตัวเกมจะใช้ธีมของ Ragnarok (แร็กนาร็อก) ซึ่งเป็นมหาศึกสงครามครั้งใหญ่ของ ตำนานเทพนอร์ส (Norse Mythology) ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่าเทพภายในเกมจะมาจากนอร์สซะหน่อยเพราะภายในเกมนั้นเหล่าผู้เล่นจะได้พบกับทวยเทพจากตำนานอื่นๆ มากมายทั้ง เทพ Zeus จากกรีก, เทพ Osiris จากอียิปต์, Nine-Tailed Fox จากญี่ปุ่น ไปจนถึงองค์อื่นๆ อีกมากมายให้ได้ไล่สะสมกันมากกว่า 100 องค์เลยทีเดียว
โดยเหล่าเทพเหล่านี้ก็มีวิธีแบ่งแยกได้หลายอย่างอันประกอบไปด้วย :
รูปร่างหน้าตาและการ์ดสกิล
เหล่าเทพภายในเกมนี้จะไม่ได้มีการกำหนดรูปลักษณ์ตายตัวครับ โดยแต่ละองค์นั้นจะประกอบไปด้วย ส่วนหัว, ลำตัวท่อนบน และ ลำตัวท่อนล่าง ทั้งหมด 3 ส่วน ซึ่งทั้งสามส่วนนี้สามารถผสมกันไปมาได้อย่างอิสระยกตัวอย่างเช่น หัวเทพ Osiris + ลำตัวเทพ Zeus + ท่อนล่างของ Horus เป็นต้น
และด้วยการผสมผสานส่วนร่างกายได้อย่างอิสระ การแต่งตัวของเหล่าเทพนี้จึงเป็นหนึ่งในส่วนที่ตัวเกมต้องการนำเสนอเช่นกัน แถมยังมีการโม้ออกมาด้วยว่าภายในเกม Tales of Ragnarok นี้จะมีเทพที่ไม่ซํ้ากันกว่า 1 ล้านองค์เลยทีเดียว
โดยแต่พาร์ทชิ้นส่วนนั้นไม่ได้มีไว้แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้นนะ เพราะแต่ละพาร์ทยังมีการเกี่ยวเนื่องกับ “การ์ดสกิล” ออกมาอีกด้วย
ระบบคลาสและเลวล
ในส่วนถัดมานั่นก็คือ “ระบบคลาส” ครับ ซึ่งเทพแต่ละองค์ภายในเกมนี้จะมีการล็อคคลาสที่ได้ตั้งแต่ต้น แต่ละคลาสเองก็มีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไปโดยในเกมนี้จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คลาสคือ
Tank – มีค่า HP และพลังป้องกันสูงสุด มีบทบาทไว้เป็นแนวหน้าให้กับทีม
Assassin – มีค่าพลังโจมตีและความเร็วสูง เหมาะสำหรับเป็นตัวดาเมจหลักประจำทีม
Magician – มีพลังโจมตีสูงและสกิลหลากหลาย เป็นคลาสที่เหมาะสำหรับซัพพอร์ตหรือฮีลให้กับทีม
นอกเหนือจากระบบคลาสแล้วเทพแต่ละองค์ก็ยังจะมี “เลเวล” กำกับไว้อยู่ ซึ่งผู้เล่นสามารถนำพวกเขาเหล่านี้ไปต่อสู้เพื่อเก็บค่า EXP ได้ ก่อนค่อยนำเหรียญโทเค็นมาใช้จ่ายเพื่ออัประดับให้พวกเขาอีกทีในภายหลัง ยิ่งเทพของเราเลเวลสูงขึ้นเท่าไหร่ ค่าสเตตัสต่างๆ ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นตามเท่านั้น
ระดับความหายาก
สำหรับความแรร์หรือ Rarity ภายในเกม Tales of Ragnarok นั้นจะไม่เหมือนเกมอื่นๆ อย่างเกมอื่นอาจคำนวนจากประเภทคลาส, อัตราการสุ่มได้ หรือไม่ก็สเตตัสตัวละครเป็นต้น แต่กับภายในเกมนี้มีการคำนวนจาก “แต้ม” หรือ Score แทนครับ
ซึ่งแต้มที่ว่าก็คำนวนจากการนำพาร์ทร่างกายทั้ง 3 ส่วน + 1 อาวุธ มาคิด พาร์ทแต่ละส่วนนั้นจะมีแต้มให้มาไม่เหมือนกันเช่นเดียวกันกับตัวอาวุธเองด้วย โดยแต้มตํ่าสุดจะอยู่ที่ 50 และสูงสุดที่ 100 พอนำเอาทั้ง 4 ส่วนมารวมกันก็จะได้แต้มและมีการแบ่งไปเป็นแรงค์ สำหรับคะแนนเท่าไหร่ได้แรงค์ไหนเพื่อนๆ ก็เช็คจากด้านล่างเลยครับ
Common | น้อยกว่า 279 แต้ม |
Rare | 280 – 324 แต้ม |
Epic | 325 – 354 แต้ม |
Mystical | 355 – 384 แต้ม |
Legendary | 385 – 400 แต้ม |
ทางตัวเกมมีการระบุไว้ว่าแรงค์ที่ได้นี้จะส่งผลต่อเรื่องสเตตัสของตัวละครเองด้วย แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าส่งผลแบบไหนอะไรยังไง จึงทำให้เราเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ คือตัวระดับ Legendary จะเทพสุดแน่นอนครับ
อาวุธภายในเกม
อีกหนึ่งปัจจัยช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเหล่าเทพได้คือ “อาวุธ” ครับ โดยอาวุธภายในเกมนี้บทบาทหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ “การเพิ่มแต้มแรงค์” และ “เพิ่ม Add-on ให้กับสกิล” นั่นเอง ในส่วนของการเพิ่มแต้มผมได้อธิบายไปข้างบนแล้วผมขอข้ามเลยแล้วกัน แต่จะมาพูดในส่วนของบทบาทที่สองหรือ Add-on แทน โดยทางตัวเกมได้บอกไว้ว่าอาวุธแต่ละประเภทสามารถช่วยเพิ่มความสามารถของตัวเทพเราได้ แต่ว่าการเพิ่มนั้นเองก็จะมีการแบ่งไปตามประเภทอาวุธเองด้วย
ยกตัวอย่างเช่นอาวุธประเภท “โล่” ก็ช่วยเพิ่มเกี่ยวกับการป้องกันหรือเอฟเฟ็คต่างๆ ที่ส่งผลของสาย Tank หรือ “ธนู” ก็เพิ่มบัฟเกี่ยวกับการโจมตีกับเอฟเฟ็คสาย Assassin อะไรทำนองนี้เป็นต้น ดังนั้นการหาอาวุธมาสวมใส่ถ้าจะให้เวิร์คจริงๆ เราต้องคำนึงถึงประเภทของอาวุธและเทพที่เรานำมาใส่ให้ด้วย จะคิดจากแต้มเพียงอย่างเดียวไม่ได้นั่นเองครับ
พื้นที่ดินแดน Ragnaverse
Ragnaverse นั้นเป็นระบบที่ดินหรือ Land ซึ่งเราเห็นกันในเกม NFT อื่นนั่นเองครับ ซึ่งภายในเกมนี้ก็มีการใส่มาไว้ด้วยเช่นกัน โดยหลักการก็แทบเหมือนกับเกมอื่นเลยนั่นล่ะ ที่ดินเหล่านี้มีไว้สำหรับใช้สร้างอาคารต่างๆ พร้อมยังใช้เป็นแหล่งสร้างผลผลิตต่างๆ ที่เรานำมาใช้ในเกมได้
ปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับ Ragnaverse นั้นแทบไม่มีอะไรเลย อาจต้องรอให้ตัวเกมพร้อมกว่านี้ข้อมูลจึงอาจเผยตามมาอีกทีนึงล่ะนะ
Avatar ตัวละครของผู้เล่น
Avatar อีกหนึ่งรายการไอเทม NFT ภายในเกมนี้ที่ผู้เล่นสามารถหามาครอบครองได้ โดยมีลักษณะเป็นภาพอาร์ตแทนตัวของผู้เล่น ซึ่งสามารถนำไปใช้แทนรูปโปรไฟล์หรือไว้ใช้สำหรับกรณีเข้าร่วมคอมมูนิตี้ต่างๆ ก็ได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับรูปอวาตาร์เหล่านี้ไม่มีผลอะไรกับระบบการต่อสู้ภายในเกมนี้ ดังนั้นถ้าใครคิดว่ามันไม่จำเป็นก็สามารถเมินไปได้ด้วยเช่นกันครับ
แผนการป้องกันการ Rug-Pull
เนื่องด้วยจากปัจจุบันมีหลายเกมเลยทีเดียวที่พอมีคนลงทุนมาแล้วก็ชอบเผ่นหนีหายไปหรือที่เรียกกันว่า Rug-Pull ทางตัวเกม Tales of Ragnarok จึงได้ออกมาตรการมารับมือปัญหาดังกล่าว พร้อมทำให้เหล่าผู้เล่นสามารถมั่นใจในตัวเกมนี้ได้นั่นเองครับ ซึ่งปัจจุบันก็มีการกำหนดแผนการออกมา 2 อย่างคือ :
1. การแจกเหรียญโทเค็นหรือ Token Vesting ให้ทีมงานหรือที่ปรึกษานั้นจะถูกแจกจ่ายก็ต่อเมื่อผ่าน 6 เดือนไปแล้วและจะยังคงแผนนี้ไปอีกกว่า 1 ปีเลยด้วย (ได้เหรียญช้ากว่าผู้เล่น)
2. โทเค็นของ Ecosystem และ Listing Reserve ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ใน Timelock ซึ่งมีการดำเนินงานล่าช้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมงขึ้นไป
ด้วยวิธีการเหล่านี้จึงอาจทำให้การันตีความปลอดภัยของตัวเกมได้ระดับนึงเลยนั่นเองครับ แต่ถึงยังไงถ้าเกิดใครคิดมาลงเกมนี้ก็ควรรอบคอบเสมอก่อนนะ
Tale of Ragnarok เกม NFT ในสไตล์มหาศึกเทพชนเทพ มีแผนเตรียมลงให้กับแพลตฟอร์มของ Binance Smart Chain (BSC) ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 นี้ครับผม
เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข่าวสารที่น่าสนใจเพียงเท่านั้นหาใช่ชักชวนหรือแนะนำการลงทุนไม่ ส่วนใครที่ต้องการศึกษาหาข้อมูลของตัวเกมเพิ่มก็สามารถเข้าไปด้านจากลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ :
Website: Tales of Ragnarok
Facebook: Tales Of Ragnarok | Facebook
Twitter: Tales of Ragnarok (@talesofragnarok)
Medium: Tales of Ragnarok – Medium
Telegram: Telegram: Contact @talesofragnarokchat
Whitepaper: Introduction – Tales of Ragnarok