ฉายกันไปแล้วเป็นเรียบร้อยแล้ว 3 ตอน สำหรับอนิเม NieR Automata Ver 1.1a อนิเมดัดแปลงจากเกมชื่อดัง NieR Automata เมื่อปี 2017 ตัวเกมประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในด้านยอดขายและคำวิจารณ์ในแง่บวก ในส่วนของสตูดิโอการสร้างได้ A1-Project ที่มีผลงานเด่นอย่าง ซีรีส์ Sword Art Online, Evangelion: 3.0+1.01 และ Lycoris Recoil มาอำนวยการสร้าง ได้คุณ Masuyama Ryouji (ผลงาน Tengen Toppa Gurren Lagann) มาเป็นผู้กำกับ แน่นอนว่างานนี้คุณ Yoko Taro ผู้ให้กำเนิดจักรวาล NieR ยังมานั่งแท่นช่วยดูแลบทภาพยนตร์ด้วย
เวอร์ชันอนิเมจะเหมือนกับในเกมไหม?
ซึ่งทางคุณ Masuyama ผู้กำกับได้เคยบอกเอาไว้ว่า “ต้องการคงความเป็นต้นฉบับของ NieR Automtata เอาไว้” แต่ด้วยเนื้อหาของเกมที่มีฉากจบหลายรูปแบบนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งคุณ Yoko Taro ยังมองว่าการยกเนื้อหาจากเกมมาทั้งดุ้นนั้นจะทำให้อนิเมออกมาน่าเบื่อ นั่นหมายความว่า อนิเมชันเรื่องนี้จะมีเนื้อหาแตกต่างออกไปจากตัวเกมอย่างแน่นอน แต่จะยังคงเรื่องราวโครงสร้างหลักเอาไว้เหมือนเดิม งานนี้รอดูกันได้เลยว่า อนิเมจะจบแบบปวดตับปวดใจได้เท่าเวอร์ชันเกมหรือไม่!?
เกริ่นนำเนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของ NieR Automata จะเป็นเรื่อราวที่เกิดขึ้นต่อจากเกม NieR Repticant หลังจากโปรเจกต์ Gestalt ล้มเหลวไปแล้ว ในปี ค.ศ. 5012 เอเลี่ยนได้ปรากฏตัวขึ้นและส่ง Machine Lifeform มารุกรานโลกมนุษย์อีกครั้ง ทำให้มนุษย์ต้องอพยพไปอยู่บนดวงจันทร์ และก่อตั้งสภามนุษชาติขึ้นเพื่อพัฒนาและส่งเหล่าหุ่นแอนดรอยสุดล้ำลงมาต่อกรกับเหล่าเอเลี่ยน ซึ่งต่อสู้กันมาอย่างยาวนานนับหลายพันปี
จนกระทั่งปี ค.ศ. 11945 เหล่า Machine Lifeform ได้เกิดการวิวัฒนาการสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและการต่อสู้เพื่อมนุษยชาติก็ยังไม่จบลงง่ายๆ ทางสภาจึงได้ส่งหน่วย YoRha ลงมาปฏิบัติการบนโลกอีกครั้ง ซึ่งก็คือเรื่องราวหลักที่เกิดขึ้นในเกมและอนิเมนั่นเอง
รีวิวอนิเม NieR Automata Ver 1.1a
เริ่มมาตอนแรกจะเป็นการปูเนื้อเรื่องและแนะนำให้เราได้รู้จักกับตัวละครเอกทั้งสอง แอนดรอยสังกัด YoRha “2B” และ “9S” ได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจบนโลก ก่อนจะพบเจอกับเรื่องราวเหตุประหลาดและปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในตอนต่อๆ ไป
ตัวอนิเมก๊อปภาพมาตามฉบับในเกมทุกช็อตแบบโคตรเป๊ะ เคารพต้นฉบับสุดๆ จนแฟนเกมต้องปลื้มปริ่ม มีการนำเอา CG มาช่วยเหลือด้านงานภาพบ้าง ซึ่งเอาตรงๆ แล้วก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่หวังเท่าไหร่นัก ทำให้คุณภาพของงานภาพบางส่วนดรอปไประดับหนึ่ง แต่ในส่วนของเรื่องฉากแอคชันล้วนทำออกมาได้ดี ลื่นไหลตามแบบฉบับมาตรฐาน A1-Project
และนอกจากคงความเป็น NieR Automata เอาไว้แล้ว ยังมี Easter Eggs มากมายจากเกมภาคก่อนหน้าในจักรวาลเดียวกันอย่าง “Drag on Dragoon” (Drakengard) และ “NieR Replicant” ซ่อนเอาไว้ในอนิเมอีกเพียบ
ส่วนของเสียงพากย์อันนี้ไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะยังคงใช้ชุดนักพากย์เดิมจากตัวเกมตามมาให้เสียงพากย์ในอนิเมเช่นกัน และเรายังได้เห็นการแสดงอารมณ์ของ 2B และ 9S มากขึ้นผ่านอนิเมชัน ซึ่งทำให้เราอยากรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองต่อไปในอนาคต อีกสิ่งหนึ่งที่แฟนเกมจะต้องชอบมาก ก็คือ เพลงประกอบ ซึ่งตัวอนิเมก็ได้ใช้เพลงประกอบจากเกมโดยตรงทุกเพลง ทำให้สามารถอินไปกับเรื่องราวได้แบบลงตัวสุดๆ บอกเลยว่าหน้าใหม่เพิ่งมาติดตามก็น่าจะชอบกันไม่ใช่น้อย ส่วนเพลงเปิด OP ได้นักร้องเสียงเอกลักษณ์อัดแน่นคุณภาพ Aimer มาขับร้องให้ในชื่อ “Escalate” และเพลงปิด ED โดยวง Amazarashi ในชื่อ “Antinomy” งานนี้การันตีความไพเราะทั้งเพลงประกอบเปิดปิดและเพลงบรรเลงในอนิเมเลยล่ะ!
และด้วยต้นฉบับตัวเกมมีฉากจบมากถึง 26 แบบแตกต่างกันออกไป ทำให้อนิเมมีการดัดแปลงและปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม แถมฉากจบหลายแบบ ยังไปปรากฏให้ชมกันแบบขำๆ ในช่วงท้ายของอนิเมที่เป็นละครหุ่นเชิดอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เราผู้เขียนมองว่าเป็นไอเดียที่แจ่มมาก เพราะแฟนเกมเองก็ได้สัมผัสฉากจบที่เคยผ่านมาแล้วอีกครั้ง และผู้ชมที่ไม่ได้เล่นเกมมาก็มีโอกาสได้รู้ถึงฉากจบอื่นในเกมด้วย แถมละครหุ่นเชิดยังทำออกมาได้โคตรฮา 2B และ 9S ตบมุกโบ๊ะบ๊ะหน้าตายน่ารักสุดๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ช่างเป็นการประชดประชัน ที่แฟนเกมอย่างเราเห็นแล้วมันก็แอบเจ็บปวดในใจซะเหลือเกิน
สามารถดูได้ที่ไหน
NieR Automata Ver 1.1a สามารถหาดูซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ ผ่านทางเว็บไซต์ BiliBili ได้เลย
สรุป
สำหรับ NieR Automata ฉบับนี้เป็นอนิเมดัดแปลงมาจากเกมในชื่อคล้ายๆ กัน ใน 3 ตอนแรกยังไม่ทำให้แฟนเกมหรือฐานคนดูใหม่รู้สึกผิดหวังมากนัก ถ้าจะมีจุดน่าเสียดายก็คือ CG ที่แข็งกระด้างจนงานภาพดรอปลงไป แต่ก็ทดแทนด้วยส่วนอื่นๆ เช่น เนื้อเรื่องน่าติดตาม ฉากแอคชันลื่นไหล อารมณ์ความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงอารมณ์สีหน้าได้มากกว่าภายในเกม และ Easter Eggs แอบซ่อนเอาไว้ ทำให้อนิเมเรื่องนี้ดูสนุกได้ทั้งแฟนเกมและหน้าใหม่ที่อยากติดตามเรื่องราวจักรวาล NieR