อันที่จริงถ้ากล่าวถึง Minecraft แล้วคิดว่าเพื่อนๆ ส่วนมากน่าจะรู้จักกันหมดแล้วกับเกมแนวสร้างบ้านด้วยบล๊อคเหลี่ยมๆ ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนาน และเป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัน มีหลายหลายเวอร์ชั่นในแต่ละเครื่องให้ได้เล่นกัน แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไม่ทราบลองมาทำความรู้จักกันได้จ้า
Minecraft เป็นเกมแนวยังไง?
ตัวเกม Minecraft นั้นเป็นเกมแนว Sandbox สาย Voxel (สร้างสิ่งต่างๆ โดยมีจะมีความเป็นเหลี่ยมๆ เป็นหลัก ไม่มีความโค้งมนและมีจำนวนของสีที่ต่ำ) ที่เรียกว่าเป็นแม่แบบของเกมแนวนี้ในปัจจุบันเลย ภายในเกมนั้นแม้ว่าจะมีฉากจบให้ก็ตาม แต่ก็ยังกลับเข้ามาในโลกเดิมพร้อมกับมีเนื้อหารอหลังจากนั้นอยู่อีก ดังนั้นการเล่นใน Minecraft ของผู้เล่นแต่ละคนจึงเป็นการทำอะไรตามใจตัวเองในโลกที่เหมือนกับกล่องของเล่นต่อบล๊อคขนาดใหญ่นี้ สุดแล้วแต่จินตนาการว่าใครจะสร้างสรรค์อะไรนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็ไม่ได้มีแต่เพียงบล๊อคให้เพื่อนๆ สะสมตามหาเพื่อมาสร้างอย่างเดียวเท่านั้น แต่ได้มีระบบต่างๆ มากมายทั้งลึกซึ้งและพื้นฐานทั่วไปอยู่ด้วย จะเป็นการต่อสู้ก็ดี การเลี้ยงสัตว์ก็ดี จนกระทั่งถึงการผลิตบล๊อคบางชนิดที่มีขั้นตอนพิเศษ บล๊อคบางอย่างที่ต้องไปในพื้นที่เฉพาะถึงจะมี และระบบ Redstone (สายไฟ) ที่สามารถเล่นได้หลายหลายมาก ทำให้ตัวเกมไม่ได้จำกัดอยู่ที่ต้องเป็นคนที่ชอบสร้างอะไรต่างๆ เท่านั้น แต่คนที่ชอบผจญภัยหรือช่วยเหลือคนอื่นๆ ทำสิ่งต่างๆ ก็ยังสนุกไปด้วยกันได้
ด้วยความย่อยง่าย มีอิสระเต็มที่ เข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นสูตรค๊อกเทลแห่งความนิยม ตัวเกมเองก็ยังมีการรองรับการ Mod ต่างๆ ทำให้เกิดความเฮฮากันมากขึ้นจากสารพัด Mod ที่บางตัวก็แทบจะเปลี่ยนตัวเกมไปเป็นอีกแบบ จากความพื้นๆ มีเครื่องจักรอำนวยความสะดวกที่ซับซ้อนมากขึ้น จนถึงเหล่า Monster มากมายและการพัฒนาการต่อสู้ให้มันน่าสนใจขึ้น กลายเป็นเกม RPG ไปเลยก็ยังมี ทำให้ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม Minecraft ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลยนั่น สามารถทำให้หลายๆ คนติดกันงอมแงมได้ขนาดนี้ ….. ความอยากโชว์ของที่สร้างมาให้กับคนอื่น และการเล่นด้วยกันในเกมที่เรียบง่ายแต่มีอะไรให้ทำหลายหลากนี่แหละ คือสูตรความสำเร็จที่ทำได้ยาก แต่มันใช้ได้จริง
ทำไม Minecraft ถึงเป็นที่นิยม?
► ความเป็น Sandbox ที่เน้นการสร้าง
อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่จุดขายหลักของ Minecraft นั้นอยู่ที่การสร้างมากกว่าระบบอื่นๆ อย่างชัดเจน การเล่น Minecraft นั้นจะเหมือนกับการที่เพื่อนๆ ได้เล่นตัวต่อขนาดยักษ์ ได้เติมแต่งจินตนาการของตัวเอง สร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาและได้เข้าไปอยู่ในนั้น สามารถชวนให้คนอื่นๆ มาดูได้ มันเป็นเหมือนกับความฝันอย่างหนึ่งที่ในวัยเด็กหลายคนต่อตัวต่อเป็นบ้านหรืออาคาร แต่ไม่สามารถเข้าไปดูทางเดินต่างๆ ที่เราบรรจงทำอย่างสวยงามได้ ซึ่ง Minecraft ได้สานฝันตรงนี้ของทุกคนให้เป็นจริงได้
► ตัวเกมที่เข้าถึงได้ง่าย
ระบบของ Minecraft นั้นเข้าใจไม่อยาก ด้วยรูปแบบที่เหมือนกับการต่อบล๊อคต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำความเข้ามันมากนัก เล่นเพียงแค่ไม่นานก็สามารถเข้าใจถึงระบบต่างๆ เกินกว่าครึ่งและนำมาใช้ได้แล้ว ทำให้แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ยังสนุกไปกับตัวเกมได้ ในขณะที่มีความท้าทายในการต้องหาไอเทมควบคู่กันไป นอกจากนี้สำหรับผู้เล่นที่มีความจริงจังหรืออายุมากขึ้น ก็ยังมีระบบเชิงลึกที่รอให้ค้นพบและเอามาใช้งานพลิกแพลงให้เกิดไอเดียใหม่ๆ แหวกแนวได้อีก
► ความอิสระของตัวเกม
แม้ว่าจะเป็นเกมต่อบล๊อคสร้างของ แต่ถ้าทุกอย่างถูกจำกัดเป็นขั้นเป็นตอนเกินไปความสนุกก็ย่อมลดลง ซึ่งใน Minecraft ก็ได้ให้อิสระกับผู้เล่นเต็มที่ เริ่มมาอยากจะทำอะไรก็ได้ทันที มีเพียงดวงที่จะหาพื้นที่ต่างๆ เจอและฝีมือในการพยายามเอาตัวรอดจากพื้นที่ต่างๆ เหล่านั้นที่เป็นอุปสรรคขัดขวางทาง
ในแง่ข้อเสีย ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นใหม่หลงทางไม่รู้จะทำอะไรได้ง่าย แต่ในทางกลับกัน คนที่รู้อยู่แล้วก็สามารถมุ่งหน้าไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำได้ทันทีอีกด้วย ทำให้เกิดการช่วยเหลือหรือแนะนำผู้เล่นด้วยกันเองได้เป็นอย่างดี
► เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี
ต้องยอมรับว่า ลึกๆ ในใจของหลายคนแล้วนั้น ก็อยากเล่นของเล่นหลายอย่างของเด็ก แต่ด้วยวัยที่โตแล้วก็อาจจะรู้สึกเขินๆ อายๆ กันบ้าง ตัวต่อเองก็เช่นกันที่มันก็เป็นหนึ่งในของเล่นที่เล่นได้ทุกวัย แต่พูดก็พูดคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะรู้สึกเขินที่ต้องมาต่อของเล่นของเด็กๆ จนต้องหาตัวต่อที่ดูเท่ ดูสวยงามมากขึ้น อย่างที่เห็นกันเสมอ
Minecraft เองได้เข้ามาตอบโจทย์ในส่วนนี้ ด้วยตัวเกมที่ดูพื้นๆ ไม่เด็กจนผู้ใหญ่เขินตอนเล่น ไม่ผู้ใหญ่จนเด็กงงว่าอะไรคืออะไร หรือถ้าอยากให้มันดูแปลกไปจากปกติก็ยังลง Texture Pack / Resource Pack เปลี่ยนหน้าตาให้เป็นอย่างที่ชอบได้อีกมากมาย ทำให้มันสามารถกลายเป็นเกมที่อยู่ตรงกลาง จะวัยไหนก็ร่วมเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานไม่ต้องเขินหรือได้แต่นั่งดูนั่นเอง
► Mod ไส้แตก
อีกหนึ่งในจุดแข็งของ Minecraft ก็คงไม่พ้นเรื่องของการ Mod ที่เหล่า Modder ต่างก็สรรหาวิธีในการทำให้ตัวเกมมีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเล่นได้ง่ายขึ้น หรือเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เพราะไม่พอใจกับที่ของเดิมมีอยู่ ตั้งแต่ Mod เล็กๆ ทำให้พื้นไม่พังเวลาโดนระเบิด อำนวยความสะดวกในการปลูกพืช ไปจนถึง Mod ขนาดใหญ่ที่เพิ่มระบบเวทย์เข้ามาในเกม มีมอนสเตอร์ให้สู้มากมาย บอสเยอะแยะ มีดันเจี้ยนสุดโหด หรือระบบเครื่องจักรอลังการล้านแปด (แลกกับการถล่ม Ram ของเพื่อนๆ จนหายสิ้น)
ทำให้ตัวเกมนั้นไม่จบแค่เนื้อหาพื้นฐานหลัก แต่ยังสามารถหยิบ Mod มาเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้เรื่อยๆ รวมถึงสร้างสีสรรในการเล่นกับผู้เล่นคนอื่นได้อีกมากเลยทีเดียว
ถ้าหากจะถามว่าแล้วตัวเกมมีข้อเสียไหม ก็คงต้องบอกว่ามีและค่อนข้างหนัก นั่นคือการกินแรงเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ CPU / RAM จนเหล่า Server ถึงกับต้องกรีดร้องเวลาที่มีคนสร้างฟาร์มหฤโหดใน Server ตัวเองกันอยู่เป็นร่ำไป อย่างไรก็ดีนั้น ด้วยความที่ในปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นพัฒนามามากขึ้น ราคาของเครื่องต่างๆ ก็อยู่ในระดับที่จับถึงได้มากขึ้น ปัญหานี้ก็ลดลงไปมาก และมีการทำ Mod ที่บริโภคให้หนักขึ้นแลกกับภาพที่สวยกิ้งดั่งรูปถ่ายมาแทนกันต่อไป (ฮา)
มันมีสองเวอร์ชั่นหลัก!
Minecraft นั้นก็มีตัวเกมในหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน โดยเฉพาะหากรวมไปถึงเกมอื่นในจักรวาลเดียวกันอย่าง Minecraft Earth, Minecraft Dungeon แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงในส่วนของตัว Minecraft หลักๆ เท่านั้น ซึ่งจะมีการแบ่งตัวเกมออกเป็นเวอร์ชั่นหลักๆ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน นั่นคือ Java และ Bedrock
ทั้งสองเวอร์ชั่นโดยรวมแล้วค่อนข้างคล้ายกัน แต่ส่วนของระบบปลีกย่อยจะแตกต่างกันอยู่ในด้านของตัวสูตรคำนวนที่ทำให้อาจจะใช้เทคนิคบางอย่างในอีกเวอร์ชั่นไม่ได้ ยกเว้นทางฝั่งของ Education ที่จะมีลักษณะแตกต่างไปอย่างชัดเจน (ในแง่ของการคราฟที่มีธาตุต่างๆ ในชีวิตจริงมาเกี่ยวข้อง)
► Java
ตัว Java Edition นั้นจะเป็นเวอร์ชั่นที่จัดว่ามีการอัพเดทเร็วที่สุด รวมถึงแพงที่สุดเช่นเดียวกัน เล่นได้เฉพาะบนเครื่อง PC เท่านั้นและไม่สามารถ Cross Platform กับเครื่องอื่นๆ ได้ (ต้องเล่นกับ Java ด้วยกันเท่านั้น) โดยสนนราคาก็จะอยู่ที่ราวๆ ประมาณ 800 บาทต่อ 1 ID เรียกได้ว่าแพงมากเลยทีเดียว
ด้วยความที่อัพเดทเร็วที่สุด, รองรับการ Mod หลายๆ อย่างทำให้เป็นเวอร์ชั่นที่ผู้เล่นส่วนมากจะนิยมเล่นมากที่สุดไปด้วยในตัว ทำให้ปกติถ้ามีการพูดถึงตัว Minecraft แล้ว มักจะสื่อถึง Java Version มากกว่าเวอร์ชั่นอื่นๆ เสมอ
► Bedrock
ส่วนทางด้าน Bedrock Edition นั้นจะเป็นรวมมิตรของทางฝั่ง Console ไม่ว่าจะเป็น PlayStation, Xbox, Nintendo Switch, Mobile รวมไปถึง PC ในรุ่นของ Window 10 ก็เช่นกัน และจะสามารถเล่นด้วยกันได้ มีระบบ Community อย่างเป็นทางการของทาง Microsoft รองรับ
จุดที่แตกต่างก็จะเป็นเรื่องของระบบเชิงลึกในเกม เช่นการ Spawn, ระบบ Redstone, การขายของจาก NPC บางส่วนที่ทำงานไม่เหมือนกัน ทำให้หากทำตาม Tutorial จะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าเป็นระบบของทาง Java หรือ Bedrock ก่อนจะทำมาใช้งาน ไม่งั้นก็อาจจะทำไม่ได้
นอกจากนี้ก็จะไม่สามารถ Mod ได้เท่าไหร่นักต้องรอระบบจาก Community เป็นหลัก อย่างไรก็ดี จุดเด่นที่ Cross Platform ได้และมีราคาที่ถูกกว่ามาก (ของ Window 10 นี่บางครั้งก็แจกฟรีหรือถูกยิ่งกว่าข้าวจานนึงด้วยซ้ำ) ก็ทำให้หลายคนเลือกที่จะหยิบมาเล่นเช่นกัน
► เลือกเวอร์ชั่นไหนดี
การที่ตัวเกม Minecraft มีอยู่สองเวอร์ชั่นหลักๆ แบบนี้ ถ้าเพื่อนๆ ต้องการจะเล่นกันก็ควรปรึกษากันก่อนว่าจะเล่นตัวเกมในเวอร์ชั่นไหน เพื่อที่จะได้สามารถเล่นด้วยกันได้นั่นเอง เพราะถ้าหยิบมาผิดเวอร์ชั่นงานนี้เล่นกันไม่ได้แน่นอน เดี๋ยวจะต้องลำบากมาซื้อในอีกเวอร์ชั่นถึงจะเล่นด้วยกันได้
โดยจุดที่ควรดูนั่นก็จะมีไม่กี่จุดเท่าไหร่นัก
- เครื่องที่ใช้เล่น : จุดหลักเลย ถ้าเครื่องที่จะเล่นนั้นรองรับเวอร์ชั่นไหน เป็น Console ไม่ใช่ PC ตัวเลือกก็แทบจะตกไปอยู่ที่ตัว Bedrock Edition แล้วล่ะ
- งบประมาณ : เป็นจุดรองที่ต้องดูตามมา เนื่องจากว่าความแตกต่างของราคาทั้งสองเวอร์ชั่นนั้นต่างกันมากๆ บางคนอาจจะลำบากซื้อเวอร์ชั่น Java ไม่ได้ก็เป็นได้
- ความอยาก Mod ตัวเกม : ถ้าเพื่อนๆ อยาก mod เพิ่มสีสรรเพราะคิดว่าตัวเกมดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์แล้ว อยากสัมผัสบรรยากาสที่แนวกว่าเดิม ก็จะต้องเลือกตัว Java เป็นหลักกัน
ถึงจุดนี้ก็คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะเข้าใจเกี่ยวกับตัวเกม Minecraft มากขึ้นแล้วว่ามันเป็นเกมยังไง ทำไมคนถึงนิยมกันทั้งที่มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย แค่ต่อบล๊อคไปเรื่อยๆ แท้ๆ แต่นั่นแหละ บางครั้งความสนุกก็ไม่เคยถูกจำกัดด้วยภาพและการเล่นพื้นๆ เหมือนเขาว่าอย่าดูหนังสือแค่ปก เพราะข้างในหนังสืออาจจะซ่อนเนื้อหาลึกล้ำกว่าที่คิดดั่งวงจร Redstone ก็เป็นได้~ ♪