ถ้าพูดถึงเกมที่กำลังมาแรงตอนนี้ คงไม่พ้น V Rising ผลงานเกมตัวใหม่ที่ได้วางจำหน่ายไปบน Steam และกำลังได้รับความนิยมเป็นพลุแตกอยู่ในขณะนี้ โดยในวันนี้ผมจะมา รีวิว ถึงตัวเกมดังกล่าวให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันมากขึ้น เรามาดูกันสิว่าเพราะเหตุใดทำไมตัวเกมดังกล่าวจึงได้รับความนิยมขนาดนี้และมันสนุกจริงอยากที่เขาคุยกันรึเปล่า
V Rising คือเกมอะไร?
สำหรับตัวเกม V Rising นี้เป็นผลงานเกมซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยค่าย Stunlock Studios สตูดิโอผู้เคยสร้างเกมอย่าง Battlerite เกมแนว MMO ที่เป็นกระแสโด่งดังกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนในเวลาต่อมาตัวเกมดังกล่าวจะได้ต่อยอดกลายมาเป็นเกมใหม่ Battlerite Royale ซึ่งปัจจุบันทั้งสองเกมก็ยังเปิดให้ได้เล่นกันอยู่ในแบบ Free to Play บนหน้าร้าน Steam ถ้าเพื่อนๆ สนใจลองแวะไปดูกันได้นะ
กลับเข้าเกมของเราต่อดีกว่า V Rising นั้นจะเป็นผลงานตัวล่าสุดของทางค่ายดังกล่าวครับ โดยตัวเกมได้มีการนำเอาธีมยอดนิยมอย่าง “แวมไพร์” มาใช้เป็นเนื้อหาหลัก ซึ่งภายในเกมจะให้เราได้รับบทเป็นแวมไพร์ที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปอย่างยาวนานเผื่อหลบหนีการตามล่าของเหล่ามนุษย์ แน่นอนว่าภายในเกมก็จะเน้นธีมแนวแฟนตาซีเป็นหลักเลยทั้ง แวมไพร์, สัตว์ประหลาด, เวทมนต์ และจิปาถะอีกมากมายเลยทีเดียว
ซึ่งพอดูเนื้อหาเกมแล้วเพื่อนๆ ก็อาจสงสัยจริงไหมว่าเกมมันน่าสนใจยังไง? มันก็พล็อตแนวแวมไพร์เดิมๆ ไม่ใช่หรอ? เอาล่ะทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไมเกมนี้ถึงได้รับความนิยมนักจะได้หายสงสัยกันเสียที
เกมเพลย์เล่นสนุก
ตัวเกม V Rising นั้นจะเป็นเกมที่มาในรูปแบบของ Action RPG แบบโลกเปิด Open World ผสมกับแนวเอาชีวิตรอดอย่าง Survival ซึ่งตัวเกมก็ยังคงมาสไตล์เกมมุมมองด้านบนเหมือนผลงานก่อนหน้านี้ของทางค่าย แต่ก็ต้องขอบอกเลยว่าการกลับมาในครั้งนี้ทาง Stunlock Stuidos ก็ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่อย่างมากและทำให้เกมนี้เล่นสนุกอย่างมากทีเดียว
ภายในเกมเปิดให้เราออกท่องโลกกว้างได้อย่างอิสระพร้อมรวบรวมวัตถุดิบผ่านวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การตัดไม้, ขุดแร่, เก็บเกี่ยว, ตกปลา หรือแม้แต่จากการไล่ฆ่าเหล่ามอนสเตอร์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในเกมมาเพื่อคราฟสิ่งของทั้งหลายแหล่ ตั้งแต่คบไฟประดับกำแพงยันปราสาทหลังโตเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นทางตัวเกมยังมีรายการบอสต่างๆ ให้เราออกไปล่าอีกด้วย ซึ่งทุกครั้งที่เราโค่นบอสแต่ละตัวได้ก็จะปลดล็อคพลังใหม่รวมไปถึงรายการคราฟของใหม่ๆ เองด้วย
ในส่วนของระบบ Survival นั้นถึงแม้ภายในเกมนี้เราเล่นเป็นแวมไพร์เราไม่จำเป็นต้องกินดื่มก็จริงแต่เรายังคงมีค่า “ความกระหาย” อยู่ ซึ่งแน่นอนแวมไพร์ก็ต้องดื่มเลือดใช่ไหมล่ะภายในเกมก็เป็นเช่นนั้นครับ หากค่าความกระหายดังกล่าวลดไปจนถึงกำหนดมันจะทำให้ตัวละครเราอ่อนแอลงแถมค่าพลังชีวิตยังจะลดลงไปเรื่อยๆ เลยด้วย
ส่วนระบบการต่อสู้หรือ Combat ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันเลย ตัวเกมทำออกมาค่อนข้างลื่นไหลเล่นไม่ชะงัก มีลูกเล่นอะไรหลายอย่างให้ได้ใช้กันตั้งแต่อาวุธ, ชุดเกราะ ไปจนถึงในส่วนของสกิลเลยด้วยครับ แถมยิ่งเล่นไปไกลๆ เรายังแปลงร่างเป็นโน่นนี่ได้อีกต่างหากเป็นอะไรที่สนุกมากทีเดียว
ระบบกรุ๊ปเลือดและความสามารถ
จากก่อนหน้านี้ในส่วนของ Survival ที่ถึงแม้แวมไพร์เราจะไม่หิวไม่ต้องกินแต่พวกเขาก็ยังต้องดื่มเลือดอยู่ เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่าเรื่องระบบเลือดเนี่ยไม่ใช่แค่กินเพื่อคลายกระหายเท่านั้นนะ ภายในเกมยังมีการใส่ลูกเล่นสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เกมน่าสนใจมากเลยนั่นก็คือเรื่องของ “กรุ๊ปเลือด”
ซึ่งตัวกรุ๊ปเลือดนี่จะไม่ใช่แบ่งไปเป็นกรุ๊ป A, B หรือ O แบบในชีวิตจริงเรานะ แต่แบ่งออกเหมือนลักษณะ “คลาสอาชีพ” มากกว่าเช่น Warrior, Rogue, Bandit หรือพวกเลือดจากสัตว์ก็จะเป็น Creatures ตัวกรุ๊ปเลือดนี้มีการ “เพิ่มค่าความสามารถ” ให้กับตัวแวมไพร์ของเราเมื่อดื่มเข้าไปทำงานเหมือน Passive Skill ในเกมออนไลน์ก็คงไม่ผิดนัก
โดยความสามารถของกรุ๊ปเลือดนี้จะมีการแบ่งออกเป็น 5 ขั้นด้วยกันยกตัวอย่างเช่น:
กรุ๊ปเลือดของ Warrior
• ขั้น I – เพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 10 – 20%
• ขั้น II – ลดคูลดาวน์สกิลอาวุธ 8 – 15%
• ขั้น III – ลดความเสียหายที่ได้รับ 7.5 – 15% และทำดาเมจใส่ศัตรูแรงขึ้น 25% หากมีพลังชีวิตเต็ม
• ขั้น IV – โอกาสปัดป้องการโจมตี 15% ถ้าสำเร็จจะลดดาเมจที่ได้รับลงครั้งนั้น 50% และโจมตีเป้าหมายนั้นแรงขึ้น 25%
• ขั้น V – เพิ่มความสามารถด้านบนทั้งหมดอย่างละ 30%
ซึ่งแต่ละขั้นนั้นจะปลดล็อคตาม “ความเข้มข้นของเลือด” ขั้นแรกจะปลดล็อคเมื่อความเข้มข้นน้อยกว่า 30%, ขั้นสองมากกว่า 30%, ขั้นสามมากกว่า 60% ประมาณนี้ มันจึงทำให้การจะดื่มเลือดศัตรูแต่ละทีเราต้องมาคอยสังเกตกรุ๊ปเลือดเหล่านี้ด้วยเกิดไปได้กรุ๊ปไม่ดีแล้วความเข้มข้นน้อยนี่แวมไพร์เราแทบจะพิการเลยบางที ซึ่งตอนแรกใครเล่นอาจงงๆ อยู่บ้างแต่พอเข้าใจแล้วเป็นอะไรที่ว้าวมากทีเดียว
อุปกรณ์และสกิลมากมายให้ได้เลือกใช้
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ตัวเกม V Rising ดูน่าสนใจแบบสุดๆ เลยก็คือในส่วนของ “อุปกรณ์และสกิล” ที่ภายในเกมจะมีอุปกรณ์หลายอย่างมากมายให้เราได้เลือกใช้พร้อมด้วยสกิลอีกเพียบเลยทีเดียว
สำหรับอาวุธภายในเกมนี้มีอยู่ทั้งหมด 7 ชนิดด้วยกันคือ ดาบ, ขวาน, กระบอง, หอก, หน้าไม้, เคียว และ มีดคู่ อาวุธแต่ละชนิดก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป นอกจากนี้อาวุธแต่ละชิ้นจะมีสกิลติดมาด้วยที่เรียกว่า Weapon Skills อีกอย่างละ 2 อัน ซึ่งสกิลเหล่านี้เปิดให้เราใช้ได้ก็ต่อเมื่อวัสดุที่ใช้สร้างนั้นตรงตามเงื่อนไข อย่างสกิลแรกจะปลดก็ต่อเมื่ออาวุธชิ้นนั้นทำจากแร่ Copper หรือแร่ที่ดีกว่า มันเลยทำให้ในช่วงแรกเราอาจยังใช้ตรงนี้ไม่ได้และต้องเล่นไปสักพักจนได้ของดีกว่าจึงจะเข้าถึงนั่นเองครับ
ถัดมาก็คือในเรื่องของสกิลหรือ Ability โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ:
• Combat Ability เป็นสกิลที่ไว้ใช้สำหรับการต่อสู้ซึ่งมีแยกย่อยออกไปอีก 5 สายด้วยกันคือ Blood, Unholy, Illusion, Chaos และ Frost ซึ่งแต่ละสายก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน อย่าง Chaos จะเน้นไปทางการเผาทำดาเมจต่อเนื่องหรือ Frost เน้นทำให้ศัตรูช้าลงหรือแช่แข็งเป็นต้น แถมสกิลเหล่านี้เรายังเล่นผสมกันได้หมดไม่จำเป็นต้องเล่นสายใดสายหนึ่งอีกด้วย
• Vampire Power เป็นสกิลในกลุ่มประเภทใช้งานทั่วไปเช่นพวก สกิลแปลงร่าง, สกิลหลอกล่อคน, สกิลฟื้น HP อะไรทำนองนี้เป็นต้นครับ เป็นสกิลไว้ใช้ในกรณีแตกต่างกันไป เอาไว้ใช้นอกต่อสู้นั่นเอง
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือสกิลก็ตามแต่ทั้งหมดจะปลดล็อคได้เมื่อเราฆ่าเหล่ามอนสเตอร์ที่มี V Blood หรือก็คือเหล่าบอสนั่นเองครับ ตัวเกมเลยเปรียบเสมือนบีบให้เราต้องคอยออกล่าบอสเหล่านี้อยู่ตลอดเพื่อปลดล็อคความสามารถและของใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเราก็จะไปต่อไม่ได้และยํ่าอยู่กับที่นั่นเอง
สภาพแวดล้อมอันส่งผลต่อชีวิต
ขึ้นชื่อว่าเป็นแวมไพร์แล้วสิ่งที่หนีไม่พ้นจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องของ “แสงแดด” ใช่ไหมล่ะ แน่นอนว่าเรื่องจุดเด่นนี้ตัวเกมก็ได้เอามาใส่ไว้ในเกมผ่านระบบกลางวันกลางคืนด้วย ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างที่ส่งผลกับการเล่นในเกมนี้มากทีเดียว
โดยในช่วงกลางคืนมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับเราใช้ชีวิตประจำวันแบบแวมไพร์ได้ปกติแต่พอช่วงเช้าที่แดดออกเมื่อไหร่นี่ล่ะความยากจะเพิ่มไปอีกขั้นเลย ซึ่งถ้าเราออกไปโดนแดดนิดๆ หน่อยๆ มันก็ยังไม่มีผลอะไรมาก แต่ถ้าเกิดเรายืนแช่ไว้สัก 4 – 5 วินาทีปุปเราจะเริ่มโดนดาเมจจากแสงแดดทันที แถมโดนแบบหนักหน่วงเลยด้วยชนิดที่ว่าแว็บเดียวแวมไพร์เราจะกลายเป็นฝุ่นไปในพริบตาเลย
ระบบแสงแดดนี่ส่งผลชัดเจนมากเวลาที่เรากำลังสู้อยู่ครับ เพราะเราจะหลบได้คือต้องเข้าไปแอบในที่ร่มอาจเป็นใต้หลังคาไม่ก็ใต้เงาต้นไม้หรือก้อนหินอะไรพวกนี้ ยิ่งถ้าเกิดใครกำลังสู้บอสอยู่แล้วเช้าขึ้นมานี่แทบนรกเลย เพราะขึ้นชื่อว่าบอสมันก็โค่นไม่ได้ง่ายๆ หรอก แล้วไหนต้องมาระวังไม่ให้โดนแดดเผาตายอีกความยากมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าทีเดียว แต่มันก็เป็นสเน่ห์อีกอย่างที่ทำให้ V Rising เล่นสนุกใช่ย่อยเลยนะ
ระบบ PVP หัวใจหลักของเกม
ถึงแม้ระบบหลายอย่างทำมาออกแนวผจญภัยสำรวจโลกเพลินๆ แต่ถ้าให้พูดตามตรงแล้วหัวใจหลักเกมนี้อยู่ที่ “ระบบ PVP” เลยครับ เพราะความสนุกแทบทั้งหมดคุณจะไม่ได้เจอมันเลยหากไม่ได้มาลองคอนเทนต์นี้
ตามที่ได้อธิบายในหัวข้อก่อนๆ ว่าการเล่นภายในเกมนี้มีปัจจัยค่อนข้างหลายอย่างทั้ง อาวุธ, สกิล, สายพันธุ์เลือด ไปจนถึงเรื่องสภาพแวดล้อมก็ตามที คือธรรมดามันก็จัดว่าเล่นยากพอตัวอยู่แล้วแต่พอเข้าเรื่องของ PVP ที่เป็นผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากัน ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มันจะช่วยเพิ่มความกดดันได้พอสมควรเลย ทำให้การสู้แต่ละทีต้องใช้ชั้นเชิงกันในระดับนึงเลย ไม่ใช่เข้าใส่กันแล้วจบแบบที่หลายเกมทำ มันเลยทำให้ระบบ PVP นี้ค่อนข้างสนุกมากทีเดียว
ยิ่งถ้าใครเล่นเซิร์ฟที่เป็น PVP Full Loot ยิ่งต้องเพิ่มความระวังเป็นเท่าตัวเลยด้วย เพราะการตายครั้งนึงไอเทมเราจะหล่นลงพื้นหมดเลยเท่ากับที่ฟาร์มมาจะสูญเปล่าทันที หรือจะเอาแบบสเกลใหญ่หน่อยอย่าง Clan vs Clan ยกพวกตีกันแบบ 10 vs 10 ก็ทำได้ด้วยล่ะนะ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่อยากให้ลองจริงๆ ครับคือมันสนุกจนแบบกลับไปเล่นเซิร์ฟไม่เปิด PVP ไม่ได้อีกเลย
ถือว่าเป็นการจบ รีวิว เกม V Rising ไปแบบคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ ส่วนตัวผมให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกมาก แล้วความสนุกจะยิ่งเพิ่มทวีคูณเลยหากคุณเล่นกับเพื่อน แถมตัวเกมก็ไม่แพงเลยด้วยเพียง 289 บาทเท่านั้นเอง เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจก็สามารถไปหาซื้อตัวเกมมาเล่นกันได้วันนี้ที่หน้า [ ร้านค้า Steam ] เลยครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของเกม V Rising ได้ [ ที่นี่ ]
ซื้อเกมสตรีมสุดคุ้มผ่าน Razer Gold